Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พลังบวรในมิติศาสนา เชียงราย บูรณาการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจ

 

เมื่อวันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2567 นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และนางวนิดาพร ธิวงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการสังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการพลังบวรในมิติศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ วัดแม่คำสบเปิน ต.แม่คำ อ.แม่จัน, วัดห้วยน้ำขุ่น ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง, และวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย

โครงการพลังบวรในมิติศาสนาเน้นการบูรณาการร่วมกันระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และหน่วยงานราชการ เพื่อส่งเสริมให้วัดและศาสนสถานร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่ในการจัดกิจกรรมทางศาสนา และส่งเสริมการเรียนรู้หลักธรรมทางศาสนา โดยมุ่งเน้นการบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้แก่คนในชุมชน

การประเมินผลชุมชนคุณธรรมพลังบวรในครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามเกณฑ์ 9 ขั้นตอนที่กรมการศาสนากำหนด โดยมีการตรวจสอบผลการดำเนินงานในหลายด้าน เช่น การจัดกิจกรรมทางศาสนา การส่งเสริมการเรียนรู้ในชุมชน และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนและแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อพัฒนาต่อยอดโครงการให้มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม

หนึ่งในจุดสำคัญของการตรวจติดตามครั้งนี้คือการเยี่ยมชมชุมชนคุณธรรมวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมและนวัตกรรมทางภูมิปัญญาเพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในชุมชน ภายใต้โครงการ One Family One Soft Power (OFOS) ชุมชนนี้ได้รับการยอมรับในด้านการผลิตพระพุทธรูปหินหยกแกะสลัก และเครื่องรางจากหินหยก ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ

ในโอกาสนี้ คณะตรวจติดตามยังได้ประเมินผลและเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรมพลังบวรสร้างเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16 กันยายน 2567 ณ อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอผลงานและผลิตภัณฑ์ของชุมชนจากทั่วประเทศ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการพลังบวร ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการอนุรักษ์วัฒนธรรม

โครงการพลังบวรในมิติศาสนานี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการพัฒนาชุมชน และการส่งเสริมศาสนาให้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน การที่วัดและชุมชนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืนไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้เจริญก้าวหน้าอีกด้วย

การตรวจติดตามและประเมินผลโครงการในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างและสนับสนุนการดำเนินงานของวัดและชุมชนในจังหวัดเชียงราย ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“หมู่บ้านศีล 5” ที่วัดศรีบุญยืน อ.เชียงแสน แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

 

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 พระเทพรัตนนายก ประธานคณะกรรมการประจำหนเหนือ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประจำหนเหนือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีลห้า” ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ณ วัดศรีบุญยืน บ้านศรีบุญยืน หมู่ที่ 10 ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระราชสิริวชิโรดม เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ธ) ธรรมยุทธ และเจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน คณะสงฆ์ นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำ อปท.ตลอดจนพี่น้องประชาชน คณะศรัทธา เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก


     จากนั้น พระเทพรัตนนายก ประธานคณะกรรมการประจำหนเหนือ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประจำหนเหนือ ได้เยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ ของทางหมู่บ้านและวัดที่ได้นำเสนอและจัดนิทรรศการมาแสดงจุดเด่นของหมู่บ้าน อาทิ รางวัลเกียรติคุณหมู่บ้าน โครงการชุมชนต้นแบบด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ การบริหารกลุ่มออมทรัพย์ดีเด่น โครงการโคกหนองนาโมเดล ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP ที่โดดเด่น เช่นเครื่องจักรสาน และอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี Soft Power ทางด้านอาหาร วัตามแบบฒนธรรมด้านอาหารของชุมชนบ้านศรีบุญยืน การแต่งกายผู้ชายส่วนใหญ่เสื้อแขนยาวสีเข้มๆ ที่เรียกว่า “ม่อฮ่อม” และผู้หญิง การแต่งกายส่วนใหญ่นิยมใส่ผ้าซิ้นทอลายขวาง ตามแบบพื้นบ้าน ภาษาที่ใช้ในชุมชนของบ้านศรีบุญยืน คือ “อู้กำเมือง” หรือภาษาเหนือ ส่วนที่เหลือ “อู้กำยอง” ที่เป็นส่วนน้อยเนื่องจากมีแต่ผู้ชาย เพาระเป็นคนเก่าแก่ที่มาจากลำพูน และอื่นๆ กิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ตักบาตรพระขี่ม้า อ.แม่จัน หิ้วตะกร้าศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 ณ วัดถ้ำป่าอาชาทอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีเปิดและดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ ภายใต้แนวคิด “ครอบครัวหิ้วตะกร้า ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีพระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ และนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส

โครงการนี้จัดขึ้นโดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับวัดป่ายาง วัดถ้ำป่าอาชาทอง และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลต่อยอดโครงการในส่วนภูมิภาค และเป็นต้นแบบในการจัดกิจกรรมฯ โดยมีเป้าหมายในการสร้างกระแสการพาครอบครัวหิ้วตะกร้าเข้าวัดทำบุญ ตักบาตร และอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริม Soft Power ทางวัฒนธรรม และเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ

ในพิธีเปิดกิจกรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ได้เป็นประธานในการตักบาตรพระขี่ม้า นำโดยพระครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าอาวาสวัดถ้ำป่าอาชาทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของงาน หลังจากนั้น ได้มีพิธีถวายเครื่องสักการะแด่พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยการถวายเครื่องไทยธรรมและภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่เข้าร่วมงาน

กิจกรรมจิตอาสาถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของงาน โดยนายชัยพล สุขเอี่ยม ได้เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา ซึ่งเป็นการถวายความเคารพและถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567

นอกจากพิธีทางศาสนาแล้ว กิจกรรมในงานยังประกอบด้วยการปลูกต้นไม้มงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณวัดถ้ำป่าอาชาทอง และการจัดตลาดวัฒนธรรมซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม การสาธิตแม่ไม้มวยไทย และการสาธิตการตีดาบกลองสะบัดชัย ซึ่งสร้างความสนใจและความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมงานและร่วมดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่คณะสงฆ์ ผู้บริหารกรมการศาสนา และผู้บริหารจังหวัดเชียงราย ที่ได้มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ วัด และชุมชน ในการส่งเสริมและสืบสานวัฒนธรรมไทย การจัดกิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคล แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเป็นต้นแบบในการพัฒนากิจกรรมทางวัฒนธรรมในภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงราย 4 ปีติดสุดยอดชุมชนต้นแบบ หลัง‘ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง’ ได้รับเลือก

 

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 จังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้แสดงความยินดี “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง“ เนื่องในโอกาสที่กระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือกให้ “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง” เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2567

ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ภายใต้การนำของ พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) ด้วยบารมีทานแผ่ขยายในวงกว้าง ประกอบกับความเป็นอัตลักษณ์ด้านพหุวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย และโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เรื่อง ผลการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในทุกมิติ จากชุมชนทั่วประเทศ เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ชุมชนให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้าง

ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วกระทรวงวัฒนธรรมขอประกาศผลการคัดเลือก 10 สุดธอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมขน ผลวิถี” ประจำปีกประมาณ พ.ศ.ศ. 2567 ดังนี้

  1. ชุมชนบ้านชากแง้ว ตำบลหัวยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
  2. ชุมชนวัดห้วยปลาทั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  3. ชุมชนวัดศรีสุพรรณ ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
  4. ชุมชนวัดพระธาตุแช่แห้ง (บ้านหนองเต่า) ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน
  5. ชุมชนหัวบ้าน (ถนนสู้ศึก) ตำบลประระจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  6. ชุมชนบ้านทะเลน้อย ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
  7. ชุมชนบ้านถ้ำรงค์ ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
  8. ชุมชนวัดศรีคุนเมือง (เชียงคาน) ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  9. ชุมชนวัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
  10. ชุมชนเขมราษฎร์ธานี ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

โดยจังหวัดเชียงราย ได้คัดเลือก” เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “ 4 ปีติดต่อกันแล้วซึ่ง

  • พ.ศ. 2567 ชุมชนวัดห้วยปลาทั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2566 “ชุมชนคุณธรรมวัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ)” หมู่ ๕ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน
  • พ.ศ. 2565 ชุมชนคุณธรรมบ้านเมืองรวง ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2564 ชุมชนคุณธรรมบ้านศรีดอนชัย ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เปิดกรุสมบัติหมื่นล้าน ดร.ถวัลย์ ดัชนี“สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย”

 

เปิดตัวปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่จะพาดำดิ่งสู่โลกศิลปะ และทะยานสู่โลกอนาคตไปพร้อม ๆ กันกับสุดยอดนวัตกรรมการลงทุนด้านศิลปะครั้งแรกของโลก ART INVESTMENT CENTER ”The next level of passion investment” ศูนย์กลางการลงทุนด้านศิลปะ และของสะสมล้ำค่าแบบครบวงจร ที่จะเชื่อมทั้งสองโลกเข้าไว้ด้วยกัน กับสุดยอดแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด ระดับ The Ultimate Luxury Platforms พร้อมบริการครบจบทุกมิติในหนึ่งเดียวแบบ ONE-STOP SERVICE & ALL IN ONE SOLUTION OFFLINE / ONLINE / MOBILE ด้วยความร่วมมือระหว่าง ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี CEO & Founder ART INVESTMENT CENTER ร่วมมือกับสุดยอดพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชนระดับแนวหน้าของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาที่ไม่เคยมีทางออก เพื่อสร้างโอกาสที่ไม่เคยมีทางเลือก เพื่อเชื่อมโยงทุกเครือข่ายเพิ่มส่วนต่อขยาย สร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มในผลงานศิลปะ และของสะสมล้ำค่า ส่งเสริมผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กลายเป็นรายได้หลักของประเทศในอนาคต และเป็นเป้าหมายของนักลงทุนจากทั่วโลก “มาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบเก่า ด้วยการสร้างระบบนิเวศใหม่” เพื่อเป็น “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ปักหมุดหมายให้ประเทศไทยเป็น “กรุสมบัติ ชั่วนิรันดร์ แห่งเอเชีย”

