Categories
LIFESTYLE

คนไทย 1 ใน 4 น้ำหนักเกิน Mintel ชี้โอกาสแบรนด์สุขภาพ

Mintel เผย คนไทย 1 ใน 4 น้ำหนักเกิน แนะโอกาสพัฒนาสุขภาพด้วยโภชนาการองค์รวม

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 Mintel บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำ เผยผลสำรวจในรายงาน Weight Management Diets – Thai Consumer 2024 ชี้ให้เห็นว่า คนไทย 1 ใน 4 หรือ 25% มีน้ำหนักเกินหรือเข้าข่ายอ้วน และ 74% ของคนไทยมีความตั้งใจที่จะควบคุมน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

สถานการณ์น้ำหนักเกินในไทยและผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 ระบุว่าคนไทยเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรประสบปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน แนวโน้มดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ GDP ของประเทศ คาดว่าความสูญเสียอาจสูงถึง 4.9% ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการจัดการน้ำหนักที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาสุขภาพและเศรษฐกิจในระยะยาว

ความสนใจควบคุมน้ำหนัก: รูปลักษณ์สำคัญกว่าสุขภาพ?

ผลสำรวจเผยว่า คนไทย 69% ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเมื่อควบคุมน้ำหนัก ขณะที่ 65% คำนึงถึงสุขภาพโดยรวม อย่างไรก็ตาม กลุ่มเจน X กว่า 76% เริ่มเปลี่ยนแนวคิด โดยให้ความสำคัญกับการมีอายุยืนและสุขภาพที่ดีมากกว่าความสวยงามเพียงอย่างเดียว

อุปสรรคสำคัญต่อการควบคุมน้ำหนัก

แม้ว่าคนไทยจำนวนมากต้องการลดน้ำหนัก แต่ยังประสบปัญหา เช่น

  • การออกกำลังกายไม่เพียงพอ (59%)
  • การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม

Mintel ชี้ว่านี่เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ในการส่งเสริมโภชนาการที่สมดุล พร้อมสนับสนุนกิจกรรมการออกกำลังกาย เช่น การจัดแคมเปญหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้

กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหลัก

รายงานได้ระบุผู้บริโภค 2 กลุ่มสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก:

  1. ผู้ที่ออกกำลังกาย:
    เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงในตลาดอาหารเสริม
  2. ผู้ที่อยากออกกำลังกาย:
    มีแนวโน้มสนใจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

เครื่องดื่มร้อน: แนวโน้มใหม่ในตลาดควบคุมน้ำหนัก

ชาและเครื่องดื่มร้อน ครองส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนักทั่วโลกถึง 12% โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ได้รับความนิยม Mintel เสนอว่าส่วนผสมเช่น สตีเวีย โปรตีนถั่ว และโครเมียม สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและช่วยควบคุมน้ำหนัก

Phurisa (Ploy) Phagudom นักวิเคราะห์จาก Mintel ระบุว่า เครื่องดื่มทดแทนมื้ออาหาร” อาจเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ เนื่องจากสะดวกสบายและมีคุณค่าทางโภชนาการ

โภชนาการแบบองค์รวม: เทรนด์ที่ตอบโจทย์คนไทย

ผู้บริโภคไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งเลือกอาหารที่มีลักษณะดังนี้:

  • แคลอรี่ต่ำ
  • โปรตีนสูง
  • สารอาหารจากพืช
  • ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด

Mintel ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของร่างกาย เช่น การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ หรือการลดระดับน้ำตาลในเลือด มีความสำคัญมากกว่าการลดน้ำหนักเพื่อความผอมเพรียว

แบรนด์ควรปรับตัวอย่างไร

Mintel แนะนำให้แบรนด์ต่าง ๆ เน้นการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่ช่วยย่อยอาหาร เพิ่มความอิ่ม และเหมาะสมกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น

  • สร้างสรรค์รสชาติใหม่ เช่น ผลไม้เมืองร้อน
  • เน้นโภชนาการที่ครบถ้วนและสะดวกสำหรับผู้บริโภค

ข้อสรุป

รายงานของ Mintel สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการน้ำหนักของคนไทย แบรนด์ต่าง ๆ สามารถใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงส่งเสริมสุขภาพที่ยั่งยืนผ่านโภชนาการและการออกกำลังกาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mintel

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ส่งเสริมศิลปะพื้นบ้านเชียงราย ขับเคลื่อน Soft Power สร้างรายได้ชุมชน

เชียงรายจัดกิจกรรมส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรม

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุมหอปรัชญารัชกาลที่ ๙ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และเครือข่ายสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรม “ส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน สร้างงาน สร้างรายได้”

เปิดงานโดยประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวต้อนรับและเปิดงาน โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อนำศิลปะการแสดงพื้นบ้านมาสร้างคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

เป้าหมายของการจัดกิจกรรม

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและองค์กรเครือข่ายในการสืบสาน รักษา และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความมั่นคงทางวัฒนธรรมและขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรม สู่เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

เสวนาหัวข้อสำคัญ: ส่งเสริมศิลปะพื้นบ้านสร้างรายได้

กิจกรรมสำคัญในงานคือการเสวนาหัวข้อ “ส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้านจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างรายได้ สร้างงาน และความมั่นคงทางวัฒนธรรม” โดยมีผู้นำเสวนาที่มากด้วยประสบการณ์ ได้แก่

  1. นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม
  2. นายนิรันดร์ แปงคำ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอพาน
  3. นายธันวา เหลี่ยมพันธุ์ ประธานองค์กรภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเชียงของ

การเสวนาได้รับการดำเนินรายการโดย ดร.รัชฏ์พันธ์ รัชนีวงศ์ รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางการส่งเสริมศิลปะพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

การแสดงศิลปะพื้นบ้านจาก 5 อำเภอ

ภายในงานมีการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่หลากหลายและสะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย ได้แก่:

  1. การแสดงฟ้อนดาบ โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  2. การขับร้องพื้นเมือง จากสภาวัฒนธรรมอำเภอแม่สรวย
  3. การฟ้อนเจิง จากสภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงแสน
  4. การแสดงชาติพันธุ์เทอดไทย จากสภาวัฒนธรรมอำเภอแม่ฟ้าหลวง
  5. การแสดงตอกเส้นประกอบดนตรี จากสภาวัฒนธรรมอำเภอพาน

บูธจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรมจาก 18 อำเภอ

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการออกบูธจำหน่ายและสาธิตมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจากเครือข่ายสภาวัฒนธรรมทั้ง 18 อำเภอในจังหวัดเชียงราย ซึ่งแสดงถึงความหลากหลายและความงดงามของวัฒนธรรมพื้นถิ่น

การสนับสนุนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม รวมถึงนักวิชาการวัฒนธรรมจากทุกอำเภอในเชียงรายเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างองค์กร

ส่งเสริม Soft Power ผ่านศิลปะและวัฒนธรรม

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างงานและรายได้ให้แก่ชุมชน แต่ยังส่งเสริมการใช้มิติทางวัฒนธรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดเชียงรายในฐานะเมืองแห่งวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

Chiangrai Good & Food Security สร้างความมั่นคงอาหารชุมชน

เชียงรายจัดกิจกรรม “Chiangrai Good & Food Security” ต้นแบบความมั่นคงทางอาหารตามแนวพระราชดำริ

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย (พช.เชียงราย) ร่วมกับ แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย และ แม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรม “Chiangrai Good & Food Security” เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารตามแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ในงานครั้งนี้ นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย 7 หน่วยงานร่วมจัดกิจกรรม โดยเน้นการสร้างต้นแบบที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางอาหารในชุมชน

น้อมนำแนวพระราชดำริสู่การปฏิบัติจริง

กิจกรรมในครั้งนี้ได้แสดงถึงการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า สู่การปฏิบัติจริงผ่านโครงการ “KICK OFF ผู้นำต้องทำก่อน” โดยเริ่มต้นจากการปลูกผักสวนครัว ผักพื้นถิ่น พืชสมุนไพร และไม้ผลอย่างน้อย 30 ชนิด เพื่อต่อยอดเป็นต้นแบบให้ประชาชนในจังหวัดเชียงรายได้เรียนรู้และนำไปใช้ในครัวเรือน

เป้าหมายเพื่อความมั่นคงทางอาหารและการพึ่งพาตนเอง

กิจกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ และสถานการณ์โรคระบาด ตลอดจนส่งเสริมความรักและความสามัคคีในชุมชน

นอกจากนี้ การดำเนินการยังสอดคล้องกับกรอบแนวคิด “ปรับเปลี่ยนดี ชีวีมีสุข (Change for 5G)” ของกระทรวงมหาดไทย ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2563 โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน ยุติความหิวโหย และสร้างชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการพึ่งพาตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

เยี่ยมชมโครงการตำรวจพันธุ์ดี และมอบเมล็ดพันธุ์

ภายหลังจากกิจกรรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด คณะผู้จัดงานได้เดินทางไปยัง โครงการตำรวจพันธุ์ดี สนามยิงปืน นปพ. บ้านหัวดอย ตำบลท่าสาย อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อมอบเมล็ดพันธุ์และกล้าผัก พร้อมร่วมปลูกผักสวนครัวในพื้นที่

