Categories
CULTURE WORLD PULSE

การค้นพบโบราณวัตถุสำคัญ จากดอนเผิ้งคำ เมืองต้นผึ้ง ส.ป.ป.ลาว

 
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเพจภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร โพสต์ข้อมมูลเกี่ยวกับการค้นพบกลุ่มโบราณวัตถุจากดอนเผิ้งคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ส.ป.ป.ลาว ได้รับความสนใจจากผู้ที่สนใจทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยขนาดใหญ่ที่สร้างกระแสในหมู่ผู้สนใจจำนวนมาก โดยศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ชัย สายสิงห์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ให้ความเห็นจากการพิจารณาหลักฐานดังกล่าวผ่านข้อมูลสื่อโซเชียลว่า เบื้องต้นในภาพรวมของกลุ่มพระพุทธรูปเป็นศิลปะล้านนาสกุลช่างเชียงแสน แบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างกว้างๆ คือ:
  1. กลุ่มที่มีพระพักตร์กลม พระวรกายอวบอ้วน กำหนดอายุได้ในต้นพุทธศตวรรษที่ 21
  2. กลุ่มที่พระพักตร์ออกเสี้ยมยาว พระวรกายเริ่มแข็งกระด้าง มีอายุในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ซึ่งกลุ่มหลังนี้อาจมีอิทธิพลต่อศิลปะล้านช้างต่อไปด้วย

พระพุทธรูปสกุลช่างเชียงแสนพบแพร่หลายในเขตเชียงแสน เชียงของ และชุมชนในลุ่มแม่น้ำอิง สำหรับพระพุทธรูปที่ค้นพบเมื่อเดือนมีนาคม 2567 นั้น จากรูปแบบและบริบทร่วมแล้วเป็นหลักฐานชั้นต้น ซึ่งอาจเกิดจากการพังทลายของวัดด้วยการกัดเซาะของแม่น้ำโขงและถูกทับถมในชั้นทรายไว้

 

พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่พบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 นั้น พุทธศิลป์ดูเป็นพระพุทธรูปล้านนาในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 21 แต่ส่วนฐานมีรูปแบบที่น่าสงสัยเพราะเป็นการประดับเสาอิงเรียงเป็นแถว ไม่เคยพบในระเบียบของพระพุทธรูปล้านนาหรือล้านช้างมาก่อน อาจเป็นไปได้ว่าถูกเคลื่อนย้ายมาจากแห่งอื่น รัศมีที่หล่อแยกชิ้นกับองค์พระดูเป็นโลหะที่ต่างสีกันชัดเจน

 

แหล่งที่พบนี้อาจเป็นวัดที่มีการใช้งานในพุทธศตวรรษที่ 21 เรื่อยมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 22-23 เนื่องจากพบหลักฐานที่มีรูปแบบศิลปกรรมหลายสมัย เช่น เสาวิหารที่มีปูนปั้นประดับลวดลายมีเค้าของศิลปะพม่า และจารึกที่พบล่าสุดซึ่งมีผู้ปริวรรตอ่านได้ศักราชตรงกับช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แสดงว่าแม้เมืองเชียงแสนตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าหรือทิ้งร้างไปแล้ว ชุมชนทางฝั่งดินแดนประเทศลาวยังมีการอยู่อาศัยกันสืบมา โดยความสัมพันธ์นี้น่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับเมืองเชียงแสนและเมืองสุวรรณโคมคำ ซึ่งเป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมล้านนาที่ปัจจุบันอยู่ริมแม่น้ำโขงฝั่ง ส.ป.ป.ลาว ห่างลงไปราว 10 กิโลเมตร

 

น่าสังเกตว่าการค้นพบกลุ่มพระพุทธรูปสำคัญนี้ เป็นการดำเนินการขุดหาโดยไม่มีกระบวนการทางโบราณคดีมารองรับ ทำให้ขาดบริบทในการวิเคราะห์ตีความไปอย่างน่าเสียดาย

