Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

คนเชียงราย พบหอยแครง ให้โชคคล้าย “ไข่มุกเมโล” ลุ้นมูลค่า

 

วันที่ 18 ตุลาคม 2566 ที่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 4 ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นบ้านของ นายเศรษฐพงศ์ศิววงศ์ พบว่าเจ้าตัวได้เปิดเผยว่า ได้ให้ภรรยาและลูกสาวไปซื้อหอยแครงจากตลาดสดชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงราย เพื่อมาทำอาหารตามปกติ

 

โดยนำมาล้างน้ำทำความสะอาดเพื่อทำอาหาร จากนั้นได้มานั่งกินข้าวกับครอบครัว พบว่าหอยแครงที่แกะภายในพบวัตถุคล้ายไข่มุก เม็ดสีขาว ขนาดประมาณ 1 ซม. มีความสวยงาม คล้ายกับไข่มุกเมโล จึงหยิบเนื้อหอยมาดูแล้วก็เอามือบีบดู
รู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆ อยู่ในหอย
 
 
นายเศรษฐพงศ์ เล่าว่า ตนพูดกับครอบครัวว่าเป็นไข่มุกหรือเปล่า ไข่มุกเม็ดนี้จะมีมูลค่าหรือไม่จึงนำใส่กล่องสีน้ำเงินเก็บรักษาไว้เพื่อเตรียมส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณี เชียงใหม่ (Chiangmai Gem Testing Laboratory : CGT LAB) โดยได้ประสานไว้แล้ว นายเศรษฐพงศ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนและครอบครัวได้เดินทางไปขอพรอธิษฐานจิต
ขอให้ครอบครัวพบแต่ความสุขความเจริญที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นวัดของ ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต พระนักบุญแห่งแดนล้านนา เกจิชื่อดังแห่งภาคเหนือ หลังจากนั้นได้อีก 2 วัน ได้ไปซื้ออาหารทะเล
กุ้ง หอย ปลาหมึก มาทานกับครอบครัวที่บ้านตามปกติ ก่อนที่จะพบว่าหอยแครงมีไข่มุก
 
ซึ่งไข่มุกเมโล่” หนึ่งในไข่มุกธรรมชาติที่หายากที่สุด และแพงที่สุดของโลก ในหอยทากทะเลแค่ 1 ตัว ในทุกๆ 3,000 ตัวเท่านั้น ที่สร้างมุกชนิดนี้ได้ ทั่วโลกพบแค่ 4 ประเทศ รวมถึงไทย
 
สำหรับราคาซื้อขายปกติแล้วไข่มุกเมโลจะมีราคาซื้อขายกันในท้องตลาดอยู่ที่ราวเม็ดละ 200,000 ถึง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยตก เม็ดละ 6 – 7.5 ล้านบาท แต่หากเป็นไข่มุกเมโล ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับลูกกอล์ฟ หรือใหญ่กว่านั้น ราคาขายอาจพุ่งขึ้นสูงทะลุ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเม็ด หรือราวเม็ดละ 15 ล้านบาท เลยทีเดียว ในส่วนของสี ไข่มุกเมโลโดยทั่วไปจะมีสีเหลืองซีด/ สีเหลืองเข้ม/ สีส้มจางๆ เรื่อยไปจนถึงสีส้มจัด โดยสีส้มจัดจะถือเป็นสีที่มีราคาแพงที่สุด มากกว่าเฉดสีอื่นๆ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ภรรยาหวั่นสามีเสียชีวิตร่ำให้หลังหายสาปสูญในอิสราเอล

 

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2566  ที่ผ่านมาที่หมู่บ้านกิ่วดอยหลวง หมู่ 10 ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของคนไทยกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ได้มี น.ส.สุนทรี แซ่ลี อายุ 28 ปี ซึ่งมีสามีชื่อนายกง แซ่เล่า อายุ 26 ปี ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ประมาณ 1 ปียังไม่ทราบสถานะว่าเป็นอย่างไรเพราะไม่ได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มประมาณ 6 คนอย่างชัดเจน ทำให้ น.ส.สุนทรี รู้สึกสับสน และกังวลใจอย่างมาก ทั้งนี้ช่วงเกิดเหตุนายกงยังได้ถ่ายคลิปการยิงต่อสู้กันโพสต์ลงเฟซบุ๊กโดยมีเสียงสนทนากับเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนและมีการยิงขีปนาวุธผ่านพื้นที่ทำงานด้วย ก่อนจะไม่สามารถติดต่อได้จนถึงปัจจุบัน