กิจกรรมดังกล่าวได้รับการนำทีมโดย แพทย์หญิงทรงพร เสนากูล ประธานแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ซึ่งแสดงถึงความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

จุดเริ่มต้นของการพัฒนาอย่างยั่งยืน

กิจกรรม “Chiangrai Good & Food Security” ครั้งนี้เป็นตัวอย่างของการบูรณาการความร่วมมือในระดับจังหวัด โดยไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร แต่ยังส่งเสริมความสามัคคีในชุมชน และช่วยให้ประชาชนในเชียงรายเห็นถึงคุณค่าของการพึ่งพาตนเองและการดูแลสิ่งแวดล้อม

ข้อมูลสำคัญของกิจกรรม

  • เป้าหมาย: ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและการพึ่งพาตนเอง
  • พื้นที่ดำเนินการ: จังหวัดเชียงราย
  • แนวทางการปฏิบัติ: การปลูกผักสวนครัว ผักพื้นถิ่น พืชสมุนไพร และไม้ผล

กิจกรรมนี้สะท้อนถึงพระราชดำริในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และสร้างความพร้อมสำหรับอนาคตอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รมช.กลาโหมเปิดอาคารเรียนใหม่ พร้อมพัฒนาทหารกองประจำการ

รมช.กลาโหมวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนอนุบาลและเปิดโครงการพัฒนาทหารกองประจำการที่เชียงราย

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนระดับชั้นอนุบาล โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์บริบูรณ์ธนวัฒน์ (รร.ทบอ.บ.ว.) ณ มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

ในพิธีครั้งนี้มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงาน ได้แก่ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, พลตรีบุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร และประชาชนในพื้นที่ที่ให้การสนับสนุน

เปิดกิจกรรม Kick-off ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทหารกองประจำการ

หลังจากพิธีวางศิลาฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้เดินทางไปเปิดกิจกรรม Kick-off การประสานความร่วมมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิชาการและการอบรมวิชาชีพ สำหรับทหารกองประจำการของมณฑลทหารบกที่ 37

โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของทหารกองประจำการ ให้สามารถต่อยอดโอกาสการศึกษาและวิชาชีพได้ในอนาคต โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ขั้นตอนหลัก

  1. ขั้นที่ 1: การศึกษาขั้นพื้นฐาน
    ทหารที่ยังไม่จบการศึกษาขั้นพื้นฐานจะเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้จากสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 (ม.6) ครบ 100%

  2. ขั้นที่ 2: การพัฒนาทักษะวิชาชีพและการศึกษาเพิ่มเติม
    ทหารที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐานจะถูกจัดกลุ่มตามความสนใจและความถนัด เพื่อพัฒนาศักยภาพในสายสามัญและสายอาชีพ เช่น

    • การเรียนภาษา (จีน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส)
    • การเตรียมความพร้อมสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก (นนส.) และนักเรียนนายร้อย (นตท.)
    • การเรียนสายอาชีพที่เชื่อมโยงกับการฝึกอบรมวิชาชีพจนได้รับประกาศนียบัตร

เครือข่ายความร่วมมือทางการศึกษา 6 สถาบัน

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 มณฑลทหารบกที่ 37 ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางการศึกษากับสถานศึกษา 6 แห่ง โดยเน้นการออกแบบ 9 ฐานการเรียนรู้ เพื่อสร้างโอกาสในการศึกษาและวิชาชีพที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้เรียน ฐานการเรียนรู้เหล่านี้จะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ด้วยระบบสะสมหน่วยกิต (Credit Bank)

ทหารที่จบหลักสูตรแต่ละฐานการเรียนรู้จะได้รับใบประกาศนียบัตร เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสมัครงานหรือศึกษาต่อในสายอาชีพ

เป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

โครงการนี้มีบทบาทสำคัญในการลดช่องว่างทางการศึกษาและสร้างโอกาสใหม่ให้กับทหารกองประจำการ โดยเน้นการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และส่งเสริมศักยภาพให้สามารถแข่งขันในระดับสากล

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ ได้กล่าวในพิธีว่า “การลงทุนในด้านการศึกษาและพัฒนาทักษะของทหารกองประจำการ ถือเป็นการสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับบุคลากรในกองทัพและสังคมโดยรวม”

บทบาทสำคัญของโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์บริบูรณ์ธนวัฒน์

โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์บริบูรณ์ธนวัฒน์ ตั้งอยู่ในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 37 เป็นสถาบันที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่เชียงราย โดยการสร้างอาคารเรียนอนุบาลในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาในระดับปฐมวัย และเสริมสร้างรากฐานการเรียนรู้ให้กับเด็กในชุมชน

สรุปผลสำคัญของกิจกรรม

การวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนอนุบาลและการเปิดตัวกิจกรรม Kick-off ในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทัพไทยในการพัฒนาศักยภาพของทหารกองประจำการและเยาวชนในพื้นที่ พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการศึกษาที่ก้าวล้ำ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับคนไทยทุกกลุ่ม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เลือกตั้ง อบจ. เชียงราย 2568 หลายสื่อคาดศึกสองบ้านใหญ่

สนามเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงรายเดือด! “นายกนก” คาดท้าชิงเก้าอี้อีกครั้ง

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 นางสาวอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “นายกนก” ได้แถลงการณ์ผ่านโพสต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยระบุว่าเป็นวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ครบวาระ 4 ปี และกล่าวขอบคุณประชาชนชาวเชียงรายที่ไว้วางใจและสนับสนุนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

“นกขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายทุกคนที่ให้ความไว้วางใจกับนก นกอยากเห็นเชียงรายเป็นเมืองแห่งความสุขและความน่าอยู่” นายกนกกล่าว

การเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงรายครั้งใหม่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยสนามเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่าจะร้อนแรงเมื่อมีความเคลื่อนไหวจากผู้สมัครหน้าเดิมและหน้าใหม่ที่พร้อมชิงชัย

นายกนก: นักการเมืองอิสระ ผู้ลงชิงชัยอีกครั้ง

นายกนกได้ประกาศชัดเจนว่าเธอจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในฐานะ “อิสระ” โดยไม่สังกัดพรรคการเมืองใด แม้ว่าความสำเร็จในปี 2563 ที่ผ่านมาเธอสามารถเอาชนะคู่แข่งสำคัญจากพรรคเพื่อไทยด้วยคะแนน 239,622 คะแนน ทิ้งห่าง วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ผู้สมัครจากเพื่อไทยที่ได้คะแนน 211,956 คะแนน

ทีมงานของนายกนกยังคงได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ส่วนใหญ่ในเชียงราย โดยมี สจ. ทั้งหมด 36 เขต ซึ่งหลายคนแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนเธอ

“สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” หวนคืนสนาม

คู่แข่งสำคัญที่ปรากฏตัวในสนามนี้คือ สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยาของ ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตนักการเมืองใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายก อบจ. เชียงรายมาก่อน และกลับมาลงสมัครอีกครั้งในนามพรรคเพื่อไทย

การผลักดันของบ้านใหญ่ติยะไพรัชเพื่อล้มแชมป์ตระกูลวันไชยธนวงศ์เกิดขึ้นจากการที่พรรคเพื่อไทยมองเห็นศักยภาพของสลักจฤฎดิ์และต้องการนำพรรคกลับมาครองเก้าอี้นายก อบจ. เชียงราย

บ้านใหญ่วันไชยธนวงศ์ vs บ้านใหญ่ติยะไพรัช

การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนถึงการเผชิญหน้าระหว่างสองตระกูลการเมืองใหญ่ของเชียงราย โดย บ้านใหญ่วันไชยธนวงศ์ มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพรรคภูมิใจไทย หลังจาก รังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ สมาชิกในตระกูลลาออกจากเพื่อไทยไปเข้าพรรคภูมิใจไทย และแม้ว่าจะแพ้การเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา แต่สายสัมพันธ์นี้ยังคงส่งผลต่อฐานคะแนนของนายกนก

ในขณะที่ บ้านใหญ่ติยะไพรัช พยายามส่งสลักจฤฎดิ์เข้ามาทวงคืนพื้นที่ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยมีคะแนนเสียงที่มั่นคงในจังหวัดเชียงราย

ปัจจัยสำคัญที่ชี้ชะตา

การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้สมัครแต่ละคน แต่ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายประการ เช่น ฐานคะแนนในอดีต ความนิยมของพรรคการเมือง และการสนับสนุนจากทีม สจ. ในแต่ละเขต

  • คะแนนเสียงในอดีต:
    ปี 2555 สลักจฤฎดิ์ได้รับคะแนนเสียงสูงในฐานะผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย แต่ในปี 2563 นายกนกสามารถเอาชนะไปได้

  • ความนิยมของพรรคการเมือง:
    พรรคเพื่อไทยยังคงมีอิทธิพลสูงในพื้นที่เชียงราย ขณะที่นายกนกเน้นการเป็นผู้สมัครอิสระที่สร้างผลงานในช่วงดำรงตำแหน่งที่ผ่านมา

