Categories
TOP STORIES

เฝ้าระวัง น้ำในแม่น้ำโขงจังหวัดในอีสานหลังกรดกำมะถัน รั่วไหลที่หลวงพระบาง

 

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 รายงานข่าวจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเฝ้าระวังผลกระทบจากคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง หลังได้รับแจ้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้มีหนังสือแจ้งเตือนประชาชนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 แจ้งการเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำ ทำให้กรดซัลฟิวริกไหลลงสู่แม่น้ำคาน บริเวณแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ซึ่งระยะทางจุดเกิดเหตุห่างจากอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ประมาณ 293 กิโลเมตร

 

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์แม่น้ำโขง พบว่าสารเคมีจะเคลื่อนตัวผ่านเขื่อนไชยะบุรี วันที่ 5 เมษายน 2567 ซึ่งจะทำให้สารเคมีเจือจางลง จากนั้นจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย (จังหวัดเลย) ช่วงวันที่ 8 – 10 เมษายน 2567และจากการประเมินในเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำแม่น้ำโขงในประเทศไทยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยได้ติดตามสถานการณ์และประสานสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้พิจารณาประสานสปป.ลาว ในการบริหารจัดการน้ำเขื่อนไชยะบุรี

 

เพื่อเจือจางสารเคมี พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยดำเนินการตรวจวัดคุณภาพน้ำพร้อมรายงานสถานการณ์ให้จังหวัดทราบอย่างต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว และขอให้ 7 จังหวัด

  1. เลย
  2. หนองคาย
  3. บึงกาฬ
  4. นครพนม
  5. มุกดาหาร
  6. อำนาจเจริญ
  7. อุบลราชธานี

โปรดประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่สัญจรและประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขง การประมงสัตว์น้ำ รวมทั้งผู้ที่อาศัยในพื้นที่บริเวณดังกล่าว ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมการเฝ้าระวังผลกระทบจากคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

 

ซึ่งทางทางการนครหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก็มีออกแถลงการณ์ด่วน 1 ฉบับ เพื่อแจ้งและสั่งการให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำของ (โขง) ตั้งแต่ช่วงหมู่บ้านพุสร้างคำ ลงมาจนถึงปากคาน และแม่น้ำของตั้งแต่ปากคานลงมา ห้ามลงอาบน้ำ และห้ามนำปลาที่ตายอยู่ในน้ำมาประกอบอาหาร หรือนำไปขายโดยเด็ดขาด คาดการณ์ว่าสารเคมี กรดกำมะถัน หรือกรดซัลฟิวริค H2SO4 ประมาณ 30 ตันเหล่านี้ไหลลงสู่แม่น้ำของจะกระจายไปตามแม่น้ำของลงไปทางตอนใต้อย่างแน่น ประกอบกับช่วงนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำของมีปริมาณค่อนข้างน้อย การปนเปื้อนจึงรุนแรง ส่งผลกระทบกับคน สัตว์น้ำอย่างปู ปลา กุ้ง ชนิดต่างๆ ซึ่งต้องจับตามองต่อไปว่าหลังจากนี้จะมีมาตรการอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่มีการคาดการณ์ว่า จะไม่กระทบถึงแม่น้ำโขงในช่วง อ.เชียงคาน จ.เลย มากนักเนื่องจากน้ำที่ไหลลงมาจากนครหลวงพระบางจะถูกกักเก็บไว้ที่เขื่อนไซยะบูลี (ไซยะบุรี) สปป.ลาว ก่อน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

จับอีก 1 มือเผาป่าต้นเหตุไฟป่า อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 มีรายงานข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จับอีก 1 มือเผาป่าต้นเหตุไฟป่าเชียงราย นายพิทยา สะศรีสังข์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก (เตรียมการ) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่จุดสกัดฯขุนสรวย ร่วมกับเครือข่ายป้องกันไฟป่าบ้านขุนสรวย ดำเนินการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ โดยการลักลอบเผาป่า จำนวน 1 ราย

 

สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากจุดเฝ้าระวังไฟป่าว่าพบกลุ่มควันลักษณะเป็นไฟที่พึ่งเกิดขึ้นใหม่ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย เป็นพื้นที่เตรียมการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเข้าปิดล้อมพื้นที่เพื่อดับไฟ โดยพบผู้ต้องหาอยู่ในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุไฟป่า จึงได้แสดงตัวและควบคุมตัว พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 2 รายการ ได้แก่ ไฟแซ๊ก จำนวน 2 อัน มีดพร้า จำนวน 1 เล่ม จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าเข้ามาหาของป่าในพื้นที่
 
 
คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบท้องที่บ้านขุนสรวย หมู่ที่ 14 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย พบเสียหายจากเหตุไฟไหม้ จำนวน 19-2-90 ไร่ จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางและอุปกรณ์กระทำความผิดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สรวย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก Lam nam kok National Park

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ห้ามกิน ‘ว่านจักจั่น’ เด็ดขาด หลังพบชาวลำพูน ดับ 1 ป่วย 3

 

เมื่อวันที่  28 มี.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงาน รพ.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน พบว่ามีชาวบ้านขุดว่านจักจั่นนำมาทำอาหารรับประทานจากนั้นมีอาการซึมลง เกิดอาการเกร็ง อ่อนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียนอาเจียน ตากลอกไปมา ปวดเมื่อยทั้งตัว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขณะนี้ป่วยแล้ว 3 รายในเวลาเดียว โดยรับประทานแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งนี้ ว่านจักจั่น ไม่ใช่พืชที่กินได้ แต่คือจักจั่นที่ตายจากเชื้อรางอกในตัวจักจั่น อาการที่เกิดขึ้นมาจากพิษของเชื้อรานี้ ไม่มียาแก้พิษโดยตรง ต้องรักษาตามอาการแบบประคับประคอง

จึงแจ้งเตือนและช่วยกันรณรงค์ให้ความรู้แก่ชาวบ้าน ที่เข้าใจผิดคิดว่า เชื้อราที่ติดงอกจักจั่น คือของดีมีประโยชน์ แต่มันคือเชื้อราที่อันตรายกินเข้าไปเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงถึงตายได้ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก

สำหรับ ว่านจักจั่น คือ ซากตัวอ่อนของแมลงที่ชาวล้านนาเรียกว่า “แมงอิจ้า” ที่เสียชีวิตขณะฟักตัวอ่อนอยู่ในดิน แล้วติดเชื้อรา มันไม่ใช่พืชที่อยู่ด้านบนหรือด้านล่างของดินแต่อย่างใด ส่วนตัวที่ไม่ตายจะออกจากดินในช่วงกลางคืนไต่ขึ้นมาลอกคราบกลายเป็นจักจั่น หรือ แมงอิจ้า ช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ที่ชาวบ้านออกจับมาบริโภค หรือ จับมาขายสร้างรายได้ในราคาตัวละ 1 บาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

รรท.ผบ.ตร. สั่งห้ามมีบ่อนทั่วประเทศถ้าพบในพื้นที่ไหน ‘เด้ง’ ทุกรายไม่มีการละเว้น

 
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) สั่งการกำชับตำรวจทุกพื้นที่ ทุกหน่วยทั่วประเทศ ให้เร่งรัดปราบปรามอบายมุข การพนัน การกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ซึ่งได้ประชุมเน้นย้ำกำชับผ่านผู้บัญชาการทุกหน่วยไปแล้ว โดยเฉพาะการปราบปรามบ่อนการพนัน ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปฏิบัติการจับกุมอย่างต่อเนื่อง
 
 
รรท.ผบ.ตร.สั่งการเน้นย้ำอีกครั้งให้ทุกหน่วยปราบปรามอย่างเข้มงวดจริงจัง เด็ดขาด และย้ำทุกพื้นที่ทั่วประเทศ หากปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันในพื้นที่ หัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ โดยจะมีคำสั่งย้ายไปช่วยราชการทุกราย ไม่มีการละเว้น ถือเป็นการลงโทษในทางปกครอง และหากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการเรียกรับ หรือได้รับผลประโยชน์จะต้องดำเนินการทางอาญาด้วย ถือเป็นข้อตกลงที่จะทำให้สำนักงานแห่งชาติเป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแท้จริง
 
