Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

กรมป่าไม้ยืนยัน ‘ไร่เชิญตะวัน’ ที่เชียงรายไม่มีการบุกรุกพื้นที่

กรมป่าไม้แถลงผลตรวจ “ไร่เชิญตะวัน” ของพระ ว.วชิรเมธี ไม่พบการบุกรุกพื้นที่ป่า

กรมป่าไม้ตรวจสอบศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน ไม่พบการบุกรุก

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นประธานในการแถลงข่าวการตรวจสอบพื้นที่ของ “ศูนย์วิปัสสนา ไร่เชิญตะวัน” ของพระ ว.วชิรเมธี ภายหลังการเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และไม่พบการใช้ประโยชน์นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยปุย อ.เมือง จ.เชียงราย

รายละเอียดพื้นที่ได้รับอนุญาต 3 แปลง ครอบคลุม 139 ไร่

การใช้ประโยชน์พื้นที่โดยมูลนิธิวิมุตตยาลัยและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติครอบคลุมพื้นที่ 3 แปลง โดยกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่จัดตั้งวัดและสถานที่วิปัสสนา ได้แก่:

  • แปลงที่ 1 พื้นที่ 113 ไร่ 1 งาน 82 ตารางวา อนุญาตให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2566 ถึงวันที่ 12 มีนาคม 2596 ใช้สำหรับมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ ธรรมสมโภช 750 ปี รัตนบุรีเชียงราย และโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์
  • แปลงที่ 2 พื้นที่ 14 ไร่ 3 งาน 97 ตารางวา ได้รับอนุญาตเพื่อสร้างวัดไร่เชิญตะวัน โดยมีระยะเวลาอนุญาตตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2596
  • แปลงที่ 3 พื้นที่ 11 ไร่ 3 งาน 01 ตารางวา สำหรับสร้างศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน มีการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2596

เงื่อนไขการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการฟื้นฟูพื้นที่

กรมป่าไม้ได้กำหนดเงื่อนไขในการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าเสื่อมโทรม โดยจะต้องรักษาป่าที่ได้รับการอนุญาตให้คงอยู่และฟื้นฟูเพื่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ใหม่ การปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างสามารถทำได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของพื้นที่ได้รับอนุญาต สำหรับมูลนิธิวิมุตตยาลัยที่ได้รับอนุญาตใช้พื้นที่ 113 ไร่ ทางกรมป่าไม้พิจารณาอนุญาตจากความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่

นายบรรณรักษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การอนุญาตดังกล่าวช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ป่า ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากหลักทางพระพุทธศาสนาที่มุ่งเน้นการใช้พื้นที่อย่างยั่งยืน

มาตรการตรวจสอบและการเรียกเก็บค่าฟื้นฟู

กรมป่าไม้ดำเนินการตรวจสอบการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าทุกปี หากพบการใช้พื้นที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กรมป่าไม้จะมีมาตรการว่ากล่าวตักเตือน หรืออาจยกเลิกการอนุญาตในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดการฟื้นฟูป่าได้ ผู้ได้รับอนุญาตสามารถชดเชยเป็นค่าบำรุงป่าในอัตรา 12,090 บาทต่อไร่ สำหรับมูลนิธิวิมุตตยาลัย การชำระค่าบำรุงป่าจะเริ่มในปีหน้าในอัตราเริ่มต้นร้อยละ 25 ของเงินทั้งหมด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมป่าไม้

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ตรวจสอบศูนย์วิปัสสนาไร่เชิญตะวัน ใช้พื้นที่ป่าสงวนเกินขอบเขตหรือไม่

การตรวจสอบพื้นที่ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน: มีการรุกล้ำป่าสงวนหรือไม่?

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดอยตุง ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย การตรวจสอบครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุกเกินกว่าเขตที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ โดยการตรวจสอบคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน

การตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด

ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) นายประสิทธิ์ ท่าช้าง พร้อมด้วยสารวัตรจากกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ต.ท.ยศวัฒน์ เอกกุล ได้นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เดินสำรวจหลักหมุดแนวเขตและทำการรังวัดที่ดิน เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับแผนที่การขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้พื้นที่อยู่ในขอบเขตที่ได้รับอนุญาตหรือไม่

การขอใช้พื้นที่ของศูนย์วิปัสสนา

ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันได้ขออนุญาตใช้พื้นที่รวมทั้งสิ้น 143 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 3 แปลง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดอยตุง ซึ่งได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าการใช้พื้นที่นี้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและระเบียบหรือไม่ และยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเป็นธรรม

