Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สปสช. แจ้งความคลินิกเชียงราย เบิกจ่ายเท็จ เสียหาย 1.8 ล้านบาท

สปสช. แจ้งความคลินิกเชียงราย เบิกจ่ายเท็จ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.8 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. ได้เดินทางไปที่ สภ.บ้านดู่ จังหวัดเชียงราย เพื่อแจ้งความกรณีคลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ได้กระทำการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์เป็นเท็จ

พบความผิดปกติหลายกรณี

ทพ.อรรถพร เปิดเผยว่า หลัง สปสช. ได้รับเรื่องร้องเรียน ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบและพบหลักฐานการกระทำผิด 3 กรณี ได้แก่

กรณีที่ 1 คลินิกที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ได้แจ้งเรื่องร้องเรียนมาที่ สปสช. เนื่องจากมีผู้ป่วยเข้ารับบริการที่คลินิก แต่ยืนยันตัวตน (Authen) การเข้ารับบริการในระบบไม่ได้ เนื่องจากในเวลาเดียวกันมีคลินิกอีกแห่งหนึ่งที่ สปสช. ได้เข้าแจ้งความในวันนี้ ทำการยืนยันตัวตนรับบริการไปแล้ว ทั้งที่ผู้ป่วยไม่ได้รับบริการแต่อย่างใด 

 

กรณีที่ 2 สปสช. ได้รับการแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านกลุ่มไลน์ กรณีการให้บริการของคลินิกดังกล่าวที่มีจำนวนมากผิดปกติ และไม่น่าเชื่อถือ โดยมีทั้งการส่งต่อผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่เจ้าของคลินิกฯ ปฏิบัติงานประจำอยู่ให้กับคลินิกตนเองเพื่อให้บริการจำนวนมาก ทั้งยังมีการให้บริการที่บ้านทุกวัน บางวันมีมีจำนวนมากกว่า 10 ราย โดยแต่ละครั้งบริการที่บ้านจะไม่เกิน 10 นาที ใช้วิธีถ่ายรูปกับผู้ป่วย บันทึกข้อมูลในไอแพดที่มีรายละเอียดไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ ไม่มีลายเซ็นชื่อผู้รับบริการ ซึ่งเจ้าของคลินิกชี้แจงว่า ไม่ได้จัดทำเอกสารแบบสมบูรณ์ จะจัดทำเฉพาะรายที่ สปสช. เรียกตรวจสอบของแต่ละปีงบประมาณนั้น ๆ เท่านั้น

 

และกรณีที่ 3 เป็นข้อมูลจากการร้องเรียนผ่านเพจ Facebook ข่าวสารเวียงป่าเป้า ที่ข้อความระบุว่า มีคลินิกทำการรวบรวมเก็บบัตรประชาชนผู้รับบริการแลกเป็นนม แชมพู และยาสีฟัน ฯลฯ เพื่อนำมาเบิกชดเชย ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่สภาวิชาชีพ สปสช. กฎหมาย หรือระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกำหนด

จากการตรวจสอบ พบว่า คลินิกดังกล่าวเริ่มให้บริการในระบบบัตรทองตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2566 และมีการเบิกจ่ายกองทุนบัตรทองเป็นมูลค่ารวม 1,843,460 บาท ทำให้ สปสช. ได้รับความเสียหาย

สาธารณสุขเชียงรายเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

ด้าน นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานดังกล่าว ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องจาก สปสช.

นายแพทย์วัชรพงษ์ ย้ำว่า หากพบเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรในสังกัดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะดำเนินการทั้งทางกฎหมายและทางวินัยอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน

สปสช. เตรียมขยายการตรวจสอบทั่วประเทศ

ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังการแจ้งความดำเนินคดีกับคลินิกแห่งนี้ สปสช. จะขยายการตรวจสอบไปยังคลินิกอื่นๆ ในระบบที่มีการเบิกจ่ายผิดปกติ เพื่อให้ระบบบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ยังคงโปร่งใสและเชื่อถือได้

ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสเพื่อยกระดับระบบสุขภาพ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เชิญชวนประชาชนที่พบเห็นหรือสงสัยกรณีทุจริต หรือมีปัญหาในการรับบริการด้านสาธารณสุข แจ้งข้อมูลหรือร้องเรียนผ่านทุกช่องทาง เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพให้มีคุณภาพ โปร่งใส และเป็นที่เชื่อถือได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ทักษิณชูการเมืองท้องถิ่นฟื้นเศรษฐกิจเชียงราย ดึงพลังเพื่อไทยสู้ปี 2568

นายทักษิณปราศรัยเชียงราย ย้ำความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น ฟื้นเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชาชน

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ปราศรัยช่วยหาเสียงในจังหวัดเชียงราย โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเต็มไปด้วยผู้สนับสนุนที่สวมใส่เสื้อแดง ร่วมแสดงความยินดีและฟังการปราศรัยอย่างคึกคัก