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ชัย สายสิงห์ / Art and culture of Laos / ขัตติยะบารมี ขัตติยะบารมี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

โครงการกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2567

 
เมื่อวันพุธที่ 22 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ณ วัดพระแก้ว พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย  พระรัตนมุนี (ปุณณมี วิสารโท, ผศ.ดร.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ดำเนินงานโครงการกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2567 โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส

 

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ คณะสงฆ์วัดพระแก้ว พระอารามหลวง พร้อมด้วยคณะศรัทธาและพุทธศาสนิกชน เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย การมีส่วนร่วมกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในมิติศาสนา บำเพ็ญบุญกุศล เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง สังคม และประเทศชาติ ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญ ดังนี้

  1. การทำวัตรเช้า สวดมนต์ไหว้พระรัตนตรัย
  2. พิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2567
  3. การแสดงธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ โดย พระครูสุธีสุตสุนทร (สมพงษ์ สิริมงฺคโล) ดร. เจ้าอาวาสวัดพระแก้ว พระอารามหลวง เรื่อง ความสำคัญของวันวิสาขบูชา “ประสูต ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระโคตมพุทธเจ้า)
  4. การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
  5. กิจกรรมปฏิบัติธรรม และรักษาศีล
  6. การเจริญจิตภาวนา และแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย

  นอกจากนี้จะประกอบพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป    

 

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการนายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ นางสาวสุทธิดา ตราชื่นต้อง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ นายสานุพงศ์ สันทราย นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ นายสุพจน์ กันติ๊บ นักวิชาการวัฒนธรรม และเจ้าหน้าที่กลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมดำเนินการจัดกิจกรรมตามโครงการฯ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดงาน รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่พุทธศาสนิกชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรมโครงการฯ

 

 ความสำคัญของวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง “เป็นวันพระพุทธเจ้า” เนื่องจากเป็นวันที่เจ้าชายสิทธัตถะ หลังจากออกผนวชแล้ว ทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง วันนี้ จึงให้พวกเราบำเพ็ญบารมี 10 ทัศ โดยเฉพาะ ทานบารมี เราได้ใส่บาตร ตามรอยนางวิสาขา อนาธิกบัณฑเศรษฐี สร้างบารมีให้เกิดบุญกุศลขึ้นกับตนเอง ๆ พระองค์ทรงรู้แจ้งเห็นจริง ในสิ่งที่ทำให้ชีวิตมนุษย์เป็นทุก เกิดความเดือดร้อน 3 ประการ คือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง โดยให้สร้างบารมี และกำจัดความทุกข์นี้ด้วย “ปัญญา” พระองค์ทรงเทศนาสั่งสอนปัญจวัคคี ด้วยธรรมจักรกัปวัฒนสูตร ในวันวันมาฆบูชา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทำให้อัญญาโกณฑัณญะ บรรลุธรรม พระองค์ท่านใช้เวลาเผยแผ่ธรรมะ ถึง 45 ปี 84,000 คำสอน ย่อลงมาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เกิดความเข้าใจในชีวิต นั่นคือ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” นั่นเอง       

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ม่วนจอย เดินจิม ผลไม้ถิ่น สับปะรดลิ้นจี่เจียงฮาย ปี 67

 

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 67 ที่สวนตุงและโคมนครเมืองเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการตลาดประชารัฐของดีนครเชียงราย 2567 “ม่วนจอย เดินจิม ผลไม้ถิ่น สับปะรดลิ้นจี่เจียงฮาย” โดยมีนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน ตลอดจนประชาชน เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

 

