Categories
TOP STORIES

บุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนผสมน้ำยาดองศพ สูบเสี่ยงมะเร็ง-โรคทางเดินหายใจ

เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า: พิษร้ายจากสารเคมีถึงชีวิต

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 เพจ “สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) : ThaiHealth” ได้โพสต์ข้อความเตือนถึงภัยร้ายของบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบแนวโน้มการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชน โดยเฉพาะจากการหลงเชื่อคำโฆษณาที่ลวงให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

อันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าและสารเคมีพิษ

บุหรี่ไฟฟ้ามักมีการเติมสารปรุงแต่งกลิ่นและรสที่แฝงสารพิษและสารเสพติด เช่น สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) หรือที่รู้จักในชื่อ “น้ำยาดองศพ” ซึ่งสารนี้เป็น สารก่อมะเร็ง (Carcinogen) ที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ โดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าฟอร์มาลดีไฮด์ในบุหรี่ไฟฟ้าสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอด ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง มะเร็ง และระคายเคืองต่อดวงตาและผิวหนังได้

ผลกระทบต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้า

  1. ระบบประสาทส่วนกลาง: วิงเวียนศีรษะ ปวดหัว รบกวนการนอน
  2. ระบบหายใจ: เสี่ยงโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมหดเกร็ง
  3. ระบบหัวใจและหลอดเลือด: เสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหลอดเลือดแข็ง
  4. ระบบทางเดินอาหาร: กรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร
  5. ระบบกล้ามเนื้อ: กระดูกเสื่อม ปวดข้อ

กระทรวงสาธารณสุขห่วงใยเยาวชน

นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยในประเด็นนี้อย่างมาก โดยเน้นย้ำให้พ่อแม่ผู้ปกครองสร้างความเข้าใจแก่บุตรหลานเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า และขอให้หลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อโฆษณาชวนเชื่อที่กล่าวอ้างถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

แนวทางป้องกันและเลิกบุหรี่ไฟฟ้า

  • สร้างความรู้และความเข้าใจแก่เยาวชนเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า
  • ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
  • ใช้บริการ สายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

กรมควบคุมโรคขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยทุกคน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

องคมนตรีติดตามโครงการพัฒนาเกษตรบ้านธารทอง เชียงราย

องคมนตรีลงพื้นที่โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านธารทอง จ.เชียงราย ติดตามผลการดำเนินงาน

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานของ โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริ บ้านธารทอง ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายคฑสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่นให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ในโอกาสนี้ องคมนตรีได้อัญเชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 89 ถุง มอบแก่ราษฎรบ้านธารทองและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมเยี่ยมชมผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากโครงการ ซึ่งสะท้อนความสำเร็จของการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โครงการ

ประวัติและความสำคัญของโครงการ

โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง บ้านธารทอง เกิดขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2546 พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติสบกกฝั่งขวา ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่ถูกทำลายจากการจับจองที่ทำกินโดยกลุ่มชาติพันธุ์

ด้วยพระกรุณาธิคุณ ทางราชการได้ดำเนินการอพยพกลุ่มราษฎรจากบ้านขุนน้ำคำมาสู่พื้นที่บ้านธารทอง และจัดตั้งสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงครอบคลุมพื้นที่กว่า 11,000 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

  1. หยุดการทำลายป่า
  2. สร้างแหล่งจ้างงาน
  3. ผลิตอาหารปลอดภัย
  4. ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเกษตรที่ยั่งยืน

โครงการยังมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้สามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสมดุล และต่อยอดให้พื้นที่นี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในอนาคต

การติดตามและสนับสนุนกิจกรรม

นอกจากการมอบถุงพระราชทาน องคมนตรีและคณะยังเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการบ้านธารทอง กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 เพื่อมอบถุงพระราชทานแก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง จำนวน 45 ถุง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานในพื้นที่

โครงการนี้ได้สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลผลิตเกษตร การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และการจัดระเบียบชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ นอกจากนี้ยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ลดปัญหาการบุกรุกป่าไม้ และเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน

ความสำเร็จและก้าวต่อไป

ผลผลิตจากโครงการ เช่น พืชผักปลอดสารพิษ ผลไม้เมืองหนาว และผลิตภัณฑ์แปรรูป ต่างได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและความปลอดภัย โครงการยังคงมุ่งพัฒนาเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรกรรม และขยายผลสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สะท้อนวิถีชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืน

การลงพื้นที่ขององคมนตรีครั้งนี้ตอกย้ำความสำเร็จของโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง บ้านธารทอง ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ

ที่ตั้งโครงการ

โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง บ้านธารทอง
ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

ประชาชนสามารถเยี่ยมชมและเรียนรู้การทำเกษตรที่ยั่งยืนได้ในพื้นที่ พร้อมสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่งดงามในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเดินหน้าโครงการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด บูรณาการ 10 หน่วยงานสำคัญ

โครงการประสานความร่วมมือฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด จ.เชียงราย มุ่งขับเคลื่อนตามวาระแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารศาลแขวงเชียงราย นายกสิชล ว่องไวชล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยจัดให้มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง 10 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ ศาลแขวงเชียงราย, จังหวัดเชียงราย, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงเชียงราย, ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, สภาทนายความเชียงราย, และสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย

แนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนตามเจตนารมณ์กฎหมาย

นายกสิชล ว่องไวชล เปิดเผยว่า โครงการนี้สอดคล้องกับคำแนะนำและนโยบายของประธานศาลฎีกา ที่มุ่งเน้นให้กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายของผู้เสพยา รวมถึงการคืนคนดีสู่สังคม

การบูรณาการในครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานปกครองและหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามวาระแห่งชาติ โดยเน้นย้ำการดำเนินงานในลักษณะองค์รวม ทั้งการป้องกัน บำบัดรักษา และฟื้นฟู รวมถึงการสร้างโอกาสในการกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้เสพยา

เนื้อหาของ MOU และบทบาทของหน่วยงาน

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ระบุแนวทางและบทบาทที่ชัดเจน เช่น

  1. ศาลแขวงเชียงราย: ดูแลกระบวนการพิจารณาคดีให้สอดคล้องกับแนวทางการบำบัด
  2. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย: สนับสนุนทรัพยากรและบุคลากรทางการแพทย์
  3. ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย: ปฏิบัติงานสืบสวนและควบคุมการกระทำผิดที่เกี่ยวข้อง
  4. สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงราย: ติดตามผลการบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยา
  5. เทศบาลนครเชียงรายและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: สนับสนุนงบประมาณและการพัฒนาชุมชน

การขับเคลื่อนปัญหายาเสพติดตามวาระแห่งชาติ

การแก้ไขปัญหายาเสพติดถือเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยการจัดโครงการดังกล่าวเป็นตัวอย่างของการดำเนินงานเชิงรุกที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาสังคมให้ปลอดภัยและยั่งยืน

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ความร่วมมือของทุกหน่วยงานในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะนำไปสู่การลดปัญหายาเสพติดในจังหวัดเชียงราย และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น

กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูที่เน้นการคืนคนดีสู่สังคม

หนึ่งในแนวทางที่สำคัญของโครงการคือการนำผู้เสพและผู้ติดยาเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูที่เหมาะสม โดยเน้นการประเมินสภาพจิตใจ การให้คำปรึกษา และการสร้างทักษะชีวิตที่จำเป็น เพื่อช่วยให้ผู้ผ่านการบำบัดสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมั่นใจ

ผลคาดหวังจากการดำเนินโครงการ

โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่ แต่ยังเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่น ๆ ในการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อการพัฒนาระบบการบำบัดรักษาและฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ

ประชาชนสามารถติดตามผลการดำเนินงานของโครงการได้ที่ศาลแขวงเชียงราย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การลดปัญหายาเสพติดในจังหวัดเชียงรายและประเทศไทยโดยรวม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

เงินเดือนญี่ปุ่นพุ่งในรอบ 30 ปี ธนาคารกลางจ่อขึ้นดอกเบี้ย

เงินเดือนพนักงานญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 30 ปี ธนาคารกลางจ่อปรับขึ้นดอกเบี้ย

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 สำนักข่าว Bloomberg รายงานข้อมูลจากกระทรวงแรงงานญี่ปุ่นที่เผยว่า ฐานเงินเดือนพนักงานประจำในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 1994 สัญญาณบวกนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าในวัฏจักรเศรษฐกิจ พร้อมเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้

ในส่วนของค่าจ้างที่เป็นตัวเงิน (Nominal Wages) เพิ่มขึ้น 2.6% ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ก่อนหน้า โดยค่าจ้างพนักงานประจำไม่นับรวมโบนัสและโอทีเพิ่มขึ้นถึง 2.8% นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ซึ่งกำหนดประชุมในวันที่ 19 ธันวาคมนี้