สมรภูมิการเมืองที่ดุเดือด

สนามเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงรายในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิสำคัญที่น่าจับตามอง เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการต่อสู้ของสองตระกูลใหญ่ แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางการเมืองในจังหวัดเชียงราย

สรุปสถานการณ์

การเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของประชาชนในเชียงราย ระหว่าง “นายกนก” อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กับ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” สองผู้สมัครที่ต่างมีฐานเสียงและสนับสนุนที่แข็งแกร่ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชียงรายสร้างประวัติศาสตร์ในกีฬาเชียร์แห่งชาติ “จันท์เกมส์” ครั้งที่ 49

เชียงรายสร้างประวัติศาสตร์ในกีฬาเชียร์แห่งชาติ “จันท์เกมส์” ครั้งที่ 49

เมื่อวันที่ 15-16 ธันวาคม 2567 ณ สนามแข่งขันกีฬาเชียร์ บริเวณลาน Hub ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล จันทบุรี จังหวัดจันทบุรีได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 49 “จันท์เกมส์” โดยมีการแข่งขันประเภทกีฬาเชียร์ (กีฬาสาธิต) ที่จัดขึ้นโดย สมาคมกีฬาเชียร์แห่งประเทศไทย (CAT) ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งเวทีที่สำคัญสำหรับนักกีฬาเชียร์ทั่วประเทศ

เชียงรายคว้ารางวัลสำคัญในหลายประเภท

ในการแข่งขันครั้งนี้ จังหวัดเชียงรายสามารถทำผลงานได้โดดเด่นและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการกีฬาเชียร์ของไทย โดยส่งนักกีฬาเข้าร่วมทั้งหมด 3 คู่ 2 รุ่นรายการ ได้แก่ Hiphop Doubles และ Pom Double Performanc

  • Pom Double Performance:

    • คู่จาก Gymnast Zone เชียงราย สามารถคว้า เหรียญทอง ด้วยคะแนนสูงสุดถึง 69 คะแนน
  • Hiphop Doubles:

    • MY DANCE ACADEMY ตัวแทนจากเชียงรายคว้า เหรียญทองแดง
    • TDC ตัวแทนอีกคู่จากเชียงราย แม้ไม่ได้รางวัลแต่แสดงผลงานได้ดีเยี่ยม

เส้นทางสู่ชัยชนะของ Gymnast Zone เชียงราย

ตัวแทนภาคเหนือจากสโมสร Gymnast Zone เชียงราย ได้แก่ นางสาวนันท์นภัส คำเงิน และ นายทศพล ผลพิสิษฐ์ ภายใต้การฝึกสอนของ นายนายพีระพงศ์ สิทธิชัยวงค์ ได้แสดงความสามารถในการแข่งขันประเภท Pom Double Performance ด้วยการทำคะแนนอันดับ 1 ถึง 69 คะแนน คว้าชัยชนะและเหรียญทองไปครอง

การแข่งขันประเภทนี้ถือว่าเข้มข้นมาก เนื่องจากในแต่ละรุ่นจะมีการคัดตัวแทนเพียง 2 ทีมจากแต่ละภาค รวมทั้งหมด 8 ทีมจาก 4 ภาคทั่วประเทศ การที่ Gymnast Zone เชียงราย สามารถคว้าเหรียญทองในระดับประเทศได้นั้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่

MY DANCE ACADEMY กับความสำเร็จใน Hiphop Doubles

ทีม MY DANCE ACADEMY จากเชียงราย ซึ่งเป็นตัวแทนจากภาคเหนืออีกคู่ ได้สร้างประวัติศาสตร์ในปีแรกของการแข่งขัน Hiphop Doubles ในกีฬาแห่งชาติ ด้วยการคว้าเหรียญทองแดง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในวงการกีฬาเชียร์ของประเทศไทย

นักกีฬาที่ร่วมแข่งขันได้แก่ นายณภัทร บุญประกอบ และ นางสาววชิรญาณ์ นามวงค์ โดยมี นายสายเมฆ พึ่งอุดม และ นางสาวภัทรศยา มาลา เป็นผู้ฝึกสอนและผู้ช่วยฝึกสอน

ความสำคัญของกีฬาเชียร์ในระดับชาติ

กีฬาเชียร์ในประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ “จันท์เกมส์” ครั้งที่ 49 ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงความสามารถของนักกีฬาเชียร์ แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยที่สนใจกีฬาเชียร์ลีดดิ้งและ Hiphop Doubles ได้มองเห็นโอกาสในการพัฒนาทักษะและความสามารถของตน

