Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ทางหลวงแจง แท่งปูนห้อยบนถนน เทิง – เชียงคำ จากภาพที่ปรากฏในข่าว

 
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 นายยงยุทธ์ เพ็งเมือง ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างทาง กรมทางหลวงชนบท ชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างสะพาน Box Segment เพื่อข้ามถนน ทล.1021 จากภาพที่ปรากฏในข่าวเป็นการยก Box Segment จากกรณีสำนักข่าว นครเชียงรายนิวส์ได้มีการเผยแพร่ข่าว แท่งปูนห้อยต่องแต่งกลางถนน บริเวณถนนเทิง – เชียงคำ จนทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะซ้ำรอยเหตุการณ์สะพานถล่มที่ถนนพระราม 2 นั้น
 
 

โดยออกหนังสือชี้แจงจากสำนักก่อสร้างทาง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในข่าว ขอเรียนชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างสะพาน Box Segment เพื่อข้ามถนน ทล.1021 จากภาพที่ปรากฏในข่าวเป็นการยก Box Segment ซึ่งสำนักก่อสร้างทางได้ทำการยกและจัดเรียงด้านซ้ายทางและขวาทาง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 น. จากนั้นได้ดำเนินการดึงลวดอัดแรง เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. ระหว่างดำเนินการได้ประชาสัมพันธ์และจัดเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยให้กับประชาชน

 

โดยเริ่มดำเนินการด้านขวาทางของถนน ทล.1021 และได้ปิดการจราจรให้ใช้ทางเบี่ยงในระหว่างที่ยกและจัดเรียง Box Segment จนดึงลวดอัดแรงแล้วเสร็จ สำหรับด้านซ้ายทางของ ทล.1021 ไม่สามารถก่อสร้างทางเบี่ยงได้ เนื่องจากพื้นที่ไม่เพียงพอ จึงปิดให้ใช้ ทล.1021 ได้ 1 ช่องจราจร ซึ่งให้เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ให้ปิดกั้นรถไม่ให้ผ่านในช่วงยกและจัดเรียง รวมถึงได้เปิดการจราจรให้ผู้ใช้เส้นทางสัญจรไปมาเป็นช่วง โดยโครงการได้มีมาตรการตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทางวิศวกรรม ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และได้เปิดการจราจรให้ประชาชนใช้สัญจรได้ตามปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สำนักก่อสร้างทาง มีความห่วงใยในความปลอดภัยของประชาชน และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความอนุเคราะห์เผยแผร่ข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกันและขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้“

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวงชนบท

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รมว.ศึกษาธิการ ลงพื้นเชียงราย การดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น. พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนบ้านห้วยไร่สามัคคี อ.แม่ฟ้าหลวง สังกัด สพป.เชียงราย เขต 3 โดยมี นายศุภโชค ปิยะสันติ์ ผอ.โรงเรียน คณะครูและนักเรียนให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงานการจัดการศึกษาตามนโยบายของรัฐบาล จุดที่ 1 ศูนย์การเรียนเกษตร จุดที่ 2 ห้องสมุด & ร้านกาแฟ (นักเรียนดำเนินการเอง) จุดที่ 3 การเรียนแบบจิตศึกษา สร้างสมาธิ (แก้ปัญหาการอ่าน การเขียน ภาษาไทย) จุดที่ 4 Art for Living จุดที่ 5 ห้องเรียนคหกรรมศาสตร์ โดยแต่ละจุดมีนักเรียนในระดับชั้นต่างๆ นำเสนอการเรียนการสอนที่เน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ตามนโยบายเรียนดี มีความสุข ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โอกาสนี้ นายวัลลภ ไม้จำปา รองศึกษาธิการภาค 17 พร้อมด้วย นายเกรียงศักดิ์ ยอดสาร ผอ.สพม.เชียงราย นายวิเศษ เชยกระรินทร์ ผอ.สพป.เชียงราย เขต 3 นายมรกต อนุเคราะห์ ผอ.สพป.เชียงราย เขต 1 นางกัญจนา สัตตรัตนำพร ผอ.สพป.เชียงราย เขต 4 และผู้เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและรายงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง


โรงเรียนบ้านห้วยไร่สามัคคี เปิดทำการสอนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2507 โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ 61 ต่อมาได้โอนมาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในปี พ.ศ. 2520 โรงเรียนได้ขยายโอกาสทางการศึกษาและได้เริ่มจัดการเรียนการสอนในระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย ตามแผนพัฒนาการศึกษาของโครงการพัฒนาดอยตุง(พื้นที่ทรงงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ตั้งแต่ปีการศึกษา 2547 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสให้แก่นักเรียนชาวเขา ในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ได้เรียนจนจบการศึกษาชั้นพื้นฐาน และนำความรู้กลับมาพัฒนาท้องถิ่นของตน
 

