Categories
ENVIRONMENT

UNDP เผย 3 แนวทางรับมือภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงในอ่าวไทย

โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาตินำเสนอแนวทางการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศสำหรับอ่าวไทย

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (DCCE) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (DMCR) ได้เปิดเผย 3 แนวทางสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถของประเทศไทยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นการปรับตัวและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ชายฝั่งของอ่าวไทย โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการวางแผนและบูรณาการมาตรการปรับตัวด้านภูมิอากาศ

แนวทางที่นำเสนอมีดังนี้:

  1. แพลตฟอร์มการคาดการณ์ความเสี่ยงทางภูมิอากาศ
    แพลตฟอร์มนี้พัฒนาโดยโครงการ “Thailand Adaptation Platform” ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของ DCCE โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวนำเสนอข้อมูลการคาดการณ์ความเสี่ยง การประเมินความเปราะบาง และคู่มือการวางแผนการปรับตัวต่อภูมิอากาศ เพื่อให้ผู้นำในระดับท้องถิ่นสามารถวางแผนพัฒนาพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

  2. มาตรการปรับตัวในพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่ง
    มาตรการนี้นำเสนอการแก้ปัญหาทางธรรมชาติ เช่น การสร้างธนาคารทรัพยากรทางทะเล การสร้างรั้วกันทรายเพื่อลดการกัดเซาะชายฝั่ง และการปลูกป่าชายเลน ซึ่งได้ทดสอบใน 4 จังหวัด ได้แก่ ระยอง เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา

  3. กลยุทธ์การเงินเพื่อสนับสนุนการปรับตัว
    โครงการนี้ได้พัฒนากลยุทธ์การเงินเพื่อนำเสนอสู่ภาครัฐและเอกชน เน้นการลงทุนเพื่อสร้างความยืดหยุ่นในพื้นที่ชายฝั่งและทะเล

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล
พื้นที่ชายฝั่งทะเลของไทยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง เช่น การสูญเสียแนวปะการัง 74.8 ตารางกิโลเมตร ทุ่งหญ้าทะเล 150 ตารางกิโลเมตร และป่าชายเลน 2,502 ตารางกิโลเมตร โครงการนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูระบบนิเวศและการลดความเปราะบางในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

บทสรุป
โครงการนี้จะช่วยเสริมสร้างความสามารถของประเทศไทยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว และจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถวางแผนพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ชายฝั่งต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สื่อสารองค์กร โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
ENVIRONMENT

6 จุดหมายของประเทศไทย ติดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับข่าวดีเมื่อหกจุดหมายปลายทางในประเทศไทยได้รับการยอมรับในรายชื่อ Green Destinations Top 100 ประจำปี 2024 ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รายชื่อดังกล่าวถูกเสนอโดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (DASTA) โดยเน้นถึงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดจากหลากหลายภูมิภาคทั่วประเทศ

จุดหมายปลายทางที่ได้รับการยอมรับ

จังหวัดเชียงคานและเมืองสงขลาได้รับการยอมรับในหมวดหมู่ “Thriving Communities” สำหรับการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างสรรค์และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เมืองโบราณอู่ทองได้รับการยกย่องในหมวดหมู่ “Destination Management” สำหรับการจัดการจุดหมายปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่เวียงภูเพียงแช่แห้งได้รับการยกย่องในหมวด “Culture and Tradition” สำหรับการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมท้องถิ่น

สำหรับหัวหินและอุทัยธานี หัวหินได้รับการยกย่องในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศในหมวด “Environment and Climate” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของเทศบาลในการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ขณะที่อุทัยธานีได้รับการยอมรับในด้านการรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเทศบาลของทั้งสองเมืองมีส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม

คำกล่าวของผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ DASTA เทศบาลเมืองหัวหิน เทศบาลเมืองอุทัยธานี และประชาชนในทั้งหกจุดหมายปลายทางที่ได้รับการยอมรับในด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำว่า “การได้รับการยอมรับในครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ TAT ในการมุ่งเน้นประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน”

โครงการที่ได้รับการยกย่อง

ในปีนี้เรื่องราวดี ๆ ของการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านหลายลิงก์ ได้แก่

  • เชียงคาน: การจัดการผลกระทบจากการท่องเที่ยวด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม (Managing Tourism Impact through Participatory Processes)
  • หัวหิน: เส้นทางสู่การเป็นเมืองไร้ขยะ (The Journey to Becoming a Garbage-Free City)
  • เมืองสงขลา: การฟื้นฟูเมืองเก่าสงขลาโดยชุมชน (Songkhla Old Town Revival: A Community-Driven Transformation)
  • เมืองโบราณอู่ทอง: การฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านสังคมพลเมือง (U Thong’s Heritage Revival: Committed to Sustainable Development through Civil Society)
  • อุทัยธานี: การอนุรักษ์ความภาคภูมิใจของเรา: ชุมชนแพสุดท้ายในประเทศไทย (Preserving Our Pride: The Last Raft House Community in the Country)
  • เวียงภูเพียงแช่แห้ง: ร่วมกันสู้เพื่อฟื้นฟูงานประเพณีหกเป็ง นมัสการพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง (Together We Rise: The Transformation of the Hok Peng Festival)

จุดหมายปลายทางเหล่านี้เข้าร่วมกับเรื่องราวที่โดดเด่นอีก 10 เรื่องจากประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับใน Green Destinations Top 100 Stories ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2023 โดยมีสองเรื่องเด่น ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงชุมชนของห้วยปูเก่ง และความพยายามในการลดคาร์บอนของเกาะหมาก ซึ่งได้รับรางวัล Green Destinations Story Awards ที่งาน ITB Berlin 2023 นอกจากนี้ เชียงคานยังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะจุดหมายแรกของอาเซียนที่ได้รับรางวัล Silver ใน Green Destinations Award ที่ ITB Berlin 2024

พิธีการประกาศรายชื่อ Green Destinations Top 100 ปี 2024

Green Destinations ได้ประกาศรายชื่อเรื่องราวที่ดีที่สุดใน Green Destinations Top 100 ประจำปี 2024 ในงานประชุมระดับโลก Green Destinations 2024 Global Conference ที่จัดขึ้นในชิลี ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2567 โดยปีนี้มีเรื่องราวดี ๆ จาก 32 ประเทศทั่วโลก

บทสรุป

การยอมรับใน Green Destinations Top 100 ปี 2024 ของหกจุดหมายปลายทางในประเทศไทยเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการพัฒนาชุมชนด้วยการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ ทั้งนี้เป็นการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางที่ยั่งยืนและสร้างความทรงจำให้กับนักท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News