กระแสข่าวเรื่องการบุกรุกพื้นที่เกินขอบเขต

ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าพื้นที่การใช้จริงอาจเกินจากที่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวน 190 ไร่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด หากพบว่ามีการบุกรุกเกินกว่าแนวเขต ผู้เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่หากไม่มีการรุกล้ำ ถือว่าเป็นการใช้พื้นที่ตามที่ขออนุญาต

เจ้าคณะจังหวัดเชียงรายยืนยันการตรวจสอบ

จากกรณีนี้ เจ้าคณะจังหวัดเชียงรายเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อพระ ว.วชิรเมธี เจ้าอาวาสวัดได้ เนื่องจากท่านอยู่ในศาสนกิจต่างประเทศ ดังนั้นการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจึงยังไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรอให้ท่านกลับมาเพื่อตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้พื้นที่

ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีที่เกี่ยวข้องกับพระ ว.วชิรเมธี

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่พระ ว.วชิรเมธี ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโฆษณาให้กับบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” โดยมีการเผยแพร่คลิปเสียงในสื่อโซเชียล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพุทธศาสนา คณะสงฆ์เชียงรายกำลังติดตามข้อมูลและรอการสอบถามข้อเท็จจริงจากท่าน

การตรวจสอบศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันจะดำเนินการต่อไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาอีก 3-4 วันเพื่อตรวจสอบแนวเขตและรายงานผลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ตำรวจสืบสวนคดี The iCon Group สั่งทุกโรงพักรับแจ้งความคดี

ความคืบหน้าของคดี The iCon Group: รายงานล่าสุดจากผบ.ตร.

ความก้าวหน้าของการสอบสวน

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี The iCon Group ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารหารเสริมสุขภาพ คดีนี้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในช่วงวันที่ 10-12 ตุลาคม 2567 โดยมีผู้เสียหายรายแรกเข้ามาแจ้งความถึง 630 ราย โดยรวมความเสียหายถึงกว่า 228 ล้านบาท

ทีมสอบสวนและการดำเนินการ

คดีนี้ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ โดย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นผู้กำกับดูแลหลัก ทีมสอบสวนประกอบด้วย พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. นอกจากนี้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. ยังเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินคดีนี้อีกด้วย

การตรวจค้นและการยึดเอกสารสำคัญ

ตำรวจสอบสวนกลางได้ทำการตรวจค้นบริษัทเดอะไอคอนกรุ๊ป 9 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยได้ยึดเอกสารหลักฐานสำคัญจำนวนมากเพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบสวนคดี นอกจากนี้ ยังมีการสอบปากคำนายวรัตน์พล หรือที่รู้จักในนามบอสพอล และนักแสดง 4 ราย ได้แก่ นายยุรนันท์ หรือแซม, น.ส.พีชญา หรือมิน, นายฐานนท์ หรือหมอเอก, และนายกลด หรือปีเตอร์ อีกด้วย

การสอบสวนเพิ่มเติมและการดำเนินการทางกฎหมาย

ถึงแม้ว่าจะมีการสอบสวนปากคำกลุ่มแม่ข่ายไปแล้ว 8 ปาก แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมสอบสวนปากคำกับนายกันต์ นักแสดงอีกราย ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลางจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลบริษัทเพิ่มเติมเพื่อหาพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี หากพบว่ามีความผิดจริงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด

การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ

การสืบสวนคดีนี้ได้รับการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยเฉพาะการตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์สิน จำเป็นต้องประสานงานกับ ปปง. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

การอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียหาย

พล.ต.ท.อัคราเดช ฯ ได้มีการสั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศรับแจ้งความจากผู้เสียหายทุกคน ไม่ว่าจะแจ้งความที่ใด โดยมีช่องทางให้ผู้เสียหายสามารถแจ้งความได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ การเดินทางเข้ามาแจ้งด้วยตัวเองที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, การแจ้งความที่สถานีตำรวจใดก็ได้, และการแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th

ความยุติธรรมและการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม

ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำถึงความเป็นธรรมในการตรวจสอบคดี หากพบว่ามีความผิดชัดเจนจะดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่หากตำรวจที่เกี่ยวข้องเป็นผู้เสียหายในห่วงโซ่ของการกระทำความผิด ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจด้วยเช่นกัน เนื่องจากอาจมีเจ้าหน้าที่หลายคนที่เข้าร่วมแต่ไม่ได้มีเจตนาในการกระทำผิด

ความพึงพอใจในการดำเนินงาน

ผบ.ตร.กล่าวว่าพอใจในภาพรวมของการทำงานที่เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 2-3 วันหลังจากตั้งศูนย์รับแจ้งความ โดยทีมงานได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คดีมีความคืบหน้ามากขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมในการทำงานของตำรวจ

การสรุปผลคดีในอนาคตอันใกล้

คาดว่าตำรวจจะสามารถสรุปผลคดีได้ในเวลาไม่นานนัก เนื่องจากมีการดำเนินงานอย่างเข้มข้นและเป็นระบบ ตำรวจจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่มี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เตรียมใช้ AI แก้ปัญหาน้ำเน้นความแม่นยำของข้อมูลแก้ปัญหาระยะยาว

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยปรับลดระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เฝ้าระวังฝนตกหนักภาคใต้

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 เวลา 11.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ได้ประกาศปรับลดระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเหลือ 1,950 ลบ.ม./วินาที หลังจากที่มีแนวโน้มฝนลดลงในพื้นที่ต้นน้ำ การปรับลดครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝนและน้ำท่าในช่วงวันที่ 13 – 24 ต.ค. นี้

การปรับลดระบายน้ำเพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสม

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศปช. เปิดเผยว่า จากปริมาณฝนและจำนวนน้ำที่ไหลผ่านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.2 นครสวรรค์มีการระบายน้ำที่ 2,002 ลบ.ม./วินาที ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้การระบายน้ำถูกปรับลดลงเหลือ 1,950 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลดีต่อพื้นที่ต่างๆ เช่น วัดสิงห์ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมือง อำเภอพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี และวัดไชโย อำเภอไชโย จ.อ่างทอง

เตือนภาคใต้เฝ้าระวังฝนตกหนักและน้ำท่วม

นายจิรายุได้เตือนประชาชนในภาคใต้ให้เฝ้าระวังฝนตกหนักที่บางพื้นที่ เนื่องจากมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มได้ นายจิรายุขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ และติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากหน่วยงานราชการ

กนช. ใช้ AI ในการแก้ปัญหาน้ำเพื่อความแม่นยำ

ด้านคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้ประกาศว่าจะนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลเรื่องน้ำ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาน้ำในระยะยาว นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำทุกวัน

ความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่เชียงราย

นายจิรายุได้รายงานความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะและที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและดินโคลนถล่มในอำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย โดยในอำเภอเมืองเชียงรายมีการดำเนินการฟื้นฟูบ้านเรือน 1,315 ครัวเรือน จากเป้าหมายทั้งหมด 1,367 ครัวเรือน เสร็จสิ้นแล้ว 96% ส่วนในอำเภอแม่สาย มีการฟื้นฟูบ้านเรือน 598 ครัวเรือน จากเป้าหมาย 819 ครัวเรือน คิดเป็น 73% นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Big Cleaning ล้างฝุ่นบนถนนหน้าด่านพรมแดนแม่สาย เพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้ชาวแม่สายตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี

การประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติครั้งที่ 4/2567

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้ดำเนินการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติครั้งที่ 4/2567 ที่พิษณุโลก โดยมอบหมายภารกิจให้กนช. วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำทุกวันอย่างแม่นยำ เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาภัยแล้ง และแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะกลาง-ระยะยาว รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่างๆ ภายใต้การใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า

การโต้ข่าวปลอมเกี่ยวกับพายุที่จะเข้าประเทศไทย

โฆษกศปช. นายจิรายุ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับข่าวปลอมที่แพร่กระจายทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าไทยจะได้รับผลกระทบจากพายุเข้าประเทศเวียดนามในวันที่ 13-14 ต.ค. นี้ นายจิรายุยืนยันว่าไม่มีข้อมูลดังกล่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยา และขอให้ประชาชนตรวจสอบข่าวปลอมได้ที่เพจกรมประชาสัมพันธ์ หรือศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย

สรุปและแนวทางต่อไป

การปรับลดระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และการใช้ AI ในการบริหารจัดการข้อมูลน้ำ เป็นมาตรการที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรน้ำและการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย การเฝ้าระวังฝนตกหนักและการเตรียมพร้อมรับมือภัยน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันและลดความเสียหายจากอุทกภัยในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

จับร้านขายยาผิดกฎหมาย ยึดของกลางกว่า 15,000 ชิ้น

จับร้านขายยาผิดกฎหมายเชียงราย ยึดของกลาง 15,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ที่ห้องประชุมกาสะลองคำ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย ทันตแพทย์ฉลองชัย สกลวสันต์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมสถานประกอบการจำหน่ายยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์เสริมความงามผิดกฎหมาย โดยตรวจยึดของกลางได้กว่า 15,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท

ตรวจยึดยาและผลิตภัณฑ์ความงามผิดกฎหมาย

นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายและสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีสถานที่จำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ผิดกฎหมาย บริเวณถนนเวียงบูรพา หรือบายพาสฝั่งตะวันออก ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในร้านพบยาควบคุมและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวนมาก

ยาอันตรายและผลิตภัณฑ์เสริมความงามผิดกฎหมาย

ของกลางที่ยึดได้ในครั้งนี้ประกอบด้วยยาอันตรายที่ต้องมีการควบคุมตามกฎหมาย เช่น โบท็อกซ์ ยาชาไลโดเคน กลูต้าไธโอนสำหรับฉีด คอลลาเจนชนิดฉีด โซเดียมไฮยาลูโรเนตชนิดฉีด วิตามินชนิดฉีด ฟิลเลอร์ เส้นไหมร้อยหน้า และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดที่ไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. และเครื่องมือแพทย์สำหรับใช้ในคลินิกความงามที่ต้องได้รับการควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

นายแพทย์วัชรพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาและผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึดได้บางรายการเป็นของที่ต้องใช้ในคลินิกเฉพาะทางเท่านั้น ไม่สามารถจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปได้ การลักลอบจำหน่ายเช่นนี้จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการเลือกซื้อยาและผลิตภัณฑ์ความงาม ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เบาะแสจากประชาชนสู่การจับกุม

ด้าน พล.ต.ต.มานพ เสนากุล เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากได้รับเบาะแสจากประชาชนที่สังเกตเห็นความผิดปกติของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ทั้งในรูปแบบการจำหน่ายหน้าร้านและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมหลักฐานจนแน่ชัด ก่อนที่จะยื่นขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าตรวจค้นและยึดของกลางทั้งหมด

จากการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการได้เช่าสถานที่ดังกล่าวตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 และมีการเคลื่อนย้ายสถานที่เก็บสินค้าบ่อยครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ โดยสินค้าบางรายการนำเข้ามาจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย ก่อนนำมาจัดจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด พร้อมกับทำโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะขยายผลการจับกุมไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น หมอกระเป๋า หรือผู้รับซื้อเพื่อนำไปขายต่อ

โทษหนัก จำคุก 5 ปี

สำหรับโทษของการจำหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงความผิดอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ที่ระบุโทษปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือจำคุกสูงสุด 1 ปี ซึ่งในกรณีนี้ผู้ต้องหาจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกข้อหาและมีการขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ต่อไป

นายแพทย์วัชรพงษ์กล่าวปิดท้ายว่า ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อยาและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ควรตรวจสอบแหล่งที่มาว่าได้รับการรับรองจาก อย. และเลือกใช้บริการจากสถานประกอบการที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งขอให้ผู้ประกอบการที่ยังจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายอยู่ยุติการกระทำดังกล่าวทันที เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

อบจ.เชียงราย เร่งฟื้นฟูบ้านแม่ยาว สูบน้ำขังแก้ปัญหาเร่งด่วน

 

อบจ.เชียงราย เร่งฟื้นฟูหลังน้ำท่วมหมู่บ้านป่าอ้อใหม่ สูบน้ำขังแก้ปัญหาเร่งด่วน

วันที่ 10 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พันจ่าเอกทวีป เชี่ยวสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และบุคลากร อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่ บ้านป่าอ้อใหม่ ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์และวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ เนื่องจากหมู่บ้านดังกล่าวยังคงมีน้ำท่วมขังยาวนานกว่า 1 เดือน หลังจากเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายหลายพื้นที่จะเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ในบ้านป่าอ้อใหม่ยังคงประสบปัญหาน้ำท่วมขังเนื่องจากไม่มีทางระบายน้ำออกจากพื้นที่

อบจ. เชียงราย นำเครื่องสูบน้ำใหญ่ 2 เครื่องเข้าพื้นที่

หลังจากได้รับแจ้งปัญหาจากผู้ใช้โซเชียลที่ใช้ชื่อว่า “แมรี่ จอย” ซึ่งได้โพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ว่า “บ้านถูกน้ำท่วมมาตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน จนถึงตอนนี้น้ำยังไม่แห้ง อยากให้หน่วยงานมาช่วยสูบน้ำออกให้หน่อยค่ะ” อบจ.เชียงรายได้ร่วมมือกับ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จำนวน 2 เครื่อง เข้าไปติดตั้งในพื้นที่หมู่บ้านป่าอ้อใหม่ เพื่อเร่งทำการสูบน้ำออกจากพื้นที่โดยใช้เวลาประมาณ 2 วันในการสูบน้ำท่วมขังที่ยังไม่มีทางระบายออกให้หมดไป

จังหวัดเชียงรายเร่งเสริมกำลังเคลียร์พื้นที่โคลนหลังสูบน้ำ

ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย (กอ.รมน.) ได้ประสานงานร่วมกับ อบจ.เชียงราย เพื่อนำรถขุดเข้ามาช่วยเคลียร์พื้นที่โคลนที่สะสมอยู่ในบริเวณบ้านเรือนและพื้นที่สาธารณะหลังการสูบน้ำเสร็จสิ้น เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมขังมาเป็นเวลานาน ทำให้โคลนและตะกอนดินสะสมหนาแน่นในหลายจุด ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขอนามัยและการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน

สภาพความเสียหายหนัก ชาวบ้านต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย

จากการสำรวจพื้นที่เบื้องต้นพบว่า บ้านเรือนกว่า 10 หลัง ในหมู่บ้านป่าอ้อใหม่ ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้ โดยบางหลังมีโครงสร้างที่เสียหายจากการกัดเซาะของน้ำ ต้องทำการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรมและสวนผักของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและทรัพยากรในการดำรงชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ถนนภายในหมู่บ้านและเส้นทางเข้า-ออกหมู่บ้านหลายจุดถูกน้ำกัดเซาะจนเกิดเป็นหลุมลึก ส่งผลให้การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก และยังไม่สามารถนำยานพาหนะขนาดใหญ่เข้าไปได้

 
อบจ.เชียงรายเตรียมแผนฟื้นฟูหลังน้ำลดอย่างเป็นระบบ

นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย เปิดเผยว่า หลังจากการสูบน้ำออกจากพื้นที่แล้ว อบจ.เชียงรายได้วางแผนฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ โดยจะเริ่มจากการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย เช่น ถนน ทางเท้า และการปรับปรุงระบบระบายน้ำในหมู่บ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมซ้ำในอนาคต รวมถึงการพิจารณาสร้างแนวกำแพงกั้นน้ำเพิ่มเติมในจุดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้งเร่งสนับสนุนชาวบ้านในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาพักอาศัยในบ้านของตนเองได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง

เรียกร้องภาครัฐสนับสนุนเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลแม่ยาวนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสูบน้ำเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องมีการปรับปรุงระบบระบายน้ำและพิจารณาการก่อสร้างคันกั้นน้ำเพิ่มเติม เนื่องจากตำบลแม่ยาวเป็นพื้นที่ราบต่ำที่ไม่มีทางระบายน้ำโดยตรงลงสู่แม่น้ำกก จึงต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนปรับโครงสร้างพื้นฐานและระบบการระบายน้ำใหม่อย่างเป็นระบบ เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน

บทสรุป: อบจ. เชียงรายเร่งสูบน้ำบ้านป่าอ้อใหม่ พร้อมวางแผนฟื้นฟู

การฟื้นฟูหมู่บ้านป่าอ้อใหม่ในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย โดย อบจ.เชียงรายมีแผนที่จะทำงานร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบระบายน้ำและโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว เพื่อให้หมู่บ้านป่าอ้อใหม่และชุมชนใกล้เคียงสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอีกต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

นักวิชาการเตือน! ฝนหนัก-เกษตรเชิงเดี่ยว ต้นเหตุอุทกภัยเชียงใหม่

 

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 “อาจารย์สนธิ คชวัฒน์” นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Sonthi Kotchawat” อธิบายถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเน้นไปที่ปัญหาฝนตกหนักหลายวันและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูเขาเป็นพื้นที่เกษตรกรรมพืชเชิงเดี่ยว ส่งผลให้เกิดมวลน้ำมหาศาลไหลท่วมลงมาสู่พื้นที่ราบ ทำให้เชียงใหม่เผชิญอุทกภัยในครั้งนี้

สาเหตุหลักของอุทกภัยจากฝนตกหนัก

จากข้อมูลที่อาจารย์สนธิได้เผยแพร่ ระบุว่า ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 เชียงใหม่มีฝนตกหนักต่อเนื่องนานถึง 3 วัน แม้จะไม่มีพายุเข้า แต่เกิดจากมวลอากาศเย็นจากแผ่นดินใหญ่เคลื่อนลงมาปะทะกับร่องมรสุมความกดอากาศต่ำในพื้นที่ภาคเหนือ ส่งผลให้ฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอแม่ริม และอำเภอพร้าว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ราบเชิงเขาและเขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยมีข้อมูลการวัดปริมาณน้ำฝนสูงถึง 200-300 มิลลิเมตรภายในระยะเวลา 3 วัน