ในระยะเริ่มต้นได้ดำเนินการโดยเปิดเป็นห้องเรียนในสาขาของโรงเรียนแม่จันวิทยาคม และใช้ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมป็นสถานที่ในการจัดการเรียนการสอน ต่อมาจึงได้รับอนุมัติให้เปิดขยายชั้นเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และจัดการเรียนการสอนด้วยตนเองตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 เป็นต้นมา ปีการศึกษา 2550 ให้ย้ายสถานที่มายังโรงเรียนแห่งใหม่ซึ่งได้รับงบประมาณในการก่อสร้าง จำนวน 13 ล้านเศษ บนพื้นที่ 7 ไร่ 11 ตารางวา ซึ่งเป็นสำนักงานชั่วคราวของแขวงการทางลำปาง โรงเรียนได้จัดการศึกษาโดยยึดพระราชปณิธานของสมเด็จย่าที่ว่า “ช่วยเขา ให้เขาช่วยตัวเขา เอง” โดยมี นายศุภโชค ปิยะสันติ์ เป็นผู้อำนวยการ ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 34 คน นักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1- มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 426 คน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.สัญจร ลงพื้นที่ อ.เชียงแสนเยี่ยม รพ.สต.ในสังกัด รับข้อเสนอประชาชน

 
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย สิบเอกวิมล รู้ทำนอง ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย นายสุวิน เครื่องสีมา สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อ.เชียงแสน เขต 1 นายอนุรักษ์ ทองเสรี สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อ.เชียงแสน เขต 2 ลงพื้นที่ อ.เชียงแสน รับฟังปัญหาความต้องการและความเดือดร้อน รวมทั้งข้อเสนอการดำเนินการ ต่าง ๆ ของ อบจ.เชียงราย ในพื้นที่ อ.เชียงแสน ในโครงการมหกรรม อบจ.สัญจร ประจำปี 2567 ณ หอประชุมโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม โดยมีนายรังสรรค์ ไชยพุฒ นายก ทต.โยนก นางเกศสุดา สังขกร นายก ทต.เวียงเชียงแสน นายสุเทพ ล้อสีทอง ประธานสภาวัฒนธรรม อ.เชียงแสน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. และประชาชนในพื้นที่ ร่วมในการเสนอความต้องการและเสนอปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ครั้งนี้ด้วย
 
 
พร้อมกันนี้ได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ อ.เชียงแสน โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.เชียงราย และรพ.สต. ในการช่วยเหลือการเข้าถึงสิทธิการดูแลด้านต่าง ๆ จากกองทุนฟื้นฟูฯ ต่อไป นอกจากนี้ยังได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม การให้บริการของ รพ.สต.บ้านเวียงแก้ว และสอบถามปัญหาต่าง ๆ เพื่อเร่งดำเนินการในการแก้ไข พร้อมผลักดันการแจ้งปัญหาสุขภาพด้วยแอปพลิเคชัน LINE OA ของ รพ.สต.และของ อบจ.เชียงราย เพื่อลดปัญหาและภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้รับบริการอีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ปลุกพลังเยาวชน “แม่จัน“ สร้างเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย

 
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พบปะเยาวชนแม่จันในโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย กิจกรรมที่ 3 อบรมเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลแม่จัน โดยมีนายฐิติวัชร ไลศิริพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม นายเสกสรรค์ จันทร์ถิระติกุล นายก ทต.แม่จัน นางสาวทิตยา ไชยรินทร์ เลขานุการนายก ทต.แม่จัน นางสุวิมล หินใหญ่ ผู้อำนวยการกองคลัง ทต.แม่จัน นางสาวธัญชนก เรืองจิตต์ ผู้อำนวยการ กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ทต.แม่จัน ร่วมให้การต้อนรับในครั้งนี้ด้วย
 
 
การอบรมเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย ในครั้งนี้ อบจ.เชียงราย ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการจัดบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งให้เป็นไปตามนโยบายที่ 5 สภาเยาวชนร่วมกำหนดอนาคตเชียงราย รวมถึงการพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของประชากรทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของประเทศในอนาคตจำเป็นจะต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เยาวชนได้มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นแสดงออกอย่างถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งเยาวชนคนรุ่นใหม่ และเครือข่ายคนรุ่นใหม่เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนทิศทางการพัฒนาจังหวัดเชียงราย ให้เกิดความยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น จึงได้เกิดกิจกรรมการ อบรมเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการระดับอำเภอเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองขึ้น และจะดำเนินการให้ครบถ้วน ทั้ง 18 อำเภอ ของจังหวัดเชียงราย ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงรายเชิดชูเกียรติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เป็นวัน อสม. แห่งชาติ เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย จัด “โครงการส่งเสริมสุขภาพแกนนำชุมชนและประชาชนจิตอาสา” เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ รวมถึงส่งเสริมให้ อสม. ได้รวมพลังสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทย

 

ปัจจุบันเทศบาลนครเชียงรายมีสมาชิกอาสาสมัครสาธารณสุขในเขตเทศบาล จำนวน 539 คน ใน 4 เขต 65 ชุมชนโดยมีสมาชิกอสม. แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบดูแลด้านสาธารณสุขโดยเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพอนามัยพี่น้องประชาชนในแต่ละชุมชน ตั้งแต่แรกเกิด ถึงผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง เป็นสำคัญมาโดยตลอด พร้อมศูนย์บริการด้านสาธารณสุข 4 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาล 1 น้ำลัด ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาล 2 สันหนอง ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาล 3 สันตาลเหลือง ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาล 4 หัวฝาย
 