การเจรจาและแนวโน้มค่าจ้าง

อายาโกะ ฟูจิตะ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจจาก JPMorgan Securities กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวสนับสนุนแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ แต่ยังต้องพิจารณาข้อมูลอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ คาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์กับ Nikkei ว่า แนวโน้มค่าจ้างและการใช้จ่ายของครัวเรือนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ

แม้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น แต่การใช้จ่ายครัวเรือนในเดือนตุลาคมกลับลดลง 1.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มค่าจ้างยังไม่สามารถกระตุ้นการบริโภคได้เต็มที่ นอกจากนี้ ความไม่เท่าเทียมของค่าจ้างที่แท้จริงยังอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ภาคแรงงานและความตึงตัว

ตลาดแรงงานญี่ปุ่นยังคงตึงตัว โดยมีอัตราการว่างงานต่ำกว่า 3% มาเป็นเวลาสามปี บริษัทต่าง ๆ จึงต้องเพิ่มค่าจ้างเพื่อรักษาพนักงานและปรับตัวเข้ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สมาพันธ์สหภาพการค้าญี่ปุ่น (Rengo) ได้ผลักดันให้ปรับขึ้นค่าจ้าง 5% ทั่วทุกอุตสาหกรรม ในขณะที่สหภาพแรงงานโรงงานเหล็กเรียกร้องการปรับค่าจ้างเพิ่มอีก 12,000 เยนต่อเดือน

ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ออกมาตรการทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 21.9 ล้านล้านเยน เพื่อรองรับการเพิ่มค่าจ้าง โดยเน้นช่วยเหลือบริษัทขนาดเล็ก และให้แนวทางส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้าองค์กร

แผนการเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการบริโภค

รัฐบาลญี่ปุ่นยังวางแผนขยายการอุดหนุนค่าไฟฟ้าและมอบเงินสดให้แก่ครัวเรือนรายได้ต่ำ มาตรการเหล่านี้คาดว่าจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับขึ้นค่าจ้าง พร้อมลดเงินเฟ้อในระดับหนึ่ง อิชิบะยังสั่งให้คณะรัฐมนตรีจัดทำแผนปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในฤดูใบไม้ผลิ เพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน

ผลกระทบต่อการตัดสินใจของ BOJ

แนวโน้มค่าจ้างและสถานการณ์เงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของ BOJ ในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น และลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระยะยาว

ข้อมูลล่าสุดนี้สะท้อนถึงความท้าทายและโอกาสในการปรับตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน ทั้งในด้านการจ้างงาน ค่าจ้าง และการบริโภคที่ยังต้องการการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Bloomberg

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

“พระเจ้าตอง” คืนสู่ ‘พะเยา’ หลังสูญหายกว่า 36 ปี

“พระเจ้าตอง” โบราณวัตถุสำคัญของไทย กลับคืนสู่พะเยาหลังสูญหายกว่า 36 ปี

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 นางสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีรับมอบ “พระเจ้าตอง” พระพุทธรูปสำคัญของจังหวัดพะเยา ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยมีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เข้าร่วมงาน

“พระเจ้าตอง” หรือ “หลวงพ่อลอ” เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนาอันทรงคุณค่า หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ตักกว้าง 78 เซนติเมตร สูง 110 เซนติเมตร มีอิทธิพลศิลปะสุโขทัยผสมผสาน เดิมประดิษฐานที่วัดศรีปิงเมือง บ้านเวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พระพุทธรูปองค์นี้สูญหายไปตั้งแต่ปลายปี 2531 หลังถูกโจรกรรม โดยมีการตัดฐานองค์พระ และไม่มีเบาะแสอีกเลย จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2567 กรมศิลปากรได้รับแจ้งจากนายวิสุทธิ์ ว่าพบพระพุทธรูปที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพระเจ้าตองปรากฏในสถานประมูลโบราณวัตถุในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

กรมศิลปากรจึงประสานงานกับผู้ครอบครองและสถานประมูล จนนำพระพุทธรูปองค์นี้กลับคืนสู่ประเทศไทยในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 หลังจากการตรวจพิสูจน์โดยใช้หลักฐานภาพถ่ายและข้อมูลเก่าตั้งแต่ปี 2528 พบว่าลักษณะศิลปะ ชายสังฆาฏิ และตำหนิต่าง ๆ ตรงกับพระเจ้าตองดั้งเดิม จึงสามารถยืนยันได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้คือพระเจ้าตอง