 ต้นน้ำแม่ปิง – สาเหตุการท่วมตัวเมืองเชียงใหม่

แม่น้ำปิงซึ่งมีต้นกำเนิดจาก เทือกเขาผีปันน้ำ ในอำเภอเชียงดาว เป็นเส้นทางหลักที่น้ำจากพื้นที่ต้นน้ำไหลลงสู่เขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยแม่น้ำปิงจะไหลผ่านหุบเขาลงมาเข้าสู่พื้นที่ อำเภอแม่แตง ซึ่งรับน้ำจากแม่น้ำแม่งัดทางฝั่งซ้าย และแม่น้ำแม่แตงทางฝั่งขวา ก่อนจะไหลลงมาบรรจบในตัวเมืองเชียงใหม่และไหลต่อไปยังจังหวัดลำพูนและจังหวัดตาก ระหว่างทางยังมีแม่น้ำแม่กวง แม่น้ำลี้ และแม่น้ำแม่แจ่ม ไหลมาสมทบ ทำให้เกิดการสะสมของปริมาณน้ำจนเกินความจุของลำน้ำ ส่งผลให้น้ำปิงล้นตลิ่งในหลายจุด

ระดับความจุของแม่น้ำปิงในเขตตัวเมืองเชียงใหม่อยู่ที่ 440 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และระดับวิกฤติที่ทำให้น้ำเริ่มล้นฝั่งคือ 3.70 เมตร ซึ่งในครั้งนี้ระดับน้ำได้พุ่งเกินค่าดังกล่าว ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองและพื้นที่ใกล้เคียง

ผลกระทบจากการเปลี่ยนภูเขาเป็นพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยว

นอกจากฝนตกหนักต่อเนื่องแล้ว อาจารย์สนธิยังได้ระบุถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าบนดอยสูงเป็นเกษตรกรรมพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะ การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งในปี 2566/2567 มีพื้นที่ปลูกข้าวโพดในจังหวัดเชียงใหม่มากถึง 285,004 ไร่ โดยเฉพาะในอำเภอเชียงดาวมีการปลูกข้าวโพดจำนวน 19,878 ไร่ และในอำเภอแม่แตงอีก 1,636.75 ไร่ พื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ดอยสูงที่เคยมีป่าธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนเป็นภูเขาหัวโล้น ทำให้เกิดปัญหาการชะล้างหน้าดินและน้ำป่าไหลลงสู่พื้นที่ราบได้อย่างรวดเร็ว

ภูเขาหัวโล้นกับการเพิ่มความเสี่ยงอุทกภัย

การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าให้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเชิงเดี่ยวส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลลงมาอย่างรวดเร็ว เมื่อฝนตกบนภูเขาที่มีป่าใหญ่ น้ำฝนส่วนใหญ่จะถูกดูดซับและกักเก็บไว้ในดิน ปล่อยไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่างเพียง 10% ทำให้การไหลของน้ำช้าและเกิดอุทกภัยได้น้อย แต่หากพื้นที่ภูเขาถูกเปลี่ยนเป็นเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวหรือภูเขาหัวโล้น ปริมาณน้ำฝนที่ถูกดูดซับจะมีเพียง 10% ในขณะที่อีก 90% จะไหลลงสู่พื้นที่ราบด้านล่างอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและความเสียหายอย่างหนัก

แนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเชียงใหม่

การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เชียงใหม่จำเป็นต้องมีการจัดการทั้งในระดับพื้นที่ต้นน้ำและการวางระบบระบายน้ำในเขตเมือง โดยต้องมีการฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำในพื้นที่ดอยสูง และลดการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวลง เพื่อให้พื้นที่ดอยสามารถดูดซับน้ำได้มากขึ้น รวมถึงการวางแผนระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพในเขตเมืองเชียงใหม่เพื่อลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมซ้ำในอนาคต

บทสรุป: การฟื้นฟูพื้นที่ป่าและจัดการน้ำคือทางออก

ปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาธรรมชาติ แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ดอยสูงจากป่าเป็นพื้นที่เกษตรเชิงเดี่ยว การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวจึงต้องมีการฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำ และลดการใช้พื้นที่บนดอยเป็นเกษตรกรรม เพื่อช่วยให้ดอยสูงกลับมาเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำตามธรรมชาติอีกครั้ง รวมถึงต้องมีการวางแผนระบบจัดการน้ำในตัวเมืองที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดน้ำท่วมในอนาคตอย่างยั่งยืน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

กำแพงป้องกันแชงกรี-ลา เชียงใหม่ กันน้ำทะลักเอาอยู่แม้ท่วมหนัก

 

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2567 เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะบริเวณที่ติดกับริมแม่น้ำปิงทั้ง 2 ฝั่ง ส่งผลให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ตลาดวโรรส, ตลาดเมืองใหม่, บ้านเรือน, และอาคารพาณิชย์หลายแห่ง โดยระดับน้ำบางจุดสูงถึงระดับอก ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีการกั้นกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำแล้ว แต่ก็ไม่สามารถต้านทานมวลน้ำได้ทั้งหมด