.
น.ส.สุนทรี กล่าวว่าตนกับสามีอยู่กินได้กันได้นานประมาณ 10 ปีแต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน และเขาพึ่งเดินทางไปทำงานใกล้กับเขตฉนวนกาซาได้เกือบ 1 ปีโดยจะครบปีวันที่ 8 พ.ย.นี้ โดยก่อนไปได้กู้หนี้ยืมยิน และพึ่งได้ชดใช้หนี้ จากนั้นเราวางแผนกันว่าจะสร้างบ้านหลังใหม่ ดูแลแม่ของเขาที่ชราภาพด้วย โดยช่วงที่ไปทำงานตนก็สามารถติดต่อกับสามีได้ตลอด กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.ซึ่งเป็นวันหยุด และเป็นวันที่เริ่มเกิดเหตุเขาได้ติดต่อมาทำให้ตนสอบถามสาเหตุซึ่งเขาบอกว่าจำเป็นต้องตื่นเพราะมีการต่อสู้กันขึ้น ระหว่างนั้นตนได้ยินเสียงปืน และระเบิด ก่อนที่สามีจะขอวางสายไปและในช่วงสายประมาณ 11.00 น.ตนยังเห็นเฟซบุ๊กของเขาออนไลน์อยู่ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็ไม่สามาถติดต่อกันได้อีกเลย
 
.
น.ส.สุนทรี กล่าวอีกว่าหลังเกิดหตุหัวหน้างาน และเพื่อนที่ทำงานแจ้งว่าทหารอิสราเอลบอกเพียงว่าคนที่อยู่ในไร่อะโวคาโดยังไม่เสียชีวิตเท่านั้นแต่ไม่แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งยังไม่มีใครยืนยันว่าได้พบเห็นสามีของตน ทำให้ตนไม่ทราบสถานะที่ชัดเจนของสามีจากนั้นก็ไม่มีหน่วยงานใดแจ้งข้อมูลอีก ดังนั้นตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของสามีให้ด้วยโดยตนยังมีความหวังว่าเขาจะรอดชีวิตและติดต่อกลับมา
 
.
น.ส.สุนทรีกล่าวว่าคนที่ทำงานสวนอะโวคาโดยังไม่มีใครเป็นอะไร ต่างคนต่างหนีกันไปคนละทิศละทาง ก็สงสัยว่าสามีของหนูอาจจะถูกจับตัวไปเป็นตัวประกันหรือไม่ แต่หนูก็ยังไม่แน่ใจเพราะติดต่อเขาไม่ได้ทำให้ยังรอข้อความจากสามีทุกวัน สามีเป็นเสาหลักของครอบครัวเมื่อเขาหายไปหนูก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว โดยสามีเป็นคนอาภัพมากเป็นเด้กกำพร้าแต่เล็กต้องอาศัยอยู่กับตายายหลังเล็ก มีฐานะยากจน ทำให้ต้องยอมเสี่ยงที่จะไปทำงานในอิสราเอลก็หวังจะมีชีวิตใหม่ ได้เงินเดือนประมาณเดือนละ 5 หมื่นบาท ตั้งเป้าที่จะสร้างบ้าน ซื้อรถให้กับครอบครัว กับทางปู้ย่าตายายและทางแม่ แล้วก็จะกลับมาอยู่ในประเทศ โดยหลังไปอยู่ประมาณ 11 เดือนก็เกิดเหตุยิงกันบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่คิดว่าครั้งนี้จะรุนแรงเช่นนี้ ตอนนี้ก็หวังว่าสามียังอยู่ระหว่างหลบหนีเอาตัวรอดทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ ยังไม่ถึงขั้นต้องสูญเสียชีวิตเลย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

1 ใน 2,174 คนเชียงราย แรงงานอิสราเอลกลับถึงบ้าน

 

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2566  ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พานายจันทร์ดี แซ่ลี อายุ 35 ปี ชาวบ้านห้วยแล้ง หมู่ 2 ต.ท่าข้าม อ.เวียงแก่น ซึ่งเป็น 1 ใน 15 แรงงานไทยจากประเทศอิสราเอลกลุ่มแรกที่ได้เดินทางกลับประเทศไปส่งถึงบ้านเลขที่ 337 หมู่บ้านห้วยแล้ง ซึ่งพบว่าทางญาติ และชาวบ้านต่างมีการจัดโต๊ะ เก้าอี้ และกางเต๊นท์คอยต้อนรับกันอย่างเอิกเกริก เนื่องจากที่ผ่านมาปรากฎข่าวสารว่ามีคนไทยรวมถึงชาวเชียงรายเสียชีวิต และบาดเจ็บ ขณะที่นายจันทร์ดีพบว่ามีสุขภาพดีและไม่ได้รับอันตรายใดๆ

 