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า เทศบาลนครเชียงราย ได้เห็นความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาตลาดประชารัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมการตลาดให้กับผู้ประกอบการ กลุ่มอาชีพและกลุ่มเกษตรกรให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง จึงได้จัดทำโครงการตลาดประชารัฐของดีนครเชียงรายประจำปี 2567 กิจกรรม “ม่วนจอย เดินจิม ผลไม้ถิ่น สับปะรดลิ้นจี่เจียงฮาย” เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรผลไม้ และสินค้าประจำจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สามารถกระตุ้นการบริโภคและการขยาย ธุรกิจอันจะนำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับเกษตรกร ชุมชน และผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจของภาคการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดเชียงราย ให้เติบโต เพื่อสร้างพื้นที่ให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคมาพบกันอย่างเป็นธรรมชาติตามแนวทางตลาดประชารัฐ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนจัดทำตลาดนัดท้องถิ่นสีเขียว โดยการจำหน่ายสินค้าและบริการที่หลากหลายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
 
 
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและพัฒนา ผลิตผลทางการเกษตรโดยเฉพาะลิ้นจี่และสับปะรด ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยเป็นการบูรณาการร่วมกับจังหวัดเชียงราย สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย และหน่วยงานภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการตลาด กระตุ้นการบริโภค และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเกิดการรวมกลุ่มอาชีพที่หลากหลาย มีอาชีพเสริมเพิ่มพูนรายได้ เกิดการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน นำสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนหมุนเวียนในชุมชน ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง พร้อมกล่าวต่อไปว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้นที่มีนโยบายและมีเจตคติที่ดี ต่อการพัฒนาความอยู่ดี กินดีของประชาชน ในการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรผลไม้ สินค้าประจำจังหวัดเชียงราย และสินค้าพื้นบ้าน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายผลผลิตต่างๆ
 
 
ทั้งนี้มีการจำหน่ายสินค้าทางด้านเกษตร ผักปลอดสารพิษ ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย สินค้า OTOP จากวิสาหกิจชุมชน สินค้าพื้นบ้าน พื้นเมือง สินค้าขึ้นชื่อประจำ จังหวัดเชียงราย รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ การร่วมบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย และเกษตรจังหวัดเชียงรายในการออกร้านสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดและสินค้าเกษตรแปรรูปมากกว่า 100 ร้าน อีกทั้งภายในงานยังมีกิจกรรมบันเทิง วงดนตรีจากศิลปินในท้องถิ่น กิจกรรมส่งเสริมการขายและลด แลก แจก แถมโปรโมชั่นต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าเป็นระยะเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 22-26 พฤษภาคม 2567
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

จังหวัดเชียงราย ส่งแม่ดีเด่น 2 ราย เป็นตัวแทนสู่ระดับประเทศ ประจำปี 2567

 

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 ที่ห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 โดยมีคณะกรรมการฯเข้าร่วม เพื่อร่วมพิจารณาในการคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดเชียงราย โดยมีแม่ดีเด่นที่เข้ารับการคัดเลือกทั้งหมดจำนวน 13 ราย และคณะกรรมการฯ จะคัดเลือกในครั้งนี้เพียง 2 ราย เพื่อสู่การคัดเลือกในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อยกย่อง และเผยแพร่เกียรติคุณผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นแม่แห่งชาติให้ปรากฏแก่สาธารณชน

 

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปถัมภ์ ได้กำหนดจัดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 เพื่อเทิดทูนและเผยแพร่พระเกียรติคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแม่แห่งชาติ เพื่อเผยแพร่พระคุณและบทบาทของแม่ ที่มีต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติ เพื่อยกย่องแม่ดีเด่น และลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่
 
 
สำหรับหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2567 แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้ 
 
1) แม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม คัดเลือกจากแม่ที่บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นและสังคม ด้วยความเสียสละ มีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เป็นแบบอย่างได้ เป็นผู้มีความประพฤติดี มีคุณธรรมและจริยธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม ให้การดูแลบุพการีและทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีโดยไม่บกพร่อง รวมทั้งทำหน้าที่ของแม่ที่ดี ให้การอบรมเลี้ยงดูลูกให้มีการศึกษา มีความประพฤติดี และมีอาชีพสุจริต 
 