พร้อมร่วมชมนิทรรศการครั้งสำคัญ เพื่อฉลองวาระพิเศษในโอกาสความสัมพันธ์ครบรอบ 12 ปี ระหว่าง พิพิธภัณฑ์บ้านดำ และ สยามพิวรรธน์ กับ “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” เปิดกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ที่รวบรวมสุดยอดของผลงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ตลอดจนสุดยอดของสะสมล้ำค่าระดับ World-Class ที่หาชมยาก พร้อมเปิดโอกาสให้คนรักงานศิลป์ได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดเฉพาะในงานนี้เท่านั้น! ณ Fashion Gallery ชั้น 1สยามพารากอน

งาน Grand Opening ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ กับการแสดงชุดเภรีกำนาทเฟือนฟ้าไหวตะวัน โดยคณะ Tiger Drumเปิดตัวคฑาสุริยคราสจักราวตาร กุญแจแห่งจักรวาล สร้างโดยศิลปิน อัฐพล คำวงษ์ ผู้สร้างโกศบรรจุอัฐิของอาจารย์ถวัลย์ นำแสดงโดย คณะ The Thais พร้อมทั้งมีแขกผู้มีเกียรติหลากหลายวงการ ศิลปิน และนักสะสมเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เมื่อในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา

ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี CEO & Founder ART INVESTMENT CENTER เปิดเผยถึงสุดยอดนวัตกรรมแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด “ART INVESTMENT CENTER” ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการตกผลึกของปัญหาที่ไม่เคยมีทางออกที่สะสมมาเป็นเวลายาวนาน เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบเก่าได้ แต่เราสามารถสร้างระบบนิเวศใหม่ให้ดีขึ้นได้ ผมต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยั่งยืนให้กับวงการ โดยใช้ประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิต บวกกับการเตรียมโครงการนี้เป็นเวลาหลายปีในการพัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด ในรูปแบบ The Ultimate Luxury Platforms เพื่อเชื่อมโยงทั้งสองโลกเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งในแบบ OFFLINE และ ONLINE ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือประมูลผลงานศิลปะที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มแรกของโลกที่กล้าการันตีของแท้ 100% ทุกชิ้นงานที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มนี้ เพราะเรามีการทำงานร่วมกับพันธมิตร และหน่วยงานหลายแห่ง ทั้งภาครัฐ และเอกชนในการตรวจสอบร่วมกัน อาทิ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ในการจดแจ้งลิขสิทธิ์ของศิลปิน และมีการทำใบรับรองถึงสองชั้น ถือเป็นกุญแจสองดอก ทั้งในโลกจริง และโลกบล็อกเชน จากนั้นจึงจะมีการ Invitation ชิ้นงานขึ้นมาบนแพลตฟอร์มต่อไป

“เราไม่ได้หวังเป็นธุรกิจใหญ่ที่ทำกำไร แต่เราสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่ไม่เคยมีทางแก้ เราจึงจำเป็นต้องแก้ตั้งแต่ระดับโครงสร้าง โดยการสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจร เพื่อให้เป็น “แพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด” และเป็น “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ผ่าน 6 บริการหลัก ได้แก่ 1.ซื้อ 2.ขาย 3.แลกเปลี่ยน 4.ให้เช่า 5.บริจาค และ 
6.สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เน้นการซื้อ-ขายอย่างเดียว แต่เรามีความหลากหลายที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น “ทุกพื้นที่คือพื้นที่แห่งศิลป์” โดยสามารถให้เช่าผลงานของศิลปิน เพื่อนำไปประดับตามโครงการธุรกิจ โรงแรม โรงพยาบาล เรสซิเด้นท์ คอนโด หมู่บ้าน ร้านอาหาร คาเฟ่ และทำ E-Catalog ไว้ให้ และถ้ามีผู้สนใจซื้อ ทาง AIC ก็แบ่งผลกำไร 10% ให้กับโครงการ เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และช่วยศิลปินได้มากมายเป็นต้น

นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือศิลปินให้มีพื้นที่ในการแสดงผลงานของตัวเอง และช่องทางการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการจัดนิทรรศการศิลปะ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการจัดแสดงนิทรรศการในแต่ละครั้ง เราจะผลงานนำขึ้นแพลตฟอร์มออนไลน์ให้อีก 30 วัน สามารถเข้าชมบนโทรศัพท์มือถือได้ตลอด 24ชม. ที่สามารถชมได้ทุกที่บนโลก และยังมีบริการ Museum on mobile เป็นบริการพิเศษที่ส่งตรงถึงบ้านโดยเราจะนำผลงานศิลปะไปส่งให้พิจารณาถึงบ้าน พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา โดยในส่วนของการขายทุกผลงานที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม AIC จะใช้มาตรฐานเดียวกันกับของทุกชิ้น โดยใช้หลักการ “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ของทุกชิ้นจะถูกหักรายได้ 35% โดยหัก 5% นำไปบริจาคสาธารณะกุศล  และ 10% นำไปแบ่งให้พันธมิตรที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งองคาพยพ ส่วนอีก 20% จะถูกใช้เป็นค่าบริหารจัดการแพลตฟอร์ม หรือสำหรับใครที่อยากนำผลงานศิลปะหรือของสะสมที่มีมาปล่อยเช่าหรือแลกเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มก็สามารถทำได้เช่นกัน ในส่วนของ Digital Asset หรือ การลงทุนรูปแบบใหม่ในทรัพย์สินดิจิทัล ปัจจุบัน AIC มีโครงการความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ และ โทเคน เอกซ์ เพื่อพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมการลงทุนด้านศิลปะให้ก้าวไปอีกขั้น ซึ่งจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้” 