ซึ่งเมื่อไปถึงบ้านทางภรรยาคือนางมาลับวรรณ แซ่ลี และลูกชายอายุ 11 ปี ลูกสาว 1 คน อายุ 5 ขวบ และลูกชาย 2 ขวบตามลำดับ ซึ่งต่างยังมีอายุน้อยรวม 3 คน ต่างโผเข้ากอดนายจันทร์ดีด้วยความดีใจโดยต่างร้องไห้ที่ปลอดภัยกลับบ้าน วันเดียวกันนางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาด จ.เชียงราย ได้นำคณะเดินทางไปต้อนรับพร้อมแจ้งว่านายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้ฝากความปรารถนาดีและกำลังใจรวมทั้งหากพบปัญหาอุปสรรคใดเพิ่มเติมก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ร่วมกันไปเยี่ยมเยียนในครั้งนี้ได้
นายจันทร์ดี กล่าวว่าเมื่อได้เห็นหน้าภรรยา และลูกตนรู้สึกดีใจมาก เพราะตนไปทำงานอยู่ประเทศอิสราเอลได้ 2 ปีครึ่งแล้ว โดยช่วงที่ไปได้ 4-5 เดือนลูกสาวคนโตได้เสียชีวิตทำให้ตนยิ่งคิดถึงบ้านโดยเฉพาะไม่มีโอกาสมาร่วมในพิธีศพของลูก ทั้งนี้จุดที่ตนพักหรือแคมป์คนงานที่อิสราเอลมีแรงงานพักด้วยกัน 11 คน เมื่อเกิดการสู้รบมีคนรอดชีวิตมาได้เพียง 5 คนรวมทั้งตน ส่วนเพื่อนอีก 6 คนถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด ช่วงเกิดเหตุตนรู้สึกกลัวและยังสงสัยว่าจะได้มีโอกาสกลับมาพบครอบครัวอีกหรือไม่ เพราะแม้ในช่วงเวลาปกติไม่มีการสู้รบกันตนก็ยังนับวันจะกลับบ้านเลยและยิ่งมีมีสงครามก็ยิ่งทำให้เกิดความกลัวและอยากกลับบ้านเพราะตนรักลูกทุกคนอย่างมาก
 
 
นายจันทร์ดี กล่าวอีกว่าในหมู่บ้านที่ตนอยู่มีค่ายทหารอิสราเอลอยู่ด้วยเมื่อกองกำลังฮามาสเข้ามาจึงมีการยิงต่อสู้กันขึ้นตั้งแต่ 06.00 น.จนถึงตี 1 ของอีกวัน ส่วนพวกตนที่รอดมาได้เพราะพากันเข้าไปหลบหนีในห้องโดมที่มีไว้ป้องกันระเบิด เมื่อทหารอิสราเอลควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้วจึงช่วยพวกตนออกมาได้ดังกล่าว ทั้งนี้ตนขอให้พระเจ้าคุ้มครองเพื่อนๆ คนที่ยังอยู่อิสราเอลให้ปลอดภัย เพระมันมีทั้งพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้วแต่มีบางที่ที่อันตรายอยู่ก็มี ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่น้องแรงงานไทยทุกคนที่อยู่ทางโน้นด้วย” นายจันทร์ดีกล่าวทั้งน้ำตา
 
ด้านนางมาลัยวรรณ กล่าวว่าตนรู้สึกดีใจมากที่สามีได้กลับมาบ้านและขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ให้ความช่วยเหลือจนได้กลับบ้านมาอย่างปลอดภัย ส่วนเขาจะกลับไปทำงานที่อิราเอลหรือไม่นั้นคงต้องดูสถานการณ์ก่อนและให้เป็นการตัดสินใจของสามีอีกครั้ง

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

โครงการแก้น้ำท่วมยังไม่เสร็จ แม่จันท่วม น้ำแรงซัดสะพานเหล็กหัก

เช้าวันนี้ (9 ต.ค.) ภายหลังจากมีฝนตกหนักในช่วงคืนที่ผ่านมาได้ทำให้น้ำจากเทือกเขาไหลลงสู่แม่น้ำจันและทำให้ระดับน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมริมฝั่งพื้นที่หมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 5 หมู่ 6 และหมู่ 7 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน และหมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 3 ต.แม่จัน โดยน้ำเข้าท่วมตั้งแต่ริมถนนสายแม่จัน-แม่อาย บริเวณแยกแม่อายที่เป็นที่ลุ่ม และริมตลาดสดแม่จันภายในเขตเทศบาล ต.แม่จัน ทำให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าตึง และเทศบาล ต.แม่จัน ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปขุดตัก และขนวัชพืชโดยเฉพาะประเภทกิ่งไม้ใบไม้ที่ติดอยู่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำจันด้านหลังตลาดสดออก เพื่อเร่งระบายน้ำให้ไหลผ่านไปโดยเร็ว อย่างไรก็ตามช่วงที่ยังเร่งระบายก็ได้ทำให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนริมฝั่ง และถนนลึกประมาณ 25 ซ.ม.
.
หลังเกิดเหตุนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.เชียงราย ได้เข้าช่วยเหลือชาวบ้านโดยเฉพาะขนย้ายข้าวของไปไว้บนพื้นที่สูงและสำรวจความเสียหายทั้งหมด ขณะนี้น้ำได้ลดระดับลงอย่างต่อเนื่องและหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในวันเดียวกันต่อไป
.
ด้านนายทัต วังเมือง ปลัดอบต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย กล่าวว่าน้ำเข้าเอ่อล้นเข้าท่วมในช่วงเวลากลางคืนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อยู่อาศัยแต่ก็เข้าท่วมและลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ทรัพย์สินชาวบ้านไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนเส้นทางในบางหมู่บ้านมีดินโคลนก็ใช้รถแทรคเตอร์เข้าขุดตักออก นอกจากนี้ยังมีสะพานเหล็กกว้าง 2 เมตร ของ อบต.ป่าตึง ซึ่งใช้ข้ามแม่น้ำจันพื้นที่หมู่บ้านห้วยยาโนถูกน้ำได้พักขาดซึ่งจะได้รอให้น้ำแห้งและเข้าซ่อมแซมต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชี้แจง “ลูกนากเล็บสั้น” หลุดบนเครื่องบินไทย พาวุ่นทั้งลำ!