2) แม่ผู้มีความมานะอดทนขยันหมั่นเพียร คัดเลือกจากแม่ที่มีความยากลำบาก ขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพ เป็นผู้มีความประพฤติดี มีคุณธรรมและจริยธรรม และบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม อบรมเลี้ยงดูลูกด้วยความรัก ความเอาใจใส่ เสียสละ และด้วยความมานะอดทน ทำให้ลูกได้รับการศึกษา มีอาชีพสุจริต มีความประพฤติดี เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม 
 
3) แม่ของลูกผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ คัดเลือกจากแม่ที่มีความประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก มีลูกซึ่งอุทิศตน เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในด้านการศึกษา พัฒนาสังคม เศรษฐกิจ การสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ ฯลฯ มีความประพฤติดี มีอาชีพสุจริต เป็นที่ยอมรับของสังคม และเป็นผู้ที่นิยมและรักษาเอกลักษณ์ของไทย สมควรเป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไป 
 
4) แม่ผู้เป็นเกษตรกร คัดเลือกจากแม่ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีความขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมจนเป็นที่ยอมรับ มีความซื่อสัตย์สุจริต อบรมเลี้ยงดูลูกด้วยความรักความเอาใจใส่ด้วยความมานะอดทน ทำให้ลูกได้รับการศึกษา มีอาชีพสุจริต มีความประพฤติดี เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม 
 
5) แม่ของผู้เสียสละ คัดเลือกจากแม่ที่มีลูกเป็นทหาร ตำรวจ ซึ่งได้เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความมั่นคงของชาติ การรักษาความสงบเรียบร้อย โดยได้ประกอบวีรกรรมที่ควรแก่การยกย่อง หรือทำคุณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติอย่างเด่นชัด และ
 
6) แม่ผู้เป็นอาสาสมัครและแม่ของลูกที่เป็นอาสาสมัคร คัดเลือกจากแม่ผู้เป็นอาสาสมัครและแม่ขอลูกที่เป็นอาสาสมัคร ซึ่งได้เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อการบรรเทาสาธารณภัยการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือนร้อน โดยได้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติอย่างเด่นชัด สมควรเป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไป
 
 
นอกจากนี้คุณสมบัติของแม่ดีเด่นแห่งชาติ จะต้องมีสัญชาติไทย มีความประพฤติดี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความเป็นแม่ที่ดี มีอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี ยกเว้นแม่ของผู้เสียสละ มีครอบครัวเป็นที่ยอมรับ และเป็นแบบอย่างของสังคม เป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคม เป็นผู้นิยมและรักษาเอกลักษณ์ของไทย มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเสื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งผู้ที่เสนอชื่อเข้ารับการคัดเลือกแม่ดีเด่นแห่งชาติในส่วนกลาง จะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกฯ ในส่วนภูมิภาค (ระดับจังหวัด ในปีเดียวกัน)
 
 
ทั้งนี้แม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 ที่เข้ารับการสัมภาษณ์พิจารณาจากคณะกรรมการฯ ในครั้งนี้จะได้รับเกียรติบัตรทุกราย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ มอบโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ส่วนผู้ได้รับการเสนอชื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 จะได้เข้าพิจารณาในส่วนของระดับประเทศต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เดินหน้านโยบายสามพี่น้องท้องถิ่น กำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำ ต.ดอยงาม

 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น.

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่อำเภอพาน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในพื้นที่ตำบลดอยงาม อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เรื่องการกำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ระหว่าง อบจ.เชียงราย กับ อบต.ดอยงาม ฝ่ายปกครองต.ดอยงาม บ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7 โดยมีนายสุพิศ สมยาราช นายก อบต.ดอยงาม นายนเรศ วรรณวนา ผู้ใหญ่บ้านสันช้างตาย ม.7 นายสำอางค์ ธรรมโก กำนัน ต.ดอยงาม ร่วมลงนามทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามครั้งนี้ด้วย
.
การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ จัดทำขึ้นระหว่าง อบจ.เชียงราย โดย นายก อบจ.เชียงราย กับ อบต.ดอยงาม โดย นายก อบต.ดอยงาม ฝ่ายปกครองตำบลดอยงาม โดย กำนันตำบลดอยงาม บ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7 โดย ผู้ใหญ่บ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ ทำขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินการกำจัดวัชพืชออกจากแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ ในพื้นที่ตำบลดอยงาม อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เนื่องจากประสบปัญหาการแพร่กระจายของวัชพืชในแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน และกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้งได้น้อย อบจ.เชียงราย ร่วมกับอบต.ดอยงาม
 