เวทีปราศรัยแน่น 3 จุด

นายทักษิณขึ้นปราศรัยที่โรงเรียนปล้องวิทยาคม อำเภอเทิง, โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม อำเภอเชียงของ และโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน โดยมีประชาชนจากหลายพื้นที่มาร่วมรับฟังนับหมื่นคน นายทักษิณกล่าวถึงเหตุผลที่มาช่วยหาเสียงครั้งนี้ว่า ตนคิดถึงประชาชนชาวเชียงรายหลังไม่ได้พบปะกันกว่า 20 ปี อีกทั้งยังต้องการสนับสนุนนายยงยุทธ ติยะไพรัช น้องรักที่ร่วมสร้างพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ต้น และเพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของตน เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค

ย้ำการเมืองท้องถิ่นสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายทักษิณกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมองว่าการเมืองท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้มี ส.ส. มากกว่า 200 คนเหมือนในอดีต และระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ชนบทจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูโดยด่วน พร้อมระบุว่า หากเศรษฐกิจในต่างจังหวัดฟื้นตัว กรุงเทพฯ จะได้รับผลดีไปด้วย

นอกจากนี้ นายทักษิณยังเผยว่า เศรษฐกิจในปัจจุบันทรุดหนัก แต่เขามั่นใจว่าสามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาไม่นาน หากมีการบริหารจัดการที่ดี เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และกระตุ้นเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ

ความคาดหวังจากการบริหารรัฐบาลเพื่อไทย

นายทักษิณกล่าวถึงการลดค่าไฟฟ้าให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยภายในปีนี้ รวมถึงการลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย และยารักษาโรคเพื่อช่วยประชาชน นอกจากนี้ยังชี้แจงว่ารัฐบาลเพื่อไทยกำลังเร่งดำเนินการปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการผูกขาดทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ประชาชนขอให้นายทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ

ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย มีประชาชนตะโกนขอให้นายทักษิณกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่เขากล่าวว่า ตนแก่แล้วและขอสนับสนุนลูกสาวแทน พร้อมระบุว่าเคยมีทรัพย์สินมากถึง 60,000 ล้านบาท แต่หลังจากเผชิญปัญหาทางการเมือง ทำให้ทรัพย์สินลดลงจนเทียบเท่าประชาชนในเชียงราย

มุ่งหน้าสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายทักษิณกล่าวถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการพัฒนาคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจใหม่ เช่น การผลักดันคนไทยไปเป็นนางแบบระดับโลก หรือการสนับสนุนบุคลากรที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ผ่านการฝึกฝนและส่งเสริมศักยภาพ

สรุป

นายทักษิณ ชินวัตร แสดงจุดยืนสนับสนุนการเมืองท้องถิ่น พรรคเพื่อไทย และการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกด้าน พร้อมให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาที่สะสมมาหลายปี และสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนไทยทุกคน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / เพจสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

คนไทย 151 คน ได้รับอภัยโทษเมียนมา กลับบ้านอย่างปลอดภัย

คนไทย 151 คน ถูกปล่อยตัวจากเมียนมา กลับไทยพร้อมอภัยโทษในวันชาติเมียนมา

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 คนไทยจำนวน 151 คน ที่ถูกทางการเมียนมาจับกุมตั้งแต่ต้นปี 2567 ตามมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนันออนไลน์ของเมียนมา ได้รับการอภัยโทษและปล่อยตัวกลับประเทศไทยแล้ว โดยเดินทางกลับผ่าน ด่านถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย

การปล่อยตัวเนื่องในวันชาติเมียนมา

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางด้านเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการรับตัวคนไทยจากทางการเมียนมา คนไทยทั้ง 151 คนนี้ แยกเป็นชาย 74 คน และหญิง 77 คน โดยได้รับการอภัยโทษเนื่องในวันชาติเมียนมา ซึ่งตรงกับวันที่ 4 มกราคมของทุกปี

คนไทยกลุ่มดังกล่าวถูกจับกุมในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เมื่อช่วงต้นปี 2567 ในข้อหาเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนันออนไลน์ ซึ่งทางการเมียนมาดำเนินมาตรการปราบปรามอย่างเข้มข้น คนไทยที่ถูกจับกุมรวม 154 คน ในครั้งแรกนั้น มีเยาวชนบางส่วนที่ได้รับการปล่อยตัวก่อนหน้านี้

กระบวนการส่งตัวกลับไทย

เมื่อเวลา 18.30 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2568 คนไทยทั้ง 151 คน ได้เดินทางถึง ด่านถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 โดยมีนายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับและดำเนินการตรวจสอบสถานะบุคคล

กระบวนการหลังส่งตัวประกอบด้วย:

  1. การคัดกรองโรค: เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ตรวจสอบสุขภาพร่างกายและโรคติดต่อ
  2. การประเมินสภาพจิตใจ: เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาและประเมินความเครียดจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
  3. การสอบปากคำเบื้องต้น: หน่วยงานด่านตรวจคนเข้าเมืองและสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ได้สอบถามเพื่อหาข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่

แผนดำเนินการต่อไป

สำหรับคนไทยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวให้กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวและภูมิลำเนาเดิม โดยมีญาติที่มารอรับอยู่ที่ด่านตรวจ ส่วนคนที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดี เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมา

การปล่อยตัวคนไทยในครั้งนี้เป็นผลมาจากการเจรจาและความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและเมียนมา โดยตลอดปี 2567 ทางการไทยได้ประสานงานอย่างต่อเนื่องเพื่อขออภัยโทษและส่งตัวคนไทยกลับบ้าน

