Categories
NEWS UPDATE

งดเก็บค่าไฟก.ย. ลด 30% เดือน ต.ค.เยียวยาพื้นที่ประสบน้ำท่วม

 

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ เรื่องของมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับค่าไฟฟ้าในเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม 2567 โดยที่เดือนกันยายน จะไม่เรียกเก็บค่าไฟฟ้า และในเดือนตุลาคมจะให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 30 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

 

นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.ยังได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ในระยะ 2-3 ฟื้นฟูและการพัฒนาศักยภาพฟื้นฟูลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยในระยะที่ 2 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง กันยายน 25661 ตุลาคม 2567 ถึง 30 กันยายน 2568 ส่วนระยะ 3 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ไปจนถึง 30 กันยายน 2569

 

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยอีกว่า จากการเปิดรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ได้สั่งการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะอนุกรรมการ อคส. และ ศปช. ดำเนินการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ 

 

เพื่อใช้สำหรับการรายงานตัวของอาสาสมัคร เพื่อแบ่งหน้าที่ และความรับผิดชอบ และใช้ในการรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้รับคำแนะนำมาว่า การรายงานตัวของอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มีการรายงานซ้ำซ้อน ทำให้เสียเวลา และเตรียมจะใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวในการลงทะเบียนรับเงินเยียวยา และการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ให้เกิดการบูรณาการกัน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในส่วนของภาครัฐ ภาคประชาชน รวมถึงเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย หรือ ปภ. เร่งดำเนินการใช้ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน หรือ Cell Broadcast Service เพื่อให้การเตือนภัยให้ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

เมื่อถามว่าในอนาคตที่จะใช้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในการจ่ายเงินเยียวยา และเช็กสิทธิต่าง ๆ ประชาชนควรโหลดแอปฯ ดังกล่าวเก็บไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้เคยประชาสัมพันธ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้วว่าให้โหลดแอปฯ ดังกล่าวไว้ เพราะนอกจากการลงทะเบียน ยังเป็นการต่อยอดเพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเยียวยา รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ซึ่งรัฐบาลพยายามพัฒนาระบบนี้ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลถึงประชาชนโดยตรงให้ได้มากที่สุด เวลาที่เราจ่ายเงินเพื่อความรวดเร็วในเวลาที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินเยียวยา ก็จะรวดเร็วขึ้น จึงขอให้ประชาชนโหลดแอปฯ ดังกล่าวไว้ และลงทะเบียนใส่ข้อมูลสำคัญให้ครบถ้วน 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทำเนียบรัฐบาล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ยื่นเยียวยาน้ำท่วมออนไลน์ 26 ก.ย.นี้ www.flood67.disaster.go.th

 

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยภายหลังการประชุมชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกรอบวงเงิน 3,045 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ 57 จังหวัดที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 338,391 ครัวเรือน 

อธิบดีปภ.กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานนั้น ให้อำเภอแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลประจำแต่ละหมู่บ้านที่ประสบภัย ทำหน้าที่สำรวจรายชื่อผู้ประสบภัยและการลงทะเบียนพร้อมเพย์ เพื่อส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบ และรับรองข้อมูลเพื่อเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.อ.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งมาให้ปภ.และนำส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงินให้ผู้ประสบภัยต่อไป

นอกจากนี้ ปภ.กำหนดช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือฯ ไว้ 2 ช่องทาง ทั้งแบบ Onsite และ Online โดยแบบ Onsite ประชาชนสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย ส่วนแบบ Online จะดำเนินการยื่นคำร้องและติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ที่ปภ.จัดทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

สำหรับเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน) สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กรณีเป็นบ้านเช่า) และหากเป็นกรณีอื่น อาทิ บ้านพักอาศัยประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน จะต้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามร่วมกัน 2 ใน 3

ผู้ประสบอุทกภัยสามารถยื่นคำร้อง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนการยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.flood67.disaster.go.th ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.นี้ สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร เพื่อให้สามารถรับเงินช่วยเหลือได้โดยเร็ว

โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล่าวถึงการออกการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยรอบ 2 จะหารือกับศปช.วันที่ 25 กันยายน 2567 โดยพยายามให้ศปช.อนุมัติงบเยียวยาให้เร็วที่สุด คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในช่วงสัปดาห์หน้า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เร่งทำบัญชี เป็นรายครัวเรือนไม่ใช่รายบุคคล การเร่งสำรวจน่าจะง่าย และการเยียวยาก็ให้เป็นครัวเรือน

อธิบดีปภ.กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานนั้น ให้อำเภอแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อมูลประจำแต่ละหมู่บ้านที่ประสบภัย ทำหน้าที่สำรวจรายชื่อผู้ประสบภัยและการลงทะเบียนพร้อมเพย์ เพื่อส่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบ และรับรองข้อมูลเพื่อเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.อ.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งมาให้ปภ.และนำส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงินให้ผู้ประสบภัยต่อไป
 
นอกจากนี้ ปภ.กำหนดช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือฯ ไว้ 2 ช่องทาง ทั้งแบบ Onsite และ Online โดยแบบ Onsite ประชาชนสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย ส่วนแบบ Online จะดำเนินการยื่นคำร้องและติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ที่ปภ.จัดทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
 
 
 สำหรับเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน) สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กรณีเป็นบ้านเช่า) และหากเป็นกรณีอื่น อาทิ บ้านพักอาศัยประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน จะต้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามร่วมกัน 2 ใน 3

ผู้ประสบอุทกภัยสามารถยื่นคำร้อง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนการยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.flood67.disaster.go.th ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.นี้ สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร เพื่อให้สามารถรับเงินช่วยเหลือได้โดยเร็ว

โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล่าวถึงการออกการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยรอบ 2 จะหารือกับศปช.วันที่ 25 กันยายน 2567 โดยพยายามให้ศปช.อนุมัติงบเยียวยาให้เร็วที่สุด คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นในช่วงสัปดาห์หน้า

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เร่งทำบัญชี เป็นรายครัวเรือนไม่ใช่รายบุคคล การเร่งสำรวจน่าจะง่าย และการเยียวยาก็ให้เป็นครัวเรือน

ส่วนที่มอบหมายให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณไปพิจารณา คือเรื่องการเยียวยาใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เป็นเพียงกรอบวงเงิน แต่เรื่องการสำรวจเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย และตนก็ได้ให้แนวทางไปแล้วว่า เพราะมีประกาศเขตประสบภัยพิบัติเป็นพื้นที่อำเภอ ก็เยียวยาตามหลังคาเรือนไป

สำหรับพื้นที่ประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วม 57 จังหวัดครอบคลุม กระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นนทบุรี นครนายก นครปฐม นครพนม นครสวรรค์ นครราชสีมา นครศรีธรรมราช น่าน บึงกาฬ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พังงา พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่อง สอน ยะลา ระยอง ราชบุรี ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุทัยธานี อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี

ขณะที่การให้ความช่วยเหลือตามมมติ ครม. แบ่งออกเป็น 3 กรณี 

  • บ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังตั้งแต่ 1 วัน (24 ชั่วโมง) แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินเสียหาย รวมถึงกรณีน้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท
  • บ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 7,000 บาท
  •  กรณีบ้านที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 60 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท

โดยต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 มาตรา 30 และจะต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ที่ประสบสาธารณภัย

รวมถึงจะต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

จระเข้ลำพูน กว่า 100 ตัว ถูกเชือดหลังฝนตกอย่างหนักหวั่นกำแพงพัง

 

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ทางคุณ “เอ็กซ์ วัวหันอินเตอร์” ตัดสินใจครั้งใหญ่ในการนำจระเข้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่เลี้ยงไว้กว่า 17 ปีออกจากบ่อทั้งหมด โดยมีสาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่ปีนี้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าฝนจะตกเพิ่มขึ้นอีก จึงต้องทำการป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดผลกระทบรุนแรง โดยคุณเอ็กซ์ได้ปรึกษาครอบครัวและคนใกล้ชิด มีมติเอกฉันในการจัดการดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ยากและทำให้เกิดความรู้สึกเสียดายก็ตาม เนื่องจากในปีหน้า จะไม่มีการเก็บไข่จระเข้หรือทำคลอดจระเข้เหมือนที่ทำมาทุกปี