 
ฝ่ายปกครองต.ดอยงาม และบ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7 ร่วมบูรณาการในการกำจัดวัชพืช ออกจากแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ ต.ดอยงาม อ.พาน ด้วยวิธีการใช้เครื่องจักรกลหนัก ของ อบจ.เชียงราย โดย อบต.ดอยงาม เป็นผู้สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิง และฝ่ายปกครองตำบลดอยงาม และบ้านสันช้างตาย หมู่ที่ 7 เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน เพื่อให้การกำจัดวัชพืชออกจากแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์พื้นที่ต.ดอยงาม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขับเคลื่อนนโยบายกระจายเครื่องจักรและบุคลากรลงสู่ชุมชน ในการพัฒนาพื้นที่อย่างครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ ด้วยความร่วมมือของ สามพี่น้องท้องถิ่นและชุมชน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ตักบาตรเที่ยงคืนเชียงราย ปี 67 วันเป็งปุ๊ด เพียง 1 ครั้งเท่านั้น

 

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 23.39 น. เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมกับวัดมิ่งเมือง โดยได้รับความเมตตาจากพระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 เป็นประธานสงฆ์ คณะผู้บริหาร ประธานสภา สมาชิกสภาเทศบาล ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ผอ.โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครเชียงราย พี่น้องชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงรายประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะ ที่วัดมิ่งเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

 
โดย พระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 เป็นประธานสงฆ์ นำคณะพระภิษุกจากวัดต่างๆในอำเภอเมืองเชียงราย ออกรับบาตร ซึ่งตลอดทั้งสองข้างทางตั้งแต่หน้าวัดมิ่งเมือง ผ่าน หอนาฬิกาฯ จนถึงสี่แยกประตูสลี มีพุทธศาสนิกชนจังหวัดเชียงราย ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ ได้นำข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม มาทำบุญตักบาตรเป็งปุ๊ด หรือเรียกกันทั่วไปว่าตักบาตรเที่ยงคืน ซึ่งในครั้งนี้ถือว่ามีผู้มาร่วมทำบุญตักบาตรจำนวนมาก ซึ่งปี 25667 มีวันเป็งปุ๊ด เพียง 1 ครั้งเท่านั้น คือวันที่ 21 เข้าสู่วันที่ 22 พฤษภาคม 2567
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นความงดงามของเราชาวล้านนาและชาวพุทธ ที่ได้มาร่วมสืบสานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่ปฏิบัติสืบต่อเนื่องกันมา
 
 

พระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เป็นประธานสงฆ์ นำคณะพระภิษุกจากวัดต่างๆในอำเภอเมือง ออกรับบาตร ซึ่งตลอดทั้งสองข้างทางมีพุทธศาสนิกชนจังหวัดเชียงราย ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศได้นำข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม มาทำบุญตักบาตรเป็งปุ๊ด หรือเรียกกันทั่วไปว่าตักบาตรเที่ยงคืน ซึ่งในครั้งนี้ถือว่ามีผู้มาร่วมทำบุญตักบาตรจำนวนมาก รวมระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร

 

นอกจากนี้อาจารย์คฑา ชินบัญชร หรือ เขมชาติ ปริญญานุสรณ์ เรียกว่ายืนหนึ่งเป็นนักพยากรณ์ หมอดูไพ่ยิปซีและฮวงจุ้ยเบอร์ต้นของประเทศไทย เดินทางมาร่วมใส่บาตรด้วย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พิธีอัญเชิญพระอุปคุตประกอบพิธี ตักบาตรเที่ยงคืนครั้งเดียวในปี 2567