เสียงสะท้อนจากผู้เกี่ยวข้อง

คนไทยที่ได้รับการปล่อยตัวและครอบครัวต่างแสดงความดีใจ พร้อมขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้คนไทยได้กลับบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยยืนยันจะติดตามและช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนต่อไป

ข้อสังเกตและการเฝ้าระวัง

เหตุการณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการจัดการปัญหาค้ามนุษย์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในภูมิภาค ทั้งยังเป็นการเตือนภัยแก่ประชาชนให้ระมัดระวังการถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเครือข่ายการพนันออนไลน์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ดราม่าใบกำกับภาษี โรงแรมในเชียงราย นักท่องเที่ยวจี้ถามขอเอกสาร

ดราม่านักท่องเที่ยวขอใบกำกับภาษีไม่ได้ โรงแรมปฏิเสธอ้างเหตุผลจากแพลตฟอร์มจอง

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย เมื่อมีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งโพสต์บน Facebook ถึงความไม่พอใจหลังเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ แต่กลับไม่ได้รับใบกำกับภาษีตามคำขอ ทั้งๆ ที่ค่าที่พักได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เรียบร้อยแล้ว

จุดเริ่มต้นของเรื่อง

ผู้โพสต์เล่าว่า เขาและครอบครัวได้จองที่พักผ่าน Agoda และชำระเงินเป็นที่เรียบร้อย แต่เมื่อร้องขอใบกำกับภาษีจากโรงแรมกลับไม่ได้รับการตอบสนอง โดยพนักงานฟร้อนท์แจ้งว่าการออกใบกำกับภาษีเป็นหน้าที่ของ Agoda ทำให้เกิดการเจรจาระหว่างผู้โพสต์และพนักงานหลายครั้ง ซึ่งใช้เวลาถึงสองวันก่อนที่จะได้รับใบกำกับภาษี

คุณนุ (นามสมมติ) ผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว เปิดเผยกับทีมข่าวว่า “เป็นครั้งแรกที่พักโรงแรมในเชียงรายผ่าน Agoda ก่อนหน้านี้เคยใช้บริการในจังหวัดอื่นและไม่เคยมีปัญหาเรื่องใบกำกับภาษี ทุกครั้งที่ขอได้รับบริการที่รวดเร็วและโปร่งใส”

ข้อสงสัยเรื่องการเลี่ยงภาษี

คุณนุระบุว่า การเจรจากับพนักงานโรงแรมครั้งนี้เต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน “ผมคิดว่าพนักงานไม่มีความรู้ด้านบัญชี และได้รับคำสั่งจากผู้บริหารให้ปฏิเสธลูกค้า หรือไม่ก็โรงแรมมีเจตนาเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน”

ในท้ายที่สุด โรงแรมออกใบกำกับภาษีให้กับคุณนุ หลังการเจรจาที่ยืดเยื้อถึงสองวัน แต่โรงแรมยอมออกใบกำกับภาษีให้ ซึ่งจำนวนเงินที่ระบุในใบกำกับภาษีไม่ตรงกับยอดที่ชำระจริง

การตอบสนองจากผู้เชี่ยวชาญ

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สอบถามเจ้าของโรงแรมในจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า ตามกฎหมาย โรงแรมในประเทศไทยที่จดทะเบียน VAT มีหน้าที่ออกใบกำกับภาษีให้กับลูกค้า โดยยอดเงินในใบกำกับต้องตรงกับยอดที่ลูกค้าจ่ายทั้งหมด แม้จะจ่ายผ่านแพลตฟอร์มตัวแทนเช่น Agoda”

ซึ่งเจ้าของโรงแรมได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ในกรณีการจองผ่าน Agoda โรงแรมจะได้รับเงินค่าที่พักหลังหักค่าคอมมิชชั่นจากแพลตฟอร์ม แต่ยอดเงินที่ต้องออกใบกำกับภาษีคือยอดเต็มที่ลูกค้าชำระ ไม่ใช่ยอดหลังหักค่าคอมมิชชั่น

ปัญหาเชิงระบบที่ใหญ่กว่าตัวบุคคล

โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ต มีผู้มาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก หลายคนแชร์ประสบการณ์คล้ายกันที่เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น และกรุงเทพฯ โดยชี้ว่าเป็นปัญหาเชิงระบบเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีของธุรกิจโรงแรม

ปฏิกิริยาจากชาวเน็ตและผู้เชี่ยวชาญ

โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก หลายคนแชร์ประสบการณ์ในลักษณะเดียวกันในหลายจังหวัด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีได้ออกมาให้ข้อมูลว่า โรงแรมที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในไทย มีหน้าที่ออกใบกำกับภาษีตามกฎหมาย โดยยอดเงินในใบกำกับภาษีต้องตรงกับยอดที่ลูกค้าจ่าย

ทางเพจ TaxBugnoms ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โรงแรมที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทยมีหน้าที่โดยตรงในการออกใบกำกับภาษีให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการจองผ่านแพลตฟอร์มหรือการจองโดยตรง เนื่องจากรายได้จากค่าที่พักเป็นของโรงแรมโดยตรง การอ้างว่าแพลตฟอร์ม OTA (Online Travel Agency) เช่น Agoda ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการออกใบกำกับภาษีนั้นไม่ถูกต้อง