 
ดังนั้นขอให้ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม อย่างเด็ดขาด ทำตามนโยบายรัฐบาล และ รรท.ผบ.ตร.อย่างเคร่งครัด โดยจะสั่งการให้หน่วยปฏิบัติของส่วนกลางลงไปตรวจสอบด้วย
 
 
กรณีล่าสุดที่ตำรวจกองบังคับปราบปราม จับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ สน.พญาไท นั้น รรท.ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ออกคำสั่งให้ ผกก.สน.พญาไท มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.น.1 แล้ว ถือเป็นตัวอย่างของการละเลยไม่ปฏิบัติตามนโยบาย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS TOP STORIES

ชิงตัวคนเผาป่าลุ่มน้ำปาย ผู้นำหมู่บ้านนำมวลชนทำร้าย เจ้าหน้าที่ป่าไม้

 
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 นายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เปิดเผยว่า กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย 5 นาย เข้าพื้นที่บริเวณเกิดกลุ่มควันไฟที่ปรากฏ ตามจุดฮอทสปอต เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2567 บริเวณป่าสบแม่น้ำยาน ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อดับไฟป่าที่เกิดขึ้น ขณะที่เดินทางมาถึงแปลงพื้นที่ทำกินในป่าสบแม่น้ำยาน ห่างจากจุดไฟไหม้ 200 เมตร พบกระท่อม 1 หลัง มีคนอยู่จึงทำการแสดงตัว พบว่ามีชาย 1 คน ทราบชื่อภายหลังว่า นายดาเอ ไม่ทราบชื่อสกุล พบอุปกรณ์ในกระท่อม ประกอบด้วย  มีด 3 เล่ม ขวาน 1 อัน ปืนแก๊ป 1 กระบอก ไฟฉาย 2 อัน ยาบ้า 1 เม็ด มอเตอร์ไซด์ 1 คัน เจ้าหน้าที่ได้สอบถาม นายดาเอ ว่าใครจุดไฟเผา นายดาเอ แจ้งว่า จ่านู อยู่กระท่อมตรงไป 150 เมตร เป็นคนจุดไฟ ทั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่ไปตรวจกระท่อมที่ 2 บริเวณจุดเกิดไฟป่า 100 เมตร พบ นายจ่านู กำลังนอนหลับ ตรวจบริเวณในกระท่อมพบอุปกรณ์ในกระท่อม ประกอบด้วย ปืนแก๊ป 1 กระบอก ยาบ้า 8 เม็ด เครื่องกระสุน 1 ชุด มีด 6 เล่ม ซากสัตว์  5 ชนิด ได้แก่ ขนเม่น, เกล็ดตัวนิ่ม, กระดูกกรามเก้ง, ตีนนกเหยี่ยว 2 ข้าง, ตีนไก่ป่า 1 คู่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่า พื้นที่ทั้ง 2 แปลง ตรวจสอบแล้วมีการขยายพื้นที่ป่าและ มีอาวุธปืน มียาบ้าครอบครอง มีการตัดไม้ขยายพื้นที่ และมีร่องรอยการเกิดไฟบริเวณพื้นที่เกิดเหตุของทั้ง 2 คน จึงควบคุมตัวเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินคดี

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหา 2 ราย มาถึงบริเวณบ้านหนองขาว หมู่ 5 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน มีกลุ่มบุคคล 20 คน ทราบภายหลังในมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นแกนนำชาวบ้าน ใน ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน นำชาวบ้านมาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่พอใจ และเข้าแย่งตัวผู้ต้องหา และชิงของกลางทั้งหมดไป รวมทั้งทำร้ายเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมด้วย

เจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกขอให้สืบสวนสอบสวนผู้กระทำผิดร่วมกัน และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปางมะผ้า แจ้งจับแกนนำชาวบ้าน พร้อมกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันขัดขวางทำร้ายเจ้าหน้าที่ และแย่งชิงตัวผู้ต้องหา โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่กล้าลงพื้นที่ในการเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อดับไฟป่า ที่ยังพบในพื้นที่อีกต่อไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ทางหลวงแจง แท่งปูนห้อยบนถนน เทิง – เชียงคำ จากภาพที่ปรากฏในข่าว