วันนี้ (5 ต.ค.66) เพจเที่ยวทุกที่ Boarding Pass ได้เผยภาพคลิปความยาว 1 นาที เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่กำลังไล่จับลูกนากเล็บสั้น อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพนักงานต้อนรับ หรือ เพอร์เซอร์ ได้ประกาศตามหาตัวเจ้าของนาก 3 ภาษา ไทย – อังกฤษ – จีน แต่กลับไม่มีใครแสดงตัว และมีการระบุว่ามีความจำเป็น ที่จะต้องหาเจ้าของสัตว์ให้ได้ จนมีชาวต่างชาติ 1 คน เดินมาคุยกับพนักงานต้อนรับเพื่อขอนากคืน และเหมือนจะร้องไห้ด้วย

ต่อมากรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รายงานว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า พบมีการลักลอบส่งออกสัตว์ป่ามีชีวิตขึ้นไปบนเครื่องบินของสายการบิน Vietjet Air ที่เดินทางจากสนามนินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ไปยังเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน

จากการตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบขนส่งสัตว์ป่า คือ เต่าดาวพม่า 20 ตัว นาก 2 ตัว พญากระรอก 2 ตัว และแพรี่ด็อก 1 ตัว ซุกช่อนอยู่ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง ทั้งนี้ไม่มีผู้โดยสารคนใดแสดงตัวเป็นเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว

ทำให้เจ้าหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ประสานงานกับสายการบิน Vietjet Air เพื่อขอทราบรายละเอียดข้อมูลเที่ยวบินผู้โดยสารที่ถือกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน และให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ประสานงานกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบกระเป๋าที่ต้องสงสัยในการลักลอบสัตว์ป่าออกไป

พบว่าผู้โดยสารที่นำสัตว์ขึ้นเครื่องดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย ซึ่งได้มีการนำกระเป๋าผ่านเครื่อง X-Ray บริเวณจุดตรวจค้นในเวลาประมาณ 13.45 น. โดยพนักงานวิเคราะห์ภาพเกิดข้อสงสัยจึงส่งกระเป๋าให้พนักงานอีกคนหนึ่งทำการเปิดกระเป๋า เพื่อพิสูจน์ทราบว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นวัตถุอันตรายหรือ วัตถุต้องห้ามหรือไม่ แต่พนักงานคนดังกล่าวมิได้ทำการเปิดตรวจกระเป๋าและอนุญาตให้ผู้โดยสารผ่านจุดตรวจค้นเดินทางขึ้นเครื่องบินต่อไป

ทสภ. ขอเน้นย้ำว่าระบบเทคโนโลยีที่นำมาใช้ภายในจุดตรวจค้นของ ทสภ. สามารถทำงานได้ตามมาตรฐาน และขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุต้องห้ามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน

แต่กรณีนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพนักงานเปิดตรวจสอบกระเป๋าไม่ดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ โดย ทสภ. มีคำสั่งให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหยุดปฏิบัติงานทันที และหากผลการสอบสวนพบว่าเป็นการละเลยขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานจะต้องถูกดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป

 

ทั้งนี้ ทสภ. ขอย้ำเตือนผู้เดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกท่าน ไม่กระทำผิดกฎหมายโดยการลักลอบ นำสัตว์ หรือ ซากสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตขึ้นเครื่องเข้า-ออกนอกประเทศ หากประสงค์จะนำสัตว์เลี้ยงเดินทาง ขอให้ทำการขออนุญาตให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายทั้งกฎหมายไทยและต่างประเทศ ที่ต้องรับโทษทั้งปรับและจำคุก


 

สำหรับ “นาก” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535  ในไทยมี 4 ชนิดคือ นากเล็กเล็บสั้น นากใหญ่ขนเรียบ นากจมูกขน และนากธรรมดา แต่ตัวที่อาจพบได้ในเขตเมืองมี 2 ชนิดคือ นากใหญ่ขนเรียบ นากเล็กเล็บสั้น ไม่สามารถครองครองหรือค้าได้  

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

คาดการณ์! บทลงโทษ เหตุกราดยิงกลางห้างดัง

 

จากเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 16.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ของห้างได้รีบอพยพคนออกมาภายนอกห้างอย่างเร่งด่วน จากรายงานเบื้องต้น ณ ขณะนี้แจ้งว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้บาดเจ็บ 4 ราย ซึ่งในเวลาต่อมา 17.20 น. คนร้ายได้ถูกจับกุม โดยผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนเพศชาย อายุ 14 ปี พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. ซึ่งคนร้ายได้ใช้กระสุนไปจนหมด

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ จึงได้ทำการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโทษที่เยาวชนผู้ก่อเหตุจะได้รับเมื่อมีความผิดจริง