นางสุดาวรรณกล่าวว่า การนำพระเจ้าตองกลับมาสู่แหล่งกำเนิดในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยพระเจ้าตองจะถูกอัญเชิญกลับไปประดิษฐาน ณ วัดศรีปิงเมือง จังหวัดพะเยา เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจและศักดิ์สิทธิ์ของชาวพะเยา

ชายสังฆาฏิ ลวดลายเอกลักษณ์ของพระเจ้าตอง

นายพนมบุตร อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า การตรวจพิสูจน์พบลักษณะเฉพาะตัวของพระเจ้าตอง เช่น ร่องรอยสีแดงเดิมบริเวณริมฝีปากและนัยน์ตา ตำหนิที่หน้าผาก และลวดลายชายสังฆาฏิ ซึ่งตรงกับบันทึกเดิมของฝ่ายทะเบียน กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

การติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างแดน

ปัจจุบันยังมีโบราณวัตถุอีกกว่า 130 ชิ้นที่อยู่ในแผนการติดตามกลับคืน โดยภาคเอกชนได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานงาน การนำพระเจ้าตองกลับสู่ประเทศไทยจึงเป็นความสำเร็จที่สร้างความหวังให้กับการดำเนินงานในอนาคต

ประชาชนสามารถเข้าสักการะพระเจ้าตองได้ที่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ก่อนจะถูกอัญเชิญกลับไปยังจังหวัดพะเยา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENTERTAINMENT

Snow White ฉบับคนแสดงใหม่ จุดวิจารณ์เดือด Disney

สื่ออังกฤษวิจารณ์หนัก! “Snow White” ฉบับคนแสดงใหม่ อาจเป็นจุดตกต่ำครั้งใหญ่ของ Disney

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศ The Guardian รายงานข่าวเกี่ยวกับตัวอย่างภาพยนตร์ Snow White ฉบับคนแสดงใหม่ของ Disney ที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ โดยผู้สื่อข่าวของ The Guardian วิจารณ์ตัวอย่างหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงถึงขั้นเรียกว่าเป็น “ฝันร้ายแห่งวงการ CGI” ซึ่งอาจสร้างความผิดหวังครั้งใหญ่แก่ผู้ชมที่เคยรักในเวอร์ชันแอนิเมชันคลาสสิกของ Disney

เสียงวิจารณ์ตัวอย่างหนังใหม่: จากคลาสสิกสู่หายนะ

ตัวอย่าง Snow White ฉบับคนแสดงใหม่ที่เปิดตัวไปไม่นาน ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ “น่าเกลียดที่สุด” ของ Disney จากการใช้ CGI ที่ไม่ลงตัว โดยเฉพาะการออกแบบคนแคระที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัวแทนที่จะน่ารักและเป็นมิตรเหมือนในเวอร์ชันแอนิเมชันปี 1937

ผู้สื่อข่าวเปรียบเทียบว่าคนแคระในเวอร์ชันนี้ดูเหมือน “รูปปั้นในสวนสนุกที่ถูกห่อด้วยเนื้อมนุษย์” หรือ “ตัวละครในงานศิลปะที่มีอารมณ์แค้นต่อโลก” ทั้งนี้ยังมีคำวิจารณ์ถึงการออกแบบสัตว์ในป่า ซึ่งถูกนำเสนอด้วย CGI สมจริงแบบเดียวกับ The Lion King ฉบับสร้างใหม่ ที่ผู้ชมหลายคนมองว่าเป็นการทำลายเสน่ห์ของตัวละครสัตว์ในโลกนิทาน

Disney และแนวทางใหม่ที่น่ากังขา

ที่ผ่านมา Disney ได้พยายามสร้างภาพยนตร์คนแสดงใหม่จากแอนิเมชันคลาสสิกหลายเรื่อง เช่น Dumbo, The Lion King และ The Little Mermaid แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างหนักในหลายเรื่อง ด้วยเหตุผลที่ว่า CGI ทำให้ความเป็นธรรมชาติและเสน่ห์ของต้นฉบับสูญเสียไป

ในกรณีของ Snow White มีความเห็นว่าการสร้างใหม่อาจไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อคงลิขสิทธิ์ตัวละครอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นไปได้ว่า Disney ต้องการสร้าง “ความทรงจำที่เลวร้าย” ให้แก่ตัวละครในเรื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครกล้าสร้างภาพยนตร์ Snow White อีกในอนาคต

