Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายประชุมติดตามอุทกภัย มุ่งฟื้นฟูภาคการเกษตรหลังน้ำลด

เชียงรายจัดประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมธรรมลังกา ศาลากลางจังหวัดเชียงราย คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรและปศุสัตว์ โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ นายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา และคณะผู้ติดตาม

ประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เกษตรกรรม

การประชุมในครั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ภาคการเกษตร และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วม โดยมุ่งเน้นการติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีผลกระทบต่อเกษตรกรและปศุสัตว์เป็นจำนวนมาก การประชุมนี้ยังได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวม เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนการช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมหลังน้ำลด

ผลกระทบจากอุทกภัยต่อภาคการเกษตรและการเยียวยา

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่ผ่านมาทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่ปศุสัตว์ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างกว้างขวาง ขณะนี้ทางจังหวัดได้ดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบแล้วตามขั้นตอนที่กำหนดไว้

การประชุมในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ รวมถึงเกษตรกรในพื้นที่ ได้เสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน โดยข้อมูลที่ได้รับจะนำไปสรุปเป็นแนวทางเพื่อให้การช่วยเหลือมีความครอบคลุมและตรงจุดมากขึ้น

การวางแผนฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยหลังน้ำลด

นายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ รับฟังข้อมูลและปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรในจังหวัดเชียงราย โดยการประชุมมีการหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและผู้แทนจากหน่วยงานด้านการเกษตร รวมถึงองค์กรภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปสู่การสรุปและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้วางแผนการ ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยหลังน้ำลด โดยเน้นการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้สามารถกลับมาเพาะปลูกได้โดยเร็วที่สุด การช่วยเหลือครั้งนี้จะครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาพันธุ์พืช การเตรียมดิน และการฟื้นฟูแหล่งน้ำ เพื่อให้เกษตรกรสามารถกลับมาดำเนินการเพาะปลูกและปศุสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเสนอแผนฟื้นฟูต่อที่ประชุมวุฒิสภาและคณะรัฐมนตรี

นายธวัช สุระบาล กล่าวย้ำว่า ข้อมูลและข้อเสนอแนะที่ได้จากการประชุมครั้งนี้จะถูกนำไป เสนอในที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อนำไปพิจารณาและบูรณาการร่วมกับนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ยังจะมีการรวบรวมข้อมูลและจัดทำรายงานเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา แผนการฟื้นฟูภาคการเกษตรและการช่วยเหลือเกษตรกร ในระยะยาว

แนวทางการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม

การประชุมในครั้งนี้เน้นการวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและปศุสัตว์อย่างยั่งยืน โดยมีการเสนอแนวทางการฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมหลังน้ำลด เช่น การส่งเสริมการปลูกพืชที่ทนทานต่อสภาพดินและน้ำ การฝึกอบรมเกษตรกรในเรื่องการเพาะปลูกที่ยั่งยืน และการให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต

สรุปผลการประชุมและทิศทางในอนาคต

การประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปที่สำคัญหลายประการ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรของจังหวัดเชียงรายในระยะยาว การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จะช่วยให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายอัญเชิญพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ประดิษฐานในสวนสมเด็จย่า

เชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประดิษฐาน ณ สวนสมเด็จย่ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดพิธีอัญเชิญพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ขึ้นประดิษฐาน ณ สวนสมเด็จศรีนครินทร์เชียงราย หรือที่รู้จักกันในชื่อ สวนสมเด็จย่า ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ และ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษา และประชาชนในจังหวัดเชียงรายที่เข้าร่วมพิธีกว่า 100 คน

พิธีอัญเชิญพระอนุสาวรีย์เพื่อสักการะและรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ

พิธีการเริ่มต้นด้วยการอัญเชิญพระอนุสาวรีย์ขึ้นประดิษฐานบนแท่นฐานที่จัดเตรียมไว้ ณ บริเวณสวนสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยมี พระพุทธิวงค์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ร่วมประกอบพิธีสวดมนต์และเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ได้เปิดเผยว่า การอัญเชิญพระอนุสาวรีย์ในครั้งนี้เป็นผลมาจากการได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนชาวเชียงรายได้มีสถานที่สักการบูชาและรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่ได้ทรงสนับสนุนและช่วยเหลือชาวเชียงรายในด้านต่างๆ ตลอดพระชนม์ชีพ