ในขณะเดียวกัน โรงแรมแชงกรี-ลา เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน ใกล้ริมแม่น้ำปิง ได้กลายเป็นตัวอย่างในการป้องกันน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยโรงแรมได้ติดตั้งระบบกำแพงกันน้ำชั่วคราวที่ด้านหน้า รวมถึงการวางระบบระบายน้ำป้องกันน้ำทะลักทางท่อภายใน ทำให้โรงแรมไม่ถูกน้ำท่วม ขณะที่บริเวณโดยรอบจมอยู่ใต้น้ำ นอกจากนี้ โรงแรมยังจัดรถขนาดใหญ่ช่วยรับส่งลูกค้าและประชาชน จนได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตในความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้

“Flood Barriers” โซลูชั่นที่ควรมีทุกบ้าน

Wan Wiriya ผู้ใช้โซเชียลได้โพสต์ข้อความแนะนำว่า ควรนำกำแพงกันน้ำชั่วคราว หรือ Flood Barriers มาใช้ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม โดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ใกล้แม่น้ำและหน่วยงานราชการที่สำคัญ ทั้งนี้ กำแพงกันน้ำมีหลายรูปแบบและราคาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัสดุและลักษณะการใช้งาน เช่น:

  1. กำแพงกันน้ำชั่วคราว (Sandbags):
    เป็นวิธีที่พบมากที่สุด ใช้กระสอบทรายเรียงกันเพื่อสร้างแนวกั้นน้ำ ราคาถูก แต่ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก (ราคา 30-60 บาทต่อกระสอบ)

  2. กำแพงน้ำ (Water-filled Barriers):
    เป็นท่อหรือกำแพงที่สามารถเติมน้ำได้ ใช้งานได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับน้ำท่วมระดับต่ำถึงปานกลาง (ราคาประมาณ 3,000 – 10,000 บาทต่อเมตร)

  3. กำแพงน้ำท่วมแบบโมดูลาร์ (Modular Flood Walls):
    ทำจากโลหะเบาหรือพลาสติก ปรับใช้กับพนังเหล็กแบบหนา สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับพื้นที่เมืองหรือหน่วยงานสำคัญ (ราคาประมาณ 10,000 – 50,000 บาทต่อเมตร)

นอกจากนี้ นายพัลลภ แซ่จิว รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวว่า ระบบกำแพงกันน้ำของโรงแรมแชงกรีลาเป็นตัวอย่างที่ควรนำไปใช้ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมอื่นๆ เพราะสามารถป้องกันน้ำไหลเข้าพื้นที่โรงแรมได้ แม้ว่าระดับน้ำจะต่างกันเกือบ 1 เมตร

ความเสียหายจากน้ำท่วม สะท้อนถึงความจำเป็นในการเตรียมพร้อม

เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านและเจ้าของกิจการในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลายคนเพิ่งปรับปรุงร้านใหม่ บางบ้านถึงกับจมทั้งหลัง สถานการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเตรียมการรับมือน้ำท่วมด้วยการติดตั้งระบบป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และหันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น กำแพงกันน้ำชั่วคราวและระบบระบายน้ำที่สามารถป้องกันน้ำทะลักเข้าบ้านได้

สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกำแพงกันน้ำท่วม สามารถดูสินค้าได้จากบริษัทต่างๆ เช่น Garrison Flood Control หรือศึกษาแนวทางการ DIY ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก

เชียงใหม่ต้องไม่จม! การรับมือภัยพิบัติครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องนำไปปรับใช้ ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันวางแผนระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่เสี่ยง เพื่อลดความเสียหายและเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Wan Wiriya / Demonball Ball

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

พระครูอ๊อดนำช้างลุยน้ำท่วมเชียงใหม่ ช่วยชาวบ้านฝ่าวิกฤตเสบียงขาดแคลน

 

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2567 พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำช้างจากบ้านพักช้างตระกูลแสน ได้แก่ พลายคุณแสน และพลายแสนทัพ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอำเภอสารภี ถนนสายต้นยาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเกิดน้ำท่วมสูงบางจุดจนไม่สามารถเข้าถึงได้โดยรถขนาดใหญ่

การนำช้างมาช่วยเหลือในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่สามารถใช้รถหกล้อหรือเรือเข้าไปในพื้นที่ได้ เนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลแรงและระดับน้ำที่สูง ทำให้ช้างกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการขนส่งเสบียงและสิ่งของจำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง และข้าวกล่อง เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ประสบภัย

พระครูอ๊อดกล่าวว่า ช้างเป็นสัตว์ที่มีพละกำลังสูงและสามารถฝ่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกรากได้ดีกว่าเรือท้องแบน นอกจากนี้ ยังมีทีมควาญช้างและทีมกู้ภัยน้ำหลากคอยประกบช้างทั้งสองตลอดการทำงานเพื่อความปลอดภัย โดยช้างทั้งสองเชือกยังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะมีอุปสรรคจากกระแสน้ำและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ในพื้นที่