ผลกระทบต่อผู้ชมและวงการภาพยนตร์

จากตัวอย่างหนังที่เปิดตัว มีการคาดการณ์ว่า Snow White ฉบับนี้อาจสร้าง “บาดแผล” ให้แก่ผู้ชมรุ่นเยาว์ เช่นเดียวกับที่ภาพยนตร์ Return to Oz เคยทำไว้ในอดีต ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองบางคนเริ่มพูดถึงการใช้ตัวอย่างหนังเป็นเครื่องมือเตือนลูก ๆ เช่น “ถ้าห้องยังไม่สะอาด จะเปิดตัวอย่าง Snow White ให้ดู”

อนาคตของ Snow White และ Disney

Snow White ฉบับคนแสดงใหม่ มีกำหนดเข้าฉายในเดือนมีนาคมปีหน้า แม้จะถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่ยังมีผู้ชมบางส่วนที่ตั้งตารอชมผลงานนี้ด้วยความหวังว่า Disney จะสามารถพลิกกระแสจากตัวอย่างหนังที่ถูกวิจารณ์เป็นลบ ให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีคุณค่าในตัวเองได้

อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ อาจเป็นเครื่องเตือนใจให้ Disney ทบทวนแนวทางการสร้างภาพยนตร์ในอนาคต โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ผลงานจากนิทานคลาสสิกที่คนทั่วโลกหลงรัก

บทสรุป

แม้ Snow White ฉบับใหม่นี้จะยังไม่เข้าฉาย แต่ตัวอย่างที่เปิดตัวกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของ Disney แต่ยังสะท้อนถึงความท้าทายในการรักษามรดกวัฒนธรรมป๊อปที่ยาวนานกว่า 80 ปีในยุคปัจจุบัน

Disney จะสามารถพลิกสถานการณ์และทำให้ Snow White ฉบับนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ หรือจะเป็นเพียงอีกหนึ่ง “ความทรงจำอันขมขื่น” ของวงการภาพยนตร์ คำตอบนั้นต้องรอจนถึงวันฉายจริงในปีหน้า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : The Guardian

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศิลปากรสัญจรครั้งที่ 5 เชียงราย เชื่อมวัฒนธรรมล้านนา

นายพลภพ มานะมนตรีกุล นายกเทศมนตรีตำบลเวียง ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมกิจกรรม “ศิลปากรสัญจรครั้งที่ 5” เชียงแสน เชียงราย

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 นายพลภพ มานะมนตรีกุล นายกเทศมนตรีตำบลเวียง มอบหมายให้ นายกำแพง จันทกุล รองนายกเทศมนตรีตำบลเวียง และพันจ่าเอก อาทิตย์ บุญน้อม รองปลัดเทศบาลตำบลเวียง พร้อมด้วยฝ่ายประชาสัมพันธ์เทศบาลตำบลเวียง เข้าร่วมกิจกรรม “ศิลปากรสัญจรครั้งที่ 5” ภายใต้หัวข้อ “อาบหมอก แอ่วเมือง รุ่งเรืองอาราม เวียงงามล้านนา” โดยมีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมล้านนาในจังหวัดเชียงราย พะเยา และแพร่

การเปิดงานอย่างเป็นทางการ

พิธีเปิดกิจกรรมจัดขึ้นที่ โบราณสถานวัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม

ไฮไลต์กิจกรรม

ในกิจกรรมดังกล่าว ผู้เข้าร่วมได้เดินทางโดยรถรางเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของเมืองเชียงแสน ซึ่งเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญของวัฒนธรรมล้านนา เช่น วัดป่าสัก วัดเจดีย์หลวง และวัดพระธาตุจอมกิตติ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางศิลปะและวัฒนธรรมโบราณของชาวล้านนา

นอกจากนี้ ยังมีการจัดเลี้ยงขันโตกเพื่อรับรองแขกผู้เข้าร่วม โดยเป็นอาหารพื้นบ้านล้านนา เช่น น้ำพริกหนุ่ม แกงฮังเล และไส้อั่ว พร้อมการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่สะท้อนถึงความวิจิตรงดงามของวัฒนธรรมล้านนา

ความสำคัญของกิจกรรม

กิจกรรม “ศิลปากรสัญจรครั้งที่ 5” มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สร้างความตระหนักในคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมล้านนา

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วม

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า “กิจกรรมนี้นับเป็นโอกาสดีที่ประชาชนในพื้นที่จะได้เรียนรู้และภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของตนเอง พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนาให้คงอยู่สืบไป”

ความร่วมมือในอนาคต

เทศบาลตำบลเวียงได้วางแผนที่จะสานต่อความร่วมมือกับกรมศิลปากรและวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการจัดกิจกรรมลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

กิจกรรมดังกล่าวเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนา สะท้อนถึงความงดงามของมรดกทางวัฒนธรรมที่คนไทยทุกคนควรภาคภูมิใจและร่วมกันรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

Athita The Hidden Court เชียงแสน ลุ้นรางวัลโรงแรมดีไซน์ยอดเยี่ยมแห่งปี!