 
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 นายยงยุทธ์ เพ็งเมือง ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างทาง กรมทางหลวงชนบท ชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างสะพาน Box Segment เพื่อข้ามถนน ทล.1021 จากภาพที่ปรากฏในข่าวเป็นการยก Box Segment จากกรณีสำนักข่าว นครเชียงรายนิวส์ได้มีการเผยแพร่ข่าว แท่งปูนห้อยต่องแต่งกลางถนน บริเวณถนนเทิง – เชียงคำ จนทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะซ้ำรอยเหตุการณ์สะพานถล่มที่ถนนพระราม 2 นั้น
 
 

โดยออกหนังสือชี้แจงจากสำนักก่อสร้างทาง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในข่าว ขอเรียนชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างสะพาน Box Segment เพื่อข้ามถนน ทล.1021 จากภาพที่ปรากฏในข่าวเป็นการยก Box Segment ซึ่งสำนักก่อสร้างทางได้ทำการยกและจัดเรียงด้านซ้ายทางและขวาทาง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 น. จากนั้นได้ดำเนินการดึงลวดอัดแรง เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. ระหว่างดำเนินการได้ประชาสัมพันธ์และจัดเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยให้กับประชาชน

 

โดยเริ่มดำเนินการด้านขวาทางของถนน ทล.1021 และได้ปิดการจราจรให้ใช้ทางเบี่ยงในระหว่างที่ยกและจัดเรียง Box Segment จนดึงลวดอัดแรงแล้วเสร็จ สำหรับด้านซ้ายทางของ ทล.1021 ไม่สามารถก่อสร้างทางเบี่ยงได้ เนื่องจากพื้นที่ไม่เพียงพอ จึงปิดให้ใช้ ทล.1021 ได้ 1 ช่องจราจร ซึ่งให้เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ให้ปิดกั้นรถไม่ให้ผ่านในช่วงยกและจัดเรียง รวมถึงได้เปิดการจราจรให้ผู้ใช้เส้นทางสัญจรไปมาเป็นช่วง โดยโครงการได้มีมาตรการตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทางวิศวกรรม ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และได้เปิดการจราจรให้ประชาชนใช้สัญจรได้ตามปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สำนักก่อสร้างทาง มีความห่วงใยในความปลอดภัยของประชาชน และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความอนุเคราะห์เผยแผร่ข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกันและขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้“

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวงชนบท

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งเตรียมเฮลิคอปเตอร์ จากเชียงใหม่เสริมภารกิจดับไฟป่า

 

เมื่อวันที่20 มีนาคม 2567 ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่า และ PM2.5 จังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันไฟป่า และฝุ่นPM2.5 โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ KA-32 (Kamov Ka-32 ) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย 

 

ในการดับไฟป่ากรณีพื้นที่สูงชัน หรือพื้นที่ ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นกรณีพิเศษในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่จัน เมืองเชียงราย แม่สรวย และอำเภอเวียงป่าเป้า และเตรียมการรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จมา ทรงประกอบพิธีตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถบุญชุ่มรัตนปุรีศรีธรรมราชา ณ วัดพระธาตุดอยเวียงแก้ว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในวันที่ 30 มี.ค. 67 โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย/ พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หน.กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าวฯ กอ.รมน. /นายสุรศักดิ์ วณิชอนุกูล ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม ทสจ.ชร. และทีมนักบินผู้เชียวชาญเข้าร่วมประชุม

 