ความสำเร็จที่สร้างแรงบันดาลใจ

ผลงานที่โดดเด่นของนักกีฬาเชียร์จากเชียงรายในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความภาคภูมิใจให้กับจังหวัด แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนทั่วประเทศที่สนใจกีฬาเชียร์ และส่งเสริมให้กีฬาเชียร์เป็นที่รู้จักและยอมรับมากยิ่งขึ้น

การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ “จันท์เกมส์” ครั้งที่ 49 นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาวงการกีฬาเชียร์ของไทย และเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของนักกีฬาภาคเหนือในการแข่งขันระดับประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21 กับไฮไลท์ริมลำน้ำกก

เชียงรายเตรียมนับถอยหลังสู่ “งานเชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21”

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 เทศบาลนครเชียงราย ได้จัดการประชุมเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดงาน “เชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21” ณ สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย โดยมี นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และ นางรัตนา จงสุทธานามณี ที่ปรึกษาเทศบาลนครเชียงราย และผู้ออกแบบการจัดสวนดอกไม้งามทุกปี เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายเทศบาลนครเชียงราย เพื่อร่วมกันวางแผนจัดงานให้สมบูรณ์ที่สุด

ธีมงาน: ในม่านหมอก ดอกไม้ สายน้ำและขุนเขา

งานเชียงรายดอกไม้งามในปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมาพร้อมธีม “ในม่านหมอก ดอกไม้ สายน้ำและขุนเขา” ที่สะท้อนถึงเสน่ห์ของเชียงรายในทุกมิติ ทั้งธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมที่หลากหลาย และความอบอุ่นของผู้คน

สถานที่ใหม่ ณ สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย

ในปีนี้งานเชียงรายดอกไม้งามได้เปลี่ยนสถานที่จัดงานไปยัง สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก สถานที่แห่งใหม่นี้มอบบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับการชมดอกไม้นานาพรรณที่ถูกจัดแสดงอย่างประณีต

กิจกรรมไฮไลท์ในงาน

  1. อุโมงค์หนอนผีเสื้อ
    จุดเด่นของงานในปีนี้คือ “อุโมงค์หนอนผีเสื้อ” ซึ่งตกแต่งด้วยต้นไม้นับแสนต้นทั้งภายในและภายนอก สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้มาเยี่ยมชม

  2. ล่องเรือชมลำน้ำกก
    นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความงดงามของลำน้ำกก พร้อมสัมผัสธรรมชาติที่เงียบสงบได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 16.30 น.

  3. ลานวัฒนธรรมและการแสดงชาติพันธุ์
    เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ พร้อมสัมผัสบรรยากาศวิถีชีวิตของชาวเชียงราย

  4. ซุ้มอาหารเหนือและเครื่องดื่มริมน้ำกก
    อิ่มอร่อยกับอาหารเหนือและอาหารหลากหลาย รวมถึงร้านชาและกาแฟที่จัดไว้ให้บริการท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ

  5. Music in the Park
    ทุกวันเสาร์ สนุกกับดนตรีในสวนที่นำเสนอโดยศิลปินชื่อดัง สร้างสีสันและความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน

พิธีเปิดงานที่ยิ่งใหญ่

พิธีเปิดงานเชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21 จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลา 17.00 น. โดยมีกิจกรรมพิเศษ ได้แก่ การตักบาตรดอกไม้ ซึ่งจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปเก่าแก่จาก 9 วัดในจังหวัดเชียงราย มาประดิษฐานบนราชรถบุษบกจำนวน 9 คัน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้กราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

งานเชียงรายดอกไม้งามปีนี้ เปิดให้เข้าชมฟรีตลอดระยะเวลาการจัดงาน เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยที่ต้องการสัมผัสความงดงามของดอกไม้และธรรมชาติ

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • วันที่จัดงาน: 27 ธันวาคม 2567 – 16 กุมภาพันธ์ 2568
  • สถานที่: สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย
  • กิจกรรม: การแสดงดอกไม้ อุโมงค์หนอนผีเสื้อ ล่องเรือชมแม่น้ำกก ลานวัฒนธรรม การแสดงดนตรี และอื่น ๆ
  • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้างาน

ร่วมสัมผัสความงดงามของดอกไม้และวัฒนธรรมเมืองเหนือได้ที่งานเชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21 แล้วพบกันในบรรยากาศแห่งความสุขและความประทับใจ!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE TRAVEL

เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27

สัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมชนเผ่าและชาเลิศรสในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27”