และในโอกาสพิเศษเพื่อร่วมฉลองวาระพิเศษครบรอบ 12 ปี ที่พิพิธภัณฑ์บ้านดำ (Baandam Museum) ร่วมกับ สยามพิวรรธน์ สร้างสรรค์ผลงานด้านทางศิลปวัฒนธรรมมากว่าทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็น การจัดงานเปิดตัว โครงการเหรียญสุริยะภูมิจักรวาล ในปี 2555 – 2556, Immersive Art of Thawan Duchanee ในปี 2563 และ Thailand Digital Arts Festival ในปี 2565 ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นท่ามกลางอาณาจักรสยามพิวรรธน์

โดยครั้งนี้เป็นการแสดงนิทรรศการครั้งสำคัญ  “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” เปิดกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์ และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ที่รวบรวมสุดยอดของผลงานศิลปะ ระดับ Masterpiece ศิลปินแห่งชาติ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ตลอดจนสุดยอดของสะสมล้ำค่าระดับ World-Class หลากแขนง นำเสนอในมุมมองใหม่ โดยเล่าเรื่องราวผ่านวัตถุจัดแสดง เช่น “ตำนานเทพศาสตราวุธ ศาสตร์และศิลป์ จิตวิญญาณแห่งตะวันออก” จัดแสดงศาสตราวุธแห่งจิตวิญญาณ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และสุดยอดประติมากรรมยานยนต์เหนือกาลเวลา รวมสุดยอดรถยนต์คลาสสิค มอเตอร์ไซค์คลาสสิค ในตำนาน และซุปเปอร์คาร์ลิมิเต็ดหายาก และอื่นๆ อีกมากมาย 

สำหรับนิทรรศการ “The Eternal Treasure of Asia : สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” จัดแสดงให้ได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด โดยภายในนิทรรศการประกอบด้วย 

ศิลปะสร้างโลก ความรักปรากฏรูป ผลงานศิลปะระดับตำนาน ที่ไม่เคยนำมาจัดแสดงที่ไหนมาก่อน อาทิ ผลงานจิตรกรรมขนาดใหญ่ ”มารผจญ“ และภาพผลงานชุด “หนุมาน” ผลงานชุดสุดท้ายของถวัลย์ ดัชนี, ประติมากรรมรูปปั้นศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งวงการศิลปะไทยร่วมสมัย ผลงานปั้นของอาจารย์เขียน ยิ้มศิริ ผู้ที่อาจารย์ศิลป์เรียกว่า “ลูก” 

ศรัทธา ประติมา ปาฏิหาริย์ พลังแห่งวัตถุมงคลล้ำค่า มรดกทางภูมิปัญญาของสยามประเทศ “The Spirit of Siam” จัดแสดงพระเครื่องและเครื่องรางหายาก มรดกล้ำค่าทางวัฒนธรรมองค์สำคัญ อาทิ สุดยอดมีดหมอด้ามแกะ เทพศาสตรา หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์, สุดยอดพระขรรค์เขาควายเผือกหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก เพชรบุรี, สุดยอดท้าวเวสสุวรรณวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ และท้าวเวสสุวรรณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก

เทพศาสตราวุธ ศาสตร์และศิลป์แห่งจิตวิญญาณ จัดแสงดาบสำคัญในประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของวิถีแห่ง Bushido อาทิ ชุดเกราะมังกร ตระกูลซามูไร ยานางิซาวะ ดาบโอดาจิ ดาบเทพเจ้ามังกร ถูกตีขึ้นใน ศตวรรษที่ 18 เพื่อถวายเทพเจ้า แห่ง โทโยคาวะอินาริ (วัดเมียวกอนจิ) ศาลเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ 1ใน 3 ที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น จาก Japanese Sword Museum Thailand

ประติมากรรมยานยนต์เหนือกาลเวลา  รวมสุดยอดยานยนต์ ทั้งเรือ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์คลาสสิค และซุปเปอร์คาร์ น่าสะสม อาทิ เรือสปีดโบ้ทสุดคลาสสิก แบรนด์ Century เรือวินเทจ ปี 1954 เครื่อง V8, มอเตอร์ไซด์ Vincent (Black shadow) ปี 1953 ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 230 กม. / ชม. ซึ่งถือเป็นไฮเอนด์ของมอเตอร์ไซด์คลาสสิก, Ariel มอเตอร์ไซค์สายพันธุ์อังกฤษที่หายากและมีความสวยงาม, รถยนต์ Rolls-Royce “ลักษณ์ประทับ” เปิดประทุน ปี 1951 ซึ่งเป็นรุ่นที่หายาก, รถยนต์ Porsche 356A ปี 1958, รถซุปเปอร์คาร์  Ferrari Light Weight version “The Racing DNA” รุ่น Ferrari 360 Challenge Stardare,  Ferrari 430 Scuderia, Ferrari 458 Speciale, Fiat Abarth 695 TributoFerrari เป็นต้น