ช่วงที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักทำให้กำแพงบ่อเลี้ยงจระเข้ที่บ้านสันคะยอม ต.มะเขือแจ้ อ.เมือง จ.ลำพูน พังลงบางส่วน ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ฝนที่ตกซ้ำอาจทำให้กำแพงพังทั้งหมด ส่งผลให้จระเข้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์กว่า 100 ตัวอาจหลุดออกสู่ลำน้ำสาธารณะได้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจสร้างอันตรายให้กับชุมชน คุณเอ็กซ์จึงตัดสินใจเชือดจระเข้ทั้งหมดและนำไปเก็บในห้องเย็นเพื่อจำหน่ายต่อไป

นายณัฐพากษ์ ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ที่เร่งด่วน แม้จะเจ็บปวดเพราะจระเข้เหล่านี้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เริ่มฟาร์มกว่า 17 ปี คิดเป็นมูลค่ารวมระหว่าง 1,000,000 – 1,500,000 บาท ในฟาร์มมีจระเข้ทั้งหมดประมาณ 700 ตัว แต่จระเข้ที่ต้องจัดการเร่งด่วนมี 125 ตัว ซึ่งการขนย้ายและเชือดจระเข้เหล่านี้ใช้เวลาเนื่องจากฝนตกหนักทำให้การทำงานลำบากมาก

นายณัฐพากษ์ยังเสริมว่า หากไม่ตัดสินใจครั้งนี้แล้วเกิดเหตุการณ์วิกฤติขึ้น ก็จะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ สภาพกำแพงที่พังลงอาจจะทำให้จระเข้หลุดออกสู่สาธารณะ จึงจำเป็นต้องทำการจัดการโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ณัฐพากษ์ คำกาศ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย เร่งฟื้นฟูน้ำท่วมช่วยเหลือประชาชนกลับสู่สภาพปกติ

 

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครเชียงรายได้เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการยกและขนย้ายสิ่งของหนักที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หลังจากที่ระดับน้ำกกล้นตลิ่งได้เริ่มลดลงในแต่ละชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งเป็นผลมาจากฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก่อให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทั้งในชุมชนเมืองและพื้นที่ใกล้แม่น้ำกก

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้มอบหมายให้นายประพันธ์ ช่างแก้ว หัวหน้าฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครเชียงราย เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ โดยการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านที่มีน้ำท่วมสูงเป็นเวลาหลายวัน

การเข้าช่วยเหลือในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การยกและขนย้ายสิ่งของหนักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม โดยทีมเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังทำความสะอาดลานบ้าน ถนน และทางเดินเท้าภายในชุมชน เพื่อทำให้สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด

นอกจากการเคลื่อนย้ายสิ่งของและการฟื้นฟูพื้นที่แล้ว ทีมงานยังได้ตรวจสอบและประเมินความเสียหายของทรัพย์สินต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าดำเนินการซ่อมแซมและฟื้นฟูได้อย่างเหมาะสมต่อไป นายกเทศมนตรีนครเชียงรายได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือในการทำงานอย่างเต็มที่

ในขณะนี้ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครเชียงรายยังคงดำเนินการต่อเนื่องในการเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ที่ยังคงมีความเสี่ยงจากน้ำท่วม โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ติดกับแม่น้ำกก ซึ่งแม้ว่าน้ำจะเริ่มลดลงแล้ว แต่บางจุดยังมีน้ำขังอยู่ ทำให้การฟื้นฟูต้องดำเนินการไปพร้อมกับการเฝ้าระวังระดับน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

การฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในครั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ เนื่องจากน้ำท่วมในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ประชาชนที่ได้รับความเสียหายได้รับการช่วยเหลือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มอาสาสมัครที่เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

รองผู้ว่าฯ เชียงราย ร่วมพิธีวันมหิดล วางพวงมาลาถวายสักการะ

 