ทั้งนี้ KA-32 สามารถทำการบินต่อเนื่องได้นาน 2 ชั่วโมง 45 นาที ความเร็วเดินทาง 222 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสมรรถนะภาพดับไฟป่าโดยตัวเครื่องมี 2 ใบพัด “Coaxial Rotors” ใบพัด 2 ชั้นหมุนไปในทิศทางตรงข้ามกัน มีท่อดูดน้ำยาว 42 เมตร สูบน้ำ 1 นาที บรรจุได้ 3,000 ลิตร เพื่อนำน้ำไปทิ้งในพื้นที่เกิดไฟไหม้ และฉีดน้ำได้ไกลถึง 50 เมตร โดยเฮลิคอปเตอร์ “Kamov Ka-32” จะถูกใช้ในการปฏิบัติภารกิจป้องกันสาธารณภัย เช่น การควบคุมไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงเหตุสาธารณภัยอื่น ๆ รวมถึงภารกิจการช่วยเหลือและขนย้ายผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เข้าถึงด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีสมรรถนะในการทรงตัวสูง บินช้า ลอยตัวนิ่งได้นานกว่าเฮลิคอปเตอร์รุ่นอื่น ทนต่อสภาวะอากาศเลวร้ายได้ดี นอกจากนี้ Kamov Ka-32 ได้ทำการบินอย่างเป็นทางการเที่ยวแรกในภารกิจการฝึกควบคุมไฟป่าหมอกควันร่วมกับกองทัพอากาศ ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2563
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES VIDEO

(คลิปเสียง) สัมภาษณ์พนักงานสนามบินเชียงรายช่วยเหลือชาวต่างชาติหมดสติ เมืองพัทยา

 

เมื่อวันที่  18 มีนาคม 2567 เวลา 13.40 น.ที่ผ่านมาเพจข่าวมีชื่อเสียงของจังหวัดชลบุรีอย่าง เดอะ พัทยานิวส์ The Pattaya News  ได้โพสต์ภาพ นาทีชีวิตและข้อความว่า “การช่วยเหลือชาวต่างชาติล้ม หมดสติไม่หายใจ บริเวณพระตำหนัก ซ.2 มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 2 ท่านได้ทำช่วยเหลือด้วยการ CPR จนกว่ารถ โรงพยาบาลเมืองพัทยามารับไปรักษาต่อ” และมีชาวโซเชียลต่างชื่นชมมากมาย มีการถามถึงว่าเป็นใครเพราะมีความชำนาญในการช่วยเหลือด้วยการ CPR

ต่อมาทางเพจข่าว เดอะ พัทยานิวส์ The Pattaya News ได้แจ้งว่าทราบว่าชาวไทย ที่ให้การช่วยเหลือเป็น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ในภายหลังทางเพจ Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI  ได้ออกมายืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ของคลินิกแพทย์ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) โดยเป็นเหตุการณ์ที่ทั้ง 3 เจ้าหน้าที่เดินทางไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

1.นางสาวอรณิชชา คุณยศยิ่ง ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ

2.นายธนพล สุขเพ็ง ตำแหน่งพนักงานฉุกเฉินการแพทย์

อีก 1 ท่าน ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 ส่วนรักษาความปลอดภัย ทชร. นายพงศ์พล ศรีพรม

 

ทางทีมข่าวสำนักข่าว นครเชียงนิวส์ ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ คุณธนพล สุขเพ็ง ตำแหน่งพนักงานฉุกเฉินการแพทย์อีกครั้งเพื่อสอบถามรายละเอียดอีกครั้งโดยทางคุณธนพล แจ้งว่าระหว่างทางได้พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอนหมดสติ ไม่หายใจอยู่บริเวณริมถนน พระตำหนัก ซอย 2 เมืองพัทยา จึงได้รีบเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และช่วยเปิดทางเดินหายใจ พร้อมกับประสานแจ้งรถพยาบาลฉุกเฉิน (1669) เพื่อนำผู้ป่วยส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป

หลังจบการสัมภาษณ์ได้เน้นย้ำกับทีมข่าวว่าการ CPR เป็นการปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ที่ทุกคนสามารถทำได้ครับและการ CPR #ไม่ใช่เพียงเป็นหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวประชาชนทุกคน สามารถทำ CPR  หากทำสิ่งนี้ได้ผมเชื่อว่า สถิติ ประชาชนที่รอดจากภาวะหัวใจหยุดเต้น มีเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการแพทย์ของ เจ้าหน้าที่คลินิกแพทย์ และพนักงาน รปภ.ทชร. ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งผู้โดยสาร ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เชียงราย ส่งทีมจับร้านบุหรี่ไฟฟ้า ลักลอบขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์

