Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE TRAVEL

‘บ้านดอยดินแดง’ ศักยภาพเชียงราย สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงศิลปะ

 

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมลงพื้นที่เยี่ยมชมบ้านอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ (บ้านดอยดินแดง) ในการติดตามผลการดำเนินโครงการกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2568 ระหว่างวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2567 ณ จังหวัดเชียงราย โดยมี นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย หัวหน้าและส่วนราชการ ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม

ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ติดตามโครงการเปิดบ้านศิลปินภายหลังการจัดงาน Thailand Biennale Chiang Rai 2023 และการเตรียมความพร้อมพัฒนาศักยภาพจังหวัดเชียงรายให้กลายเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงศิลปะ และเป็นหมุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
 
ทั้งนี้ อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานปั้นเซรามิกและภาพจิตรกรรมอันเกิดจากดินและสีผสม นำเสนอผลงานศิลปะอันเป็นนามธรรม โดยได้รับอิทธิพลทางความคิดและการทำงานจากศาสนาพุทธนิกายเซน (Zen) มีประสบการณ์ทำงานให้กับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ โดยร่วมงานกับพระนิกายเซน ทำหน้าที่สอนศิลปะให้กับผู้ลี้ภัยสงครามสัญชาติลาวและเขมรที่ค่ายอพยพลี้ภัยในเมืองไทย ต่อมาได้ไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาศิลปะการทำเครื่องปั้นดินเผา
 
อาจารย์สมลักษณ์เป็นศิลปินที่ได้รับรางวัลมากมาย เช่น ในปี พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2543 ได้รับรางวัลที่สองจาก Asian ART & Crafts Exhibition และในปี พ.ศ.2541 ได้รับรางวัล Award of Merit ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากนั้นสมลักษณ์ เดินทางกลับประเทศไทยและก่อตั้งโรงปั้นดินเผา “ดอยดินแดง” ที่จังหวัดเชียงราย สร้างเครือข่ายศิลปินเชียงรายเพื่อทำกิจกรรมทางศิลปะ ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมคนแรกของขัวศิลปะเชียงราย (Art Bridge Chiang Rai) และได้สร้างสรรค์ผลงานศาลาสวนประติมากรรม (Sculpture Garden Pavilion) หนึ่งในผลงานอันโดดเด่นของงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ ถ่ายทอดฟื้นฟูเชียงราย งานมหกรรมดนตรีพื้นบ้าน

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้จัดงานมหกรรมดนตรีพื้นบ้านจังหวัดเชียงรายภายใต้โครงการบูรณาการการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัด โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2567 เวลา 11.00 – 20.00 น. ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดและฟื้นฟูอัตลักษณ์ดนตรีท้องถิ่นภาคเหนือของจังหวัดเชียงรายตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ซึ่งประกอบด้วยเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน

งานนี้ได้รับเกียรติจากนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบรางวัลให้แก่ทีมที่ชนะการประกวดตีกลองสะบัดชัย นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวรายงานเกี่ยวกับความสำคัญของกิจกรรมนี้

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมหลากหลาย เช่น การประกวดตีกลองสะบัดชัยสำหรับเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งมีทีมที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศจำนวน 5 ทีม การจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับดนตรีพื้นบ้านล้านนา ได้แก่ สะล้อ ซอ ซึง ปี่พาทย์ล้านนา และกลองสะบัดชัย การแสดงดนตรีและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและเครื่องดนตรีพื้นบ้านล้านนา และกิจกรรมกาดหมั้วคัวเมือง

การฟื้นฟูอัตลักษณ์ดนตรีท้องถิ่น

การจัดงานมหกรรมดนตรีพื้นบ้านจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้มีความสำคัญในการฟื้นฟูและรักษาอัตลักษณ์ดนตรีท้องถิ่นภาคเหนือ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่มีค่าของพื้นที่ งานนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในดนตรีพื้นบ้านของเยาวชนและประชาชนทั่วไป แต่ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น

การสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต

การฟื้นฟูและรักษาอัตลักษณ์ดนตรีท้องถิ่นไม่เพียงแต่ช่วยรักษามรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้หลายทาง การสร้างความรู้ความเข้าใจและความชื่นชอบในดนตรีพื้นบ้านสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งจะมีผลดีต่อเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้สนใจเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านดนตรีพื้นบ้าน

การจัดนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ ภายในงานยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและเครื่องดนตรีพื้นบ้านล้านนาให้ได้รับความนิยมและมีตลาดที่กว้างขวางมากขึ้น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและเครื่องดนตรียังสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญให้กับชุมชนท้องถิ่น

การจัดกิจกรรมนี้จึงเป็นการส่งเสริมให้ดนตรีพื้นบ้านเชียงรายยังคงอยู่และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘สุดาวรรณ’ เยือนชุมชนปกาเกอะญอ จัดพื้นที่คุ้มครองวีถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์

 
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานตามแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง ณ ชุมชนปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยเยี่ยมชมและร่วมหารือกับชุมชนถึงแนวคิดการจัดการพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ของชุมชน เป็นต้นแบบให้กับชุมชน ชาติพันธุ์ในหลายพื้นที่
 