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ปรีชา สุนทรานันท์ คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ ผู้แทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะเนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2567 ณ ห้องประชุม ชั้น 15 อาคารสำนักวิชาแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย วางพวงมาลาถวายสักการะ พร้อมด้วยหน่วยงานส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ แพทย์ พยาบาล เข้าร่วมพิธี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน และการสาธารณสุขของไทย” 
    
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (สมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2434 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2472 พระชนมายุ 38 พรรษา ทรงเป็นต้นราชสกุล มหิดล ณ อยุธยา

          เมื่อครั้งยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยอย่างไพศาล โดยเฉพาะในด้านการแพทย์และการสาธารณสุขทรงอุทิศกำลังพระวรกายและพระหฤทัย ตลอดจนทรัพย์สินส่วนพระองค์เพื่อการแพทย์ไทยอย่างมากมาย ทรงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ทรงช่วยเหลือในการขยายกิจการของโรงพยาบาลศิริราช พระราชทานเงินสร้างตึกคนไข้ พระราชทานทุนส่งนักเรียนแพทย์และนักเรียนพยาบาลไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เป็นผลทำให้กิจการแพทย์และสาธารณสุขของไทยเจริญก้าวหน้า บรรดาผู้ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณได้พร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญาว่า “พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย” และเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นวันครบ 100 ปี วันพระราชสมภพ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ การแพทย์ การพยาบาลและการสาธารณสุข ต่อมาวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เนื่องในโอกาสวันพระราชสมภพครบ 120 ปี กระทรวงศึกษาธิการได้ถวายพระราชสมัญญาว่า “พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ปภ. จับมือ กสทช. ยกระดับแจ้งเตือนภัยผ่าน SMS แบบเจาะจงพื้นที่

 

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ จึงได้กำชับให้เร่งยกระดับการแจ้งเตือนประชาชนรับมือภัยพิบัติ เพื่อลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ตนจึงได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับแจ้งเตือนภัยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระดับตำบล/หมู่บ้าน ให้ครบทุกมิติ ทั้งวัน เวลา สถานที่ ระดับความรุนแรง รวมถึงแนะนำการปฏิบัติตัวให้ปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที โดยมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นผู้จัดทำข้อมูล และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจสังคม กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) สนับสนุน และจัดส่งให้ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) ประสานไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้ง AIS True และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) วางแนวทางการส่งข้อความการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS)

โดยนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า ทันทีที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ ได้รับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลและส่งข้อความแจ้งเตือนภัยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำการส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของประชาชนอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยมีการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบข้อความสั้น (SMS) 2 รูปแบบ ทั้งการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า 12- 24 ชั่วโมง และการแจ้งเตือนภัยแบบฉุกเฉิน 6 -12 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่จะใช้ระดับการแจ้งเตือนภัยตามที่แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติกำหนด (5 ระดับ) ภายหลังการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่และสถานการณ์ความเสี่ยงภัยแล้วจะทำการส่งข้อความตามเกณฑ์ตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป ดังนี้ 

1. ระดับ 3 (สีเหลือง) ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และเตรียมพร้อมอพยพกลุ่มเปราะบาง 
2. ระดับ 4 (สีส้ม) ให้อพยพและปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ให้อพยพกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่น้ำท่วม และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง 
และ 3. ระดับ 5 (สีแดง) ต้องอพยพและปฏิบัติตามข้อสั่งการทันที ซึ่งการแจ้งเตือนภัยผ่านข้อความ SMS ขณะนี้พร้อมดำเนินการได้ทันที

ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง หากมีประกาศแจ้งเตือนภัยหรือได้รับข้อความ SMS แจ้งเตือนภัยจาก ปภ. ขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนสำนักนายกรัฐมนตรี 1111 สายด่วนมหาดไทย 1784 และ 1567 สายด่วนนิรภัย 1784 และทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้จากกรมประชาสัมพันธ์ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ NBT และออนไลน์ทางเพจ NBT Connext