ในส่วนโทษทางคดี ตำรวจสามารถตั้งข้อหาได้ดังนี้
1.ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 – 20,000 บาท
2.พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน หนึ่งร้อยบาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น
3.ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
4.พยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ซึ่งจะตรงกับมาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิตจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และตามประมวลกฎหมายอาญาในมาตรา 289 (4) ได้บัญญัติโทษไว้เพียงสถานเดียว คือโทษ “ประหารชีวิต”

โดยมาตรา 74 บัญญัติว่า “เด็กอายุกว่า 12 ปีแต่ยังไม่เกิน 15 ปี เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) ว่ากล่าวตักเตือนเด็กนั้นแล้วปล่อยตัวไป
(2) ผู้ปกครองต้องระวังเด็ก ไม่ให้ก่อเหตุร้ายงไม่เกิน 3 ปี และถ้าเด็กก่อเหตุร้ายขึ้น ผู้ปกครองจ่ายศาลไม่เกิน 10,000 บาท
(3) ส่งตัวเด็กนั้นไปยังสถานศึกษา ฝึกและอบรมเด็ก ตลอดระยะเวลาที่ศาลกำหนด แต่ไม่เกินอายุครบ 18 ปี
– ในกรณีที่มีผู้ปกครอง ศาลจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติเด็ก ให้ศาลแต่งตั้งพนักงานเพื่อคุมความประพฤติเด็กนั้น
– ในกรณีที่เด็กนั้นไม่มีผู้ปกครอง ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กให้อยู่กับบุคคลหรือองค์การที่ศาลเห็นสมควร เพื่อดูแล อบรม และสั่งสอนตามระยะเวลาที่ศาลกำหนดก็ได้

ในคำสั่งของศาล (2) (3) วรรคสอง และวรรคสาม ถ้าภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ ความปรากฏแก่ศาล ก็ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้นหรือมีคำสั่งใหม่ตามอำนาจในมาตรานี้”

ส่วนหลักของผู้ปกครองขอผู้ก่อเหตุในครั้งนี้จะต้องถูกชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นคดีแพ่งที่ต้องฟ้องร้องกัน ซึ่ง”พ่อแม่จะต้องร่วมรับผิดชอบ”โทษทางแพ่ง โดยการชดใช้สินไหมทดแทนเว้นแต่ดูแลด้วยความระมัดระวังแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ม.420,429) ก็ต้องมาพิสูจน์ในชั้นศาล

และเมื่อประชาชนต้องประสบเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แนะนำวิธีรับมือ คือ “หนี-ซ่อน-สู้” หรือ “Run Hide Fight” ซึ่งเป็นหลักสากลที่ FBI และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในหลายๆประเทศ นำมาใช้แนะนำประชาชนในการเอาชีวิตรอดในเหตุกราดยิง
– “หนี – Run” เมื่อสามารถหาเส้นทางหลบหนีที่พาไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้
– “ซ่อน – Hide” เมื่อไม่สามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ได้ ให้หาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัว
– “สู้ – Fight” เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่สามารถหนีหรือซ่อนตัวจากคนร้ายได้ และคนร้ายกำลังจะเข้ามาถึงตัวหรือโจมตีมาที่ตน

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ จึงได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้เชียวชาญเกี่ยวกับอาวุธปืน แผลที่ถูกยิง รวมไปถึงบาดแผลที่ส่งผลให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จากปืนที่ก่อเหตุขนาด 9 มม. โดยทางผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่ว่าวิถีกระสุนจะถูกบริเวณไหนในร่างกายก็ตาม ถ้าหากเกิดการทะลุขึ้นมา เลือดจะไหลออกจำนวนมากและอาจทำให้เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ และยิ่งปืนมีความยาวมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้กระสุนยิงได้ไกลมากขึ้น โดยตัวกระสุนจะมีความร้อนมาก ทำให้แผลหรือส่วนที่ถูกยิงมีความกว้าง

ส่วนเรื่องมาตรการการรักษาความปลอดภัยของห้าง รปภ. ที่อยู่ประจำประตูไม่มีสิทธิในการตรวจค้นตัว ถึงมีจะมีเครื่องสแกนโลหะ และได้ยินเสียงก็ไม่มีสิทธิตรวจค้น

โดยล่าสุดทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ ได้มีการรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับท่านทูตจีน เพื่อรายงานสถานการณ์ทั้งหมด ซึ่งท่านทูตจีนได้ขอบคุณในความใส่ใจของรัฐบาลไทย อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับผู้บาดเจ็บทั้งหมดไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งท่านทูตจีนก็ซาบซึ้งใจ และขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ take action ทันที

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES VIDEO

(มีคลิป) รวบไตเติ้ล นักถ่ายใต้กระโปรง ทำมาแล้ว 7 ปี พบเหยื่อกว่า 430 ราย

 

