Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ยกระดับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับสากล

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายเดินหน้าพัฒนายกระดับการให้บริการ รองรับการเติบโตท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00 น. นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ผชร.) ให้การต้อนรับ ดร.วาสนา พงศาปาน ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์กรมหาชน) หรือ อพท. พร้อมคณะ และคณะสื่อมวลชนจากหลายสำนัก เพื่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับแผนการพัฒนาท่าอากาศยานและการยกระดับการให้บริการนักท่องเที่ยว ณ ห้องประชุมตอบแทนคุณแผ่นดิน ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)

แผนพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

นาวาอากาศตรีสมชนก ได้กล่าวถึงแผนการพัฒนาและศักยภาพของท่าอากาศยานในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านกายภาพ สิ่งอำนวยความสะดวก และกระบวนการในการให้บริการที่ดำเนินงานภายใต้มาตรฐานระดับสากล โดยเฉพาะด้าน Safety และ Security ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาท่าอากาศยานเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย

ทชร. ยังได้รับการออกแบบให้เป็น Gateway สำคัญของการเดินทางและการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สะดวกต่อการเชื่อมต่อระบบคมนาคม รวมถึงใกล้สถานศึกษา แหล่งเศรษฐกิจ และพื้นที่สำคัญของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ และอำเภอแม่สาย

การพัฒนาสู่ศูนย์กลางการขนส่งและไมซ์ (MICE)

นอกจากนี้ ทชร. ยังมีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็น ศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo Hub) และ ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) เพื่อให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาค พร้อมสร้างโอกาสในการจ้างงานสำหรับแรงงานในพื้นที่ รวมถึงยกระดับทักษะแรงงานด้านการวางแผนซ่อมบำรุง โดยมีเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในระดับภูมิภาค

ในด้านการท่องเที่ยว ทชร. ได้ร่วมบูรณาการกับจังหวัดเชียงรายเพื่อสนับสนุนการจัดงานประชุมและกิจกรรมระดับนานาชาติ รวมถึงอุตสาหกรรม ไมซ์ (MICE) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและการศึกษา เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

ความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ

นาวาอากาศตรีสมชนกกล่าวว่า การพัฒนาทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและยกระดับจังหวัดเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางการเดินทางและการท่องเที่ยวระดับสากล

ทชร. พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารด้วยมาตรฐานระดับสูง และพร้อมร่วมมือกับทุกกลไกในการพัฒนาเชียงรายให้เป็นจังหวัดที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา กีฬา และการท่องเที่ยว

บทบาทสำคัญของทชร.

ด้วยศักยภาพและการพัฒนาที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย พร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการขนส่งที่สำคัญของภาคเหนือ และสนับสนุนให้เชียงรายเป็นจังหวัดที่เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจโลก โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์และความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างครบถ้วน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
ENVIRONMENT

โกโก้ราคาพุ่งทุบสถิติใหม่ ช็อกโกแลตแพง ผู้บริโภครับผลกระทบ

ราคาสูง! โกโก้พุ่งทำสถิติใหม่ ช็อกโกแลตแพงกระทบผู้บริโภค

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 สื่อบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาสัญญาซื้อขายโกโก้ล่วงหน้า ในตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นถึง 5.5% แตะที่ 11,925 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ทุบสถิติเก่าที่ 11,722 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นเกือบสามเท่าในปีนี้ ส่งผลให้ผู้ผลิตช็อกโกแลตอย่าง Hershey Co. ต้องปรับราคาขึ้น ผู้บริโภคทั่วโลกจึงได้รับผลกระทบจากราคาช็อกโกแลตที่สูงขึ้น

ปัญหาผลผลิตโกโก้จากแอฟริกาตะวันตก

ราคาที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัญหาการเก็บเกี่ยวใน แอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ผลิตโกโก้มากที่สุดในโลก สภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น ฝนตกหนักจนท่วมไร่โกโก้ และลมประจำฤดูกาลฮาร์มัตตัน (Harmattan) ที่ทำให้ดินแห้ง ส่งผลให้ผลผลิตโกโก้ลดลงอย่างมาก

ถึงแม้ว่าผลผลิตครอปหลักในฤดูกาลนี้จะค่อนข้างดี แต่การเก็บเกี่ยวครอปกลางซึ่งเริ่มในเดือนเมษายนกลับน่ากังวล นิคโก เดเบนแฮม ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน กล่าวว่า การพยากรณ์ฤดูกาลฮาร์มัตตันและผลกระทบจากสภาพอากาศในประเทศ ไอวอรีโคสต์ และ กาน่า จะทำให้ฤดูกาลปัจจุบันนี้เกิดภาวะอุปทานไม่เพียงพอทั่วโลก

ตลาดโกโก้สั่นคลอน

นักวิเคราะห์จาก ADM Investor Services ระบุว่า การส่งออกโกโก้จากไอวอรีโคสต์แม้ยังดีกว่าปีก่อน แต่เริ่มชะลอตัวในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์นี้สร้างความกังวลเกี่ยวกับการผลิตปีนี้ ที่อาจไม่พอเพียงต่อความต้องการใช้

ผลกระทบยังขยายไปถึงตลาดแลกเปลี่ยนในสหรัฐฯ ซึ่งปริมาณสต็อกโกโก้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดโกโก้ในนิวยอร์กและลอนดอน ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ยังดึงดูดการปิดสถานะการลงทุนในตลาด เนื่องจากต้นทุนการดำเนินการเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณความสนใจรวม (Open Interest) ในตลาดลดต่ำสุดในรอบ 10 ปี