ในโอกาสนี้ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังเยี่ยมชมการบริหารจัดการพื้นที่ชุมชนว่า “รู้สึกยินดีมาก ที่ได้มาเห็นรูปธรรมความสำเร็จของชุมชนพี่น้องปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน ซึ่งเป็นชุมชนที่ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี 3 สิงหาคม 2553 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ เพราะได้เห็นถึงแนวทางการจัดการที่ดีของชุมชน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชุมชนชาติพันธุ์ที่สามารถพึ่งตนเองได้บนฐานทุนทางวัฒนธรรม ที่สำคัญ คือ การกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นแนวทางที่นอกจากจะทำให้ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาติพันธุ์ด้วยมิติวัฒนธรรม ทำให้ชุมชนมีความมั่นคงในชีวิต สามารถทำธุรกิจและสร้างรายได้ได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล จึงเห็นว่านี่เป็นรูปธรรมของการใช้พลังทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์”
 
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวด้วยว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะดูแลพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …. ให้เป็นกฎหมายที่จะคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมศักยภาพของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มในประเทศไทยอย่างเสมอภาคกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เชื่อว่าเมื่อกฎหมายนี้ประกาศใช้แล้วจะเป็นหลักประกันให้ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์มีความมั่นคงในชีวิต สามารถประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ดำรงอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี มากไปกว่านั้น คือ เป็นประโยชน์กับประเทศที่เราจะได้โอบรับความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ไว้เป็นทุนทางวัฒนธรรมของชาติ ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนด้วยทุนทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และทุนวัฒนธรรมที่หลากหลาย”
 
“ประโยชน์กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มในประเทศไทย และการที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนชุมชนพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลานใน ในวันนี้ นอกจากได้เห็นและให้กำลังใจพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์แล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้มาบอกกล่าวกับพี่น้องให้ได้ร่วมยินดีที่ในอีกเร็ววันนี้ที่เราจะมีกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ฉบับแรกของประเทศไทย” นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวปิดท้าย
 
บ้านห้วยหินลาดใน เป็นชุมชนปกาเกอะญอ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ชาวบ้านห้วยหินลาดในอยู่ที่นี่มานานกว่า 150 ปี ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ นำร่อง 1 ใน 4 พื้นที่ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่อง แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง โดยชาวบ้านได้จัดทำข้อตกลงในการดูแลป่าชุมชนบนฐานวัฒนธรรมและข้อห้ามตามประเพณี ทำให้ชุนชนที่มีจำนวนชาวบ้านเพียงกว่าร้อยชีวิต สามารถรักษาผืนป่ากว่า 10,000 ไร่เอาไว้อย่างสมบูรณ์
 
นอกจากนี้ชุมชนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนโดยเฉพาะกาแฟ ชา และน้ำผึ้ง สร้างรายได้ให้กับชุมชนจำนวนมาก การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของชุมชนบ้านห้วยหินลานในได้รับการยอมรับจากในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว เมื่อปี 2548 และได้รับรางวัลชุมชนต้นแบบการจัดการทรัพยากรบนฐานวัฒนธรรมของชุมชนที่ประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาอีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

รมว.วัฒนธรรม เยี่ยมบ้านเมืองรวง ชุมชนโดดเด่นด้านเศรษฐกิจพอเพียง

 

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 ที่บ้านเมืองรวง ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามผลการดำเนินโครงการกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2568 ระหว่างวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2567 ณ จังหวัดเชียงราย โดยมี นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นายธนรัช จงสุทธานามณี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม หัวหน้าและผู้แทนส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และชาวชุมชนชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง เข้าร่วม

 
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กราบนมัสการพระพระณัฐวัฒน์ กิตฺติโสภโณ เจ้าอาวาสวัดท่าไคร้ บ้านเมืองรวง ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จังหวัดเชียงราย และร่วมรับฟังผลการดำเนินงานของชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์และสินค้าชุมชน
 
ทั้งนี้ ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง อยู่ที่หมู่ 5 ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นชุมชนชาวไทยวนและมีชาติพันธุ์อาข่าอพยพมาอยู่ในชุมชนร่วมกันอย่างเอื้ออาทรและสามัคคี ชุมชนก่อตั้งประมาณปี พ.ศ. 2397 ผู้ริเริ่มสร้างหมู่บ้านครั้งแรก เป็นชาวลวงซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ชื่อหมู่บ้านว่า บ้าน “เมืองลวง” ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2527 ได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเป็นบ้าน “เมืองรวง”
 