 

เมื่อวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัยจงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย มอบหมายให้ นายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมกับวัดมิ่งเมือง โดยได้รับความเมตตาจากพระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 เป็นประธานสงฆ์ คณะผู้บริหาร ประธานสภา สมาชิกสภาเทศบาล ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ผอ.โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครเชียงราย พี่น้องชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตจากลำน้ำกก บริเวณสวนแม่ฟ้าหลวง เพื่อร่วมอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณี อันดีงามของชาวล้านนา ที่มีการปฎิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

 

ทั้งนี้ การร่วมอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก โดยพระครูโสภณศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง เจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลนครเชียงราย ณ บริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง และเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระอุปคุตบนรถบุษบกไปยังวัดมิ่งเมือง เมื่อเวลา 23.39 น.ก่อนเที่ยงคืนจะมีการร่วมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุ สามเณรจำนวน 72 รูป ตั้งแต่บริเวณหน้าวัดมิ่งเมืองไปตามถนนบรรพปราการ-หอนาฬิกานครเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

สมาคมขัวศิลปะเตรียมพร้อมย้าย ไปหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567สมาคมขัวศิลปะ โดยอาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคม, อาจารย์ทรงเดช ทิพย์ทอง อาจารย์ชาตะ ใหม่วงค์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, อาจารย์สมพงษ์ สารทรัพย์ ผู้แทนบอร์ดบริหารหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย และคณะกรรมการบริหารสมาคมขัวศิลปะ จัดประชุมประจำเดือนพฤษภาคม 2567 และวาระพิเศษฯ

 

โดยการประชุมได้ปรึกษาและหารือแนวทางการจัดการหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) และมีข้อหารือประกอบด้วย การเตรียมความพร้อม ขนย้าย และส่งคืนพื้นที่ขัวศิลปะปัจจุบัน และประเมินทรัพย์สินเพื่อทำการย้ายไปยังหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย การหาแนวทางเรื่องการบริหารจัดการหอศิลป์ฯ แห่งใหม่เพื่อเร่งเปิดพื้นที่แก่ประชาชน ศิลปิน นักท่องเที่ยว และยังคงมีมติของการรักษาการของคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ไปจนกว่าจะได้บอร์ดบริหารใหม่รวมถึงการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ และการหารือกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ย้ายไปที่แห่งใหม่เรียบร้อยแล้วนั้น
 
 
ทั้งนี้ที่ประชุมได้ร่างกรอบแนวทางการจัดการพื้นที่ และกิจกรรม รวมถึงรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการจัดงานไทยแลนด์เบียนนาเล่, เชียงราย 2023 ที่ผ่านมา โดยจะนำบทสรุปดังกล่าวเสนอต่อบอร์ดบริหารชุดใหม่ รวมถึงกำหนดกรอปหน้าที่ในช่วงของการเตรียมความพร้อมที่จะจัดงานศิลปะ เทศกาล หรือกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ขัวศิลปะ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. แถลงความสำเร็จ ศูนย์ฝึกอบรม กำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ

 

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 67 ณ ห้องประชุมประดู่แดง 1 อาคารพลเอกสำเภา ชูศรี (E4) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้จัดแถลงข่าวความสำเร็จโครงการ “ศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เพื่อเชื่อมโยง GMS” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ดรุณี วัฒนศิริเวช รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวิศิฎฐ์ เลาหะเพ็ญแสง คณบดีสำนักวิทยาเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สันติชัย วิชา หัวหน้าโครงการฯ นายณัฐกฤต แก้วประทุม นักวิชาการขนส่งชํานาญการ คุณสรนพ บ้านใหญ่ SCGJWD Academy ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

 

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการจัดทำโครงการ “ศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เพื่อเชื่อมโยง GMS” มุ่งพัฒนากำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ เสริมสร้าง ศักยภาพ รองรับการขยายตัวของศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เชื่อมโยง Greater Mekong Subregion (GMS)