“ไตเติ้ล แอบถ่ายใต้กระโปรง” ภัยสำหรับสาวชอบนุ่งกระโปรง แฝงตัวตามห้างสรรพสินค้า สะพานลอย ในพื้นที่กรุงเทพฯ คัดเหยื่อหญิงสาวหุ่นดีและนุ่งกระโปรง ก่อนเดินประกบแล้วแอบใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพใต้กระโปรง พร้อมใบหน้า ล่าสุดถูกชุด “สืบนครบาล” และ “PCT5” จับกุมตัวได้ในบ้านพักและขยายผลในโทรศัพท์ทำให้ชุดจับกุมถึงกับอึ้ง พบคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรงพร้อมใบหน้าเหยื่อกว่า 430 ราย!!! ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เจ้าตัวยอมจำนนต่อหลักฐานสารภาพกับ “ผู้การจ๋อ” ทำไปเพราะชอบความตื่นเต้น เมื่อทำสำเร็จรู้สึกได้ปลดปล่อย ยิ่งกว่าการมีเซ็กส์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งเร่งขยายผลกู้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยเร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ปรีชากรณ์ เหมาอำพมาตร์ รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว , พ.ต.ท.ปกป้อง ฟองเลา , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และชุด PCT5 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายทรรศน์ เสมอภาค หรือ ไตเติ้ล อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.902/2566 ลงวันที่ 15 ก.ย.2566

ในข้อหา “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ โดยได้บันทึกภาพหรือเสียงการกระทำอนาจารนั้นไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่นและกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการรังแก หรือข่มเหงผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณสถาน”

ตรวจยึดของกลาง 2 รายการ
1.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง (กู้ข้อมูลพบคลิปแอบถ่ายใต้กระโปรงกว่า 873 ภาพ ใบหน้าเหยื่อ 430 ราย)
2.คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง (พบข้อมูลการฝึกแอบถ่ายใต้กระโปรง-รอกู้ข้อมูล)

พฤติการณ์ กล่าวคือ “ไตเติ้ล นักแอบถ่ายใต้กระโปรง” ภัยเมืองกรุงของเหล่าเด็กสาว เมื่อได้เกิดกลุ่มลับที่พวกชายสายหื่นที่ชื่นชอบเสพสื่อลามกประเภทของการ “แอบถ่ายใต้กระโปรง“ แล้วนำคลิปมาแชร์มาเสพกันในกลุ่ม โดยแผนประทุษกรรมจะหาเหยื่อตามห้างดัง และสะพานลอย ในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จากนั้นจะคัดเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กหญิงที่ ”สวมกระโปรง” จากนั้นจะเดินสะกดรอยติดตามเยี่ยงคนโรคจิต จากนั้นเมื่อสบโอกาสก็จะใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปวีดิโอใต้กระโปรงเหยื่อ โดยเหยื่อเกือบทุกรายจะ ”ไม่รู้ตัว“ หรือบางรายรู้ตัว คนร้ายก็จะเดินหลบหนีไป ล่าสุดโคตรนักมุดรายนี้ได้ลงมือก่อเหตุในห้างดังย่านสามย่าน โดยก่อเหตุอย่างอุกอาจชนิดที่ไม่เกรงกลัวกล้องวงจรปิด เพราะมั่นใจว่าเหยื่อไม่รู้ตัว แต่แล้วได้มีพลเมืองดีแจ้งให้กับเหยื่อทราบว่าถูกแอบถ่าย จึงพากันเข้าแจ้งความดำเนินคดี ชุดสืบสวนของ สืบนครบาลตรวจสอบแผนประทุษกรรมพบพยานหลักฐานว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน ซึ่งต่อมาได้สืบทราบว่าคนร้ายรายนี้คือ นายทรรศน์ฯ หรือ ไตเติ้ล อายุ 29 ปี ซึ่งได้ถูกออกหมายจับในเวลาต่อมา เรื่องนี้ถึงหู พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้ส่งชุดสืบสวนนครบาลมือดีสืบสวนติดตามจับกุมตัว ซึ่งต่อมาได้ติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ย่านงามวงศ์วาน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 66 ซึ่งจากการขยายผลในบ้านพักดังกล่าวพบหลักฐาน โทรศัพท์ และ คอมพิวเตอร์ ของคนร้ายซึ่งมีคลิปที่แอบถ่ายใต้กระโปรงลักษณะนี้อีกกว่า 873 ภาพ!! พร้อมภาพใบหน้าเหยื่อกว่า 430 ราย ทำเอาทั้งชุดสืบสวนถึงกับอึ้ง ซึ่งเจ้าตัวยอมจำนนต่อหลักฐานและรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่อย่างหมดเปลือก
ในชั้นจับกุม นายทรรศน์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองเป็นคนที่มีฐานะทางครอบครัวดี จบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านดินแดง โดยจบมาแล้วก็เริ่มก่อเหตุ โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากที่ตนเองมีรสนิยมในการเสพหนังโป๊แนวพิสดาร เช่น แนวมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสูงวัย หรือแนวที่มีเพศสัมพันธ์พิเศษ และในช่วงที่ตนเองว่างงานรู้สึกเบื่อจึงอยากหาความท้าทาย จึงเริ่มเรียนรู้โดยศึกษาการแอบถ่ายใต้กระโปรงหญิงสาว หรือการแอบถ่ายหญิงสาวเข้าห้องน้ำจากทางอินเตอร์เน็ท จนเริ่มลงมือก่อเหตุจริง โดยตนเองทำมาต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 7 ปี โดยจะทำเป็นช่วงๆ พักเป็นช่วงๆ ทำมาเรื่อยๆเป็นร้อยๆราย โดยตนจะชอบหาเหยื่อในพื้นที่ห้างดังต่างๆ และตามสะพานลอยในเส้นทางที่ตนเองเดินทาง โดยจะคัดเหยื่อที่เป็นหญิงสาวที่สวมกระโปรงและหุ่นดี และการก่อเหตุจะดูสถานการแวดล้อมในจุดที่คนน้อยเช่น ร้านเครื่องเขียน ร้านค้าในห้าง และที่ถนัดที่สุดคือบริเวณบันไดเลื่อนจะสามารถก่อเหตุได้ง่ายที่สุด ซึ่งตนเองไม่กลัวกล้องวงจรปิด เพราะมั่นใจว่าฝีมือเก่งก่อเหตุได้แบบเหยื่อไม่รู้ตัวแน่นอน โดยเข้าใจว่าทำแค่ร้อยราย แต่พอมาดูผลงานจริงๆพบว่า 430 ราย ตกใจเหมือนกัน ขอโทษเหยื่อที่เคยก่อเหตุมา ต่อจากนี้จะให้เกียรติและเป็นลูกผู้ชายมากขึ้น” หลังจับกุมตัว ได้นำตัวพร้อมของกลางที่ตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. (ผู้การจ๋อ) กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะเราพบพยานหลักฐานที่ได้จากการกู้ข้อมูล พบคลิปการแอบถ่ายลักษณะนี้กว่า 873 คลิป ซึ่งปรากฏผู้เสียหายกว่า 430 ราย ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนกว่า 160 คน และเชื่อว่ายังมีอีกไม่น้อย ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้กู้ข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยเร็วที่สุด เพราะว่าหากภาพเหล่านี้หลุดออกไปจะทำลายชีวิตของหญิงสาวหลายร้อยชีวิตให้ตายทั้งเป็น จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงพ่อแม่ผู้ปกครองให้ระมัดระวังบุตรหลานของท่าน มิจฉาชีพเหล่านี้แฝงตัวตามห้างสรรพสินค้าและเลือกก่อเหตุในจุดที่ง่ายต่อการแอบถ่าย และผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟสบุ๊คเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเป็นคดีสร้างความเสียหายกับผู้หญิงเป็นอย่างมากตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สืบนครบาล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ปศุสัตว์เชียงราย ประกาศเขตโรคระบาด “บ้านดอยสะโง้” หลังหมูดำตายระนาว