ความสำคัญของใบกำกับภาษี

ใบกำกับภาษีเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการแสดงรายละเอียดการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการขอคืนภาษีหรือใช้เป็นเอกสารประกอบการยื่นภาษี นักท่องเที่ยวที่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือองค์กรที่จดทะเบียน VAT สามารถใช้ใบกำกับภาษีเพื่อลดภาระภาษีได้

 

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการออกใบกำกับภาษีในกรณีนี้

  1. หน้าที่ของโรงแรม: Agoda เป็นเพียงตัวแทนจองที่พัก ไม่ใช่ผู้ให้บริการโดยตรง ดังนั้นการออกใบกำกับภาษีเป็นหน้าที่ของโรงแรม
  2. การชำระ VAT: โรงแรมต้องทำ ภ.พ.36 ซึ่งเป็นการยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีซื้อสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศ โดยยอดที่ต้องยื่นภาษีคือยอดเต็มตามราคาที่ลูกค้าจ่าย

กระแสตอบรับจากชาวเน็ต

โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจในวงกว้าง ชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น บางรายแชร์ประสบการณ์ที่เคยประสบปัญหาในลักษณะเดียวกันในหลายพื้นที่ เช่น เชียงใหม่และขอนแก่น พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างกรมสรรพากร ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง

มาตรการแก้ไขปัญหา

กรณีดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาในเชิงระบบของการให้บริการในโรงแรม และเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีการอบรมพนักงานในด้านกฎหมายภาษี รวมถึงการจัดการบัญชีอย่างโปร่งใส นอกจากนี้ กรมสรรพากรควรมีมาตรการตรวจสอบและลงโทษโรงแรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

บทสรุป

กรณีการปฏิเสธออกใบกำกับภาษีของโรงแรมในเชียงรายถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย การปฏิบัติตามกฎหมายและการให้บริการที่โปร่งใสคือกุญแจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและส่งเสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียเหตุเครื่องบินไถลรันเวย์ที่เกาหลี

ผู้ว่าฯ เชียงรายเยี่ยมครอบครัวน้องเหมย เหยื่อเหตุเครื่องบินไถลรันเวย์ในเกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และคณะทำงานจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย (พมจ.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย (สสจ.) ได้เดินทางไปยังบ้านห้วยน้ำขุ่น หมู่ที่ 16 ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมเยือนและให้กำลังใจครอบครัวของนางสาวสิริธร จะอื่อ หรือ “น้องเหมย” อายุ 22 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์ที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567

เยี่ยมครอบครัวด้วยความห่วงใย

เมื่อเดินทางถึงบ้านของน้องเหมย นายชรินทร์ และคณะได้รับการต้อนรับจากนายดีมา ดำรงชัยวิชิต ผู้ใหญ่บ้านห้วยน้ำขุ่น พร้อมผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ขณะเดียวกันตาและยายของน้องเหมย ได้แก่ นายจะหวัด จะอื่อ อายุ 75 ปี และนางนาโม จะอื่อ อายุ 70 ปี ยังคงอยู่ในอาการเศร้าโศกอย่างหนัก

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัว พร้อมสอบถามความคืบหน้าในการค้นหาและพิสูจน์อัตลักษณ์ศพของน้องเหมยผ่านวิดีโอคอลกับญาติที่อยู่ในเกาหลีใต้ โดยแจ้งว่าศพของน้องเหมยถูกพบแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการพิสูจน์ตัวตนร่วมกับศพอื่น ๆ อีก 5 ราย

แผนการจัดพิธีศพ

จากการพูดคุยกับครอบครัว ทราบว่ามารดาของน้องเหมยต้องการจัดพิธีศพที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากอาศัยอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตาม หลังพิธีที่เกาหลีใต้ ครอบครัวมีแผนจะกลับมาทำบุญให้น้องเหมยที่บ้านห้วยน้ำขุ่นอีกครั้ง เพื่อให้ญาติและชุมชนได้ร่วมไว้อาลัย

การช่วยเหลือครอบครัวเบื้องต้น

นอกจากแสดงความเสียใจ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและคณะยังมอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย จำนวน 9,000 บาท รวมถึงเงินช่วยเหลือ 3,000 บาทจาก พมจ.เชียงราย ที่ได้มอบไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ครอบครัวของน้องเหมยยังมีน้องชายสองคน ซึ่งกำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและมัธยมศึกษา ทางจังหวัดเชียงรายวางแผนประสานงานเพื่อขอทุนการศึกษาสำหรับน้องชายของน้องเหมย เพื่อสนับสนุนโอกาสทางการศึกษา

ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในอนาคต

นายชรินทร์กล่าวว่า หากครอบครัวมีปัญหาหรือความต้องการใด ๆ ที่เกินกว่าความสามารถของหน่วยงานในจังหวัด ทางจังหวัดพร้อมประสานไปยังหน่วยงานระดับสูงหรือรัฐบาล เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่

จบด้วยความห่วงใย

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแสดงถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของน้องเหมย แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนครอบครัวผู้ประสบเหตุ เพื่อให้พวกเขาสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความสูญเสียและดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เริ่มการเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย 2 ผู้สมัครเด่นชิงชัย