 

โดยได้รับความร่วมมือจาก กรมการขนส่งทางบก โรงเรียนทักษะพิพัฒน์หรือ SCGJWD Academy บริษัท แอดวานซ์ อิน โฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยพะเยา ร่วมขับเคลื่อนและได้จัดตั้งศูนย์ฝึกกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจริยะ (Mixed Reality Center of Excellence) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ ที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ อาทิ ผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าและส่งออก พนักงานขับรถยกและรถบรรทุก เจ้าหน้าที่คลังสินค้า และนักศึกษารวมทั้งสิ้นกว่า 300 ราย และกำลังจะดำเนินการฝึกอบรมเพิ่มเติมทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพะเยา ให้มีความรู้ความสามารถที่ทันสมัย ผ่านหลักสูตรทั้งหมด 5 หลักสูตร ซึ่งรองรับรูปแบบการเรียนแบบผสมผสาน (Hybrid) ทั้งออนไลน์และห้องเรียน ตลอดจนให้ประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริง (Simulation) ที่ได้มีการประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยี Mixed Reality ผ่านแว่น HoloLens ภายใต้โครงการ ทั้งหมด 9 ตัว ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาด ยกระดับการฝึกอบรมด้านโลจิสติกส์อัจริยะเพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้งช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันต่อไป

 

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มั่นใจว่าโครงการนี้จะบรรลุเป้าหมาย ส่งผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และประโยชน์ต่อประเทศชาติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค ดึงดูดนักลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้าขาย เชื่อมโยง GMS การค้าขายการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยว ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงต่อไป.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย มอบทุน 5 ล้านบาท ช่วยนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส

 
เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ ประธานสภา อบจ.เชียงราย สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย ผู้บริหาร อบจ.เชียงราย และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานแถลงข่าวโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ สำหรับนักศึกษา นักเรียน ที่ยากจนหรือด้อยโอกาส 
 
 

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน การดำเนินงานการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย และเป็นไปตามนโยบายของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้เล็งเห็นความสำคัญตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ และให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษา และการให้ความช่วยเหลือนักเรียน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2561 เพื่อเป็นการช่วยเหลือนักศึกษานักศึกษา และการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนและด้อยโอกาส จึงได้จัดทำโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ สำหรับนักศึกษา และนักเรียน ที่ยากจนหรือด้อยโอกาส     เพื่อช่วยเหลือนักศึกษา และนักเรียนที่ยากจนหรือด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย ให้ได้รับเงินทุนการศึกษา และเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาตามความเหมาะสม อีกทั้งลดค่าใช้จ่ายและลดภาระให้กับผู้ปกครอง

 

โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้จัดทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ สำหรับนักศึกษาและนักเรียน ที่ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยตั้งงบประมาณตามโครงการจำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) แบ่งออกเป็นทุน 2 ประเภทคือ

  1. ทุนเงินช่วยเหลือนักเรียน
  • ระดับชั้นอนุบาลศึกษา จำนวนเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท/ปีการศึกษา/คน
  • ระดับชั้นประถมศึกษา จำนวนเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท/ปีการศึกษา/คน
  • ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวนเงินช่วยเหลือ 4,000 บาท/ปีการศึกษา/คน
  • ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า จำนวนเงินช่วยเหลือ 6,000 บาท/ปีการศึกษา/คน

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอรับความช่วยเหลือ 

  1. เป็นผู้มีสัญชาติไทยและภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ระยะเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
  2. เป็นผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก และขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน (ผู้ยากจน) หรือ เป็นผู้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่สามารถดำรงชีวิตได้เท่าเทียมกับผู้อื่น (ผู้ด้อยโอกาส)
  3. เป็นผู้มีความประพฤติดี
  4. เป็นผู้ที่กำลังศึกษาในโรงเรียนระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
  5. ไม่อยู่ระหว่างการรับการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการศึกษาจากหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น