 
วันที่ 30 กันยายน 2566 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย นำโดย นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงรายพร้อมด้วย ปศุสัตว์อำเภอเชียงแสน ด่านกักกันสัตว์เชียงราย สำนักงานปศุสัตว์เขต 5 และศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบน จ.ลำปาง
 
ลงพื้นที่จัดเวทีหารือร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำตำบล และชาวบ้านในพื้นที่บ้านดอยสะโง้ หมู่ที่ 7 ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยดำเนินการประชาสัมพันธ์ประกาศเขตโรคระบาดสัตว์ชั่วคราว ชนิดโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร ชนิดสุกร และหมูป่า ในพื้นที่บ้านดอยสะโง้ หมู่ที่ 7 ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบจุด เกิดโรค
 
โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 แห่งพรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ให้ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ทราบ และแจ้งมาตรการดำเนินการลดความเสี่ยงของการระบาดโดยการทำลายสุกรที่เหลือในพื้นที่ทั้งหมด โดยอาศัยอำนาจสัตวแพทย์ตามมาตรา 13 (4) แห่ง พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 
 
เนื่องจากสงสัยว่าสุกรอาจป่วยด้วยโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกรซึ่งเป็นโรคที่ไม่มียารักษาและไม่มีวัคซีนป้องกันโรค และจะดำเนินการชดใช้การทำลายสุกรตามระเบียบของกรมปศุสัตว์ นอกจากนี้ และด่านกักกันสัตว์เชียงราย ตั้งด่านสกัดกั้นการเคลื่อนย้าย เพื่อป้องปรามการลักลอบเคลื่อนย้ายในพื้นที่อีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

สะพานวังสะแกงข้ามลำน้ำปิงถล่มรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2566 เพจข่าวด่วนจอมทอง รักคุณ โพสต์ภาพสะพานเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.จอมทอง (จ.เชียงใหม่)กับ อ.เวียงหนองล่อง (จ.ลำพูน) หรือ สะพานวังสะแกงที่ให้ข้ามลำน้ำปิงพังถล่มลงแม่น้ำปิงเรียบร้อยแล้ว หลังทนต่อกระแสน้ำที่ไหลแรงเชี่ยวพัดถล่มลงมา เมื่อเวลา 17.31น.ที่ผ่านมา
 