ดร.วันดีและครอบครัวร่วมบริจาคทุนสร้างพระอนุสาวรีย์

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ และครอบครัวได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ในการสร้างพระอนุสาวรีย์ครั้งนี้เป็นจำนวน สามล้านบาท หลังจากได้รับการประสานจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งมีความประสงค์ที่จะสร้างพระอนุสาวรีย์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แต่ขาดงบประมาณในการดำเนินการ โดยการสร้างครั้งนี้ได้รับการเททองหล่อโดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

สวนสมเด็จย่าศูนย์การเรียนรู้และสถานที่พักผ่อน

สวนสมเด็จศรีนครินทร์เชียงราย หรือ สวนสมเด็จย่า เป็นสวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา โดยตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย พื้นที่กว้างใหญ่กว่า 625 ไร่ สวนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการศึกษาและเรียนรู้ด้านพันธุกรรมพืช รวมทั้งเป็นแหล่งออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน

ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตชาวเชียงราย

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ได้ชื่นชมมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายที่ดูแลรักษาพื้นที่สวนแห่งนี้ให้มีความร่มรื่นและสวยงามอยู่เสมอ โดยมีหนองบัวใหญ่และหนองน้ำเล็กที่สะอาด สร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการออกกำลังกายและการพักผ่อนในยามเช้าและเย็น ทั้งนี้สวนสมเด็จย่ายังเป็นสถานที่ที่ประชาชนมาใช้บริการถึงเดือนละกว่า 3,000 คน ส่งเสริมสุขภาพพลานามัยทั้งกายและใจ

อนาคตของสวนสมเด็จย่า: ศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาสิ่งแวดล้อม

สวนสมเด็จย่าเชียงราย ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สักการะและพักผ่อน แต่ยังมุ่งเน้นการเป็น ศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ที่สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อน และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีแก่ชุมชน ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพิ่มเติม รวมถึงการพัฒนาสวนให้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การศึกษาทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม

รองศาสตราจารย์ ดร. สอนชัย มุ่งไทยสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้กล่าวถึงความสำคัญของสวนสมเด็จย่าเชียงรายว่าเป็นสถานที่ที่เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้เกิดความตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยการมีพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่ประดิษฐานไว้ในสวนแห่งนี้ จะเป็นเครื่องหมายแห่งความศรัทธาและแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตที่ดีงามของชาวเชียงรายและนักศึกษาทุกคน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดโครงการตามรอยเส้นทางธรรม ส่งเสริมศาสนาและชุมชน

เชียงรายจัดประชุมชี้แจงโครงการ “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา” และ “เข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ” เพื่อส่งเสริมศาสนาและชุมชน

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.00 น. ณ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายชัยพล เอี่ยมสุข อธิบดีกรมศาสนา เป็นประธานในการประชุมผ่านระบบ Zoom Meeting เพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินงานของโครงการ “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา และเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน” ประจำปีงบประมาณ 2568

กิจกรรม “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา” สร้างมิติใหม่ในการท่องเที่ยวเชิงศาสนา

กิจกรรม “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา” จัดขึ้นภายใต้โครงการ จาริกเส้นทางบุญในมิติทางศาสนา เพื่อส่งเสริมศักยภาพของวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดเชียงราย ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและศูนย์การเรียนรู้ด้านศาสนา โดยมุ่งเน้นการใช้ Soft Power เพื่อยกระดับอัตลักษณ์ท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างคุณค่าในเชิงศาสนา แต่ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาชุมชนได้อย่างยั่งยืน

กิจกรรม “เข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ” เสริมสร้างศีลธรรมและชุมชนเข้มแข็ง

อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญในโครงการนี้คือ “เข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเข้าวัดทำบุญตักบาตร รักษาศีล และเจริญภาวนา โดยขยายโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้ทำกิจกรรมทางศาสนานอกเหนือจากวันธรรมสวนะ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านศาสนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน

โครงการนี้ยังมุ่งเน้นให้วัดเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตชุมชน นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่มีมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งเป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป

การบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ

ในการประชุมครั้งนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยทีมงานจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้แก่ นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม นางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นางกัลยา แก้วประสงค์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นางสุพรรณี เตชะตน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายจิรัฏฐ์ ยุทธ์ธนประวิช นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และ นางสาวอัมพิกา จิณะเสน นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เข้าร่วมประชุมและร่วมบูรณาการการทำงานอย่างเต็มที่

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและศิลปวัฒนธรรม

โครงการนี้ยังมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนา โดยการบูรณาการกับแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชน เพื่อให้เกิด การสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจชุมชน

แผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568

กิจกรรมที่วางแผนจะจัดขึ้นในปีงบประมาณ 2568 จะครอบคลุมทั้งการเข้าวัดทำบุญ การฝึกอบรมศีลธรรม และการเจริญภาวนาในวันธรรมสวนะ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าวัดปฏิบัติธรรมบ่อยครั้งขึ้น ส่งเสริมคุณค่าทางศาสนาและจริยธรรม รวมทั้งขยายผลโครงการไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ

สรุปผลการประชุมและแนวทางการพัฒนา

นายชัยพล เอี่ยมสุข อธิบดีกรมศาสนา ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมศาสนาและวัฒนธรรมเพื่อสร้างคุณค่าทางสังคม โดยการดำเนินงานครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยวเชิงศาสนาอย่างเต็มรูปแบบ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายทอดกฐินสามัคคีบูรณะวัดพระธาตุดอยตุง สืบชะตาแบบล้านนา

วัดพระธาตุดอยตุงจัดพิธีทอดกฐินสามัคคีและสืบชะตาแบบล้านนา สร้างบุญบูรณะศาสนสถาน

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา วัดพระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้จัด พิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2567 โดยมี นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานในการทอดกฐินครั้งนี้ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง พิธีในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการทำบุญตามประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการ สมทบทุนเพื่อบูรณะศาสนสถาน ของวัดอีกด้วย

การจัดพิธีที่เต็มไปด้วยบรรยากาศศรัทธาและความสงบ

พิธีทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้ได้รับความเมตตาจาก พระพุทธิวงค์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ร่วมประกอบพิธีสมโภชองค์กฐิน นอกจากนี้ยังมีการจัด พิธีสืบชะตาแบบล้านนา ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่มีความหมายทางศาสนาและวัฒนธรรมที่ชาวล้านนาสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน

ยอดปัจจัยถวายกฐินสูงถึง 1,999,999.99 บาท

ผลการทอดกฐินในปีนี้ได้รับยอดปัจจัยที่ประชาชนร่วมกันบริจาคจำนวน 1,999,999.99 บาท ซึ่งจะนำไปใช้ในการ บูรณะและปรับปรุงศาสนสถานของวัดพระธาตุดอยตุง ให้คงความงดงามและเป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนต่อไป

ความสำคัญของการทอดกฐินและการสืบชะตาแบบล้านนา

การทอดกฐินสามัคคีถือเป็นประเพณีสำคัญที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน โดยการทอดกฐินนั้นสามารถทำได้เพียงปีละครั้งเท่านั้นหลังจากวันออกพรรษา พิธีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำบุญเพื่อเสริมสร้างความสุขและความเจริญให้กับผู้ถวาย แต่ยังเป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของชาวไทยล้านนา

ส่วน พิธีสืบชะตาแบบล้านนา เป็นพิธีที่ชาวล้านนาใช้ในการขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายและเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประชาชนต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือภัยพิบัติ การสืบชะตาจะช่วยเสริมสร้างขวัญกำลังใจและความมั่นคงให้กับชาวบ้าน

การประสานงานและการจัดการที่ราบรื่น

ในพิธีครั้งนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ทีมงานจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ประกอบด้วย นายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ และ นายวิชชากรณ์ กาศโอสถ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ รวมถึง นายณรงค์ ปงลังกา เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธีฯ เข้าร่วมบูรณาการปฏิบัติงาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คณะสงฆ์และประชาชนที่มาร่วมงาน

การจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้การดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งการจัดเตรียมสถานที่ การอำนวยความสะดวกในการจราจร และการดูแลความปลอดภัยของประชาชน

บทบาทของวัดพระธาตุดอยตุงในชุมชน

วัดพระธาตุดอยตุง เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย เป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุดอยตุงซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงราย การบูรณะศาสนสถานให้คงความงดงามและมั่นคงจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้วัดแห่งนี้ยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย

สรุปการจัดพิธีและความหมายที่ยิ่งใหญ่

การจัดพิธีทอดกฐินสามัคคีและสืบชะตาแบบล้านนาในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณ การได้รับยอดปัจจัยจำนวนมากสะท้อนถึงความร่วมมือร่วมใจของประชาชนที่มีต่อศาสนาและการพัฒนาชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงราย จัดพิธีสืบชะตาเมือง ฟื้นฟูใจหลังภัยพิบัติ