2.ทุนการศึกษา

เป็นทุนการศึกษาแก่นักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส และต้องเป็นการศึกษาในหลักสูตรที่สูงกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า แต่ต้องไม่สูงกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า จำนวนเงินทุนการศึกษา 33,000 บาท/ปีการศึกษา/คน และผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษาฯ จะต้องเป็นผู้ศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาของรัฐ จำนวนทุนการศึกษา จำนวน 100 ทุน ปีการศึกษาละไม่เกิน 33,000 บาท แบ่งเป็นจำนวน 80 ทุน ได้แก่

 

  • สาธารณสุขศาสตร์ 
  • พยาบาลศาสตร์
  • แพทย์แผนไทย
  • สาธารณสุขศาสตร์ (ทันตสาธารณสุข)

และอีกจำนวน 20 ทุน ได้แก่ คณะและสาขาอื่นๆ          

 

               คุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษา

  1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายระยะเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
  2. เป็นผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก และขาดแคลนปัจจัยพื้นฐาน (ผู้ยากจน) หรือ เป็นผู้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนไม่สามารถดำรงชีวิตได้เท่าเทียมกับผู้อื่น (ผู้ด้อยโอกาส)
  3. เป็นผู้มีความประพฤติดี
  4. เป็นผู้ที่กำลังศึกษาในหลักสูตรที่สูงกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า แต่ต้องไม่สูงกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าและศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาของรัฐ

               ผู้สนใจสมัครขอรับทุนช่วยเหลือนักเรียนและทุนการศึกษา สามารถติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่ สำนักการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ชั้น 1 หรือดาวน์โหลดใบสมัคร    ได้ที่ www.chiangraipao.go.th โดยยื่นใบสมัครด้วยตนเองหรือผู้ปกครองได้ที่สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ชั้น 1 (ในวัน เวลาราชการ) หรือส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับมายังสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (สมัครขอรับความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการศึกษา หรือสมัครขอรับทุนการศึกษา) เลขที่ 521 ถนนศูนย์ราชการฝั่งหมิ่น ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 57100 (ถือวันประทับตราไปรษณีย์เป็นวันยื่นใบสมัคร)     

 

 โดยทุนเงินช่วยเหลือนักเรียนสามารถยื่นขอได้ตั้งแต่บัดนี้ – 1 กันยายน 2567 และทุนการศึกษาสามารถยื่นขอได้ตั้งแต่บัดนี้ – 30 มิถุนายน 2567 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โทรศัพท์ 0 5317 5333 ต่อ 1109 ในวันและเวลาราชการ

 

               ทั้งนี้เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ด้านการผลิตบุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้กลับมาทำงานในท้องถิ่น และรองรับการให้บริการด้านสุขภาพของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี (สอน.) ที่ได้ถ่ายโอนภารกิจมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยในปีงบประมาณ 2567 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ภายใต้การบริหารงานโดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย       ได้ดำเนินการจัดโครงการยูนิตทำฟัน กระจายลงสู่พื้นที่ รพ.สต.และ สอน. กว่า 40 แห่ง เพื่อให้บริการสุขภาพช่องปากแก่ประชาชน ซึ่งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนในเดินทางไปยังโรงพยาบาลในอำเภอ หรือตัวจังหวัด  โดยให้บริการด้านการขูดหินปูน อุดฟัน และถอนฟัน ในหน่วยบริการทันตกรรมของ รพ.สต. ในพื้นที่ของตนเอง ตามนโยบาย “โฮงยาใกล้บ้าน” และการสนับสนุนทุนการศึกษาในครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริม   ให้ผู้ที่สนใจในด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้มีขวัญและกำลังใจที่จะกลับมาทำงานใกล้บ้านและให้บริการด้านสุขภาพแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ของตนเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยการขับเคลื่อนนโยบายนี้เพื่อพัฒนาและสร้างโอกาสให้คนเชียงรายได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมในทุกมิติ ทั้งด้านการศึกษาและการสาธารณสุขต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News