ซึ่งจุดเกิดเหตุสะพานวังสะแกง-ท่าศาลาทรุดตัว ยังพบว่ามีแม่น้ำปิงที่ไหลเชี่ยวซัดตอม่อสะพาน ซึ่งมีความยาวประมาณ 20 เมตร ความกว้างรวมฟุตบาทประมาณ 8 เมตร โดยสะพานดังกล่าวก่อสร้างเมื่อปี 2563 ปัจจุบันใช้งานมาแล้ว 35 ปี และมีรอยร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากมองจากระยะไกลจะเห็นว่าสะพานทรุดตัวเป็นลักษณะลูกคลื่น ทำให้ผู้ใช้เส้นทางต้องเลี่ยงไปใช้สะพานอื่นที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบซ่อมแซม แก้ไข
 
ทางทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สืบทราบมาจากทางประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนพบว่าย้อนกับไปเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ที่สะพานวังสะแกง-ท่าศาลา เชื่อมต่อจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่ ตำบลหนองล่อง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นายโยธิน ประสงค์ความดี ปลัดจังหวัดลำพูน นายบุญส่ง ไชยมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน นายจักรี สโมสร นายอำเภอเวียงหนองล่อง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบถนนสาย ลพ 3003 ช่วงสะพานวังสะแกง-ท่าศาลา เชื่อมต่อจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสะพานที่เชื่อมต่อ อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน กับอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีสภาพชำรุด เกิดการทรุดตัวของสะพานอย่างเห็นได้ชัด และมีรอยร้าวขนาดใหญ่ ปัจจุบันได้นำป้ายมาปิดกั้นห้ามรถยนต์ หรือรถบรรทุกผ่าน เพราะอาจเกิดอันตรายแก่ประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นทางดังกล่าวได้
 
และเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 65 ก็มีข่าวสะพานที่หน่วยงานองค์กรท้องถิ่น ทั้งของ อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน และ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า สะพานเชื่อมทั้งสองจังหวัด มีสภาพทรุดตัวอย่างเห็นได้ชัดรอยร้าวขนาดใหญ่บนสะพาน ทางหน่วยงานองค์กรท้องถิ่นทั้งสองจังหวัดได้นำป้ายมาปิดกันห้ามผ่านแล้วคนละฝั่ง
.
จนวันนี้เมื่อเวลา 17.31น.ที่ผ่านมา สะพานวังสะแกงถล่มลงแม่น้ำปิง สร้างความตกตะลึงให้ชาวบ้านที่รอดูเหตุการณ์ ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจและเศร้าใจ
โดยสะพานดังกล่าวเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.จอมทอง (จ.เชียงใหม่) กับ อ.เวียงหนองล่อง (จ.ลำพูน)เนื่องจากถูกกระแสแม่น้ำปิงที่มีน้ำหลากไหลเชี่ยวพัดถล่มลงมา
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ข่าวด่วนจอมทอง รักคุณ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

“พิสันต์” นำทีม สวจ.เชียงราย คว้ารางวัล สำนักงานวัฒนธรรมดีเด่น 3 ปีซ้อน

 

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ถูกคัดเลือกสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งเคยได้รับมาแล้ว 2 ปีก่อนหน้านี้ทำให้ เชียงรายได้รับ 3 ปีติดต่อกัน

เนื่องด้วยกระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศกระทรวงวัฒนธรรม โดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง ผลการคัดเลือกสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินการคัดเลือกสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องเชิดซูเกียรติสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดที่สามารถขับเคลื่อน งานวัฒนธรรมในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นรูปธรรม และได้รับการยอมรับจากผู้บริหารหน่วยงาน องค์กร ภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายทางวัฒนธรรม ส่งเสริมและผลักดันให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมีการปรับปรุงพัฒนาและยกระดับมาตรฐานคุณภาพการดำเนินงานของสำนักงาน เป็นขวัญกำลังใจ เสริมแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรในสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการปฏิบัติงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดที่มีผลงานดีเด่นให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติงานด้านวัฒนธรรมในพื้นที่นั้น

 

ในการนี้ กระทรวงวัฒนธรรมโดยคณะกรรมการคัดเลือกสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้ประเมินสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดีเด่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เรียบร้อยแล้ว โดยผลการประเมิน มีจำนวน 11 จังหวัด ปรากฎตามรายชื่อ ดังนี้

1. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร

2. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี

**3.สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

4. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน

5.สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่

6. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา

7. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดราขบุรี

8. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเลย

9. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ

10. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร

11. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี

 

ทางทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ กล่าวว่า สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ทำงานหลากหลายมิติ เข้าไปร่วมช่วยเหลือทุกภาคส่วน ไม่ได้มองว่าจะต้องรอให้ได้รับมอบหมาย เพราะมองผลประโยชน์ของชาวบ้านเป็นหลัก การทำงานวัฒนธรรมเราใช้ใจเต็มร้อยในการทำและเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้านที่ลงไปพัฒนาในด้านวัฒนธรรม ให้ต่อยอดพัฒนาเป็นรายได้เข้าชุมชนของตัวเขาเอง ส่วนทีมงานเราช่วยกันพัฒนาต่อยอดในการเอานวัตกรรมผสมวัฒนธรรมให้ทันโลกทันสมัยให้งานที่มีอยู่มีมูลค่าทั้งราคา และจิตใจ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News