เชียงรายเตรียมจัดพิธีสืบชะตาเมือง เบิกฟ้าฟื้นใจ สร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนหลังภัยพิบัติ

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้จัดการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัด โครงการพิธีสืบชะตาเมืองเชียงราย เบิกฟ้าฟื้นใจเมือง โดยมี นางปัทมา สมประสงค์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม เป็นผู้ดำเนินการประชุม ทั้งนี้ได้รับมอบหมายจาก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อจัดเตรียมแผนงานให้พร้อมสำหรับการจัดงานที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ณ วัดดอยงำเมือง วัดพระแก้ว และลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ศาลากลางจังหวัดหลังแรก)

ฟื้นฟูจิตใจและสร้างขวัญกำลังใจให้ชาวเชียงราย

พิธีสืบชะตาเมืองเชียงรายครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ สร้างขวัญกำลังใจ ให้กับประชาชนชาวเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจาก อุทกภัยและดินโคลนถล่ม ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อ อนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาและประเพณีท้องถิ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนา โดยการจัดงานในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่

พิธีบวงสรวงและขอขมาพระบรมอัฐิพญามังรายมหาราช

พิธีในช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 ธันวาคม จะเริ่มต้นด้วย การบวงสรวงสักการะและขอขมาพระบรมอัฐิพญามังรายมหาราช ณ วัดดอยงำเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงราย โดยพิธีบวงสรวงนี้จัดขึ้นเพื่อขอความเป็นสิริมงคลและปัดเป่าสิ่งอัปมงคลตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวล้านนา

พิธีทำบุญตักบาตรและเจริญพระพุทธมนต์

หลังจากพิธีบวงสรวงเสร็จสิ้น จะมี พิธีทำบุญตักบาตร โดยมีพระสงฆ์จำนวน 62 รูป รับบิณฑบาตเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวเชียงราย จากนั้นจะมีการเจริญพระพุทธมนต์และ พิธีทำบุญสืบชะตาเมืองเชียงราย ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ศาลากลางจังหวัดหลังแรก) เพื่อสร้างความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองให้กับบ้านเมือง

การสืบชะตาเมือง: พิธีกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคล

พิธีสืบชะตาเมือง ถือเป็นพิธีกรรมสำคัญที่ชาวล้านนาใช้ในการขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายและเสริมสิริมงคลให้กับเมือง เป็นพิธีที่สะท้อนถึงความเชื่อในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอพรให้เมืองเชียงรายปลอดภัยจากภัยพิบัติและวิกฤตต่างๆ การจัดพิธีในครั้งนี้นอกจากจะช่วยฟื้นฟูจิตใจของประชาชนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงรายอีกด้วย

ความร่วมมือของหน่วยงานและชุมชน

นางปัทมา สมประสงค์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม กล่าวว่า การจัดพิธีสืบชะตาเมืองครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากทั้ง หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ทุกภาคส่วน ร่วมมือกันในการเตรียมความพร้อมเพื่อให้พิธีดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความหมาย

นายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนา และการฟื้นฟูประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

การเตรียมการเพื่อความสำเร็จของพิธี

การประชุมเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ยังได้หารือเกี่ยวกับ การจัดการสถานที่และการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่จะเข้าร่วมงาน โดยมีการเตรียมแผนการจัดการด้านความปลอดภัย การจราจร และการบริการประชาชน เพื่อให้การจัดงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่นที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เสนอชื่อครู 4 ราย รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

คณะอนุกรรมการลงพื้นที่สืบเสาะครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 ในจังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นางฐิติมา เร่งประเสริฐ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการ ได้ลงพื้นที่เพื่อสืบเสาะและคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (Princess Maha Chakri Award) ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยในครั้งนี้ได้มีการลงพื้นที่ โรงเรียนริมโขงวิทยา อำเภอเชียงของ และ มูลนิธิบ้านครูน้ำ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

การลงพื้นที่ประเมินและกลั่นกรอง

ในช่วงเช้า คณะอนุกรรมการได้เริ่มต้นการลงพื้นที่ที่ โรงเรียนริมโขงวิทยา เพื่อประเมินและคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัล โดยได้ทำการสัมภาษณ์ นางศิริธนัญญา โท่นขัด ครูผู้ทุ่มเทในการจัดการเรียนการสอนและมีผลงานโดดเด่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้กับนักเรียนในพื้นที่ชนบท