ชุมชนแห่งนี้มีความโดดเด่นด้านเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับคัดเลือกเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ อยู่เย็น เป็นสุขดีเด่น ระดับเขตและระดับภาค ชุมชนต้นแบบจัดการขยะ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี และได้รับคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรมเป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ“เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ต่อเนื่องกัน 2 ปี ได้แก่ ปี 2564 และ 2565 มีกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชน หมู่บ้านน่าอยู่ ผักปลอดสารพิษ ผลิตภัณฑ์และสินค้าชุมชน เช่น กาแฟ น้ำพริกตาแดงปลาช่อนป่น มะขามแก้ว ผลิตภัณฑ์จักสาน สบู่สมุนไพร และ “แหนมหมู”หรือ “จิ้นส้ม” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ที่ขึ้นชื่อของชุมชนแห่งนี้ เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวผ่านตลาดวัฒนธรรม“สุดสาย ยายกอง” และมีลานวัฒนธรรมสร้างสุข นำเสนอความเข้มแข็งของชุมชน ศิลปะและวัฒนธรรมประเพณีอันงดงามของชุมชน เช่น การแสดงฟ้อนเล็บ การแสดงชาติพันธุ์อาข่า เป็นต้น แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น วัดท่าไคร้ วัดพุทธมิ่งโมลี และเทศกาล ประเพณีท้องถิ่น เช่น พิธีสงเคราะห์ทำบุญสืบชะตาหมู่บ้านเนื่องในประเพณีปี๋ใหม่เมือง ประเพณีตานก๋วยสลาก เป็นต้น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

New TCDC 10 จังหวัดใหม่ ไอเดียงานออกแบบสถานที่ 10 ผู้ชนะ

 

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า New TCDC แต่ละแห่งต้องมีสถานที่ทำการ ล่าสุด CEA หรือ สศส. – สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ Creative Economy Agency (Public Organization) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล TCDC ประกาศความคืบหน้าผลการคัดเลือก ผู้ชนะการประกวดการออกแบบพื้นที่ New TCDC ทั้ง 10 แห่ง

การประกวดงานออกแบบครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีทีมผู้ส่งผลงานออกแบบเข้าร่วมประกวด จำนวน 113 ทีม รวม 173 ผลงาน สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความมุ่งมั่นในการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ของประเทศ

ผลงานที่ชนะการประกวดในครั้งนี้จะได้รับการนำไปพัฒนาเป็น ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ ที่จะเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ของเมือง เป็นแหล่งบ่มเพาะผู้ประกอบการท้องถิ่น และศูนย์รวมองค์ความรู้ในการพัฒนาและต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น เพื่อยกระดับ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน” 

ผลงานผู้ชนะการออกแบบ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ทั้ง 10 จังหวัด” มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นไปได้ทางกายภาพ และความสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ จำนวน 10 ทีม ดังนี้

TCDC เชียงราย มากับความเชื่อที่ว่า “การออกแบบเชิงสร้างสรรค์สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนได้” ออกแบบโดย 1922 Architects  ด้วยแนวคิดหลักคือ Creative Space for All พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อทุกคน

การออกแบบมุ่งสอดแทรกความคิดสร้างสรรค์เข้าสู่วิถีชีวิตประจำวันของผู้คน ชุมชน และเมือง

ตัวอาคารออกแบบให้สามารถเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน กระตุ้นการแลกเปลี่ยนไอเดีย และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่ “ลานหน้าศาลากลางหลังเก่า” ที่มีศักยภาพอยู่แล้ว

1.TCDC เชียงราย จึงไม่เพียงแต่เป็นศูนย์การออกแบบ แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนในชุมชน

2.TCDC นครราชสีมา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า บนแนวแกนสำคัญที่เชื่อมโยงกับจุดหลักของเมือง ออกแบบโดย บริษัท จั่นอาร์คิเทค จำกัด ภายใต้แนวคิด CREATIVE URBAN ROOM เปิดมุมมองของตัวอาคารด้วยวัสดุโปร่งใส สร้างการเชื่อมต่อ Urban Visual Connect ระหว่างพื้นที่ภายใน-นอก

ในช่วงเทศกาล อาคารยังออกแบบให้สามารถเปิดประตูบานใหญ่ด้านหน้า เชื่อมต่อพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องและไร้ขอบเขต (Borderless Space) 

นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยการผสมผสานวัสดุท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ เช่น ไม้จากเรือนโคราช-เฉลิมวัฒนา เทคนิคก่อสร้างแบบปราสาทหินทราย ลวดลายเส้นพุ่ง-เส้นยืนจากการถักทอผ้าไหมโคราช และ อิฐดินเผาด่านเกวียน รวมถึงสีดินและลวดลาย โดยนำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบ Composited Material ที่ผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมกับปัจจุบัน 

ทั้งยังคำนึงถึง ความยั่งยืน(Sustainability) และ การนำวัสดุเหลือใช้ (Waste Material) กลับมาใช้ใหม่ ส่งผลให้ TCDC นครราชสีมา เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ใจกลางเมืองที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตท้องถิ่นสู่อนาคตอย่างยั่งยืน

3.TCDC ปัตตานี ออกแบบภายใต้แนวคิด Glory to Distribution Days โดย บริษัท ทรัพย์เปอร์ จำกัด ซึ่งสะท้อนถึงวิวัฒนาการของอาคาร “ห้องแถวจีนริมน้ำ” ที่เปี่ยมไปด้วยพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมาหลายยุคสมัย จากการเป็นพื้นที่ศูนย์กระจายสินค้า ด่านเก็บภาษีในอดีต สู่ปัจจุบันซึ่งเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ของกลุ่ม Melayu Living และในอนาคตจะเป็นศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC ปัตตานี 

อาคารนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ แต่ยังออกแบบให้มีบรรยากาศเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย และเชื่อมโยงผู้คนทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านจากศูนย์กระจายสินค้าในอดีตสู่พื้นที่สร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวาในปัจจุบันและอนาคต

4.TCDC พิษณุโลก ออกแบบโดย สถา ณ สถาปนิก ผ่านแนวคิด เมืองสองแคว l สายน้ำ l วิถีชีวิต พื้นที่เชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์กับภูมิปัญญาท้องถิ่นในบรรยากาศอบอุ่นและเป็นมิตรพร้อมเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาในพื้นที่

จังหวัดพิษณุโลกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งอยู่บนจุดบรรจบของแม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อยจึง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวเมือง และมีบทบาทในการพัฒนาเมืองมาตั้งแต่อดีต 

ตัวอาคารจึงได้แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตริมน้ำ โดยใช้ “อิฐ” เป็นวัสดุหลักสื่อถึงความแข็งแรงและการเติบโตของเมือง 

พื้นที่ภายในแบ่งตามเส้นทางน้ำ เน้นทั้งความสร้างสรรค์ การร่วมมือ การพักผ่อน และการเรียนรู้ ส่วนด้านนอกอาคารออกแบบให้เชื่อมโยงกับบรรยากาศริมน้ำ สร้างความกลมกลืนระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ 

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการนำเอาวิถีชีวิตริมน้ำและวัฒนธรรมของพิษณุโลกมาผสมผสานอย่างลงตัว พร้อมเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาในพื้นที่

5.TCDC แพร่ ออกแบบโดย บริษัท เค ทู ดีไซน์ จำกัด ภายใต้แนวคิดเผยแพร่ภูมิปัญญาอย่างเรียบง่าย โดยนำเสนอมรดกล้ำค่าของเมืองแพร่ผ่านคำขวัญประจำคือ ม่อฮ่อม และ ไม้สัก มาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการออกแบบอาคารให้ดูราวกับ “ท่อนไม้สักย้อมสีฮ่อม (Indigo)” ด้วยแนวคิด Form & Function ที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นด้วยสีและวัสดุ สะท้อนเอกลักษณ์ของเมืองแพร่อย่างชัดเจน 

การจัดพื้นที่และการใช้งานมีความตรงไปตรงมา สะดวกสบาย รองรับทุกกิจกรรมของชุมชนและ TCDC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่และพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาของเมืองแพร่สู่อนาคต

6.TCDC ภูเก็ต ตัวตนของ “เมืองภูเก็ต” หล่อหลอมขึ้นจากอุตสาหกรรมดีบุก ได้รับการนำมาถ่ายทอดเป็นผลงานการออกแบบของ TCDC ภูเก็ต ผ่านแนวคิด เล่นแร่-แปรเมือง ที่ได้รับการวางแผนและออกแบบโดย บริษัท สวอน แอนด์ แมคคลาเรน(ประเทศไทย) จำกัด 

สถาปัตยกรรมของอาคารได้สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบัน ด้วยการใช้วัสดุและรูปแบบการใช้งานสมัยใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ภายใน 

แม้มีข้อจำกัดด้านขนาด แต่ TCDC ภูเก็ต มุ่งมั่นที่จะเป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในจังหวัดภูเก็ต โดยใช้แรงบันดาลใจจากความรุ่งเรืองในอดีตของอุตสาหกรรมดีบุก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเมืองนี้ 

ทำให้อาคารนี้ไม่เพียงเป็นศูนย์ออกแบบ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์และนวัตกรรมของภูเก็ตเข้าด้วยกัน

 

7.TCDC ศรีสะเกษ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดอย่างลงตัว ออกแบบโดยทีมสถาปนิก ปิติพงศ์ อมรวิรัตนสกุลณรงค์วิทย์ อารีมิตร และ วรนล สัตยวินิจ ภายใต้แนวคิด Sisaket Code (ศรีสะเกษ โค้ด) มุ่งตีแผ่ประเด็นสำคัญของท้องถิ่น 

โดยออกแบบให้ศูนย์แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับกิจกรรมทางวัฒนธรรม ดนตรี และภาพยนตร์ ในบริบทของศรีสะเกษอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในท้องถิ่นผ่านการใช้ทรัพยากรของจังหวัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้ TCDC ศรีสะเกษ ไม่เพียงเป็นศูนย์ออกแบบ แต่ยังเป็นแหล่งรวมจิตวิญญาณและอัตลักษณ์ของชาวศรีสะเกษอีกด้วย

 

8.TCDC สุรินทร์ ออกแบบโดย บริษัท แปลน อาคิเต็ค จำกัด ภายใต้คอนเซ็ปต์ โฮล สาน สร้างสรรค์ โดยตีความเอกลักษณ์อันงดงามของ “ผ้าโฮล” ลายผ้าไหมประจำถิ่นที่ผูกพันกับชาวสุรินทร์มาอย่างยาวนาน