“การนำช้างมาช่วยเหลือในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การช่วยผู้ประสบภัย แต่ยังเป็นการฝึกช้างให้มีความคุ้นเคยกับการทำงานช่วยเหลือสังคม ซึ่งถือว่าเป็นการใช้พละกำลังของช้างให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง นับเป็นภารกิจสำคัญของช้างตระกูลแสนที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวบ้านในเวลาวิกฤต” พระครูอ๊อดกล่าว

ช้างทั้งสองเชือกได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทีมงานควาญช้าง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น เช่น การเหยียบตะปูหรือท่อที่อาจอยู่ในน้ำ นอกจากนี้ยังมีการควบคุมการเดินของช้างในเลนกลางถนน และมีทีมกู้ภัยคอยประกบทุกฝีก้าว

คุณแสนและแสนทัพยังแสดงความน่ารักให้เห็นในระหว่างการช่วยเหลือ เมื่อมีคนเรียกชื่อ “แสนทัพ” ช้างก็หันไปทักทายด้วยการโบกงวง ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกอบอุ่นและชื่นชมการทำงานของทั้งช้างและทีมช่วยเหลือ

พระครูอ๊อดได้เปิดรับบริจาคเพื่อสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมทำบุญได้ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่ 5400186947 หรือผ่านระบบพร้อมเพย์หมายเลข 0808500184 ในชื่อบัญชี “พระวีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน”

ผู้ใช้โซเชียลต่างพากันชื่นชมการทำงานของทีมช้างและทีมกู้ภัย พร้อมแชร์โพสต์และภาพถ่ายของคุณแสนและแสนทัพที่ลุยน้ำช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทำให้ข่าวนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์

การลงพื้นที่ช่วยเหลือของช้างตระกูลแสนในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับคนในสังคมในการทำความดีและช่วยเหลือกันในช่วงเวลาวิกฤตอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการทำงานจิตอาสาที่ใช้ทรัพยากรอย่าง “ช้าง” ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคมในเวลาที่ต้องการ

ร่วมกันสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้พระครูอ๊อดและทีมกู้ภัยในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้ เพื่อให้ช้างไทยได้แสดงพละกำลังและศักยภาพในการช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ต่อไป.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : แซนดี้ อะโลฮ่า (Sandy Aloha)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

พระแบกโลงศพลุยน้ำ หลังน้ำท่วมวัดป่าแพ่ง เชียงใหม่ จนเมรุงดใช้งาน

 

มื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 เวลา 13.00 น. สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ยังคงวิกฤติ หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบให้หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับน้ำท่วมอย่างหนัก โดยเฉพาะวัดป่าแพ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในย่านตลาดเมืองใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ที่ขณะนี้ถูกน้ำท่วมสูงจนไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ

จากภาพที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นพระสงฆ์และสามเณรภายในวัดต้องลงแช่น้ำที่ท่วมสูงถึงระดับหน้าอกเพื่อวัดระดับน้ำและดูแลความปลอดภัยของพื้นที่โดยรอบ เผยให้เห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์น้ำท่วมที่เข้าท่วมลานวัดและอาคารต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว แม้ว่าโชคดีที่น้ำยังไม่ท่วมถึงในวิหารหลวงของวัด แต่บริเวณรอบวิหารและพื้นที่ในวัดเกือบทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ

ส่วนพื้นที่บริเวณด้านหลังวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมรุเผาศพ ก็ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอย่างหนัก ทำให้ต้องงดการประกอบพิธีฌาปนกิจศพในช่วงนี้ชั่วคราว เจ้าหน้าที่วัดและชาวบ้านได้ช่วยกันขนย้ายโลงศพออกจากพื้นที่เพื่อลดความเสียหายเพิ่มเติม

สำหรับชาวบ้านและผู้ค้าขายในบริเวณตลาดเมืองใหม่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับวัดป่าแพ่ง ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้เช่นกัน หลายร้านค้าต้องปิดชั่วคราวเพราะระดับน้ำเข้าท่วมจนไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เจ้าหน้าที่และทีมอาสาสมัครได้เข้ามาช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าและป้องกันน้ำท่วมเข้าร้านค้า

สถานการณ์น้ำท่วมในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะคลี่คลายเมื่อใด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำปิงยังอยู่ในระดับวิกฤติ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเตรียมพร้อมอพยพในกรณีที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้นกะทันหัน พร้อมทั้งตรวจสอบทรัพย์สินและเคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าไปยังพื้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหาย

ทางด้านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้วางแผนเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และจะเร่งระดมทรัพยากรเพื่อจัดการกับสถานการณ์ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : วัดป่าแพ่ง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News