ผลกระทบต่อผู้บริโภค

ราคาช็อกโกแลตที่สูงขึ้นในปีนี้เริ่มส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภค โดยผู้บริโภคจำนวนมากลดการซื้อช็อกโกแลตเพื่อลดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ บลูมเบิร์กนิวเอเนอร์จีไฟแนนซ์ (BloombergNEF) รายงานว่า แม้จะเผชิญอุปสรรคด้านราคาสูง แต่ในระยะยาว ความต้องการช็อกโกแลตทั่วโลกจะยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ความคาดหวังในอนาคต

ธนาคารราโบแบงก์คาดการณ์ว่าราคาโกโก้จะเริ่มลดลงในปี 2025 เนื่องจากราคาที่สูงกระตุ้นการผลิตเพิ่มขึ้น และทำให้การบริโภคลดลงในบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการผลิต เช่น โรคพืช และ ค่าจ้างเกษตรกรที่ต่ำ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

การผลิตต้นโกโก้ใหม่ยังต้องใช้เวลา 3-5 ปีเพื่อให้ได้ผลผลิต การปรับตัวของเกษตรกรและนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นในแอฟริกาตะวันตกจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน

ความยั่งยืนในอุตสาหกรรม

ราคาสูงของโกโก้ในปีนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาความยั่งยืนในอุตสาหกรรมช็อกโกแลต ไม่เพียงแค่ลดผลกระทบจากสภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ให้มีรายได้ที่มั่นคง และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

โอกาสการเติบโตในตลาดโกโก้ยังคงมีอยู่ แต่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : bloomberg

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AUTOMOTIVE

ฮอนด้า-นิสสัน หารือควบรวม ดันยานยนต์ญี่ปุ่นลุยตลาดโลก

ฮอนด้า-นิสสัน หารือการควบรวม หวังฟื้นตัวจากวิกฤต

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 มีรายงานว่าบริษัท ฮอนด้า และ นิสสัน กำลังอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการ เพื่อรวมพลังกันฟื้นตัวจากความท้าทายที่ทั้งสองบริษัทกำลังเผชิญอยู่ในตลาดยานยนต์โลกในปัจจุบัน ข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยโดย Nikkei ซึ่งระบุว่าทั้งสองบริษัทกำลังพิจารณารูปแบบความร่วมมือในอนาคต แต่ยังไม่มีการระบุรายละเอียดหรือกำหนดเวลาที่ชัดเจนสำหรับการตัดสินใจ

ความร่วมมือที่กำลังพัฒนา

ฮอนด้าและนิสสันได้ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “เรากำลังสำรวจความเป็นไปได้หลากหลายรูปแบบในการร่วมมือกันในอนาคต โดยใช้จุดแข็งของทั้งสองบริษัท” หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม เราจะประกาศให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทราบในเวลาที่เหมาะสม

รายงานยังชี้ว่า มิตซูบิชิ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อีกรายหนึ่งของญี่ปุ่น ก็เข้าร่วมอยู่ในวงหารือเบื้องต้นด้วย แม้ว่าจะยังไม่มีการตอบกลับข้อซักถามเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมนี้

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฮอนด้าและนิสสันได้ประกาศความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และในเดือนสิงหาคม ทั้งสองบริษัทได้ประกาศว่าจะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ แต่การหารือในครั้งนี้อาจขยายความร่วมมือให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับปัญหาที่ทั้งสองบริษัทเผชิญ

ความท้าทายในตลาดจีนและระดับโลก

ตลาดจีนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ กำลังกลายเป็นอุปสรรคสำหรับทั้งฮอนด้าและนิสสัน เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนหันไปสนับสนุนแบรนด์ในประเทศที่มีความคุ้มค่ามากกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดด้วยมาตรการจูงใจต่าง ๆ

แม้ว่าทั้งฮอนด้าและนิสสันจะมีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ยังตามหลังแบรนด์จีนอย่าง BYD ซึ่งมีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าและราคาถูกกว่า

ปัญหาภายในของนิสสัน

นิสสันยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่อดีตซีอีโอ คาร์ลอส กอส์น หลบหนีข้อหาการทุจริตทางการเงินในปี 2018 ส่งผลให้พันธมิตรระหว่างนิสสัน เรโนลต์ และมิตซูบิชิ สั่นคลอนลง และในปีล่าสุด เรโนลต์ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในนิสสันลงอย่างมาก ทำให้นิสสันต้องพึ่งพาตนเองมากขึ้น

ในช่วงเดือนมีนาคมถึงกันยายนของปีนี้ นิสสันรายงานว่ารายได้จากการดำเนินงานลดลงถึง 90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ความท้าทายของฮอนด้า

ในขณะเดียวกัน ฮอนด้า ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่านิสสันถึง 5 เท่า ก็เผชิญกับปัญหาในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตรถยนต์ปลอดการปล่อยมลพิษในตลาดใหญ่ภายในปี 2040 แม้ว่าบริษัทจะตั้งเป้าหมายนี้ไว้ แต่ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ และยุโรปยังคงต่ำเนื่องจากราคาน้ำมันยังค่อนข้างต่ำ โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จยังไม่เพียงพอ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

แนวทางการรวมพลัง

ความร่วมมือระหว่างฮอนด้า นิสสัน และอาจรวมถึงมิตซูบิชิ มีแนวโน้มช่วยให้บริษัทเหล่านี้รับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ความเป็นไปได้ของการรวมตัวกันนี้อาจนำไปสู่การพัฒนารถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

โครงการความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นเครื่องยืนยันถึงบทบาทสำคัญของญี่ปุ่นในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ซึ่งความคืบหน้าในครั้งนี้น่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดโลก

การหารือดังกล่าวยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น และต้องรอติดตามความคืบหน้าจากทั้งสามบริษัทเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : cnn

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

ไทยเสนอวีซ่าร่วม 6 ประเทศ ดันอาเซียนเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว

ไทยเดินหน้าสร้างภูมิภาคท่องเที่ยวแบบรวมศูนย์ ภายใต้แนวคิด “หกประเทศ หนึ่งจุดหมาย”

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 thailandnow รายงานว่า ประเทศไทยกำลังผลักดันโครงการนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยว โดยเสนอแนวคิดวีซ่าร่วมในลักษณะเดียวกับวีซ่าเชงเก้นของยุโรป เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ ไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว มาเลเซีย และเมียนมา แนวคิดนี้ได้รับการผลักดันโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้หารือกับผู้นำอาเซียนหลายครั้งในปีที่ผ่านมา

“หกประเทศ หนึ่งจุดหมาย” จุดเปลี่ยนการท่องเที่ยวอาเซียน

แนวคิด “Six Countries, One Destination” หรือ “หกประเทศ หนึ่งจุดหมาย” ถูกเสนอครั้งแรกโดยประเทศไทยในเดือนเมษายน 2567 และได้รับการหารือใน การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 ที่ประเทศลาว เป้าหมายของโครงการนี้คือการทำให้อาเซียนเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวแบบรวมศูนย์ ลดขั้นตอนด้านเอกสาร และเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางระหว่างประเทศในภูมิภาค

นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ได้ผลักดันโครงการนี้ผ่านการเจรจาระหว่างผู้นำอาเซียนหลายประเทศ รวมถึงหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีฟาม มินห์ จิญห์ ของเวียดนาม โดยตกลงเริ่มนำร่องระบบวีซ่าร่วม รวมถึงการเจรจากับนายกรัฐมนตรีโสเนไซ สีพันดอน ของลาว เน้นเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจและการคมนาคม นอกจากนี้ ยังมีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่มาเลเซียเพื่อหารือการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว เช่น การปรับขั้นตอนข้ามแดน และการเชื่อมโยงแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว

เป้าหมายของวีซ่าร่วม: เพิ่มการเข้าถึงและกระตุ้นเศรษฐกิจ

ระบบวีซ่าร่วมนี้มุ่งเน้นการลดขั้นตอนด้านเอกสารและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว โดยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าประเทศในกลุ่มที่เข้าร่วมได้ด้วยวีซ่าเดียว ส่งผลให้เกิดการเพิ่มจำนวนวันพักและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการสร้าง “ภูมิภาคการท่องเที่ยวแบบรวมศูนย์” คล้ายกับระบบของยุโรป แต่ผสมผสานความหลากหลายทางวัฒนธรรมของอาเซียน ระบบนี้ยังช่วยลดอุปสรรคทางด้านเอกสาร เช่น การยื่นขอวีซ่าหลายครั้ง ช่วยให้การเดินทางในภูมิภาคง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสในการพัฒนาการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

ไทยในฐานะผู้นำการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค

บทบาทของไทยในฐานะผู้นำโครงการนี้ถูกเน้นย้ำผ่านการประชุมสุดยอดและการหารือทวิภาคีต่างๆ โดยรัฐบาลไทยยังเน้นความสำคัญของการปรับปรุงขั้นตอนการเดินทาง และการพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมระหว่างประเทศในภูมิภาค

นอกจากนี้ การนำเสนอโครงการนี้ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยเพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ไร้รอยต่อ พร้อมทั้งกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ก้าวใหม่ของการท่องเที่ยวในเอเชีย

โครงการ “หกประเทศ หนึ่งจุดหมาย” ถือเป็นก้าวสำคัญของภูมิภาคเอเชียในการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค โดยการรวมวีซ่าเข้าด้วยกันจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก

ด้วยการสนับสนุนจากผู้นำในภูมิภาคและการผลักดันอย่างต่อเนื่อง โครงการนี้คาดว่าจะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการเดินทางในภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อประโยชน์ของนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : thailandnow

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
LIFESTYLE

ThaiHealth Watch 2025 เจาะลึก 7 เทรนด์สุขภาพปี 2568

สสส. เปิดตัว ThaiHealth Watch 2025 นำเสนอ 7 ประเด็นทิศทางสุขภาพคนไทย ปี 2568

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานเปิดงาน “จับตาทิศทางสุขภาพคนไทย 2568 (ThaiHealth Watch 2025)” โดยมีเป้าหมายสำคัญในการนำเสนอ 7 ประเด็นสุขภาพสำคัญของคนไทยในปี 2568 เพื่อสร้างการรับรู้และร่วมขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูล (Data-Driven Society)