 

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว. เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ นำโดย นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน

 

เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไปโดยมีการบริการขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์โดยมีการส่งของผ่านไรเดอร์ ซึ่งมีการเปิดขายเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบทราบว่ามีร้านในบริเวณโซนนิ่งสถานบริการ เปิดแอบขายบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 3 ร้าน ซึ่งทั้ง 3 ร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ
 
 
เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบทราบแล้วว่าทั้ง 3 ร้านมีการขายบุหรี่ไฟฟ้าจริง จึงวางแผนเข้าทำการจำกุมทั้ง 3 ร้านพร้อมกัน ซึ่งทั้ง 3 ร้าน ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 13 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย
 
 
จากการตรวจสอบภายในร้านทั้ง 3 ร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งสินค้าที่ตรวจยึดได้ของทั้ง 3 ร้านจำแนกเป็น
1. เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 635 เครื่อง
2. หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า 2,811 ชิ้น
3. บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง 1,810 ชิ้น
4. น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 208 ชิ้น
5. คอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า 353 ชิ้น
6. หัวคอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า 25 ชิ้น
 
 
มูลค่ารวมประมาณ 1,802,650 บาทและจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายได้ต่อวันตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบ เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาทเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 3 ร้าน รวม 4 ราย โดยแจ้งข้อหา
 
 
1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
 
2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
 
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในช่วงท้ายว่า ปัญหาการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ทั้งปัญหาสุขภาพร่างกาย และก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมอีกหลายประเด็น ซึ่งอำเภอเมืองเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน รักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

​นายกฯ ย้ำ อดีตนายกฯ “ทักษิณ” พักโทษ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

 

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากุมภวาปี ตำบลเวียงคำ อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีการพักโทษของนายทักษิณ  ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี สะท้อนให้เห็นถึงหลักนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน หรือแบบสองมาตรฐานหรือไม่ว่า ตอนที่นายทักษิณ ถูกคำพิพากษาก็มีการเรียกร้องจาก ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย  แต่หากย้อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ก็มีการเรียกร้องให้ท่านกลับเข้าสู่กระบวนการ และเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ท่านก็กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม  เมื่อท่านกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็มีการตรวจสอบ โรงพยาบาลตำรวจก็มีการตรวจสอบ  รวมถึงคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรก็มีการตรวจสอบ ขณะที่กระทรวงยุติธรรมก็มีมาตรฐานในการตรวจสอบอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อท่านถูกพิพากษาไป เราก็เชื่อในระบบ  แล้ววันนี้ เมื่อท่านเข้าสู่กระบวนการที่จะรับโทษและได้รับการพักโทษตามเงื่อนไข ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายเขียนไว้  เราจะต้องมาพูดกันเรื่องนี้ทุกวันหรือไม่ตนไม่ทราบ  แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงแม้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการชี้แจงแต่ก็ยังเชื่อว่าเป็นสองมาตรฐานอยู่ดี  นายกฯกล่าวว่า  เป็นความเห็นต่าง เมื่อเราอยู่ในสังคมที่เห็นต่างกัน  หลายเรื่องก็มีคนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำอยู่  รวมถึงเห็นด้วยกับสิ่งที่เราไม่ทำ แต่เราก็ต้องอยู่ร่วมกันด้วยกฎหมาย เพราะวันนี้กฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อท่านเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว  ตนเองมองว่าเราก็ควรเดินหน้าดีกว่า  เพราะวันนี้บ้านเมืองต้องการเดินหน้าอะไรอีกหลายอย่างจากรัฐบาลและทุกภาคส่วน   เรื่องความขัดแย้งก็ต้องบริหารจัดการกันไป แต่ต้องตั้งอยู่บนความสงบ  เพราะเรามีพื้นที่  มีสภาฯ  มี สส. และมีนักวิชาการ และควรใช้เวทีที่ปลอดภัยในการหาทางออกร่วมกัน