Athita The Hidden Court เชียงแสน เข้าชิงรางวัลออกแบบโรงแรมขนาดเล็กยอดเยี่ยมใน TIDA Awards 2024

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด ในเครือบริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ROOM นิตยสารที่เกี่ยวกับการแต่งบ้าน และสวนตามแบบต่างๆ ตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ และยังเป็นนิตยสาร ที่ผู้อ่านสามารถเกิดแรงบันดาลใจในการแต่งบ้าน และสวน รายงานความสำเร็จของ Athita The Hidden Court Chiang Saen ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในผลงานรอบสุดท้าย (Finalists) ประเภท Best of Small Hotel Design ในรางวัล TIDA Awards 2024 ซึ่งจัดโดย สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย (Thailand Interior Designers Association – TIDA) โดยรางวัลนี้มีเป้าหมายเพื่อยกย่องผลงานการออกแบบตกแต่งภายในที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์

Athita The Hidden Court Chiang Saen: การออกแบบที่ผสานล้านนาและความร่วมสมัย

โรงแรม Athita The Hidden Court Chiang Saen ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ออกแบบโดย Studio Miti เน้นการผสานความกลมกลืนของวิถีชีวิตท้องถิ่นล้านนาและความร่วมสมัย โดยใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้สักและอิฐมอญที่ทำมือ สร้างบรรยากาศที่สะท้อนกลิ่นอายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองเก่าเชียงแสน โรงแรมตั้งอยู่ใกล้ วัดอาทิต้นแก้ว โบราณสถานสำคัญอายุ 700 ปี สร้างประสบการณ์ให้แขกได้สัมผัสบรรยากาศเมืองโบราณอย่างแท้จริง

โรงแรมประกอบด้วยห้องพักเพียง 9 ห้อง เพื่อให้แขกได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและสงบเงียบที่สุด โครงสร้างหลักเป็นไม้สักกว่า 90% และอิฐมอญที่สร้างด้วยมือทุกชิ้น ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับลักษณะของวัดและเจดีย์ที่อยู่ด้านหน้า

จุดเด่นของ Athita The Hidden Court

  1. โรงแรมไม้สักแห่งแรกในเชียงแสน
    ตัวอาคารหลักสร้างจากไม้สักทั้งหมด ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสะดวกสบาย แขกผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายบ้านไม้แบบชนบทล้านนาอย่างแท้จริง

  2. โรงแรมอิฐมอญทำมือแห่งแรกในเชียงแสน
    ทุกชิ้นส่วนของอิฐที่ใช้ในโรงแรมเป็นงานทำมือ อิฐเหล่านี้สะท้อนถึงลักษณะดั้งเดิมของวัดและเจดีย์ในเชียงแสน

  3. คอร์ตสนามหญ้า (Grass Courtyard)
    คอร์ตนี้เชื่อมโยงพื้นที่โรงแรมกับวัดอาทิต้นแก้ว เปิดมุมมองให้แขกได้สัมผัสความงามของโบราณสถานจากโรงแรมโดยตรง

การออกแบบที่ผสานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

ห้องพักแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก

  • ชั้นล่าง: ห้องพักที่เปิดสู่คอร์ตสวนส่วนตัว เช่น Lotus Garden Suite และ Deluxe Private Garden
  • ชั้นบน: ห้องพัก Superior Pagoda View ที่มองเห็นเจดีย์โบราณ ให้ความรู้สึกเสมือนพักในบ้านไม้แบบล้านนา

นอกจากนี้ โรงแรมยังมีล็อบบี้ คาเฟ่ ร้านอาหาร และคอร์ตสระว่ายน้ำที่ปิดล้อมด้วยกำแพงอิฐ สร้างความเป็นส่วนตัวและเชื่อมต่อกับธรรมชาติรอบข้าง