ต่อมาในช่วงบ่าย คณะได้เดินทางไปยัง มูลนิธิบ้านครูน้ำ อำเภอเชียงแสน เพื่อประเมินผลงานของ นางสาวนุชนารถ บุญคง ครูที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี: เชิดชูเกียรติครูผู้ทุ่มเท

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (Princess Maha Chakri Award) เป็นรางวัลพระราชทานระดับนานาชาติที่มีเกียรติยศสูงสุด มอบให้แก่ครูผู้มีความทุ่มเทและสร้างคุณประโยชน์ต่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ติมอร์-เลสเต บังกลาเทศ ภูฏาน และมองโกเลีย รวม 14 ประเทศ รางวัลนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงมีพระปรีชาสามารถและมีคุณูปการอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษา

กระบวนการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัล

รางวัลนี้จัดขึ้นทุก 2 ปี โดยครูที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน เช่น การเป็นครูที่ปฏิบัติหน้าที่มาไม่ต่ำกว่า 12 ปี และมีผลงานการสอนที่โดดเด่นในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งยังต้องมีความประพฤติเป็นแบบอย่างทางคุณธรรมและจริยธรรม

สำหรับกระบวนการเสนอชื่อ ครูผู้สมควรได้รับรางวัล จะดำเนินการโดยองค์กรต่างๆ เช่น สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สมาคม มูลนิธิ และองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ โดยสามารถเสนอชื่อครูที่มีผลงานโดดเด่นในวงกว้างและมีคุณูปการต่อสังคม

รายชื่อครูที่ได้รับการเสนอชื่อในจังหวัดเชียงราย

สำหรับปีนี้ จังหวัดเชียงรายได้เสนอชื่อครูผู้มีคุณสมบัติสมควรได้รับพระราชทานรางวัลจำนวน 4 ราย ได้แก่:

  1. นางศิริธนัญญา โท่นขัด ครูโรงเรียนริมโขงวิทยา
  2. นางสาวศันสนีย์ อินสาร ครูโรงเรียนบ้านนางแลใน
  3. นายประสิทธิ์ อำพิมพ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดแม่สาย
  4. นางสาวนุชนารถ บุญคง ครูมูลนิธิบ้านครูน้ำ

การประเมินคุณสมบัติและเกณฑ์การคัดเลือก

การคัดเลือกครูผู้ได้รับรางวัลในครั้งนี้จะเน้นที่ การสร้างแรงบันดาลใจ และ การเปลี่ยนแปลงในชีวิตของลูกศิษย์ ผ่านการสอนที่ทุ่มเทและมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้ก้าวหน้าในหลากหลายอาชีพ ครูที่ได้รับการเสนอชื่อยังต้องมีความสามารถในการคิดค้นและพัฒนาวิธีการสอนที่สร้างสรรค์เพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนในยุคปัจจุบัน

รางวัลพระราชทานเพื่อเทิดพระเกียรติและพัฒนาการศึกษา

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมคุณภาพการศึกษาผ่านการยกระดับคุณภาพของครู โดยเชื่อว่าครูที่มีคุณภาพย่อมส่งผลต่อการสร้างคนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมและประเทศชาติในระยะยาว

สรุปผลการลงพื้นที่และการดำเนินงานในอนาคต

นางฐิติมา เร่งประเสริฐ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมและสนับสนุนครูที่มีความสามารถและทุ่มเทเพื่อการศึกษา โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนครูที่มีความสามารถให้ได้รับการยอมรับและเชิดชูเกียรติในระดับสากล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายประชุมแก้ปัญหาการเผา ป้องกันวิกฤต PM 2.5

เชียงรายประชุมแก้ปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ป้องกันวิกฤตหมอกควันและฝุ่น PM 2.5

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ทั้งในพื้นที่ราบและพื้นที่สูง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

การแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อรับมือสถานการณ์หมอกควันและไฟป่า

ในที่ประชุมได้มีการแจ้งคำสั่งแต่งตั้ง คณะทำงานติดตามสถานการณ์และขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน สำหรับปี 2567 – 2568 โดยได้มีการรายงานสถานการณ์จุดความร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในเขตเกษตรกรรมและป่า รวมถึงสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงรายในรอบปีที่ผ่านมา

ข้อมูลดังกล่าวยังครอบคลุมถึง จุดความร้อนในพื้นที่เกษตรกรรม แผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และข้อมูลเกี่ยวกับปศุสัตว์ในพื้นที่สูง เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผา ทั้งในพื้นที่เกษตรราบและเกษตรที่สูง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและฤดูแล้งที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่ามากขึ้น