คฑาสุริยะศราสจักราวตาร  ผลงานศิลปะชิ้นสำคัญ แรงบันดาลใจจากกุญแจไขจักรวาล สู่ประติมากรรมโลหะล้ำค่า สร้างขึ้นครบรอบ 12 ปี     

แหวนพยัคฆินราชตะปบชาติอาชาไนย เปิดตัว Thawan X Parcthai ที่นำแรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะกับงาน High Jewelry มาหลอมรวมไว้เป็นหนึ่งเดียว

ห้ามพลาด! การแสดงนิทรรศการครั้งสำคัญที่นักสะสมงานศิลป์และคนรักงานอาร์ต “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” ชมกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ณ Fashion Gallery ชั้น 1สยามพารากอน ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 กันยายนนี้ เท่านั้น!!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สยามพารากอน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ ลงพื้นที่ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ

 

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 15.30 น. นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางลงพื้นที่ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ในอำเภอเมืองเชียงราย เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมกิจกรรม “1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 และหารือเกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินงานโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2568 โดยชุมชนวัดห้วยปลากั้งได้รับการคัดเลือกเป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งได้รับคำแนะนำจากพระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงรายและเจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง เพื่อเป็นแนวทางในการปรับใช้กับการดำเนินงานอื่นๆ ต่อไป

โครงการ “1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” ที่วัดห้วยปลากั้งได้รับการตอบรับอย่างดีจากชุมชน โดยมีกิจกรรมที่ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้ผู้คนในชุมชนได้แสดงความสามารถด้านต่างๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการสร้างความสามัคคีและการรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น

ในส่วนของโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” นายพิสันต์ ได้นำเสนอว่า ชุมชนวัดห้วยปลากั้งมีศักยภาพในการเป็นต้นแบบของชุมชนที่ใช้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชาวบ้าน โดยการดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมของชุมชนเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนอีกด้วย

การจัดกิจกรรมต่างๆ ในชุมชนวัดห้วยปลากั้งเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชน ทั้งนี้ กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความบันเทิงให้กับชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการศึกษาและการเรียนรู้ที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาชุมชนให้ยั่งยืนได้อีกด้วย

การเดินทางมาของคณะนายพิสันต์จึงไม่เพียงแต่เป็นการติดตามผลงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความร่วมมือและเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงานราชการกับชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันในหลากหลายมิติ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE FEATURED NEWS

CEA หนุนศักยภาพเชียงราย ‘เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ’ ยูเนสโก

 

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)หรือ CEA ในฐานะหน่วยงานร่วมขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ เชียงราย ภายใต้เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ร่วมเปิดงาน “Chiang Rai Sustainable Design Week 2024” หรือ “เทศกาลเชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 2567” ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด “Chiang Rai Creature” หรือ “สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง” ระหว่างวันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2567 ณ อาคาร OTOP ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก โดยมีนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และ ดร. อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมเปิดงานเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 มุ่งชูศักยภาพของเชียงรายในการเป็น ‘เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ’ ที่โดดเด่นในฐานะหนึ่งในเครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UCCN, Chiang Rai City of Design) พร้อมตอกย้ำการพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองที่ใช้ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ และ ‘การออกแบบ’ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเมืองเชียงราย

นอกจากนี้ CEA ยังได้เป็นประธานเปิดงานกิจกรรม “สล่ากาแฟ” หรือ “Chiang Rai Specialty Coffee Showcase” และ “ธุลีกาศ” หรือ “SMOG” โดยมี ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวเปิดงาน ทั้ง 2 กิจกรรมมุ่งเน้นการส่งเสริมสินทรัพย์ในพื้นที่ของจังหวัด และทดสอบแนวคิดการใช้งานออกแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในเชียงราย  โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง CEA กับนักสร้างสรรค์ จาก 69 องศา ภาคีเครือข่ายธุรกิจกาแฟของเชียงราย และ FabCafe Bangkok  

ดร. อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่าสำหรับ CEA ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่สนับสนุนและส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกทุกเมืองในประเทศไทย การพัฒนา ‘เมืองสร้างสรรค์’ เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของ CEA โดย ‘เชียงราย’ ได้รับการประกาศเป็นสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกด้านการออกแบบในปี 2566 นับเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ให้กับเชียงรายในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม CEA จึงมุ่งมั่นที่จะใช้องค์ความรู้และเครือข่ายในการส่งเสริมเชียงรายให้เป็นต้นแบบเมืองสร้างสรรค์ระดับสากล และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศให้เติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน

“CEA เล็งเห็นโอกาสและศักยภาพของเชียงรายในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านการออกแบบของเชียงราย โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างระบบนิเวศทางความคิดสร้างสรรค์ที่เข้มแข็ง ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักออกแบบท้องถิ่น และประยุกต์ใช้การออกแบบเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ การร่วมผลักดันเมืองเชียงรายในฐานะเครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และยกระดับภาพลักษณ์ของเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล” 

CEA ร่วมจัดกิจกรรมภายใต้ “Chiang Rai Sustainable Design Week 2024”

“Chiang Rai Sustainable Design Week 2024” หรือ “เทศกาลเชียงรายเมืองออกแบบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 2567” จะเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของเชียงรายในฐานะเมืองสร้างสรรค์ รวมถึงมอบโอกาสให้นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ เครือข่ายชุมชน สถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจากเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง ได้พบปะ แลกเปลี่ยนไอเดีย มุมมอง และประสบการณ์ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ ด้วยการสร้างโอกาสในเรียนรู้และทดลองผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ เพื่อออกแบบและพัฒนาเมืองเชียงรายไปด้วยกัน

เทศกาลฯ เป็นความร่วมมือระหว่าง CEA ร่วมกับสำนักงานจังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลเมืองเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นักสร้างสรรค์ และหน่วยงานเครือข่ายภาคเอกชนในจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ CEA ได้นำร่องจัด 3 กิจกรรมภายใต้เทศกาลฯ โดยร่วมกับพันธมิตรอย่าง FabCafe ฺBangkok, 69 องศา และ MAYDAY! จัดงานที่ส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ มุ่งผลักดันเชียงรายใน 3 มิติ ให้เป็นทั้งเมืองน่าอยู่ น่าลงทุน และน่าท่องเที่ยว ได้แก่

  1. เมืองน่าอยู่ –SMOG I ธุลีกาศ โดยร่วมกับ FabCafe Bangkok กิจกรรมเสวนา โชว์เคสและเวิร์กช็อปที่จะมานำเสนอแนวทางเปลี่ยนขยะที่เกิดจากกิจกรรมทางการเกษตร ให้กลายเป็นสินทรัพย์ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้กับนักสร้างสรรค์ ซึ่งนอกจากจะสร้างมูลค่าแล้ว ยังช่วยลดปัญหาฝุ่นและไฟป่าซึ่งพบบ่อยในเชียงราย ทั้งยังส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  2. เมืองน่าลงทุน –Chiang Rai Specialty Coffee Showcase I สล่ากาแฟ โดยร่วมกับ 69 องศา และเครือข่ายธุรกิจกาแฟ กิจกรรมเสวนาและเวิร์กช็อปที่เชิญชวน Coffee Lover มาเพิ่มทักษะด้าน “กาแฟ” สินทรัพย์ที่โดดเด่นของเชียงราย พร้อมส่งเสริมกาแฟให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง โดยเฉพาะกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ของเชียงราย ให้ทั้งรสชาติดีและมีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กาแฟของไทย 
  3. เมืองน่าเที่ยว –Chiang Rai MOVE I วน “เวียง” เจียงฮาย โดยร่วมกับ MAYDAY!  และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลเมืองเชียงราย และสถาบันการศึกษาในจังหวัดเชียงราย EV Bus Chiang Rai และบัสซิ่ง ทรานสิท กับ Go Go Bus นำเสนอเส้นทางเดินรถทั้งหมด 2 สาย โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ร่วมกันสร้างแนวคิดการออกแบบขนส่งสาธารณะ ที่ครอบคลุมพื้นที่และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะที่มีอยู่เดิม เพื่อให้คนเจียงฮายเดินทางได้สะดวกสบายและสนุกยิ่งขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งาน Go Go Bus ได้ฟรีตลอดเทศกาลฯ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และศักยภาพของคนในพื้นที่ในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้แก่ การจัดแสดงนิทรรศการและโชว์เคสจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา และผู้ประกอบการ การสัมมนาทางวิชาการด้านการออกแบบสร้างสรรค์ รวมถึงตลาด Design Market ที่รวบรวมสินค้าดีไซน์และแบรนด์ที่สะท้อนศักยภาพพื้นถิ่นอย่างสร้างสรรค์ ตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เครื่องแต่งกาย ไลฟ์สไตล์ ของแต่งบ้าน อาหารสร้างสรรค์ Green Market & Local Spa และกิจกรรมเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ เช่น เวิร์กช็อป เสวนา ดนตรีและการแสดง และกิจกรรมเดินแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าพื้นถิ่น ในแนวคิดเชียงรายสร้างสรรค์ ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย

CEA เชื่อมั่นว่าเทศกาลฯ จะจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์ได้นำเสนอผลงานที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้นผ่านการออกแบบ นับเป็นการส่งเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สร้างเครือข่ายพันธมิตรด้านการออกแบบ รวมถึงสร้างสรรค์องค์ความรู้ สนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของผู้คนและธุรกิจในย่าน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ในการส่งเสริมและผลักดันเชียงราย ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ด้านการออกแบบอย่างยั่งยืน และมาร่วมขับเคลื่อน ‘สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง’ ผ่าน ‘การออกแบบ’ และ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ในเมืองที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์อย่างเชียงราย ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ที่น่าอยู่ น่าลงทุน น่าท่องเที่ยว และเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของ CEA ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป” ดร. อรรชกา กล่าวทิ้งท้าย