7 ประเด็นสุขภาพสำคัญในปี 2568

  1. ยิ่งเปราะบาง ยิ่งเดือดร้อน วิกฤตโลกเดือด
    ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ประเทศไทยเผชิญความเสี่ยงอันดับ 9 ของโลก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด สสส. เน้นสร้างทักษะคนรุ่นใหม่เพื่อลดผลกระทบจากปัญหานี้
  2. ชีวิตอมฝุ่น ตัวเลขผู้ป่วยก้าวกระโดด นโยบายก้าวไม่ทัน
    คุณภาพอากาศของประเทศไทยเฉลี่ยรายปีสูงกว่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลกถึง 5 เท่า ส่งผลให้ผู้ป่วยทางเดินหายใจเพิ่มกว่า 11 ล้านคน/ปี สสส. ชวนจับตาร่างกฎหมายอากาศสะอาดที่จะเข้าสภาฯ ในต้นปี 2568
  3. เยียวยาจิตใจ ปรับพฤติกรรมใหม่ เข้าถึงการดูแลได้ทุกคน
    ผู้ป่วยจิตเวชในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 2.9 ล้านคนในปี 2566 โดย สสส. ได้พัฒนานวัตกรรม “ประสบการณ์” เพื่อสร้างความเข้าใจและลดช่องว่างระหว่างวัย
  4. ต่างวัยต่างติดจอ เผชิญปัญหาต่าง กระทบชีวิตไม่แตกต่าง
    คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 7.04 ชั่วโมง/วัน แต่ยังมีความรู้เท่าทันภัยออนไลน์ต่ำ ส่งผลให้เกิดปัญหา เช่น การพนันออนไลน์ การคุกคามทางเพศ สสส. จึงผลักดันกลไกเครือข่ายเฝ้าระวังภัยออนไลน์
  5. เด็กอ้วนเพิ่ม ผู้ใหญ่ความดันพุ่ง ทำสุขภาพทรุด เศรษฐกิจโทรม
    เด็กอ้วนมีแนวโน้มป่วยโรค NCDs สูงขึ้น เช่น เบาหวานที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มจาก 4.8 ล้านคนในปี 2566 เป็น 5.3 ล้านคนในปี 2583 สสส. เร่งสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขภาพ
  6. โรคติดต่อจะไม่ติดต่อ เติมความรู้ให้แน่น ก่อนจะเล่นกับความรัก
    ผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นเป็น 53 คน/แสนประชากรในปี 2566 สสส. พัฒนาเว็บไซต์ www.คุยเรื่องเพศ.com เพื่อให้ความรู้แก่ทุกกลุ่มวัย
  7. การตลาดบุหรี่ไฟฟ้า ภาพหวานเหมือนขนม ซ่อนพิษขมสำหรับเด็ก
    เด็กไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 9.1% โดยส่วนหนึ่งมาจากการตลาดที่ดึงดูดนักสูบหน้าใหม่ สสส. เน้นผลักดันนโยบายและสร้างความตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า

พัฒนานวัตกรรม ThaiHealth Watch

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเปิดงาน จับตาทิศทางสุขภาพคนไทย 2568 (ThaiHealth Watch 2025) ว่า “สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูล (Data-Driven Society) พัฒนานวัตกรรม ThaiHealth Watch เพื่อนำเสนอแนวทางลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยรวบรวมองค์ความรู้จากสถานการณ์สุขภาพคนไทย ปี 2567 ประกอบกับความคิดเห็นเรื่องสุขภาพยอดนิยมบนสื่อออนไลน์ และข้อแนะนำทั้งระดับปัจเจกบุคคลและนโยบายต่อสังคม เกิดเป็นประเด็นกระแสสังคม 7 ประเด็น 1.ยิ่งเปราะบาง ยิ่งเดือดร้อน วิกฤตโลกเดือด สำนักบริการด้านสภาพแวดล้อมของสหภาพยุโรป พบปี 2566 เป็นปีที่โลกมีอุณหภูมิร้อนที่สุด โลกร้อนขึ้นทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางระบบนิเวศ ระบบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ไทยเสี่ยงจากผลกระทบสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด สสส. จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย สร้างทักษะคนรุ่นใหม่สามาร

พ.พงศ์เทพ กล่าวต่อว่า 2.ชีวิตอมฝุ่น ตัวเลขผู้ป่วยก้าวกระโดด นโยบายก้าวไม่ทัน รายงานคุณภาพอากาศปี 2566 พบไทยมีมลพิษมากเป็นอันดับที่ 36 ของโลก เฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 23.3 มคก./ลบ.ม. มากกว่าค่าเฉลี่ยรายปีที่องค์การอนามัยโลกกำหนดถึงเกือบ 5 เท่า โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบเทียบเท่ากับสูบบุหรี่ 1,224 มวน ส่งผลให้มีผู้ป่วยทางเดินหายใจกว่า 11 ล้านคนต่อปี สสส. ชวนจับตาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2-3 ในต้นปี 2568 3.เยียวยาจิตใจ ปรับพฤติกรรมใหม่ เข้าถึงการดูแลได้ทุกคน พบผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มขึ้นจาก 1.3 ล้านคนในปี 2558 เป็น 2.9 ล้านคน ในปี 2566 สสส. ร่วมกับภาคีพัฒนานวัตกรรมดูแลสุขภาพจิต ภายใต้โครงการ “ประสบการณ์” เพื่อลดช่องว่างและทัศนคติระหว่างวัย 4.ต่างวัยต่างติดจอ เผชิญปัญหาต่าง กระทบชีวิตไม่แตกต่าง พฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย 2565 โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พบคนไทยใช้อินเทอร์เน็ต 7.04 ชม./วัน แต่กลับมีความรู้ด้านการป้องกันภัยออนไลน์ต่ำ ส่งผลให้เสพติดพนันออนไลน์ โดนกลั่นแกล้ง คุกคามทางเพศ สสส. ได้ผลักดันกลไกเครือข่ายสร้างทักษะรู้เท่าทันสื่อทุกกลุ่มวัย เพื่อเฝ้าระวังและลดภัยออนไลน์ทุกรูปแบบ

1 ในสิ่งสำคัญที่ สสส. มุ่งเน้นการขับเคลื่อน

          น.ส.สุพัฒนุช สอนดำริห์ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม สสส. กล่าวว่า ปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญส่งผลให้การลดโรค NCDs ทำได้ยาก คือ 1.นวัตกรรม ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงสังคม และพฤติกรรมของคน เช่น การสั่งอาหารเดลิเวอรี่ อาหารแปรรูป 2.การตลาดที่กระตุ้นการบริโภค 3.บุหรี่ไฟฟ้าและกัญชา เข้าถึงได้ง่าย 4.ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางอากาศ PM2.5 ทำให้ออกกำลังกายนอกอาคารไม่ได้ 5.ปัญหาความเครียด สุขภาพจิต 6.รางวัลที่ให้ตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการกินเกินพอดี

    “1 ในสิ่งสำคัญที่ สสส. มุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานป้องกันและลดอัตราป่วยด้วยโรค NCDs สื่อสารรณรงค์ให้ความรู้ จุดประกายการเปลี่ยนแปลง เช่น สสส. ขับเคลื่อนเรื่องเหล้าในกลุ่มผู้หญิง เหล้ามีผลต่อมะเร็งเต้านม ทำให้อัตราการดื่มในกลุ่มผู้หญิงลดลง หรือกรณีบุหรี่ไฟฟ้า เรื่องไอบุหรี่เกาะปอดไม่สามารถล้างไม่ได้ รวมถึงจุดประกายการตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้ง่าย เช่น แคมเปญ “ไขมันเริ่มสลายเมื่อออกกำลังกายอย่างน้อย 10 นาที” สร้างกระแสสังคมเพื่อปรับพฤติกรรมเสี่ยง เรื่องงดเหล้าเข้าพรรษา” น.ส.สุพัฒนุช กล่าว

มุ่งแก้ปัญหาสุขภาพจิตในวัยทำงาน

ดร.เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช รองคณบดี คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปี 2566 คนไทยมีอัตราการฆ่าตัวตาย 7.9 คนต่อประชากรแสนคน และยังมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปี แต่บุคลากรด้านสุขภาพจิตกลับเป็นสาขาที่มีจำนวนจำกัด มีจิตแพทย์ 1,000 คน นักจิตวิทยา 1,000 คน ซึ่งการจะเพิ่มบุคลากรด้านสุขภาพจิตให้เพียงพอต้องใช้เวลาถึง 5-10 ปี กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ว่า 10 ปีข้างหน้า สุขภาพจิตจะกลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่ทำให้เกิดการสูญเสียเป็นอันดับ 1 ของโรคไม่ติดต่อทั้งหมด ซึ่งกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง คือ กลุ่มวัยทำงาน พบมีความเครียดในการทำงาน 42.7% ในจำนวนนี้มีภาวการณ์ฝืนทำงานแม้มีปัญหาสุขภาพจิต 27.5% การรักษาในโรงพยาบาลจึงอาจไม่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต

 

   “แนวทางการสร้างนโยบายการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตที่ดีในการทำงาน 6 เรื่อง 1.เพิ่มสวัสดิการด้านการรักษาสุขภาพกายและใจ 2.อบรมให้ความรู้และจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ 3.เพิ่มสวัสดิการการลา 4.ส่งเสริมการพูดคุยสื่อสารและรับฟังปัญหา 5.สร้างบรรยากาศและวัฒนธรรมที่ดีในองค์กร 6.เพิ่มสวัสดิการทางการเงิน ช่วยให้พนักงานเข้าถึงการได้รับบริการหรือการส่งเสริมสุขภาพจิตและสุขภาพใจ” ดร.เจนนิเฟอร์ กล่าว

เป้าหมายของ ThaiHealth Watch 2025

“ThaiHealth Watch 2025” จะเป็นเครื่องมือสำคัญกระตุ้นสังคมให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://resourcecenter.thaihealth.or.th/healthtrend หรือรับข้อมูลเฉพาะบุคคลได้ผ่านแอปพลิเคชัน “Persona Health”

“สุขภาพดีเริ่มได้ที่ตัวเรา” นพ.พงศ์เทพ กล่าวทิ้งท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“จำไฮบ้านเหล่าเกมส์ 2024” รวมพลังเยาวชน เชื่อมสัมพันธ์ชุมชนผ่านกีฬา

งานแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน “จำไฮบ้านเหล่าเกมส์ 2024” ส่งเสริมเยาวชนใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน “จำไฮบ้านเหล่าเกมส์ 2024” การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียนศูนย์เครือข่ายการศึกษา ตำบลปล้องหนองแรด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 4 โดยมีบุคคลสำคัญร่วมในพิธี ได้แก่ นางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนายบุญตัน เสนคำ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเทิง เขต 1

งานนี้จัดขึ้น ณ สนามกีฬาโรงเรียนจำไฮบ้านเหล่า ตำบลปล้อง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยได้รับการสนับสนุนและต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนายประทีป ชาสมบัติ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาศูนย์เครือข่ายการศึกษา ตำบลปล้องหนองแรด พร้อมด้วยผู้นำท้องที่และท้องถิ่น

ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพเยาวชนผ่านกีฬา

การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียนครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความสามารถ ความถนัด และความสนใจในด้านกีฬา พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดน้ำใจนักกีฬา ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และห่างไกลจากยาเสพติด สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนในทุกมิติ ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

การจัดกิจกรรมดังกล่าวยังมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้แบบบูรณาการผ่านการเล่นกีฬา เสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ และเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข

นักกีฬา 419 คนจาก 7 โรงเรียนร่วมแข่งขัน

การแข่งขันในปีนี้มีนักกีฬาเข้าร่วมจำนวนทั้งสิ้น 419 คน จาก 7 โรงเรียนในพื้นที่ ได้แก่

  1. โรงเรียนหนองแรดวิทยา
  2. โรงเรียนบ้านม่อนป่ายาง
  3. โรงเรียนบ้านปล้องตลาด
  4. โรงเรียนบ้านปล้องใต้
  5. โรงเรียนบ้านปล้องส้าน
  6. โรงเรียนบ้านดอนดินแดง
  7. โรงเรียนจำไฮบ้านเหล่า

กิจกรรมประกอบด้วยการแข่งขันกีฬาสากล 6 ชนิด ได้แก่

  • ฟุตบอล
  • วอลเลย์บอล
  • เซปักตะกร้อ
  • เทเบิลเทนนิส
  • แฮนด์บอล
  • เปตอง

นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกรีฑาประเภทลู่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักกีฬาและผู้ชม

จัดงานระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคม 2567

การแข่งขันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคม 2567 ณ สนามกีฬาโรงเรียนจำไฮบ้านเหล่า โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสนุกสนานและส่งเสริมสุขภาพของเยาวชน แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชุมชนและสถานศึกษาในพื้นที่

งานแข่งขันกีฬาครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งนักกีฬา ผู้ปกครอง และชุมชนที่เข้ามาร่วมเชียร์และให้กำลังใจ สะท้อนถึงความสำเร็จของกิจกรรมที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเยาวชนและชุมชนโดยรวม

นายก อบจ.เชียงราย เน้นย้ำความสำคัญของการกีฬา

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า การแข่งขันกีฬานับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สามารถพัฒนาเยาวชนในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนความอดทน การทำงานเป็นทีม และการเรียนรู้ที่จะเคารพกติกา

“การที่เยาวชนมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมกีฬานั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่ยังช่วยเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็ง มีระเบียบวินัย และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความพยายามในการพัฒนาตนเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขากลายเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต” นางอทิตาธรกล่าว

สร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาเยาวชนอย่างยั่งยืน

งานนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและสถานศึกษา ในการส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนผ่านกิจกรรมกีฬา โดยหวังว่าจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในพื้นที่อื่น ๆ ได้เดินตามแนวทางนี้

การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน “จำไฮบ้านเหล่าเกมส์ 2024” นอกจากจะสร้างความสนุกสนานแล้ว ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเยาวชน ครอบครัว และชุมชนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเปิดตลาดผักปลอดสาร ทหารพันธุ์ดีทุกวันศุกร์

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเชียงรายเปิดพื้นที่จำหน่ายผักปลอดสาร “โครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37” ทุกวันศุกร์

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเชียงราย ร่วมมือกับ โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) เปิดพื้นที่สำหรับจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรในทุกวันศุกร์ โดยเน้นผลิตผลทางการเกษตรที่ปลอดสารพิษและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากภาคีเครือข่ายชุมชนสันมะแฟน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

การจำหน่ายสินค้าดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายหลังประสบปัญหาอุทกภัย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และสร้างโอกาสในการเข้าถึงสินค้าคุณภาพดีในราคาย่อมเยา โดยมีผักปลอดสารพิษและผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันจาก โครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37 เช่น ผักกาดขาว ผักบุ้ง คะน้า ฟักทอง และไข่ไก่ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากภาคีเครือข่ายชุมชน เช่น น้ำพริกและข้าวอินทรีย์ ซึ่งเป็นที่สนใจและได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนที่มาใช้บริการ

วัตถุประสงค์ของโครงการ

ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) กล่าวว่า โครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37 นั้นมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และส่งเสริมการผลิตพืชผักปลอดสารพิษเพื่อให้ประชาชนได้บริโภคผักที่มีคุณภาพปลอดภัย ในราคาประหยัด อีกทั้งยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจของประชาชนหลังผ่านวิกฤตอุทกภัย และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนและกำลังพลภายในโครงการ

โครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37 ได้นำเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านการเกษตรแบบยั่งยืนมาใช้กับการปลูกผัก โดยเน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ที่ไม่ใช้สารเคมีในการผลิต พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ใกล้เคียงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจำหน่ายสินค้า ทำให้เกิดความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างชุมชน

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเชียงรายให้การสนับสนุนพื้นที่

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเชียงรายได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโครงการดังกล่าว จึงได้เปิดพื้นที่บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าเพื่อให้โครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37 และเครือข่ายชุมชน ได้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นมาตรการความปลอดภัยและความสะอาดอย่างเข้มงวด ซึ่งประกอบไปด้วย

  1. การคัดกรองอย่างเคร่งครัด ก่อนการเข้าซื้อสินค้า
  2. การเว้นระยะห่างระหว่างพื้นที่จำหน่ายสินค้า เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างปลอดภัย
  3. การดูแลจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาซื้อสินค้า

นอกจากนี้ โครงการทหารพันธุ์ดี ยังได้มีการนำผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานปลอดสารพิษมาจัดจำหน่ายในราคาประหยัด เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนที่ต้องการสินค้าคุณภาพดีในราคาประหยัด

ประชาชนตอบรับดีเยี่ยม ช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

ประชาชนที่มาเลือกซื้อสินค้าต่างแสดงความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสินค้าทางการเกษตรจากโครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37 มีความสด สะอาด ปลอดภัย และราคาถูกกว่าท้องตลาด นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนโครงการที่มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือสังคมและชุมชนอย่างแท้จริง

คุณนงลักษณ์ ชาวเชียงราย ผู้มาซื้อสินค้า กล่าวว่า “การมีตลาดแบบนี้ช่วยได้เยอะเลยค่ะ เพราะผักที่ขายสดและปลอดภัย สามารถซื้อในราคาย่อมเยาได้ทุกสัปดาห์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้จริง ๆ”

ความสำคัญของโครงการทหารพันธุ์ดี

โครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37 ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดค่าใช้จ่ายของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงการที่ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น โดยส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพสูง สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและเครือข่ายชุมชน พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดความตระหนักถึงการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย

ด้วยความร่วมมือระหว่างศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเชียงราย และโครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37 ทำให้เกิดความยั่งยืนในการดำเนินงาน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สรุปกิจกรรมจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถมาเลือกซื้อผักปลอดสารพิษและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37 ได้ที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาเชียงราย ทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป โดยรายได้จากการจำหน่ายสินค้าจะถูกนำกลับไปพัฒนาโครงการและสนับสนุนภาคีเครือข่ายชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

“โครงการทหารพันธุ์ดี มทบ.37” จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน และช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเดินหน้าขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ ด้านการออกแบบระดับโลก

ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ นำสื่อมวลชนสำรวจเชียงราย เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้นำคณะสื่อมวลชนจากกรุงเทพมหานคร และสื่อมวลชนท้องถิ่น ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการขับเคลื่อน เชียงรายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ ภายใต้การรับรองของยูเนสโกในปี 2566

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้เข้าร่วมและสื่อมวลชน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่

พื้นที่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และจุดเชื่อมโยงศิลปะ

คณะสื่อมวลชนได้เข้ารับฟังข้อมูลจาก รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในฐานะ UCCN Main Communication Contact ของเชียงราย และได้ชมสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับการเป็นเมืองสร้างสรรค์ โดยมีไฮไลต์ดังนี้

  1. บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย
    ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงราย เป็นศูนย์กลางการจัดแสดงผลงานศิลปะที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวความงามและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย ที่นี่เป็นที่ตั้งของศูนย์ประสานงานการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ หรือ UCCN Focal Point ซึ่งรวบรวมผลงานของศิลปินชื่อดังและศิลปินแห่งชาติ
  2. ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก
    พื้นที่แห่งนี้ได้รับคัดเลือกให้เป็น ศูนย์ TCDC เชียงราย โดยเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ที่สนใจด้านความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และพัฒนาไอเดียใหม่ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับชุมชนและนักออกแบบ
  3. หอนาฬิกาพุทธศิลป์
    ชมความงดงามของหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงราย หรือหอนาฬิกาพุทธศิลป์ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่สะท้อนความสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ของศิลปะเชียงราย
  4. วัดพระธาตุดอยจอมทอง และอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
    พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความศักดิ์สิทธิ์ โดยอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ตั้งอยู่บริเวณห้าแยกพ่อขุน เพื่อรำลึกถึงพระเกียรติคุณของพระองค์ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย
  5. พิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
    เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และชีวิตของผู้คนในลุ่มแม่น้ำโขง สะท้อนถึงความสำคัญของพื้นที่ในแง่ของภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ
  6. ดอยดินแดง เครื่องปั้นดินเผา
    เป็นสถานที่สำคัญที่แสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นและความสร้างสรรค์ในการผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงของเชียงราย

การยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว

ในปี 2568 อพท. มีแผนที่จะยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษจังหวัดเชียงราย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง รวมถึงผลักดันแหล่งธรณีวิทยาเชียงรายให้เข้าสู่ เครือข่ายอุทยานธรณีโลก (Global Geopark) ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่ยั่งยืน

จังหวัดเชียงราย ได้รับการยอมรับจาก ยูเนสโก ให้เป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ UCCN ด้านการออกแบบ หรือ City of Design ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการพัฒนาพื้นที่ผ่านการผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และการออกแบบที่มีความโดดเด่น เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่

การนำคณะสื่อมวลชนในครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่และสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของเชียงรายในการเป็นเมืองสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น เพื่อนำเชียงรายสู่เวทีระดับโลกอย่างยั่งยืน

เชียงราย เมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ เดินหน้าสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับการท่องเที่ยวและการออกแบบระดับโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเปิดโครงการสานสัมพันธ์ ต้านยาเสพติด คืนคนดีสู่สังคม

โครงการ “สานสัมพันธ์ น้อง-พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด” คืนคนดีสู่สังคม เชียงราย

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น. สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงราย จัดโครงการ “สานสัมพันธ์ น้อง-พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด ให้โอกาสผู้กระทำผิด คืนคนดีสู่สังคม” รุ่นที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ รังสินี รีสอร์ท ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมี นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ พร้อมด้วยผู้แทนส่วนราชการ, อาสาสมัครคุมประพฤติ, เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม, คณะวิทยากร และผู้ถูกคุมประพฤติในกลุ่มเสี่ยงปานกลาง จำนวน 40 คน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

การจัดโครงการครั้งนี้เป็นไปตามแนวทางของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ที่ให้ความสำคัญกับการ “ยกระดับระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด” โดยมุ่งเน้นให้โอกาสแก่ผู้กระทำผิดในคดียาเสพติด ให้สามารถปรับปรุงพฤติกรรมและกลับมาใช้ชีวิตเป็นคนดีในสังคม สร้างคุณประโยชน์แก่ครอบครัวและชุมชน ตามแนวคิด “เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง”

ทั้งนี้ กรมคุมประพฤติได้น้อมนำแนวทางจาก “โครงการกำลังใจ” ในพระดำริของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา มาประยุกต์ใช้ในการฟื้นฟูและเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้ถูกคุมความประพฤติ โดยเฉพาะในคดียาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในหลายมิติ

ดอยฮาง Model: โมเดลสร้างสมดุลชีวิตกับสังคม

ภายในโครงการครั้งนี้ ได้นำกรอบแนวคิดจากศูนย์การเรียนรู้ดอยฮาง หรือ ดอยฮาง Model” มาปรับใช้ โดยเน้นกระบวนการฟื้นฟู 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่:

  1. การปรับทุกข์-ผูกมิตร
    เป็นขั้นตอนแรกที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์ภายในกลุ่มผู้เข้าอบรม เปิดโอกาสให้แต่ละคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน รวมถึงสะท้อนความรู้สึกและความคิดของตนเอง
  2. การถอดรื้อ-สร้างใหม่
    ขั้นตอนนี้มุ่งเน้นการหาสาเหตุที่นำไปสู่การใช้ยาเสพติด สร้างความเข้าใจในปัญหา พร้อมทั้งเสริมสร้างแรงจูงใจ และพลังใจให้กับผู้เข้าร่วมอบรม เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น
  3. การดูแลต่อเนื่อง
    เป็นการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เช่น ครอบครัว ชุมชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยดูแลผู้ผ่านการอบรมให้มีความเข้มแข็งทางใจ ลดโอกาสการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำ และสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข

ความสำคัญของโครงการ

นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างโอกาสให้ผู้กระทำผิดได้เรียนรู้ และปรับปรุงตนเอง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ถูกคุมความประพฤติกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคมว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปอย่างจริงจัง และมีทิศทางที่ชัดเจน

ทางด้าน นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งและปัญหาสังคมในวงกว้าง ผู้ป่วยหรือผู้ถูกคุมความประพฤติหลายราย มักพบกับอุปสรรคในการใช้ชีวิตหลังพ้นโทษ การให้โอกาสและสร้างกำลังใจผ่านโครงการดังกล่าว จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ผลที่คาดหวังจากโครงการ

โครงการนี้คาดหวังว่าผู้เข้าอบรมทั้ง 40 คน จะได้รับแรงบันดาลใจ และมีความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น ผ่านการเรียนรู้จากกระบวนการอบรมที่สร้างสมดุลระหว่างชีวิตและสังคม พร้อมทั้งได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องจากครอบครัว ชุมชน และเจ้าหน้าที่ภาครัฐ

นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นคณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และจิตอาสา จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการฟื้นฟูผู้กระทำผิด และส่งเสริมให้เกิดการยอมรับจากครอบครัวและชุมชน

การจัดโครงการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และเป็นแบบอย่างในการฟื้นฟูผู้กระทำผิดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสังคมที่ปลอดภัยและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

บทสรุป

การจัดโครงการ สานสัมพันธ์ น้อง-พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด” ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการให้โอกาสและฟื้นฟูผู้กระทำผิดในคดียาเสพติด ให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมอย่างปกติสุข สร้างประโยชน์ให้แก่ตนเอง ครอบครัว และชุมชน พร้อมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และสร้างสังคมที่สงบสุขในอนาคต

การดำเนินโครงการในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน แสดงถึงความร่วมมืออย่างจริงจังของจังหวัดเชียงราย ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 เชียงราย ไฮไลต์สุดยิ่งใหญ่

เชียงรายหนาวนี้! เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 พร้อม 7 ไฮไลต์สุดประทับใจ

หนาวนี้ทาง คอลัมน์ แอ่วล้ำแอ่วเหลือ ชวนเที่ยวศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ที่ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง), จังหวัดเชียงราย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, การท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, กระทรวงวัฒนธรรม, ขัวศิลปะ และสิงห์เลม่อนโซดา จัดงาน เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ครั้งที่ 4 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2568 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงรายในช่วงฤดูหนาว

7 ไฮไลต์สุดพิเศษในงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024”

  1. ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
    ดอยตุงร่วมสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาสูง 15 เมตร ภายใต้แนวคิด “Chiang Rai The Sense of Art” โดยใช้ผ้าย้อมสีธรรมชาติจากชาวเขาดอยตุง ตกแต่งด้วยลูกสนจากทางมะพร้าว พร้อมดอกไม้เมืองหนาว 9 สายพันธุ์ นำเสนอความงดงามทางศิลปะท้องถิ่น
  2. สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต
    เพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมืองจาก 6 ชนเผ่าและเมนูพิเศษที่รังสรรค์จากดอกไม้นานาชนิด พร้อมกิจกรรม Workshop งานคราฟต์, Face Paint และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเด็กๆ เชียงราย
  3. Christmas Carols (24-26 ธันวาคม 2567)
    สนุกกับขบวน Santa & Friends ที่มาสร้างบรรยากาศแห่งความสุขช่วงคริสต์มาส ท่ามกลางความอลังการของต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
  4. Happy Year End (30 ธันวาคม 2567)
    ร่วมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินวง Better Weather ที่จะมามอบเสียงเพลงแห่งความสุข

4.Kids Day @สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต (11-12 มกราคม 2568)
กิจกรรมพิเศษต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ จัดเต็มความสนุก ร้อง เล่น เต้น พร้อมแจกของขวัญสุดพิเศษจำนวน 5,000 ชิ้น

5.สุขต้นปี (11 มกราคม 2568)
ครั้งแรกในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย กับการแสดงสุดอลังการของ ระเบียบวาทะศิลป์” หมอลำชื่อดังที่ยกเวทีความสุขมาให้ชาวเชียงราย

6.โชว์สุดพิเศษปิดงาน (31 มกราคม 2568)
ชมการแสดงพิเศษส่งท้ายงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ที่จะสร้างความประทับใจให้ทุกคน 

นอกจากนี้ เซ็นทรัล เชียงราย ยังจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก The1 ที่ช้อปหรือทานอาหารครบ 15,000 บาทขึ้นไป รับฟรีของที่ระลึกสุดพิเศษ จานเซรามิกแฮนด์เมด ที่ออกแบบเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น

กระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงรายอย่างยั่งยืน

งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” นอกจากจะเป็นการส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมล้านนาแล้ว ยังมีเป้าหมายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งจากชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น และเชิญชวนประชาชนร่วมงานพร้อมสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาแบบใกล้ชิด อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ

ความพิเศษของเทศกาลนี้

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 ยังเน้นการส่งเสริมความยั่งยืนผ่านกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัสดุจากธรรมชาติในงานคราฟต์และการนำเสนอดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเชียงราย รวมถึงการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ได้นำเสนอสินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นเมือง

นักท่องเที่ยวที่แวะมาเที่ยวงานนี้ นอกจากจะได้สัมผัสความสวยงามของเมืองเชียงรายแล้วยังได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองช่วงฤดูหนาวที่อบอวลไปด้วยความสุขและสีสันที่ไม่เหมือนใคร

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เชิญชวนทุกคนปักหมุดแวะมาสัมผัสเสน่ห์ล้านนาในฤดูหนาวที่ไม่ควรพลาด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

คอลัมน์โดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News