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก จังหวัดเชียงราย เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมชนเผ่าในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27” ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ณ พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ดอยแม่สลอง: เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมชนเผ่าและธรรมชาติ

ดอยแม่สลองถือเป็นพื้นที่สำคัญที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงาม ภูมิประเทศบนยอดเขาสูงที่มีถึง 5 ยอด และระดับความสูงเฉลี่ย 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดปี พื้นที่รวมกว่า 115.26 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 72,045 ไร่

ในช่วงฤดูหนาว อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ โดยอุณหภูมิต่ำสุดอาจลดลงถึง 3 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและเพลิดเพลินกับกิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงานที่ไม่ควรพลาด

  1. การประกวดชาคุณภาพของดอยแม่สลอง
    งานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ปลูกชาและผู้ผลิตชาคุณภาพในพื้นที่ได้แสดงศักยภาพผ่านการประกวดชาชั้นนำ
  2. การประกวดธิดาชา
    สาวงามผู้มีความรู้และความสามารถเกี่ยวกับชาและวัฒนธรรมชนเผ่าจะแข่งขันกันในงานนี้
  3. การแข่งขันทำอาหารชนเผ่า
    พบกับอาหารพื้นเมืองที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชนเผ่าดอยแม่สลอง
  4. การแสดงชาติพันธุ์ชนเผ่า
    เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งการแต่งกาย เสียงเพลง และท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์
  5. การประกวดขบวนชาติพันธุ์ชุมชนดอยแม่สลอง
    ชมขบวนแห่ที่สื่อถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันหลากหลาย
  6. นิทรรศการมากมาย
    เรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาชุมชนผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงอย่างสร้างสรรค์

เชียงราย: เมืองสร้างสรรค์ระดับโลก

เชียงรายได้รับการยอมรับในระดับสากลในฐานะเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยได้รับการผลักดันจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่มองเห็นศักยภาพในอดีตและอนาคตของพื้นที่นี้

ในปี 2566 เชียงรายต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 6.14 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึงร้อยละ 20-30 และในปี 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น โดยในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียวมีผู้เยี่ยมชมแล้วกว่า 4.9 ล้านคน

ปิดท้ายด้วยการสนับสนุนการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่เพื่อส่งเสริมเชียงรายในฐานะอุทยานธรณีโลกที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมไปพร้อมกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • สถานที่จัดงาน: พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
  • วันที่: 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568
  • ติดต่อสอบถาม: องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก โทร. 053-765129

ร่วมสนุกและสัมผัสวัฒนธรรมอันงดงามได้ในงานนี้!

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เปิดร้าน Welcome to Chiang Rai Shop เชื่อมโยงวัฒนธรรม-ฝึกทักษะอาชีวะ

พิธีเปิดร้าน “Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024” สร้างพื้นที่ทักษะวิชาชีพ เชื่อมโยงวัฒนธรรมเชียงราย

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 เวลา 13.00 น. ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีพิธีเปิดร้าน “Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024” โดยมี นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ดร.อรพิน ดวงแก้ว ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน และ คุณณัฐพร มหาไพบูลย์ จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความเป็นมาของร้านดังกล่าว

“Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024” เป็นโครงการที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงรายจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการฝึกทักษะวิชาชีพสำหรับนักศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะและยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน รวมถึงสนับสนุนการประกอบอาชีพอิสระในอนาคต โครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา “8 Agenda พัฒนาอาชีวศึกษา: ทำดี ทำได้ ทำทันที OVER ONE TEAM”

ร้าน Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024 ไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่จำหน่ายสินค้า แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับนักศึกษาและเยาวชนในการแสดงออกทางทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ และผลงานที่ได้เรียนรู้จากห้องเรียนและการฝึกปฏิบัติจริง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนมีความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน สร้างรายได้ให้กับตนเอง รวมทั้งช่วยเผยแพร่สินค้าคุณภาพจากเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็น “ทูตวัฒนธรรม” เพื่อเชื่อมโยงผู้คนให้รู้จักและรักเชียงรายผ่านสินค้าที่มีคุณค่าและเรื่องราวที่น่าประทับใจ

ปัจจุบัน Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024 มีสาขาทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่

  1. เซ็นทรัลเชียงราย ชั้น G
  2. ศูนย์ผ้าปางห้า อำเภอแม่สาย
  3. เอ็ม โซ เฟีย กรุงเทพมหานครฯ
  4. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย
  5. อำเภอเชียงแสน (กำหนดเปิดในเดือนมกราคม 2568)