แนวทางป้องกันไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

การประชุมในครั้งนี้ยังได้มีการหารือแผนปฏิบัติการเพื่อ ป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 โดยครอบคลุมด้านการเตรียมความพร้อม การเผชิญเหตุ และแผนฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง การวางแผนดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป เพื่อให้การทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกมิติ

การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด

การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการ รวบรวมข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับสถานการณ์การเผาและจุดความร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เกษตรพื้นราบหรือพื้นที่สูง รวมถึงการจัดการเชื้อเพลิงก่อนที่จะมีคำสั่งห้ามเผาอย่างเข้มงวด

โดยที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับ การบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เชียงราย

ผลกระทบจากการเผาในที่โล่งและวิกฤตมลพิษ

ในช่วงฤดูหนาวและฤดูแล้งของทุกปี จังหวัดเชียงรายและพื้นที่ภาคเหนือมักประสบปัญหา ไฟป่าและการเผาในที่โล่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตหมอกควัน ส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติงานที่เป็นระบบ เพื่อป้องกันการเกิดวิกฤตมลพิษในอนาคต โดยการประชุมครั้งนี้จะช่วยวางแนวทางในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การประสานงานระหว่างหน่วยงานเพื่อป้องกันปัญหาอย่างยั่งยืน

พ.ท.หญิง หงส์ภัสสร โพธิอภิญาณวิสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวฯ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้สามารถป้องกันและรับมือกับปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการเผาและมลพิษทางอากาศในพื้นที่เชียงรายอย่างยั่งยืน

การประชุมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางแผนเพื่ออนาคต โดยเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อสร้างแนวทางการป้องกันที่ยั่งยืนและสามารถลดการเกิดปัญหาในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พบกาแฟ-ชาคุณภาพ ล้านนาตะวันออกที่เชียงราย

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จับมือจัดงานเทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ร่วมกันจัดงาน “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟและชาในภูมิภาค พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางธุรกิจและการท่องเที่ยว

เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่

งานแถลงข่าวจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ณ ร้านอาหารภูภิรมย์ สิงห์ปาร์ค อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้แทนจากจังหวัดต่างๆ และสถาบันชาและกาแฟ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมงาน

ศักยภาพของชาและกาแฟล้านนาตะวันออก

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีศักยภาพในการผลิตชาและกาแฟคุณภาพสูง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลผลิตที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้จึงเป็นการนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

เป้าหมายของการจัดงาน

  • ส่งเสริมการท่องเที่ยว: สร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2
  • สร้างโอกาสทางธุรกิจ: สร้างเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจชาและกาแฟ
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์: ส่งเสริมให้ผู้ผลิตพัฒนาคุณภาพและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น
  • สร้างรายได้ให้ชุมชน: สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่

ไฮไลท์ภายในงาน

  • การแสดงสินค้า: รวบรวมร้านค้าผู้ประกอบการชาและกาแฟกว่า 50 ร้านค้า มาจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์
  • การแข่งขันลาเต้อาร์ต: การแข่งขันสร้างสรรค์ลวดลายบนกาแฟนม
  • กิจกรรมเจรจาธุรกิจ: สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้พบปะกับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ
  • นิทรรศการและกิจกรรมอื่นๆ: นิทรรศการเกี่ยวกับชาและกาแฟ การแสดงวัฒนธรรม และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ

การสนับสนุนจากภาครัฐ

รัฐบาลให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมกาแฟอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตและการค้ากาแฟคุณภาพในอาเซียน การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

อนาคตของอุตสาหกรรมชาและกาแฟในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

ด้วยศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติและการสนับสนุนจากภาครัฐ เชื่อว่าอุตสาหกรรมชาและกาแฟในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในตลาดโลกได้

สำหรับ “เทศกาลกาแฟและชาล้านนาตะวันออก 2024 (Eastern Lanna Coffee & Tea Festival 2024)” 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – วันที่ 1 มกราคม 2568 ตั้งแต่ เวลา 16:00 น. ถึง 22:00 น. ณ สิงห์ปาร์คจังหวัดเชียงราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-5973823 (เวลาทำการ 09.00-16.00 น.) หรือที่
Facebook: Eastern Lanna Coffee & Tea Festival
LineOA : @easternlanna
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

