Categories
ECONOMY SOCIETY & POLITICS

น้ำท่วมคลี่คลาย เหลือ 5 จังหวัด พร้อมเตรียมพื้นที่เกษตร

ศปช.รายงานสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย เหลือเพียง 5 จังหวัด

สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลงในหลายพื้นที่

ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปช.) เปิดเผยว่าน้ำท่วมในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายลง เหลือเพียง 5 จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมหนักอยู่ในขณะนี้

พื้นที่ที่ยังคงประสบปัญหาน้ำท่วม

จากข้อมูลล่าสุด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รายงานว่าสถานการณ์น้ำท่วมจากฝนตกหนักช่วง 16 สิงหาคม – 17 ตุลาคม 2567 ยังคงมีน้ำท่วมในจังหวัดลำพูน พิษณุโลก สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรและลุ่มน้ำสำคัญ

การระบายน้ำทุ่งบางระกำเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตร

ศปช. ยืนยันว่า การระบายน้ำในทุ่งบางระกำกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพื้นที่เกษตรให้พร้อมสำหรับการเพาะปลูกในฤดูถัดไป กรมชลประทานได้ดำเนินการหน่วงน้ำไว้ในทุ่งบางระกำถึง 400 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยพื้นที่รองรับน้ำถึง 265,000 ไร่ และปัจจุบันยังเหลือพื้นที่รับน้ำอยู่ที่ 163,073 ไร่ หรือร้อยละ 61 ของพื้นที่ทั้งหมด

การกำจัดขยะในจังหวัดเชียงราย

การกำจัดขยะในพื้นที่เชียงรายมีความคืบหน้า โดยในอำเภอเมือง ขยะที่ตกค้างจากน้ำท่วมประมาณ 70,000 ตัน ได้รับการเก็บขนดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ในอำเภอแม่สาย ขยะตกค้าง 6,000 ตัน ก็ได้ถูกเก็บขนเรียบร้อยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีขยะที่ฝังโคลนอยู่ในชุมชนเหมืองแดง ถ้ำผาจม และหมู่บ้านปิยะพร ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการฟื้นฟู และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 21 ตุลาคมนี้

การเข้ามาช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศปช.ส่วนหน้า กล่าวว่าการบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยาทำได้ดีในปีนี้ โดยเฉพาะการหน่วงน้ำในทุ่งบางระกำที่ช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนและเศรษฐกิจสำคัญ

นอกจากนี้ นายจิรายุ ยังกล่าวถึงการติดตามและเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มจากฝนที่ตกหนักในช่วงวันที่ 17-18 ตุลาคม 2567 โดยกรมทรัพยากรธรณีได้ออกประกาศแจ้งเตือน 6 จังหวัด ได้แก่ ตราด จันทบุรี นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และน่าน พร้อมทั้งเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดสถานการณ์

การฟื้นฟูพื้นที่และการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ

ศปช.ส่วนหน้าได้ลงพื้นที่ติดต่อกับประชาชนในบ้านสามกุลา บ้านแม่ปูนหลวง และบ้านหินลาดในอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวังกาญจนบุรี เพื่อประเมินความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก นายจิรายุกล่าวว่ามีความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่อย่างมาก โดยบ้านเรือนหลายหลังได้รับการซ่อมแซมจนเสร็จสิ้นแล้ว

ในอำเภอแม่สาย ศปช. ติดตามความคืบหน้าการฟื้นฟูโรงเรียนชุมชนบ้านไม้ลุงขนมิตรภาพที่ 169 ซึ่งมีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันฟื้นฟู โดยจะมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ในวันที่ 21-22 ตุลาคม เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ต่อไป

กำลังใจและการสนับสนุนจากศปช.

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กล่าวว่า “ต้องขอบคุณพี่น้องชาวเกษตรกรในลุ่มบางระกำและทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำ ทำให้ปีนี้สามารถลดผลกระทบจากน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ศปช. ยังคงมุ่งมั่นในการให้ความช่วยเหลือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและกลับมามีชีวิตที่ปกติโดยเร็ว

การเตรียมพร้อมสำหรับฤดูหน้า

ในช่วงที่น้ำกำลังลดลง ศปช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเตรียมพื้นที่สำหรับฤดูเก็บเกี่ยวในปีหน้า เพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้อย่างต่อเนื่อง และลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติในอนาคต

การร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การฟื้นฟูและการจัดการน้ำท่วมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นายจิรายุจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนร่วมมือกันรักษาความสะอาดและช่วยกันฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม เพื่อสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืนในอนาคต

สรุปสถานการณ์และความคืบหน้า

ศปช. รายงานว่าน้ำท่วมในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายลง เหลือเพียง 5 จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมหนัก ศปช. ยังคงเฝ้าติดตามและให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมามีชีวิตที่ปกติได้ในเร็ววัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สงกรานต์! 2 วัน จ.เชียงราย มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 3 ราย

 
เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2567 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 12เม.ย.67 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการรณรงค์ “ขับขี่อย่างปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 307 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 299 คน ผู้เสียชีวิต 38 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 41.37 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 21.17 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 20.20 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.91 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 86.32 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.07 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 25.73 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16.01 – 17.00 น. และเวลา 19.01 – 20.00 น. ร้อยละ 7.49 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปีร้อยละ 18.69 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,762 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,496 คน
 
 

โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ พะเยา (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์และพะเยา (14 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด และเชียงราย (3 ราย)

 

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (11 – 12 เม.ย. 67) เกิดอุบัติเหตุ รวม 541 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ รวม 550 คน ผู้เสียชีวิต รวม 63 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 42 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ เชียงราย และประจวบคีรีขันธ์ (21 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราชและสงขลา (22 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ด (5 ราย)

 

รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นวันมหาสงกรานต์และเป็นวันปีใหม่ของคนไทย ประชาชนจำนวนมากจะเดินทางไปทำบุญและสรงน้ำพระ รวมถึงเล่นน้ำสงกรานต์ ทำให้ถนนสายหลายมีปริมาณจราจรหนาแน่น ศปถ. ได้ประสานจังหวัดคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติทางถนนผ่านกลไกในพื้นที่ โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและอาสาสมัคร เฝ้าระวังจุดเสี่ยงบริเวณถนนทางหลวง เส้นทางสายรอง ถนน อบต. หมู่บ้าน พร้อมเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรรมเสี่ยงอุบัติเหตุและผู้กระทำความผิดซ้ำตามกฎหมายจราจรทางบก รวมถึงดูแลการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี และการจำหน่ายในลักษณะเร่ขายในบริเวณที่มีการพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ (Zoning) และสถานที่ท่องเที่ยว อีกทั้งควบคุมสถานบริการให้เปิด – ปิด ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด สำหรับจังหวัดที่มีการสัญจรทางน้ำและแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำให้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลความปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์ตามขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย

 

ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี และเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประสานจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ปฏิบัติการเข้มข้นในจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง พร้อมดูแลความปลอดภัยในการเล่นน้ำของประชาชนไม่ให้มีการเล่นน้ำบริเวณเส้นทางเสี่ยงอุบัติเหตุในเส้นทางสายหลักและสายรอง

 

รวมถึงควบคุมไม่ให้เล่นน้ำในลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตราย อีกทั้งคุมเข้มการจัดตั้งจุดตรวจบริเวณเส้นทางโดยรอบพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังจากประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์ เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น และความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุ และส่งต่อผู้ประสบอุบัติเหตุได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนสืบสานประเพณีสงกรานต์ตามประเพณีวิถีไทยบนพื้นฐาน ของความปลอดภัย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News