บทบาทของ Athita The Hidden Court ต่อชุมชน

โรงแรมนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่เชียงแสน โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมวัดอาทิต้นแก้วและชุมชนท้องถิ่น เจ้าของโรงแรมยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนผ่านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและการสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่

รางวัล TIDA Awards 2024

การเข้ารอบสุดท้ายในรางวัล TIDA Awards 2024 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของ Athita The Hidden Court Chiang Saen ในการนำเสนอการออกแบบที่งดงามและมีเอกลักษณ์ พร้อมกับความมุ่งมั่นในการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์วัฒนธรรม

ข้อมูลติดต่อ

  • ที่ตั้ง: 984 หมู่ที่ 2 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
  • แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/hKMLm5pJeC65eRVb6
  • โทรศัพท์: 06-3426-9464
  • เว็บไซต์: athitahotel.com

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Athita The Hidden Court เชียงแสน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

วัดสันมะนะทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ร่วมพัฒนาเชียงรายยั่งยืน

งานวันพ่อแห่งชาติและทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล วัดสันมะนะ เชียงราย สร้างสรรค์ชุมชนยั่งยืน

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 ณ วัดสันมะนะ ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานวันพ่อแห่งชาติและพิธีทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล โดยมีนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระครูพินิตวิหารการ เจ้าอาวาสวัดสันมะนะ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ภายในงานมีนายสุรฬ์พลฎ์ ดุรงคชยาอนุรักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าอ้อดอนชัย นายสุฐาน อ้ายขอดแก้ว กำนันตำบลป่าอ้อดอนชัย พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

ความสำคัญของธนาคารขยะจิตอาสา

วัดสันมะนะได้ริเริ่ม “ธนาคารขยะจิตอาสาเพื่อพัฒนาวัดและชุมชน” ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการขยะในชุมชนอย่างยั่งยืน และนำรายได้จากการบริหารขยะรีไซเคิลไปใช้สนับสนุนกิจกรรมของวัด รวมถึงมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรหลานในชุมชน กิจกรรมทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลนี้ได้กลายเป็นประเพณีประจำปีที่จัดขึ้นในทุกวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อเชื่อมโยงความสามัคคีและสร้างสรรค์ชุมชนที่เข้มแข็ง

กิจกรรมในงานวันพ่อแห่งชาติ 2567

ในปีนี้ ธนาคารขยะจิตอาสาได้ร่วมมือกับหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลป่าอ้อดอนชัย จัดพิธีถวายผ้าป่าขยะรีไซเคิล เพื่อสมทบทุนกองทุนหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล สำหรับดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่น การเยี่ยมผู้ป่วยในชุมชน การให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนกิจกรรมอื่นๆ ที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

งานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานและองค์กรหลากหลาย อาทิ

  • ฝ่ายปกครองตำบลป่าอ้อดอนชัย 21 หมู่บ้าน
  • วัดในเขตตำบลป่าอ้อดอนชัย 12 วัด
  • เทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย
  • วิทยาลัยเชียงราย
  • ชมรมผู้สูงอายุตำบลป่าอ้อดอนชัย
  • โรงเรียนในเขตตำบลป่าอ้อดอนชัย
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงราย

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านขยะรีไซเคิล

ภายในงานมีกิจกรรมการรับบริจาคขยะรีไซเคิล เช่น พลาสติก ขวดแก้ว และกระดาษ ซึ่งนำไปคัดแยกและจัดการอย่างเหมาะสม โดยรายได้จากการจัดการขยะเหล่านี้ถูกนำไปสนับสนุนกิจกรรมของวัดและชุมชน เป็นตัวอย่างที่ดีของการประยุกต์ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ความสำคัญของการจัดงาน

งานทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อสร้างสรรค์ชุมชนที่สะอาด สงบ และยั่งยืน ทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองวันพ่อแห่งชาติด้วยการแสดงความกตัญญูและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ชาวเชียงรายร่วมมือกันสร้างสังคมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น

งานครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการขยะในชุมชน และการสร้างความตระหนักรู้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

“ออสการ์” หลั่งน้ำตา หลังเกม ACL อนาคตยังไม่แน่นอน

ออสการ์ น้ำตาซึมหลังเกม ACL พร้อมตัดสินใจอนาคตร่วมกับครอบครัว

วันที่ 5 ธันวาคม 2567 ในการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก (ACL) รอบแบ่งกลุ่มที่เซี่ยงไฮ้ พอร์ท เสมอกับ กวางจู เอฟซี 1-1 ออสการ์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของทีมเซี่ยงไฮ้ พอร์ท มีอาการน้ำตาคลอในช่วงหลังเกม ทำให้เกิดคำถามว่าการแข่งขันครั้งนี้อาจเป็น “การเล่นครั้งสุดท้าย” ของเขากับทีม