บรรยากาศวันแรก เปิดรับสมัครเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบจ. เชียงราย คึกคัก ผู้สมัครเด่นสองรายลุยชิงชัย

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดเชียงราย ได้เปิดรับสมัครผู้สมัครนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เป็นวันแรก ณ อาคารคชสาร สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักจากกองเชียร์และผู้สนับสนุนที่เดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัครทั้งสองฝ่าย โดยจะเปิดรับสมัครถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2567 และกำหนดจัดการเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในวันแรก โดยพบว่าผู้สมัครนายก อบจ. ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ. เชียงราย ซึ่งลงสมัครในนามอิสระ และ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งสองคนเดินทางมาถึงสถานที่สมัครตั้งแต่เช้าพร้อมกองเชียร์จำนวนมาก

การเมืองท้องถิ่น: โอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลง

พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าใช้การเลือกตั้ง อบจ. เชียงรายเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพและเชื่อมโยงนโยบายระดับชาติสู่ท้องถิ่น พร้อมผลักดันนโยบาย “พลิกโฉมเชียงราย” เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ และเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งครั้งนี้

การแข่งขันระหว่างนางสลักจฤฎดิ์และนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ในนามผู้สมัครอิสระ จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญถึงทิศทางการเมืองในเชียงราย และอาจส่งผลต่อการเมืองระดับชาติในอนาคต

ผลการจับสลากลำดับผู้สมัคร

จากการจับสลากเพื่อตัดสินลำดับหมายเลขผู้สมัคร ผลปรากฏว่า นางอทิตาธร ได้หมายเลข 1 และนางสลักจฤฎดิ์ ได้หมายเลข 2 โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานจากเสียงเชียร์ของกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย

นโยบายเด่นของผู้สมัครนายก อบจ.

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ เน้นการพัฒนาที่ตอบโจทย์ประชาชนในทุกด้าน โดยมีนโยบายสำคัญ เช่น

  • กระจายเครื่องจักรกลการเกษตร: พัฒนาแหล่งน้ำ เส้นทาง และการป้องกันสาธารณภัย
  • ส่งเสริมอาชีพและรายได้: สร้างนักขายออนไลน์ “อยู่ที่ไหนก็ขายได้” จากสวนถึงผู้บริโภค
  • ส่งเสริมการศึกษา: “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้” เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ทั่วจังหวัด
  • สุขภาพดีใกล้บ้าน: โครงการโฮงยาใกล้บ้าน PLUS พบหมอออนไลน์และระบบการรักษาพยาบาลทางไกล
  • การท่องเที่ยวครบทุกอำเภอ: พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวพร้อมจัดมหกรรมไม้ดอกและกิจกรรมตลอดปี

นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ชูนโยบาย “พลิกโฉมเชียงราย” 5 ข้อสำคัญ ได้แก่

  1. TONY Brand: ผลักดันสินค้าเชียงรายสู่แบรนด์ระดับโลก พร้อมเทศกาลนานาชาติ
  2. ศูนย์โดรนการเกษตร: จัดตั้งศูนย์โดรนในทุกตำบล เพื่อลดต้นทุนและแก้ปัญหาไฟป่า
  3. ศูนย์บาดาลการเกษตร: เพิ่มแหล่งน้ำให้เพียงพอและประหยัดพลังงาน
  4. ถนนเศรษฐกิจวัฒนธรรม: พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชุมชนรอบสถานีรถไฟ 18 แห่ง พร้อม EV Cars เชื่อมโยงสถานีสำคัญ
  5. Homestay Agrotourism: พัฒนาทุ่งนาสนามกอล์ฟและสร้างโฮมสเตย์ในทุกตำบล

การเลือกตั้งครั้งนี้ท้าทายฐานเสียงเดิม

การเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างอดีตนายก อบจ. เชียงราย ทั้งสองฝ่าย โดยนางอทิตาธร มีฐานเสียงที่แข็งแกร่งในหลายอำเภอ และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ขณะที่นางสลักจฤฎดิ์ ได้รับแรงสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย และมีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาเชียงรายในทุกมิติ

การปราศรัยใหญ่จากผู้นำพรรคเพื่อไทย

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางมาปราศรัยสนับสนุนนางสลักจฤฎดิ์ ในวันที่ 5 มกราคม 2568 ที่อำเภอเทิงและอำเภอเชียงของ ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดผู้สนับสนุนจำนวนมากเข้าร่วม

สรุปภาพรวมวันแรก

บรรยากาศวันแรกเต็มไปด้วยสีสันและความคึกคักจากผู้สมัครและกองเชียร์ การเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย ครั้งนี้นอกจากจะเป็นเวทีสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นแล้ว ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญในพื้นที่ ซึ่งผลลัพธ์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 จะเป็นบทพิสูจน์ถึงความนิยมและนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

พรรคเพื่อไทยเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ. เชียงรายชู 5 นโยบายหลัก

พรรคเพื่อไทยเชียงรายเปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ. ทั้ง 36 เขต