แนวคิดนี้เปลี่ยนผ้าสานให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงระหว่างเมืองและผู้คน ก่อให้เกิดศูนย์กลางสร้างสรรค์เศรษฐกิจใหม่ของจังหวัด

เส้นสายของผ้าโฮลได้รับการนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบให้ TCDC สุรินทร์กลายเป็นจุดนัดพบของทั้งเมือง และเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์อย่างแท้จริง 

 

9.TCDC อุตรดิตถ์ ออกแบบโดย รักตระกูล ใจเพียร (D039) ด้วยแนวคิดโดดเด่นภายใต้คอนเซ็ปต์ POP-OUT และ BLIND-IN กับการสร้างเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างเมืองกับ TCDC ผ่านคอนเซ็ปต์ POP-OUT ที่ดึงดูดความสนใจและสร้างภาพลักษณ์ความสร้างสรรค์ที่เด่นชัด โดยไม่รบกวนการใช้งานของอาคารเดิม

เมื่อขึ้นสู่ชั้น 2 ผู้เยี่ยมชมจะถูกนำเข้าสู่ TCDC ผ่านซุ้มประตูโค้งที่เชื่อมต่อกับสวนขนาดเล็ก ภายในตกแต่งด้วยม่านลับแลห้อยเป็นลวดลายตีนจก สร้างบรรยากาศสบายและน่าค้นหา

การออกแบบนี้ผสมผสานความทันสมัยกับเอกลักษณ์ท้องถิ่น ชวนให้เพลิดเพลินไปกับการค้นพบโลกใหม่ภายใน TCDC อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นทั้งศูนย์สร้างสรรค์และแหล่งเรียนรู้ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของจังหวัดได้อย่างมีเอกลักษณ์

 

10.TCDC อุบลราชธานี ออกแบบโดย Pixelight Studio (นัฏฐวรรณ สุระพัฒน์)  ภายใต้คอนเซ็ปต์ หล่อ-หลอม มุ่งเน้นการผสมผสานฟังก์ชั่นการใช้งานและเอกลักษณ์ท้องถิ่นอย่างลงตัว

โดยนำเอกลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัด อาทิ ประเพณีแห่เทียนพรรษา วัฒนธรรมอาหาร หรือแม้แต่ ผลิตภัณฑ์หัตถกรรม มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ เพื่อให้เกิดพื้นที่ที่มีคุณค่า น่าหลงใหล และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย 

นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีความยืดหยุ่น รองรับกิจกรรมและผู้ใช้งานที่หลากหลาย เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน TCDC อุบลราชธานี จึงเป็นพื้นที่แห่งการหลอมรวมวัฒนธรรมและนวัตกรรม นำไปสู่การสร้างคุณค่าและมูลค่าให้กับชุมชนและจังหวัด

 

“ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด” ประกอบด้วยพื้นที่ Co-Creation, Creative Lab, Collection และ Back Office ที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น มีความยืดหยุ่น ดูแลง่าย ประหยัดพลังงาน และเป็นเสมือนพื้นที่ที่หลอมรวมทุกแง่มุมของความคิดสร้างสรรค์เข้าไว้ด้วยกัน

เป็นแหล่งรวมความรู้ แหล่งรวมชุมชน เป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเป็นเวทีในการแสดงศักยภาพของนักออกแบบ ศิลปิน และนักสร้างสรรค์ ผ่านบริการหลากหลายรูปแบบ อาทิ

  • ห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ
  • นิทรรศการ
  • พื้นที่แสดงผลงาน
  • พื้นที่การเรียนรู้และฝึกอบรม ในเรื่องของ Local Stories
  • กิจกรรมการฝึกประสบการณ์
  • Creative Lab

นอกจากนี้ New TCDC ยังมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อน เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับคนไทยทั่วประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : TCDC

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

Chiang Rai Sustainable Design Week ครั้งที่ 3 เชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

เมื่อวันที่  30 กรกฎาคม 67 ที่โรงแรมแสนโฮเทล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คุณอิ่มหทัย กันจินะ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เชียงใหม่ และอาจารย์สุขสันติ์ ชื่นอารมย์ หัวหน้าวิจัยนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมกันแถลงข่าวการจัดกิจกรรมเชิงการตลาด เทศกาลเชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Chiang Rai Sustainable Design Week) ครั้งที่ 3 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ มุ่งเน้นเยาวชนคนรุ่นใหม่ความยั่งยืน พหุวัฒนธรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชน กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-15 สิงหาคม 2567 นี้ ณ ลานศิล ลานธรรม ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางหลังเก่า) อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกับ อบจ.เชียงราย เทศาบาลนครเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และภาคประชาชน ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดงาน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ในฐานะเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบขององค์การยูเนสโก ประจำปี 2566 


     นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการส่งเสริม สนับสนุนนักออกแบบ นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่มีวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืน ให้มีพื้นที่ในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ จำหน่ายสินค้า และทดลองตลาดผ่านกิจกรรม สร้างและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขยายผลในระดับชาติเชื่อมโยงระดับนานาชาติ ระหว่างเครือข่ายการออกแบบเพื่อความยั่งยืน ให้มีศักยภาพในการปรับตัวเพื่อสามารถสร้างโอกาสเติบโตอย่างมีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของจังหวัดเชียงราย สู่ความเชื่อมโยงกับเครือข่ายนานาชาติ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยในปีนี้การจัดกิจกรรมเชิงการตลาด Chiang Rai Sustainable Design Week ภายใต้แนวคิด “Chiangrai Creature” สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง แนวคิดเมืองมีชีวิต สรรพสิ่งมีชีวิต ตรงกับแนวคิดเมืองสร้างสรรค์เชียงราย


     สำหรับภายในงานจัดให้มีการแสดงผลงานสร้างสรรค์ของนักออกแบบ หน่วยงาน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน การเปิดรับร้านค้าสินค้าดีไซน์แบรนด์ที่สะท้อนศักยภาพพื้นถิ่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน และเป็นมิตต่อสิ่งแวดล้อม กิจกรรมเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ เวิร์กช็อปเสวนา ดนตรีและการแสดง กิจกรรม SMOG ธุลีกาศ ทดสอบแนวคิดการใช้งานออกแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตจังหวัดเชียงรายภายใต้เครือข่าย UCCN การจัดการไฟป่า ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5 กิจกรรมสล่ากาแฟ กิจกรรม วน “เวียง” เจียงฮาย


    นอกจากนี้ องค์การบริหารจังหวัดเชียงราย ยังได้จัดกิจกรรมนิทรรศการบอกเล่าเมืองเรื่องราวเมืองเชียงรายในมุมมองการเล่าเรื่อง Chiang Rai Sustainable Design Week ใช้พื้นที่ 4 จุดสำคัญคือ กิจกรรมที่ 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก รับชมเทคนิคพิเศษ Projection Mapping สุดอลังการ นำเสนอเรื่องราวเมืองเชียงราย ในมุมของอัตลักษ์ที่เล่าเรื่องราวการออกแบบที่ส่งต่อกันมาถึงปัจจุบัน กิจกรรมที่ 2 การออกแบบเพื่อความยั่งยืนเชียงราย 10 สถานที่ 10 การออกแบบ 10 บุคคล ที่หอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี กิจกรรมที่ 3 บริเวณหน้าอาคารหอประวัติเมืองเชียงราย นิทรรศการ DESIGN FOR EDUCATION พื้นที่เพื่อการศึกษาการออกแบบ เป็นการนำเสนอโครงการจัดตั้ง DESIGN SCHOOL และกิจกรรมที่ 4 หอนาฬิกาแตลาดเทศาล 1 เชียงราย เป็นการออกแบบพื้นที่ทดลองตลาดต้นแบบนิทรรศการเรื่องเล่าจากอาม่า เล่าเรื่องรางวิถีชีวิตผู้คนในกาดหลวงจากปากคำอาม่า ตั้งแต่อดีตถึงรุ่นลูกหลาน หอนาฬิกา พญาหลวง ผลงานการนำเศษวัสดุเหลือใช้จากตลาด แปลงร่างเป็นพญาลวง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

หาดนครเชียงราย จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง 4 ประเทศ

 

เมื่อวันที่24 กรกฎาคม 2567 ที่โรงแรมแสน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมเตรียมจัดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง ประจำปี 2567 โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย จัดกิจกรรมโดยได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2567 ที่หาดนครเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย

นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสัมผัสอากาศฤดูฝน ธรรมชาติที่สวยงาม และศิลปวัฒนธรรมประเพณีล้านนาที่งดงามแสดงออกถึงความผูกพันและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งเพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย ให้เป็นเวทีสำหรับประเทศเพื่อนบ้านในการมาพบปะหารือ เจรจาธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน และสร้างมุมมองแห่งการพัฒนาร่วมกันอย่างบูรณาการ ทั้งในมิติของความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความอยู่ดีมีสุขของคนในสังคม การยกระดับคุณค่าของมนุษย์ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ประเทศ ศิลปวัฒนธรรมไทย ศิลปวัฒนธรรมจีน ศิลปวัฒนธรรมเมียนมา และศิลปวัฒนธรรมลาว /การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ เท่ห์ อุเทน,หญิง ธิติกานต์,ไก่ พรรณิภาและเต๋า ภูศิลป์/การแสดงดนตรีท้องถิ่น
 
นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวอีกว่า การจัดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง 4 ประเทศ ครั้งนี้จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ส่วนหนึ่ง เพราะจะมีนักแสดงจากประเทศต่าง ๆ เดินทางมาจังหวัดเชียงรายเพื่อทำการแสดงบนเวที รวมทั้งมาเที่ยวจังหวัดเชียงราย โดยจะเห็นจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวในปี 2566 ที่ผ่านมาพบว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศกว่า 6 ล้านคน เดินทางมาจังหวัดเชียงราย และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในจังหวัดเชียงรายมากกว่า 46,000 ล้านบาท จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวชมการแสดงของทั้ง 4 ประเทศที่สวยงาม และยังได้มาชื่นชมและสัมผัสดอกไม้นานาพันธุ์ในงานดอกไม้ในสายฝนอีกด้วย
 