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า  วันนี้ตนเองลงพื้นที่มาดูปัญหาหนี้สิน ปัญหายาเสพติดที่ยังมีอีกเยอะ ถ้าวันนี้ตนเองสามารถอยู่ในพื้นที่ได้อีก ก็จะอยู่ต่อเพื่อดูให้ครบทุกเรื่องและทุกมิติ  ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจแต่รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของทุกภาคส่วน  พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลนี้ทุ่มเทเต็มที่  ขอให้อยู่ร่วมกันด้วยกฎหมาย  เมื่อกฎหมายบอกมาเช่นไรเราก็ทำตามอยู่แล้ว  ขอให้ก้าวข้ามไปและเดินหน้าไปจะดีกว่า

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ สว. ระบุว่า การพักโทษของนายทักษิณจะทำให้ นายกฯ เศรษฐา เป็นดาวไร้แสง  นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “จะคิดอะไรก็คิดกันไป เพราะพรุ่งนี้ 7 โมงเช้าผมก็ตื่นไปทำงานประชุม ครม. อาทิตย์หน้าก็ลงพื้นที่ภาคใต้ อาทิตย์ถัดไปก็ไปต่างประเทศเพื่อเจรจาFTA และหานักลงทุนใหม่เข้าประเทศ จะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ตนสะทกสะท้านได้ เพราะตนก็จะทำงานต่อไป โดยยึดมั่นในผลประโยชน์และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน จะว่าอย่างไรก็ว่าไปไม่เป็นไร”

 

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าการเมืองจากนี้จะร้อนขึ้นและจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเร็วๆ นี้ หลังนายทักษิณได้รับการพักโทษ  นายกฯ กล่าวว่า มันก็ร้อนทุกวัน ทุกเรื่องก็ร้อนหมด  เพราะพื้นฐานทุกวันนี้เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ การใช้งบประมาณ ปี 68 ก็ยังไม่สามารถใช้ได้ ฉะนั้นถ้าเรามีเงินในกระเป๋าทำให้ทุกคนอยู่ดีกินดี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น การศึกษา และระบบสาธารณสุขที่ดี ก็เชื่อว่าชีวิตจะดีขึ้น

 

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า จะพยายามพิสูจน์ตัวเองไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เป็นการบั่นทอนอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าใครติมาแล้วสามารถทำให้ดีขึ้นได้ก็จะพยายามทำ แต่ถ้าให้ตัวผมเองรู้สึกด้อยค่าเพราะคำพูดอะไรที่จับต้องไม่ได้ ตนเองไม่เสียอารมณ์ตรงนั้นดีกว่า เพราะถ้ามาดูแววตาพี่น้องประชาชนที่สกลนคร อุดรธานี นครพนม หนองบัวลำภู มันเป็นแรงกระตุ้นเป็นความหวังและแรงบันดาลใจให้ตนเองตื่นขึ้นมาทำงานในวันพรุ่งนี้เช้า

 

ส่วนการปรับ ครม. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองกับรัฐมนตรีพรรคร่วม ก็ยังทำงานร่วมกันด้วยดี กลับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยเอกธรรมนัส  พรหมเผ่า  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ยังคุยกันด้วยดี และก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดี กับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  ส่วนการย้ายเรือนจำและการเดินทางมาที่จังหวัดอุดรครั้งนี้ซึ่งมีการหารือเรื่องของการย้ายเรือนจำ ตนเองก็มีการพูดคุยกับพันตำรวจเอกทวี  สอดส่อง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งอยู่พรรคประชาชาติ  ซึ่งทุกคนต่างพรรคกันหมด  นายกฯ กล่าวย้ำว่าทุกคนมีความตั้งใจดีในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ทั้งนี้หากถึงเวลาต้องปรับ ครม. ก็ต้องปรับ เพราะฉะนั้นที่ถามตนเองมาทุกอาทิตย์ก็ยังไม่ปรับ ครม. ทั้งนี้ ทุกคนมี KPI หมด และเชื่อว่า รัฐมนตรีทุกคนตั้งเป้าไว้สูงและก็ยังสามารถทำได้ดีกว่านี้ รวมถึงตนเองด้วย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News