AOT เตือนปล่อยโคมเสี่ยงคุก เตือนอันตรายถึงเครื่องบิน

AOT เตือนอันตรายจากการปล่อยโคมลอยช่วงลอยกระทง อาจกระทบเที่ยวบินและความปลอดภัย

[กรุงเทพฯ 11 พฤศจิกายน 2567] บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ออกมาเตือนประชาชนถึงอันตรายจากการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการบินอย่างรุนแรง ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า การปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน พลุ ตะไล บั้งไฟ หรือแม้แต่โดรน อาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานได้หลายประการ เช่น เครื่องบินสูญเสียการควบคุม เกิดอุบัติเหตุ หรือหากโคมเข้าไปในเครื่องยนต์ อาจทำให้เกิดการระเบิดได้ นอกจากนี้ ยังบดบังทัศนวิสัยของนักบินและรบกวนสมาธิในการบิน

อันตรายจากการปล่อยโคมลอย

ดร.กีรติเน้นย้ำว่า การปล่อยโคมลอยเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกและปรับสูงสุด หากก่อให้เกิดความเสียหายต่ออากาศยาน อาจมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต

มาตรการควบคุมการปล่อยโคมลอย

  • เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ: ห้ามปล่อยโคมลอยในเขตพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด
  • พื้นที่อื่นๆ: ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นล่วงหน้า
  • โดรน: ต้องขออนุญาตจากสนามบินหากบินในรัศมี 9 กิโลเมตรจากสนามบิน
  • จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย: กำหนดเวลาและพื้นที่ในการปล่อยโคมลอยอย่างชัดเจน

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายซึ่งเป็นพื้นที่ที่นิยมปล่อยโคมลอย โดยในเขตพื้นที่ความปลอดภัยในการเดินอากาศบริเวณใกล้เคียง ทชม.และ ทชร.และพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1 (พื้นที่สีแดง) ไม่อนุญาตให้ปล่อยโคมลอยไม่ว่าช่วงเวลาใด ซึ่งพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากพื้นที่ดังกล่าวจะต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก่อน

โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดระยะเวลาในการจุดหรือปล่อย คือ สามารถปล่อยโคมลอย โคมไฟได้ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 19.00-01.00 น. และปล่อยโคมควัน (ว่าวฮม) ได้ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. สำหรับจังหวัดเชียงรายสามารถปล่อยโคมลอยได้ในวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 21.00-01.00 น. และปล่อยโคมควันได้ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น.

ผลกระทบต่อเที่ยวบิน

เนื่องจากความเสี่ยงจากการปล่อยโคมลอย สายการบินหลายแห่งจึงตัดสินใจยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปล่อยโคมลอยเป็นจำนวนมาก

AOT สนับสนุนประเพณีลอยกระทง

แม้ว่า AOT จะต้องออกมาเตือนถึงอันตรายจากการปล่อยโคมลอย แต่ก็ยังคงสนับสนุนการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีไทย โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในอาคารผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับบรรยากาศของเทศกาลลอยกระทง

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562
  • พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497
  • พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558
  • ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวทางในการพิจารณาอนุญาตให้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกทำการบินภายในระยะ 9 กิโลเมตรจากสนามบินหรือที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยาน พ.ศ. 2561

สรุป

AOT ขอให้ประชาชนร่วมมือกันงดการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง เพื่อความปลอดภัยในการบินและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากต้องการร่วมสืบสานประเพณีไทย สามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในท่าอากาศยานได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

THE KID เชียงราย กวาด 15 รางวัล เวทีเต้นนานาชาติ TDO 2024

TDO International Dance Competition 2024 สร้างปรากฏการณ์ใหม่ เฉลิมฉลองความสำเร็จของเหล่านักเต้นรุ่นเยาว์

กรุงเทพฯ 10 พฤศจิกายน 2567 – การแข่งขัน TDO International Dance Competition 2024 (TDO:IDC) ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ได้ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีนักเต้นจาก 13 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นการรวมตัวกันของเหล่าสุดยอดนักเต้นรุ่นเยาว์ เพื่อแสดงทักษะและความสามารถทางด้านการเต้นอย่างเต็มที่

เหรียญรางวัลสุดพิเศษ สะท้อนคุณค่าแห่งความสำเร็จ

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ คือ เหรียญรางวัลที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับความทันสมัย สื่อถึงความภาคภูมิใจในศิลปะและวัฒนธรรมไทย เหรียญรางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่น อุตสาหะ และความทุ่มเทของนักเต้นทุกคนที่ได้ฝึกฝนมาอย่างหนัก