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมวิถีการดำรงชีวิตที่มีความหลากหลาย ศิลปะ โบราณสถาน โบราณวัตถุเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานมากกว่า ๗๕๐ ปี เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของล้านนา ในด้านการท่องเที่ยวอารยธรรม ศิลปวัฒนธรรมล้านนา การท่องเที่ยวเชิงนิเวศผจญภัยเชิงสุขภาพ และธรรมชาติ ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การค้ากับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศไทย โดยจังหวัดเชียงรายเป็นประตูสู่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการคมนาคมขนส่ง ของประเทศอนุภาคลุ่มน้ำโขง และประเทศจีนตอนใต้ ยกระดับมาตรฐานการบริการให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประชาคมอาเซียน อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดงานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่น ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น

 

เมื่อวันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 ณ ข่วงหลวงพญามังราย ด้านข้างวัดฝั่งหมิ่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่น เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่นถนนคนเดินเมืองเชียงราย ภายใต้โครงการการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงนิเวศ และเชิงสุขภาพ ให้มีคุณภาพเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

 

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้กำหนดกิจกรรมส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่นถนนคนเดินเมืองเชียงราย เพื่อช่วยเหลือประชาชน กลุ่มผู้ผลิตสินค้า และผู้ประกอบการต่างๆ ให้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้า โดยมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมให้เกิดพื้นที่ตลาดใหม่และขยายพื้นที่ตลาดเดิม ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะนำไปสู่การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก

 

กิจกรรมในวันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชุมชนวัดฝั่งหมิ่นและเทศบาลนครเชียงราย โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจับจ่ายใช้สอยและร่วมกิจกรรมครั้งนี้เป็นจำนวนมาก งานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่นจะจัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 ถึงวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 โดยจะจัดทุก ๆ เย็นวันพุธ พฤหัสบดี และศุกร์ รวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง ตั้งแต่เวลา 16.00 – 21.00 น. ณ ข่วงหลวงพญามังราย ด้านข้างวัดฝั่งหมิ่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

 

ในงานนี้ประชาชนจะได้ร่วมกิจกรรม workshop จับจ่ายใช้สอยสินค้าทางวัฒนธรรม สินค้าชุมชนวัดฝั่งหมิ่น และชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นที่น่าสนใจ เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การแสดงนาฏศิลป์ และการแสดงหัตถกรรมพื้นบ้าน

 

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ โดยนายพิสันต์ได้กล่าวว่า “การจัดงานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่นในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่นของจังหวัดเชียงราย และยังเป็นการสร้างพื้นที่ตลาดใหม่ให้กับกลุ่มผู้ผลิตสินค้าและผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อให้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น”

 

งานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่นเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญในการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงนิเวศ และเชิงสุขภาพให้มีคุณภาพ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจะนำไปสู่การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

 

ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมงานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่นในทุกเย็นวันพุธ พฤหัสบดี และศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 – 21.00 น. ณ ข่วงหลวงพญามังราย ด้านข้างวัดฝั่งหมิ่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อร่วมสนับสนุนและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น และสัมผัสกับบรรยากาศการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ ดันผ้าอัตลักษณ์ประจำจังหวัด ต่อยอดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 ที่ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางหลังแรก) นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามโครงการการพัฒนากิจกรรมและการตลาด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรมหลัก การส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้แทน เจ้าหน้าที่ และประชาชน เข้าร่วม

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า งานอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ การนำมรดกทางภูมิปัญญาการทอผ้าให้คงอยู่ เกิดความภาคภูมิใจในลายผ้าอัตลักษณ์ ประจำจังหวัดเชียงราย “เชียงแสนหงส์ดำ” สีม่วงเชียงราย และผ้าลายพระราชทาน รวมทั้งสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เด็ก เยาวชนและ ประชาชน ให้ความสนใจ ในการอนุรักษ์ผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย มากยิ่งขึ้น

ซึ่งกิจกรรม ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์ การพัฒนากิจกรรมและการตลาด การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับ ผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงรายฯ ระหว่างวันที่ 27 – 28 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียนเชียงราย รีสอร์ท การจัดการประกวดการออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย โดยมีผู้เข้

าร่วมประกวด จำนวนทั้งสิ้น 33 ผลงาน และคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก 20 ผลงาน เพื่อนำมาแสดงแบบในครั้งนี้

นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายผลักดัน Soft Power ความเป็นไทย สู่ระดับโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ 5 F ได้แก่ Food อาหาร, Film ภาพยนตร์และวีดิทัศน์, Fashion การออกแบบแฟชั่นไทย, Fighting ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และ Festival เทศกาลประเพณีไทย

รวมทั้ง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ยูเนสโกได้ยกให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design) ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก  โดยนำวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น มาสร้างงาน สร้างอาชีพ สู่การเป็นวัฒนธรรมสร้างสรรค์ นำมาซึ่งรายได้สู่ชุมชน ก่อให้เกิดคุณค่าทางสังคม ได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย

  1. กิจกรรมการสาธิตภูมิปัญญา นิทรรศการผ้าทอ และการออกบูธแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ผ้า และเครื่องประดับ ของฝากของที่ระลึก
  2. จัดกิจกรรมแสดงแบบแฟชั่นจากผู้เข้าร่วมประกวดการออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงรายฯ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จำนวนทั้งสิ้น 20 ผลงาน เพื่อนำมาแสดงแบบในวันนี้
  3. กิจกรรมการแสดงแฟชั่นจากนายแบบนางแบบกิตติมศักดิ์ ในชุด“สีสันผ้าเชียงราย สู่แฟชั่นผ้าไทยใส่ให้สนุกที่ยั่งยืน” (Sustainable Fashion Style @ Chiangrai)

     ชุดที่ 1 นายอำเภอและประธานแม่บ้านมหาดไทยอำเภอ จำนวน 18 คู่

     ชุดที่ 2 หัวหน้าส่วนราชการและคู่สมรส จำนวน  5 คู่

     ชุดที่ 3 รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ) (ชุดฟินนาเล่ Finale set)

  1. การมอบรางวัลการประกวดการออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งมีผู้ได้รับรางวัล ดังนี้
  2. รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางแว่นแก้ว ภิรมย์พลัด ชื่อชุดผลงาน เดรสฮ้อยใจ๋สายใยไทลื้อ
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ นางสาวกนกพร ธรรมวงค์ ชื่อชุดผลงาน วัฒนธรรมแห่งภูมิปัญญา Culture of wisdom
  4. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ นางสุขาวดี ติยะธะ ชื่อชุดผลงาน ผ้าชุดไทลื้อร่วมสมัยไฉไลด้วยฝ้ายธรรมชาติ
  5. รางวัลชมเชย ได้แก่ นายลิขิต รินชมพู ชื่อชุดผลงาน กอด
  6. รางวัลชมเชย ได้แก่ นายสมชัย ธงชัยสว่าง ชื่อชุดผลงาน Drive to The Future

อีกทั้งภายในงานยังมีการแสดงแฟชั่นโชว์ การเดินแบบผ้าอัตลักษณ์เชียงราย โดยมีนายอำเภอ ผู้แทนนายอำเภอ กลุ่มพัฒนาสตรีจังหวัดเชียงราย ร่วมเดินแบบในครั้งนี้ พร้อมทั้งกิจกรรมการสาธิตภูมิปัญญา นิทรรศการผ้าทอ และการออกบูธแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ผ้า และเครื่องประดับ ของฝากของที่ระลึก ระหว่างวันที่ 12 – 14 กรกฎาคม 2567ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก)

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงราย ยึดแผนพัฒนา 5 ปี ส่งเสริมผ้าทอและผ้าพื้นถิ่น ด้วยอัตลักษณ์

 

เมื่อวันวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก) ได้มีจัดกิจกรรม ส่งเสริมผ้าทอและผ้าพื้นถิ่น ด้วยอัตลักษณ์จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งได้รัยเกียรติจากสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีนางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย ในนามผู้ดำเนินการจัดอบรมโครงการการพัฒนากิจกรรม และการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ กิจกรรม ส่งเสริมผ้าทอและผ้าพื้นถิ่นด้วยอัตลักษณ์จังหวัดเชียงราย

 

นางอำไพ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันมีเป้าหมายให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น โดยกำหนดให้มีการสร้างความหลากหลาย ด้านการท่องเที่ยวและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม และเน้นการสร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกระดับ มุ่งพัฒนาธุรกิจ ด้านการท่องเที่ยวให้มีมูลค่าสูงเพิ่มมากขึ้น ด้วยอัตลักษณ์และวัฒนธรรมไทยและใช้ประโยชน์จากข้อมูล และภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างสรรค์คุณค่าทางเศรษฐกิจและความหลากหลายของการท่องเที่ยวให้สอดรับ กับทิศทางและแนวโน้มของตลาดยุคใหม่การใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวให้เอื้อต่อผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อกระจายโอกาสในการสร้างรายได้ไปสู่ชุมชนอย่างทั่วถึงและยั่งยืน

 

โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและกระจายโอกาสในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างรายได้ไปสู่ชุมชนอย่างทั่วถึงและยั่งยืนโครงการนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ และจะช่วยส่งเสริมในการพัฒนาจังหวัด ที่จะมาเน้นเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณค่าเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแผนการพัฒนาจังหวัดในระยะ 5 ปี ในปี พ.ศ. 2566-2570

 

ซึ่งการส่งเสริมผ้าทอและผ้าพื้นถิ่น ด้วยอัตลักษณ์จังหวัดเชียงราย กิจกรรมที่ 4 เป็นการส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สนับสนุนการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้และกระจายร้ายได้สู่ท้องถิ่นและชุมชน ดำเนินการระหว่าง วันที่ 12 – 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.30 น. ของทุกวัน ภายในงานมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ในจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้มากถึงจำนวน 31 บูท

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News