เกมนี้ เซี่ยงไฮ้ พอร์ท เริ่มต้นด้วยความยากลำบาก เมื่อถูกทีมคู่แข่งยิงนำไปก่อนในครึ่งแรก และสถานการณ์เลวร้ายลงเมื่อกองหลังอย่างเว่ย เจิ้น ถูกใบแดงไล่ออกในช่วงต้นครึ่งหลัง อย่างไรก็ตาม ออสการ์ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นหัวใจสำคัญของทีม ด้วยการสร้างโอกาสและเรียกจุดโทษในนาทีที่ 75 ซึ่งเขายิงจุดโทษได้อย่างแม่นยำ ทำให้ทีมสามารถตีเสมอได้สำเร็จ

การตัดสินใจเรื่องอนาคตของออสการ์

หลังจบเกม ออสการ์มีน้ำตาในช่วงขอบคุณแฟนบอล ซึ่งแฟนบอลเซี่ยงไฮ้ พอร์ทต่างตะโกนเรียกชื่อเขาเพื่อขอให้อยู่กับทีมต่อไป อย่างไรก็ตาม สัญญาของออสการ์ กับเซี่ยงไฮ้ พอร์ท จะหมดลงในปลายเดือนธันวาคม 2567 และการเจรจาต่อสัญญายังไม่มีความคืบหน้า

ในการแถลงข่าวหลังเกม ออสการ์กล่าวว่าเขาจะปรึกษากับครอบครัวและตัวแทนของเขาในช่วงสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ข้างหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องอนาคต ส่วนทางด้านมุสกัต หัวหน้าโค้ชของทีม ได้กล่าวว่าตนไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับสัญญาของออสการ์ในขณะนี้

ประเด็นปัญหาเรื่องเงินเดือน

หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการเจรจาต่อสัญญาคือเรื่องเงินเดือน เนื่องจากลีกจีน (CSL) ได้กำหนดเพดานเงินเดือนของนักเตะต่างชาติไว้ที่ 300,000 ยูโรต่อปี ก่อนหักภาษี ซึ่งน้อยกว่าค่าจ้างเดิมของออสการ์ที่เคยได้รับในระดับหลายล้านยูโรอย่างมาก

หากเซี่ยงไฮ้ พอร์ทไม่สามารถหาวิธีหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเรื่องเงินเดือนและทำข้อตกลงกับออสการ์ได้ ทีมอาจเสียผู้เล่นคนสำคัญไปในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงหน้าหนาว นอกจากนี้ การต่อสัญญากับบัลกัส ผู้เล่นตัวหลักอีกคน ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ทีมต้องเร่งดำเนินการ เพราะหากเสียทั้งสองคนไป อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเตรียมทีมในฤดูกาลหน้า

สถานการณ์ทีมหลังเสมอใน ACL

ผลเสมอในเกมนี้ทำให้เซี่ยงไฮ้ พอร์ท มี 8 คะแนน และยังอยู่ในโซนที่มีโอกาสผ่านเข้าสู่รอบถัดไปใน ACL การสร้างผลงานได้แม้จะเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนในสองเกมล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทีม แต่คำถามเกี่ยวกับอนาคตของออสการ์และผู้เล่นคนสำคัญยังคงสร้างความกังวลให้กับแฟนบอล

ความสำคัญของโอสการ์ต่อเซี่ยงไฮ้ พอร์ท

โอสการ์คือหัวใจสำคัญของเซี่ยงไฮ้ พอร์ท ในการสร้างสรรค์เกมและเพิ่มประสิทธิภาพในแดนกลาง การสูญเสียเขาอาจสร้างความยากลำบากให้กับทีมในฤดูกาลหน้า ไม่เพียงแต่ในเรื่องของความสามารถในสนาม แต่ยังรวมถึงความผูกพันกับแฟนบอลและจิตวิญญาณของทีม

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ แฟนบอลของเซี่ยงไฮ้ พอร์ต ต่างเฝ้ารอคำตอบจากออสการ์และการตัดสินใจของสโมสร ซึ่งอาจกำหนดทิศทางของทีมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เซี่ยงไฮ้ พอร์ท

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News