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพยุว อสม.ต้านภัยบุหรี่ไฟฟ้า

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พบปะเด็กและเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพยุว อสม.ต้านภัยบุหรี่ไฟฟ้า (ANTI-ELECTRIC CIGARETTED) และโครงการส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย กิจกรรม “Safe Sex Safe Me” ณ โรงแรมลักษวรรณ รีสอร์ท อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทยและองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในโทษและพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีอิทธิพลต่อวัยรุ่นในปัจจุบันและเพื่อลดสถิติการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงรายที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จากสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 สำรวจคนไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไป จำนวน 57 ล้านคน พบว่ามีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 80,000 คน ในจำนวนนี้ มีมากกว่าครึ่งเป็นเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 15-24 ปี สอดคล้องกับข้อมูลผลการสำรวจภาวะสุขภาพนักเรียนในไทย ปี 2564 
 
โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แล้ว 13.6% ซึ่งการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในหลายด้าน เช่น ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือดและสมอง ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายภายใต้ อบจ.เชียงราย ได้เล็งเห็นปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนในจังหวัดเชียงรายที่มีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้เคียงสถานศึกษา ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย จึงได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพยุว อสม.ต้านภัยบุหรี่ไฟฟ้า (ANTI-ELECTRIC CIGARETTED) ขึ้น
 
และโครงการส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย กิจกรรม “Safe Sex Safe Me” จากข้อมูลผลสำรวจจากกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในการเฝ้าระวัง พฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัยของเด็กและเยาวชน ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 1– 31 ม.ค. 2567 จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 15,425 คน เป็น ชาย 6,685 คน หญิง 7,926 คน และผู้มีความหลากหลายทางเพศ 814 คน พบว่าเด็กและเยาวชนมีประสบการณ์เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเฉลี่ย 16.5 ปี และอายุต่ำสุดที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก อายุ 12 ปี พบกลุ่มตัวอย่างกว่าครึ่ง เคยมีเพศสัมพันธ์ 7,847 คน ในจำนวนนี้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ร้อยละ 43 ใช้บางครั้งและเกือบทุกครั้ง ร้อยละ 33 และไม่ใช้เลย ร้อยละ 24 จังหวัดเชียงรายตั้งเป้าหมายเป็นจังหวัดยุติเอดส์ในปี 2573 จังหวัดเชียงรายได้กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนปัญหาเอดส์จังหวัดเชียงราย ดังนี้ 
 
1.ลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ รณรงค์ สร้างความเข้าใจให้ประชาชนทั่วไปในเรื่องเอชไอวี พร้อมจัดบริการที่เป็นมิตร ให้การปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี ส่งเสริมสถานศึกษาให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา ทักษะชีวิตอนามัยการเจริญพันธุ์ 
 
2.ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวี รักษาผู้ติดเชื้อทุกคนด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี โดยเริ่มยาให้เร็วและตรวจวินิจฉัยติดตามทารกที่คลอดจากแม่ติดเชื้อ สนับสนุนให้ผู้ติดเชื้อกินยาสม่ำเสมอตลอดชีวิต ลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวีและเพศสภาวะ 
 
โดยไม่มีการบังคับตรวจหาเชื้อเอชไอวี และต้องไม่เอามาเป็นเงื่อนไขในการรับสมัครหรือให้ออก เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานหรือเข้าเรียน หรือประกอบการเลื่อนตำแหน่ง เพื่อให้บุคคลเข้ารับการอุปสมบทได้ โดยไม่ต้องใช้ผลตรวจเอชไอวี และส่งเสริมให้ลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในชุมชน 
 
จึงได้จัดโครงการสร้างแกนนำเยาวชนนักรณรงค์บุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา ขึ้น เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการให้บริการถุงยางอนามัยของเด็กและเยาวชน สร้างความตระหนักรู้ความสำคัญของการใช้ถุงยางอนามัย ผลักดันให้เกิดนโยบายและแผนการดำเนินงานส่งเสริมการเข้าถึงถุงยางอนามัยในระดับจังหวัด ซึ่งนำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เด็กและเยาวชนสามารถพก ใช้ และซื้อถุงยางอนามัยได้อย่างไร้ความกังวล
 
เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการให้บริการถุงยางอนามัยของเด็กและเยาวชน สร้างความตระหนักรู้ความสำคัญของการใช้ถุงยางอนามัย ผลักดันให้เกิดนโยบายและแผนการดำเนินงานส่งเสริมการเข้าถึงถุงยางอนามัยในระดับจังหวัดทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการให้บริการถุงยางอนามัยมากขึ้นเด็กและเยาวชนตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการใช้ถุงยางอนามัย เกิดนโยบายและแผนการดำเนินงานส่งเสริมการเข้าถึงถุงยางอนามัย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงราย ระดมทุกภาคส่วน Big Cleaning จบใน 29 กันยายนนี้

 

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2567 เวลา 16.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินถล่มจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานฟื้นฟูและการให้ความช่วยเหลือประชาชน ตามแผนที่วางไว้เพื่อนำปัญหา อุปสรรค มาปรับแผนใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานในวันต่อไปได้อย่างมีประสิทธิสูงสุด โดยมี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัดเชียงราย ท้องถิ่นจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานหลัก ทั้ง มทบ.37 กอ.รมน. ตร.ภูธรจังหวัด นายอำเภอเมือง ปลัด อบจ. ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ผอ.ศูนย์ ปภ เขต 15 ผู้แทน สสจ.เชียงราย โยธาธิการจังหวัด โครงการชลประทาน ทสจ. ผจก.ไฟฟ้า ผจก.ประปา แขวง ทล 1 แขวง ทช ประชาสัมพันธ์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เข้าร่วมประชุม

โดยที่ประชุม ได้นำประเด็นปัญหา อุปสรรคในการดำเนินงานฟื้นฟูฯ Big Cleaning มาหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไข พร้อมทั้งวางแนวทางการทำงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งการดำเนินงานในวันต่อไปยังคงเน้นการแบ่งพื้นที่เป็น 4 โซนการทำงาน กำหนดพื้นที่ดำเนินการ อำเภอเมืองเชียงราย แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ ในและนอกเขตเทศบาลนครเชียงราย จำนวนทั้งสิ้น 8 โซน กำหนด D-Day ทำความสะอาดเขตพื้นที่เทศบาลนครเชียงราย ในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2567 กำหนดพื้นที่ดำเนินการ อ.แม่สาย แบ่งเป็น 4 โซน อ.เมืองเชียงราย แบ่งออกเป็น 4 โซน ทั้งในและนอกเขตเทศบาลนครเชียงราย ได้แก่ ชุมชนป่าแดง ชุมชนวังดิน ชุมชนแควหวาย และชุมชนฝั่งหมิ่น ทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ สำหรับการล้างทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชนมุ่งเน้นช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเอง ทำความสะอาดบ้านเรือนด้วยตนเองไม่ได้ เป็นลำดับแรก เช่น ผู้สูงอายุ บุคคลทุพพลภาพ ผู้พิการ ที่อยู่เพียงลำพัง ผู้มีภาวะร่างกายอ่อนแอ มีปัญหาทางด้านสุขภาพ และผู้ยากไร้ เป็นต้น ส่วนนอกเขตเทศบาลนครเชียงราย 4 โซน ได้แก่ ต.ดอยฮาง ต.แม่ยาว ต.ริมกก และ ต.บ้านดู่
 
สำหรับการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทำความสะอาดมาแล้วก่อนหน้านี้ พบว่าในบางโซนได้ดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และในบางโซนยังเกิดปัญหาความล่าช้าเนื่องจากการขาดแคลนเครื่องจักร และการจัดเก็บสิ่งของ หรือขยะของประชาชน มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบางส่วนประชาชนยังนำออกจากตัวบริเวณบ้านมาไม่หมด และสิ่งสำคัญคือปัญหาดินโคลนซึ่งพบว่ามีดินโคลนที่อุดอยู่ในท่อ ทำให้ท่ออุดตัน ซึ่งจะก่อให้เกิดการระบายของนำและสิ่งปฏิกูลลงสู่ท่อระบายขนาดใหญ่ได้ล่าช้า เนื่องจากบางจุดยังมีดินโคลนเข้าไปอุดตัน จำเป็นต้องมีการเร่งระบายทุกช่องทาง ส่วนนอกเขตเทศบาลนครเชียงราย 4 โซน ได้แก่ ต.ดอยฮาง ต.แม่ยาว ต.ริมกก และ ต.บ้านดู่
 