เด็กหญิงปุญญพัฒน์ ศรีสุขสวัสดิ์ คว้าเหรียญทอง ประเภทเดี่ยว

ในปีนี้ เด็กหญิงปุญญพัฒน์ ศรีสุขสวัสดิ์ นักเรียนชั้น ป.1/5 โรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) สังกัดโรงเรียนเดอะคิด-เชียงรายบัลเล่ต์ ได้สร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการและผู้ชมด้วยการคว้าเหรียญทองพร้อมถ้วยรางวัลที่หนึ่งในการแข่งขันประเภทเดี่ยว รูปแบบการเต้น CLASSICAL BALLET SOLO (KIDS) ช่วงอายุ 5-6 ปี โดยโรงเรียนเดอะคิด-เชียงรายบัลเล่ต์ ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 18 รายการ และประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม

TDO:IDC มุ่งมั่นพัฒนาทักษะและสร้างแรงบันดาลใจให้นักเต้นรุ่นใหม่

การแข่งขัน TDO:IDC ไม่เพียงแต่เป็นเวทีสำหรับการแข่งขัน แต่ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักเต้นได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และพัฒนาทักษะทางด้านการเต้น นอกจากนี้ ยังเป็นแรงบันดาลใจให้นักเต้นรุ่นใหม่ได้มุ่งมั่นฝึกฝนเพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพ

กล่าวจากผู้จัดงาน

TDO International Dance Competition 2024 กล่าวว่า “เราขอแสดงความยินดีกับนักเต้นทุกท่านที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้ การได้เห็นความสามารถและพัฒนาการของเด็กๆ ทำให้เรามีความสุขและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เราหวังว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักเต้นทุกคน และจะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต”

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมการแข่งขัน

โรงเรียนเดอะคิด-เชียงรายบัลเล่ต์ รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ การได้พบกับเพื่อนๆ นักเต้นจากหลายประเทศ ทำให้ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะของตัวเองมากขึ้น”

ในการแข่งขันครั้งนี้ โรงเรียนเดอะคิด-เชียงรายบัลเล่ต์ ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งหมด 18 รายการ และสามารถคว้าโล่รางวัลชนะเลิศอันดับที่1 , โล่รางวัลชนะเลิศอันดับที่3 และรางวัลเหรียญทอง , เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง จากการแข่งขันทั้งหมด 18 รายการ ดังนี้

  • ด.ญ.ปุญญพัฒน์ ศรีสุขสวัสดิ์ รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 เหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Kids)
  • ด.ญ.พลอยพรรณ พงษ์พัฒชรากร รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 เหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Children)
  • ด.ญ.ปภาณิน พลอยประดิษฐ์ รางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Contemporary Solo (Junior 2) และรางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Modern Jazz Duo (Junior 2)
  • ด.ญ.รัชชวรินทร์ วินิจกิจเจริญ รางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Contemporary Solo (Junior 2) และรางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Modern Jazz Duo (Junior 2)
  • น.ส.จิรัศยาภรณ์ เหลืองอร่าม รางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Contemporary Solo (Junior 2) และรางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Junior 2)
  • ด.ญ.นภนภัสภรณ์ รอบสุรงคคีรี รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Children)
  • ด.ญ.เขมนารา ปัญญางาม รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Children)
  • ด.ญ.ขวัญดารินทร์ ศรีมุกดา รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Children)
  • ด.ญ.เตชิตา เฉยฉิว รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Junior 2)
  • น.ส.รีระพัทธ์ วังใน รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Contemporary Solo (Junior 2)
  • ด.ญ เบญญาภา บ่อสร้าง รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Modern Jazz Duo (Junior 2) และรางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Junior 2)
  • ด.ญ.ปัญตา ปัญสุวรรณ รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Junior 1)
  • ด.ญ.ภัทรชนก ตุงคะศิริ รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Streets Dance Solo (Junior 1)
  • น.ส.กฤตมุขลลิต ก๋าเงิน รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Adult)
  • สุนารี อภิพงศ์ประภา รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Senior)

บทส่งท้าย

การแข่งขัน TDO International Dance Competition 2024 ได้ปิดฉากลงไปด้วยความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับการตอบรับจากนักเต้น ผู้ปกครอง และผู้ชมเป็นอย่างดี การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันเพื่อชิงชัย แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนา ซึ่งจะส่งผลดีต่อวงการเต้นรำของประเทศไทยในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : TDO Thailand / THE KID

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News