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 พรรคเพื่อไทยจังหวัดเชียงรายได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) และสมาชิกสภา อบจ. เชียงราย ทั้ง 36 เขต ณ ห้องประชุมใหญ่สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีผู้นำพรรค ตัวแทนผู้สมัคร และผู้สนับสนุนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ในงานแถลงข่าว นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้สมัครนายก อบจ. เชียงราย พร้อมเปิดตัวผู้สมัครสมาชิก อบจ. เชียงราย ทั้ง 36 เขต โดยมีการปราศรัยที่เน้นนโยบายการพัฒนาท้องถิ่นที่สอดคล้องกับแผนงานของรัฐบาล ภายใต้สโลแกน “เชียงราย เข้มแข็ง อีกครั้ง”

การปราศรัยจากแกนนำพรรคเพื่อไทย

ในงานนี้ยังมีการปราศรัยในหัวข้อสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเชียงรายจากแกนนำพรรค เช่น:

  • “บทบาทของรัฐบาลสู่การเมืองท้องถิ่น” โดย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร
  • “การสาธารณสุขท้องถิ่น” โดย น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย
  • “การศึกษายุคใหม่ที่ส่งเสริมศักยภาพของนักเรียนตามความถนัด” โดย ดร.เทอดชาติ ชัยพงษ์ ส.ส. เชียงราย
  • “สวัสดิการของรัฐเชื่อมโยงสู่ท้องถิ่น” โดย น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส. เชียงราย
  • “การคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์” โดย นายปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ส.ส. เชียงราย

นโยบายหลัก 5 ข้อ “พลิกโฉมเชียงราย”

นางสลักจฤฎดิ์ได้เปิดตัวนโยบายหลักที่เน้นการพัฒนาเชียงรายให้ตอบโจทย์ทุกมิติของความยั่งยืน โดยมี 5 แนวทางสำคัญ ดังนี้:

  1. TONY Brand
    ผลักดันสินค้าและบริการของเชียงรายสู่ระดับโลก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรปลอดภัย และการจัดเทศกาลนานาชาติ
  2. ศูนย์โดรนการเกษตรประจำตำบล
    ตั้งศูนย์โดรนใน 124 ตำบล พร้อมฝึกอบรม “1 ตำบล 1 นักบินโดรน” เพื่อลดต้นทุนการเกษตร เพิ่มผลผลิต และแก้ปัญหาไฟป่า
  3. ศูนย์บาดาลการเกษตรทุกตำบล
    สร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืนในทุกตำบล โดยใช้ระบบน้ำประหยัดพลังงาน
  4. ถนนเศรษฐกิจวัฒนธรรมรอบสถานีรถไฟ
    พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจรอบสถานีรถไฟ 18 แห่ง พร้อมจัดระบบขนส่ง EV Cars เชื่อมโยงสถานีสำคัญทั่วเชียงราย
  5. ทุ่งนาสนามกอล์ฟ และ Homestay Agrotourism
    สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงกีฬาและ Homestay เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน

บทบาทของพรรคเพื่อไทยในการฟื้นฟูเชียงราย

ย้อนกลับไปในปี 2566 พรรคเพื่อไทยต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับพรรคก้าวไกลในเชียงราย ซึ่งพรรคก้าวไกลสามารถคว้าชัยชนะใน 3 เขตจากทั้งหมด 7 เขต คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทยยังห่างจากพรรคก้าวไกลไม่ถึงหนึ่งหมื่นคะแนน การเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงรายครั้งนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับพรรคเพื่อไทยในการฟื้นฟูกระแสนิยมและสร้างความมั่นคงในพื้นที่

อทิตาธร วันไชยธนวงศ์: ผู้สมัครคู่แข่งในสนาม อบจ.

ด้านนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ. เชียงราย ได้เตรียมแถลงข่าวในวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ถึงเจตนารมณ์ในการตัดสินใจลงสมัครเลือกตั้งอีกครั้งในนามอิสระ พร้อมทั้งเปิดตัวผู้สมัครที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน ซึ่งมาจากหลากหลายกลุ่มในจังหวัดเชียงราย

ในแถลงข่าวครั้งนี้ยังเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องการให้แก้ไขและพัฒนา ทั้งนี้ นางอทิตาธรยังได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายการพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งความสุขทั้งสำหรับผู้ที่อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว

กกต. เปิดรับสมัครผู้สมัคร อบจ.

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดเชียงราย ได้ประกาศเปิดรับสมัครนายกและสมาชิก อบจ. ณ หอประชุมคชสาร ระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30-16.30 น. โดยคาดว่านางสลักจฤฎดิ์จะเดินทางไปสมัครตั้งแต่วันแรก

บทสรุปและความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้

การเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ครั้งนี้เป็นการประชันระหว่างกลุ่มการเมืองที่มีอิทธิพลสูงในพื้นที่ ทั้งพรรคเพื่อไทยและกลุ่มอิสระ การเลือกตั้งครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเมืองระดับท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายระดับชาติ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความนิยมของพรรคเพื่อไทยและทิศทางการพัฒนาเชียงรายในอนาคต

ประชาชนชาวเชียงรายร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเชียงรายในการเลือกตั้ง อบจ. เชียงรายครั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับจังหวัดเชียงรายอีกครั้ง!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย /ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายฟ้าใส เดินหน้าปราบบุหรี่ไฟฟ้า ปกป้องเยาวชน

เชียงรายเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ปราบบุหรี่ไฟฟ้าปกป้องเยาวชน

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เพื่อต่อต้านและจัดการกับปัญหาการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน

เหตุการณ์การจับกุมร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้า

การปฏิบัติการในครั้งนี้ เกิดจากการสืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านร้านค้าในพื้นที่ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย โดยร้านดังกล่าวใช้วิธีการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน LINE และจัดส่งผ่านไรเดอร์ เพื่อปกปิดการกระทำผิด

ร้านที่เป็นเป้าหมายตั้งอยู่ใกล้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักเรียน นักศึกษา และเยาวชนในพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง

การปฏิบัติการจับกุม

ภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าฯ ชรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูง ได้แก่

  • นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย
  • พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงราย

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจวางแผนเข้าจับกุม โดยเริ่มจากการล่อซื้อสินค้าและเฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย พบว่ามีการจัดส่งบุหรี่ไฟฟ้าผ่านไรเดอร์หลายครั้ง เมื่อถึงจุดนัดหมาย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและเข้าตรวจค้นบ้านเช่าในพื้นที่ดังกล่าว

ของกลางและข้อกล่าวหา

จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบของกลางดังนี้:

  • บุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ กว่า 500 ชิ้น มูลค่ารวมหลักแสนบาท
  • บัญชีรายรับรายจ่าย ระบุรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท
  • ยาทรามาดอลและมอร์ฟีนชนิดน้ำ จำนวนมาก

ผู้ต้องสงสัย 2 ราย (ชาย 1 หญิง 1) ถูกตั้งข้อหา ดังนี้:

  1. ซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าต้องห้าม ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560
  2. ผลิตและจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย ตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความสำคัญของปฏิบัติการ

ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” เน้นการจัดระเบียบสังคมและป้องกันเยาวชนจากการยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นภัยร้ายแรงในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่จะเดินหน้าปราบปรามทั้งร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เลือกตั้ง อบจ. เชียงราย 2568 หลายสื่อคาดศึกสองบ้านใหญ่

สนามเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงรายเดือด! “นายกนก” คาดท้าชิงเก้าอี้อีกครั้ง

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 นางสาวอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “นายกนก” ได้แถลงการณ์ผ่านโพสต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยระบุว่าเป็นวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ครบวาระ 4 ปี และกล่าวขอบคุณประชาชนชาวเชียงรายที่ไว้วางใจและสนับสนุนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

“นกขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายทุกคนที่ให้ความไว้วางใจกับนก นกอยากเห็นเชียงรายเป็นเมืองแห่งความสุขและความน่าอยู่” นายกนกกล่าว

การเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงรายครั้งใหม่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยสนามเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่าจะร้อนแรงเมื่อมีความเคลื่อนไหวจากผู้สมัครหน้าเดิมและหน้าใหม่ที่พร้อมชิงชัย

นายกนก: นักการเมืองอิสระ ผู้ลงชิงชัยอีกครั้ง

นายกนกได้ประกาศชัดเจนว่าเธอจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในฐานะ “อิสระ” โดยไม่สังกัดพรรคการเมืองใด แม้ว่าความสำเร็จในปี 2563 ที่ผ่านมาเธอสามารถเอาชนะคู่แข่งสำคัญจากพรรคเพื่อไทยด้วยคะแนน 239,622 คะแนน ทิ้งห่าง วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ผู้สมัครจากเพื่อไทยที่ได้คะแนน 211,956 คะแนน

ทีมงานของนายกนกยังคงได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ส่วนใหญ่ในเชียงราย โดยมี สจ. ทั้งหมด 36 เขต ซึ่งหลายคนแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนเธอ

“สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” หวนคืนสนาม

คู่แข่งสำคัญที่ปรากฏตัวในสนามนี้คือ สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยาของ ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตนักการเมืองใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายก อบจ. เชียงรายมาก่อน และกลับมาลงสมัครอีกครั้งในนามพรรคเพื่อไทย

การผลักดันของบ้านใหญ่ติยะไพรัชเพื่อล้มแชมป์ตระกูลวันไชยธนวงศ์เกิดขึ้นจากการที่พรรคเพื่อไทยมองเห็นศักยภาพของสลักจฤฎดิ์และต้องการนำพรรคกลับมาครองเก้าอี้นายก อบจ. เชียงราย

บ้านใหญ่วันไชยธนวงศ์ vs บ้านใหญ่ติยะไพรัช

การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนถึงการเผชิญหน้าระหว่างสองตระกูลการเมืองใหญ่ของเชียงราย โดย บ้านใหญ่วันไชยธนวงศ์ มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพรรคภูมิใจไทย หลังจาก รังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ สมาชิกในตระกูลลาออกจากเพื่อไทยไปเข้าพรรคภูมิใจไทย และแม้ว่าจะแพ้การเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา แต่สายสัมพันธ์นี้ยังคงส่งผลต่อฐานคะแนนของนายกนก

ในขณะที่ บ้านใหญ่ติยะไพรัช พยายามส่งสลักจฤฎดิ์เข้ามาทวงคืนพื้นที่ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยมีคะแนนเสียงที่มั่นคงในจังหวัดเชียงราย