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน): สศส. หรือ Creative Economy Agency (Public Organization): CEA จัดตั้งขึ้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2561 โดยการยกระดับ TCDC ขึ้นเป็นองค์การมหาชนในกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้เป็นพลังขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืนในระยะยาว หนึ่งในภารกิจที่สำคัญของ CEA คือการสร้างย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นจริง โดยการส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่ที่เอื้อต่อบรรยากาศสร้างสรรค์และการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ตลอดจนมีความตั้งใจที่จะเชื่อมโยงสู่ชุมชนโดยรอบให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น CEA ยังทำหน้าที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้เติบโต จากการพัฒนาศักยภาพและเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือยกระดับธุรกิจและคุณภาพชีวิตของคนไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ Creative Economy Agency (Public Organization)

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Chiang Rai Sustainable Design Week 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ประเพณีโล้ชิงช้า บ้านห้วยไร่ อ.แม่จัน เทศกาลปีใหม่ชาวอาข่า

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจัดงานประเพณีโล้ชิงช้าของชนเผ่าอาข่าประจำปี พ.ศ. 2567 ณ บ้านห้วยไร่ (ซาเจ๊ะ) หมู่ 6 ตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายสมชาย บัญชาพล ผู้ใหญ่บ้านห้วยไร่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนายเสน่ห์ ปัญญาดี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายก อบจ.เชียงราย, นายระพิน เตมียะ ที่ปรึกษา นายก อบจ.เชียงราย, นายสุทธิรัตน์ แสงเพ็ญจันทร์ ปลัดอำเภอแม่จัน หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง, นายไพศาล พรมมาลี นายกเทศมนตรี ตำบลแม่ไร่, นายณรงค์ชัย ใจวงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่ไร่, ข้าราชการ, ผู้นำท้องที่, ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย

การจัดงานประเพณีโล้ชิงช้าของชนเผ่าอาข่าปีนี้เป็นการส่งเสริมและเผยแพร่ความสำคัญของประเพณีและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท้องถิ่นในพื้นที่ ตลอดจนการสร้างความสามัคคีในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและรักษาวัฒนธรรมอันดีงามไว้ให้คงอยู่ต่อไป

งานประเพณีโล้ชิงช้าของชนเผ่าอาข่าจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์เด็กเล็กบ้านห้วยไร่ (ซาเจ๊ะ) หมู่ 6 ตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยกิจกรรมหลักประกอบด้วยการโล้ชิงช้า, การแสดงพื้นบ้าน, การทำอาหารและของฝากท้องถิ่น, และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่น ๆ ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของชนเผ่าอาข่า

นอกจากนี้ ยังมีกำหนดการจัดงานประเพณีโล้ชิงช้าในพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงราย ดังนี้:

  • วันที่ 17-18 สิงหาคม 2567 เทศกาลโล้ชิงช้า บ้านดอยช้าง
  • วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ประเพณีโล้ชิงช้า สืบสานวัฒนธรรมชาติพันธุ์ ดอยแสนใจ ตำบลแม่สลองใน
  • วันที่ 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2567 ประเพณีโล้ชิงช้าบ้านผาฮี้

การจัดงานประเพณีโล้ชิงช้านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของชุมชนในการรักษาและส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นให้มีชีวิตชีวาและยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนและกับนักท่องเที่ยวที่สนใจวัฒนธรรมพื้นบ้านของชนเผ่าอาข่า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ดึงพลังคนรุ่นใหม่ เทศกาลออกแบบ ของคนเชียงรายสร้างสรรค์ ครั้งที่ 3

 

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย ศาลากลางหลังแรก จังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานเทศกาลออกแบบของคนเชียงรายสร้างสรรค์ (Chiangrai Sustainable Design Week 2024) ครั้งที่ 3 “Chiangrai Creature” สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง โดยมีนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชน เข้าร่วมแสดงความยินดีในการจัดงานในครั้งนี้

เทศกาลออกแบบของคนเชียงรายสร้างสรรค์ (Chiangrai Sustainable Design Week 2024) ครั้งที่ 3 เป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ภายใต้แนวคิด Chiangrai Creature สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเมือง แนวคิดเมืองมีชีวิต สรรพสิ่งมีชีวิต สะท้อนแนวคิดเมืองสร้างสรรค์เชียงรายที่สมดุล ใน 4 มิติ ที่มีความสัมพันธ์กัน ได้แก่ มิติที่ 1 คนรุ่นใหม่ คือศูนย์กลางแห่งการแลกเปลี่ยนและพัฒนากระบวนทัศน์ทางความคิด และความคิดสร้างสร้างสรรค์ ผลักดันโอกาสทางเศรษฐกิจการลงทุน และสังคมและวัฒนธรรมของเชียงราย มิติที่ 2 การก่อให้เกิดความยั่งยืนผ่านกระบวนทางความคิดและความคิดสร้างสรรค์ผสานกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่เป็นรากฐานสำคัญในกระบวนการแห่งการพัฒนาเมือง มิติที่ 3 ความหลากหลายทางพหุวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เป็นแก่นทางสังคมและวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกและปลุกความมีชีวิตของเมืองเชียงราย และมิติที่ 4 การมีส่วนร่วมของชุมชนร่วมออกแบบเมืองเชียงรายให้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิต

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของ UNESCO (UCCN) ในฐานะที่มีเป็นเมืองน่าอยู่ เมืองน่าลงทุน และเมืองน่าเที่ยวสนุกสนาน พร้อมเปิดความรู้และประสบการณ์จาก 3 กิจกรรมหลักสอดคล้องเมืองน่าอยู่กับกิจกรรม SMOG ธุลีกาศสร้างสรรค์วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรที่ก่อให้เกิดไฟป่าและมลภาวะ PM 2.5 ให้เป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นการตระหนักและสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับเมืองเชียงราย โดยเฉพาะกิจกรรมสล่ากาแฟ ที่สะท้อนกระบวนการของความคิดสร้างสรรค์ ความประณีต และความใส่ใจในทุกรายละเอียดของกระบวนการผลิตกาแฟ เพื่อให้ได้ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และมีความพิเศษ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรมของเมืองเชียงราย 

ทั้งนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมวน “เวียง” เจียงฮาย ที่ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ตอกย้ำความเข้มแข็งและการให้ความสำคัญกับการศึกษาในรูปแบบต่างๆ การฉายภาพ Projection Mapping สื่อความหมายปัจจุบันและอนาคตที่ทุกภาคส่วนของจังหวัดเชียงรายได้ร่วมกันออกแบบ กิจกรรม exhibition & showcase บูทนิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา และผู้ประกอบการ การสัมมนาทางวิชาการด้านการออกแบบสร้างสรรค์ กิจกรรม Learning & sharing กิจกรรม workshop ตลาดนัดนักออกแบบ Design market การขายสินค้าที่สะท้อนศักยภาพพื้นถิ่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งงานจัดระหว่างวันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2567 ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย ศาลากลางหลังแรก จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่เวลา 13.00 – 21.00 น.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” ยกระดับวัฒนธรรมท้องถิ่น อ.เวียงชัย

 

เมื่อวันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2567 ณ ชุมชนวัดพนาลัยเกษม อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้ร่วมกับที่ว่าการอำเภอเวียงชัย เทศบาลตำบลเวียงเหนือ และชุมชนวัดพนาลัยเกษม จัดโครงการส่งเสริมกิจกรรม “1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power และ 1 Family 1 Soft Power ของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการนำวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์มาใช้ในการยกระดับคุณค่าศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น

การเปิดงานได้รับเกียรติจากนายบดินทร์ เทียมภักดี นายอำเภอเวียงชัยเป็นประธานในการกล่าวเปิดโครงการ พร้อมด้วยพระครูพิธานพิพัฒนคุณ รักษาการเจ้าคณะอำเภอเวียงชัย เจ้าอาวาสวัดพนาลัยเกษม, พระครูวิมลศิลปกิจ รองเจ้าคณะอำเภอเวียงชัย, และพระครูโบราณบุรานุรักษ์ เจ้าคณะตำบลเวียงเหนือ ที่มาร่วมพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยนายบุญส่ง ศรีสายัณห์ ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลเวียงเหนือได้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์และความสำคัญของกิจกรรม

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย:

  • การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม: ฟ้อนข้าวตอก, ฟ้อนก๋ายลาย, ฟ้อนสาวเจียงฮาย และการแสดงอื่นๆ ที่สะท้อนถึงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
  • การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น: การทำขนมจ็อก (ขนมเทียน), การจักสานเครื่องสูง, การทำบายศรีและงานใบตอง
  • การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมไทย (CPOT): ผ้าทอชาติพันธุ์ร่วมสมัย, ผ้าทอล้านนา และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่สะท้อนถึงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
  • อาหารและสินค้าชุมชน: ข้าวจี่, น้ำสมุนไพร และสินค้าท้องถิ่นอื่นๆ ที่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน

งานนี้มีการเข้าร่วมจากกลุ่มคนหลากหลายทั้งจากภาครัฐและชุมชน เช่น ดร.สันติ์ ศรียา นายกเทศมนตรีตำบลเวียงเหนือ, นายธวัชชัย สิทธิยศ กำนันตำบลเวียงเหนือ, คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนเทศบาลตำบลเวียงเหนือ (ค่ายเจริญ), โรงเรียนเวียงชัยพิทยา และวิทยาลัยผู้สูงอายุตำบลเวียงเหนือ รวมถึงประชาชนทั่วไป ประมาณ 200 คน

โครงการ “1 อำเภอ 1 ลานสร้างสรรค์” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้แก่เด็ก เยาวชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์นี้จะช่วยสร้างความภาคภูมิใจและตระหนักในคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น และยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์และมีความหมาย

การจัดงานนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมและสร้างสรรค์ให้เกิดผลกระทบที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News