ผู้ว่าฯ เชียงราย ยังได้ให้แนวทางเรื่องการฟื้นฟู และการช่วยเหลือประชาชนว่า ให้ดำเนินการต่อไปจนกว่าจะจบภารกิจ และให้ทางเทศบาลนครเชียงรายดำเนินการต่อตามภารกิจ พร้อมทั้งการดูแลสุขภาพประชาชน โดยสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย จัดทีมแพทย์เคลื่อนที่เชิงรุกเข้าหาชุมชน ให้เข้าถึงชาวบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นการด่วน อีกทั้งได้แนะแนวทางการขยายจุด Fix It Center ของอาชีวศึกษา ในการเปิดจุดบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ให้ทั่วถึง เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในเบื้องต้นด้วย
 
ด้าน กรมควบคุมมลพิษ ได้ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) สำนักงาน ทสจ.เชียงราย เร่งสำรวจหาพื้นที่ขุดหลุมบ่อขยะใหม่เพื่อรองรับขยะหลังน้ำลดทั้งของ อ.เมืองเชียงราย และ อ.แม่สาย ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสะดวกต่อการขนย้าย โดยให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารด้านการบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ทั้งไฟฟ้าและประปา ให้ประชาชนรับทราบถึงสถานการณ์ มาตรการและช่องทางการให้ความช่วยเหลือ และแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้การดำเนินการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะและการกำจัดขยะที่ประชาชนนำมากองไว้ริมถนนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีการมอบหมายให้ตำรวจจราจรจัดทำแผนจราจรและเพิ่มกำลังพลในการจัดระเบียบจราจรขณะปฏิบัติการทำความสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดปฏิบัติการที่ดำเนินการในเวลากลางคืน ให้ดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และอำนวยความสะดวกให้เป็นพิเศษ อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

Polar เชียงราย ฟื้นตัวหลังน้ำท่วม ชวนอุดหนุนอีกหนึ่งร้านดังในท้องถิ่น

 

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้มีโอกาสพูดคุยกับร้าน Polar Boulangerie and Patisserie (โพลาร์ บูแลงเกอรี่ แอนด์ พาทิซเซอรี่) เชียงราย หลังจากที่ประสบอุทกภัยจากน้ำท่วมในช่วงวันที่ 11 กันยายน 2567 ซึ่งน้ำจากแม่น้ำกกได้ไหลเข้าท่วมบริเวณสะพานหนองด่าน สะพานข้ามแม่น้ำกก บ้านป่าอ้อ-บ้านหนองด่าน เป็น 1 ใน 6 สะพานข้ามแม่น้ำกกในบริเวณตัวเมืองเชียงราย  ที่เจอปัญหาเดียวกัน คือ น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ทำให้เชิงลาดสะพานน้ำท่วม รถผ่านไม่ได้

 

และอีกหนึ่งร้านที่อยู่ติดประเวณสะพานคือ Polar Boulangerie and Patisserie (โพลาร์ บูแลงเกอรี่ แอนด์ พาทิซเซอรี่) เชียงราย ร้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก คุณเอ๋ เจ้าของร้านให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า “น้ำท่วมเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เราหาข่าวเองจากโซเชียล ตอนนั้นเก็บของทันแค่บางส่วน วัตถุดิบในตู้เย็นเสียทั้งหมด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เตรียมขายก็เสียหาย แต่โชคดีที่น้องๆ พนักงานช่วยกันเก็บของและทยอยนำไปเก็บที่อื่น หลังจากที่น้ำเริ่มลดลงในวันที่ 14 กันยายน ทีมงานร้านก็เริ่มล้างโคลนและฟื้นฟูพื้นที่ แต่จุดที่หนักที่สุดคือบริเวณสต๊อกสินค้าและโกดังเก็บบรรจุภัณฑ์ที่น้ำท่วมสูงถึงระดับเอว ส่งผลให้ความเสียหายรวมประมาณ 500,000 – 700,000 บาท