ปัจจัยสำคัญที่ชี้ชะตา

การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้สมัครแต่ละคน แต่ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายประการ เช่น ฐานคะแนนในอดีต ความนิยมของพรรคการเมือง และการสนับสนุนจากทีม สจ. ในแต่ละเขต

  • คะแนนเสียงในอดีต:
    ปี 2555 สลักจฤฎดิ์ได้รับคะแนนเสียงสูงในฐานะผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย แต่ในปี 2563 นายกนกสามารถเอาชนะไปได้

  • ความนิยมของพรรคการเมือง:
    พรรคเพื่อไทยยังคงมีอิทธิพลสูงในพื้นที่เชียงราย ขณะที่นายกนกเน้นการเป็นผู้สมัครอิสระที่สร้างผลงานในช่วงดำรงตำแหน่งที่ผ่านมา

สมรภูมิการเมืองที่ดุเดือด

สนามเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงรายในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิสำคัญที่น่าจับตามอง เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการต่อสู้ของสองตระกูลใหญ่ แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางการเมืองในจังหวัดเชียงราย

สรุปสถานการณ์

การเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของประชาชนในเชียงราย ระหว่าง “นายกนก” อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กับ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” สองผู้สมัครที่ต่างมีฐานเสียงและสนับสนุนที่แข็งแกร่ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

โมเดอร์นาระงับวัคซีน RSV ในเด็กเล็กหลังพบปัญหารุนแรง

โมเดอร์นาระงับการพัฒนาวัคซีน RSV สำหรับทารก หลังพบปัญหาร้ายแรงจากการทดลองทางคลินิก

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการระงับการพัฒนาวัคซีน RSV สำหรับเด็กเล็ก โดยบริษัทโมเดอร์นา หลังพบปัญหาร้ายแรงในระหว่างการทดลองทางคลินิก

ผลการทดลองที่ก่อให้เกิดความกังวล

โมเดอร์นาได้ทดลองวัคซีน RSV ชนิด mRNA สองรูปแบบ ได้แก่ วัคซีนป้องกัน RSV เพียงอย่างเดียว และวัคซีนแบบผสมที่ป้องกัน RSV และไวรัส hMPV ที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ผลการทดลองในทารกอายุ 5-7 เดือนกลับพบว่า ทารก 5 คนจาก 40 คนที่ได้รับวัคซีน RSV เกิดการติดเชื้อ RSV รุนแรง เทียบกับ 1 คนจาก 20 คนในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในส่วนของวัคซีนผสม ทารก 3 คนจาก 27 คนป่วยหนักจากการติดเชื้อ hMPV ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอกไม่พบผู้ป่วยรายใด

เหตุการณ์นี้ทำให้ต้องหยุดการทดลองวัคซีนทั้งสองรูปแบบเพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม

ย้อนรอยความผิดพลาดในอดีต

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักวิทยาศาสตร์หวนคิดถึงการทดลองวัคซีน RSV ในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งพบว่า 80% ของเด็กที่ได้รับวัคซีนในครั้งนั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เนื่องจากวัคซีนกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “โรคที่รุนแรงจากวัคซีน” (Vaccine-Associated Enhanced Disease – VAED)

แม้ในปัจจุบันเทคโนโลยี mRNA จะมีประสิทธิภาพในวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ เช่น วัคซีนโควิด-19 แต่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่พัฒนาสมบูรณ์ ส่งผลให้การตอบสนองต่อวัคซีนอาจนำไปสู่ภาวะ VAED ได้

การหยุดทดลองวัคซีนในทารก

องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศระงับการทดลองวัคซีน RSV สำหรับทารกที่ใช้แอนติเจนและเทคโนโลยี mRNA ถึง 11 โครงการ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ขณะเดียวกันยังมีการพัฒนาวัคซีนอีก 15 โครงการที่ใช้เชื้อ RSV ที่ถูกทำให้อ่อนแรงลง โดยมีเป้าหมายให้เลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติในทารก เพื่อไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรง

ความสำคัญของวัคซีน RSV

โรค RSV เป็นสาเหตุหลักของการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในทารก โดยเฉพาะในประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ แม้ในประเทศพัฒนาแล้วจะมีวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่และสตรีมีครรภ์ที่ช่วยถ่ายทอดภูมิคุ้มกันสู่ลูกน้อย แต่ภูมิคุ้มกันนี้คงอยู่เพียง 6 เดือนแรก ทำให้จำเป็นต้องมีวัคซีนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ

แนวทางการพัฒนาวัคซีนในอนาคต

นักวิจัยเชื่อว่าการลงทุนในงานวิจัยพื้นฐานและความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในเด็กเล็กจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาวัคซีน RSV ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อรุนแรงในอนาคต

สรุป

การระงับการพัฒนาวัคซีน RSV ของโมเดอร์นาเป็นการตัดสินใจเพื่อความปลอดภัยของเด็กเล็ก แม้จะเป็นความล้มเหลวในระยะสั้น แต่นับเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ดีขึ้นในอนาคต โดยการวิจัยยังคงดำเนินต่อไปเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและสร้างวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน

แหล่งอ้างอิง

  • science.org
  • FDA Advisory Reports
  • บทความจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในสาขาไวรัสวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News