ภายในพิธีเปิดได้รับเกียรติจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมงาน อาทิ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ที่มอบหมายให้นางกัลยา แก้วประสงค์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนางสาวอัมพิกา จิณะเสน นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เข้าร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้

ร้าน Welcome to Chiang Rai Shop by Vocational College 2024 ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้วัสดุท้องถิ่น และการออกแบบที่สะท้อนเอกลักษณ์ล้านนา เพื่อให้สินค้าและบริการเป็นตัวแทนวัฒนธรรมของเชียงราย ทั้งยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัด เชื่อมโยงกับความต้องการของชุมชนและเศรษฐกิจ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน พร้อมทั้งสะท้อนความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ ในการส่งเสริมศักยภาพของเชียงรายในทุกมิติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

โมเดอร์นาระงับวัคซีน RSV ในเด็กเล็กหลังพบปัญหารุนแรง

โมเดอร์นาระงับการพัฒนาวัคซีน RSV สำหรับทารก หลังพบปัญหาร้ายแรงจากการทดลองทางคลินิก

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการระงับการพัฒนาวัคซีน RSV สำหรับเด็กเล็ก โดยบริษัทโมเดอร์นา หลังพบปัญหาร้ายแรงในระหว่างการทดลองทางคลินิก

ผลการทดลองที่ก่อให้เกิดความกังวล

โมเดอร์นาได้ทดลองวัคซีน RSV ชนิด mRNA สองรูปแบบ ได้แก่ วัคซีนป้องกัน RSV เพียงอย่างเดียว และวัคซีนแบบผสมที่ป้องกัน RSV และไวรัส hMPV ที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ผลการทดลองในทารกอายุ 5-7 เดือนกลับพบว่า ทารก 5 คนจาก 40 คนที่ได้รับวัคซีน RSV เกิดการติดเชื้อ RSV รุนแรง เทียบกับ 1 คนจาก 20 คนในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในส่วนของวัคซีนผสม ทารก 3 คนจาก 27 คนป่วยหนักจากการติดเชื้อ hMPV ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอกไม่พบผู้ป่วยรายใด

เหตุการณ์นี้ทำให้ต้องหยุดการทดลองวัคซีนทั้งสองรูปแบบเพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม

ย้อนรอยความผิดพลาดในอดีต

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักวิทยาศาสตร์หวนคิดถึงการทดลองวัคซีน RSV ในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งพบว่า 80% ของเด็กที่ได้รับวัคซีนในครั้งนั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เนื่องจากวัคซีนกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “โรคที่รุนแรงจากวัคซีน” (Vaccine-Associated Enhanced Disease – VAED)

แม้ในปัจจุบันเทคโนโลยี mRNA จะมีประสิทธิภาพในวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ เช่น วัคซีนโควิด-19 แต่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่พัฒนาสมบูรณ์ ส่งผลให้การตอบสนองต่อวัคซีนอาจนำไปสู่ภาวะ VAED ได้

การหยุดทดลองวัคซีนในทารก

องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศระงับการทดลองวัคซีน RSV สำหรับทารกที่ใช้แอนติเจนและเทคโนโลยี mRNA ถึง 11 โครงการ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ขณะเดียวกันยังมีการพัฒนาวัคซีนอีก 15 โครงการที่ใช้เชื้อ RSV ที่ถูกทำให้อ่อนแรงลง โดยมีเป้าหมายให้เลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติในทารก เพื่อไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรง

ความสำคัญของวัคซีน RSV

โรค RSV เป็นสาเหตุหลักของการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในทารก โดยเฉพาะในประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ แม้ในประเทศพัฒนาแล้วจะมีวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่และสตรีมีครรภ์ที่ช่วยถ่ายทอดภูมิคุ้มกันสู่ลูกน้อย แต่ภูมิคุ้มกันนี้คงอยู่เพียง 6 เดือนแรก ทำให้จำเป็นต้องมีวัคซีนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ

แนวทางการพัฒนาวัคซีนในอนาคต

นักวิจัยเชื่อว่าการลงทุนในงานวิจัยพื้นฐานและความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในเด็กเล็กจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาวัคซีน RSV ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อรุนแรงในอนาคต

สรุป

การระงับการพัฒนาวัคซีน RSV ของโมเดอร์นาเป็นการตัดสินใจเพื่อความปลอดภัยของเด็กเล็ก แม้จะเป็นความล้มเหลวในระยะสั้น แต่นับเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ดีขึ้นในอนาคต โดยการวิจัยยังคงดำเนินต่อไปเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและสร้างวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน

แหล่งอ้างอิง

  • science.org
  • FDA Advisory Reports
  • บทความจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในสาขาไวรัสวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News