 

 
“ตอนนี้ร้านกลับมาเปิดให้บริการแล้ว แต่ยังไม่ 100% เพราะยังต้องซ่อมแซมบริเวณที่นั่งภายนอกและลานจอดรถ ส่วนในร้านที่ท่วมสูงถึงหน้าแข้งก็ทำความสะอาดไปได้ครึ่งทาง เหลือโคลนในบางจุดที่ยังไม่สามารถเคลียร์ได้ และเป็นกังวลเกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม เพื่อมาใช้ในการซ่อมแซมร้านและซื้อวัตถุดิบที่เรียกได้ว่าเสียหายมากที่สุด”  คุณเอ๋กล่าวเพิ่มเติม
 

ทางสำนักข่าวนครเชียงรายอยากเชิญชวนให้ นักท่องเที่ยวมาอุดหนุนร้านในช่วงฟื้นฟูนี้ เพื่อให้ร้าน Polar Boulangerie and Patisserie ยังคงเป็นหนึ่งในร้านเบเกอรี่ที่ดีของเชียงราย”

 

 ร้าน Polar Boulangerie and Patisserie เป็นร้านเบเกอรี่เล็กๆ แต่คุณภาพสูง ด้วยเมนูขนมอบหลากหลาย ทั้งจากวัตถุดิบในประเทศและต่างประเทศ อาหารทุกชนิดปลอดสารกันเสีย นอกจากนี้ยังมีเมนูกาแฟอาราบิก้าคุณภาพดีที่ปลูกและคั่วในเชียงรายเอง บรรยากาศของร้านเงียบสงบ อบอุ่นเหมือนนั่งจิบกาแฟอยู่ในบ้านส่วนตัว
 

พิกัดร้านเปิดทุกวัน
https://g.co/kgs/1Kef6EU
ที่ตั้ง: 266 หมู่ 1 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์: 087-366-9366
เวลาเปิด-ปิด :  08:00 – 16:30 น.

เชิญชวนทุกท่านมาช่วยอุดหนุนร้านเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูร้านเบเกอรี่ที่ได้รับรางวัล USER’S CHOICE ติดต่อกันหลายปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เครื่องฉีดน้ำพระราชทาน ทำความสะอาด ช่วยน้ำท่วมเชียงราย ฟื้นฟูเร็วขึ้น

 

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2567 พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย โดยได้มีการนำเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงพระราชทาน จำนวน 100 เครื่อง ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจเพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย การใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงเป็นการช่วยล้างดินโคลนที่ทับถมในตรอก ซอย ถนน และตามบ้านเรือนประชาชน ช่วยทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะต่างๆ อาทิ วัด โรงเรียน และสถานที่ราชการ ซึ่งการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ได้รับความชื่นชมจากชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ที่ทรงห่วงใยและทรงติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลโท นพดล ปิ่นทอง รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ จำนวน 100 ชุด เพื่อนำไปช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในอำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชกระแสชื่นชมจิตอาสาทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ และสามารถลดความรุนแรงของสถานการณ์ให้คลี่คลายลงตามลำดับ โดยในขณะนี้ ปริมาณน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ เริ่มลดลง ประชาชนสามารถกลับเข้ามาฟื้นฟูบ้านเรือนของตนเอง แต่ยังคงเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากมีดินโคลนที่ทับถมอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้การทำความสะอาดต้องใช้เวลานาน และขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็น

พระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงครั้งนี้ ถือเป็นความช่วยเหลือที่สำคัญในการเร่งทำความสะอาดพื้นที่ต่าง ๆ อาทิ บ้านเรือนประชาชน วัด สถานที่ราชการ และถนนหนทาง ช่วยลดภาระในการทำงานและทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และยังเป็นการแสดงถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติครั้งนี้

การนำเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงพระราชทานเข้าช่วยเหลือครั้งนี้ สร้างรอยยิ้มและความหวังให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยประชาชนหลายคนแสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและความเสียสละของจิตอาสาทุกคนที่ลงพื้นที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ การดำเนินการฟื้นฟูยังคงต้องดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชุมชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News