 
โดยในวันนี้ นายวันชัย จงสุทธานามณีนายกเทศมนตรีนครเชียงราย คณะผู้บริหาร ประธานสภา สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงราย ข้าราชการและภาคีเครือข่ายมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่สมาชิกอสม. ดีเด่นระดับอำเภอประจำปี 2566 สมาชิกอสม.ที่ปฏิบัติงานจิตอาสามากกว่า 30 ปี อสม.ครบ 30 ปี อสม.ครบ 20 ปีและอสม. ครบ 10 ปี รวม 119 คน พร้อมมอบเข็มเชิดชูเกียรติแก่สมาชิกอสม.นครเชียงราย นอกจากนี้ภาคีเครือข่ายจากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงรายมาให้ความรู้ด้านPM 2.5 และเสริมสร้างพลัง สร้างขวัญกำลังใจ และสานสัมพันธ์แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในครั้งนี้
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งเตรียมเฮลิคอปเตอร์ จากเชียงใหม่เสริมภารกิจดับไฟป่า

 

เมื่อวันที่20 มีนาคม 2567 ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่า และ PM2.5 จังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควันไฟป่า และฝุ่นPM2.5 โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ KA-32 (Kamov Ka-32 ) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย 

 

ในการดับไฟป่ากรณีพื้นที่สูงชัน หรือพื้นที่ ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นกรณีพิเศษในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่จัน เมืองเชียงราย แม่สรวย และอำเภอเวียงป่าเป้า และเตรียมการรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จมา ทรงประกอบพิธีตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถบุญชุ่มรัตนปุรีศรีธรรมราชา ณ วัดพระธาตุดอยเวียงแก้ว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในวันที่ 30 มี.ค. 67 โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย/ พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หน.กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าวฯ กอ.รมน. /นายสุรศักดิ์ วณิชอนุกูล ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม ทสจ.ชร. และทีมนักบินผู้เชียวชาญเข้าร่วมประชุม

 

ทั้งนี้ KA-32 สามารถทำการบินต่อเนื่องได้นาน 2 ชั่วโมง 45 นาที ความเร็วเดินทาง 222 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสมรรถนะภาพดับไฟป่าโดยตัวเครื่องมี 2 ใบพัด “Coaxial Rotors” ใบพัด 2 ชั้นหมุนไปในทิศทางตรงข้ามกัน มีท่อดูดน้ำยาว 42 เมตร สูบน้ำ 1 นาที บรรจุได้ 3,000 ลิตร เพื่อนำน้ำไปทิ้งในพื้นที่เกิดไฟไหม้ และฉีดน้ำได้ไกลถึง 50 เมตร โดยเฮลิคอปเตอร์ “Kamov Ka-32” จะถูกใช้ในการปฏิบัติภารกิจป้องกันสาธารณภัย เช่น การควบคุมไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงเหตุสาธารณภัยอื่น ๆ รวมถึงภารกิจการช่วยเหลือและขนย้ายผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เข้าถึงด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีสมรรถนะในการทรงตัวสูง บินช้า ลอยตัวนิ่งได้นานกว่าเฮลิคอปเตอร์รุ่นอื่น ทนต่อสภาวะอากาศเลวร้ายได้ดี นอกจากนี้ Kamov Ka-32 ได้ทำการบินอย่างเป็นทางการเที่ยวแรกในภารกิจการฝึกควบคุมไฟป่าหมอกควันร่วมกับกองทัพอากาศ ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2563
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ดอยลาน ของบรัฐบาล 4 แสน กำจัดวัชพืชขวางทางน้ำลำห้วย

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 67 นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระดับสูง นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 16 และคณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมรับฟังปัญหา และลงพื้นที่ตรวจความพร้อม และความเหมาะสมของโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามอำนาจของรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ปีงบประมาณ 2567 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลดอยลาน อำเภอเมืองเชียงราย โดยมี นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่นวราชการ นายกเทศมนตรีตำบลดอยลาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับและเยี่ยมชมพบปะประชาชนที่ได้มีการขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่างๆ จากคณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี

 

สำหรับพื้นที่ สถานการณ์ภัยแล้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ตำบลดอยลาน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้รับผลกระทบเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตรกรรมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะพื้นที่ส่วนใหญ่มีการทำการเกษตรหลากหลายประเภท รวมทั้งพืชส่วนต่างๆ ซึ่งส่งผลทำให้ผลผลิตทางการเกษตรดังกล่าวมีปริมาณลดลง อีกทั้งน้ำในลำห้วยกั้งไม่มีการขุดลอกเป็นเวลานานจึงทำให้ลำห้วยกั้ง และลำห้วยกอบัว ตื้นเขินและมีวัชพืชขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้กักเก็บน้ำได้น้อยลงราษฎรภายในพื้นที่ได้รับผลกระทบและประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภค ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก 
 
 
ด้วยเหตุผลที่ว่าขาดแคลนน้ำสำหรับการสนับสนุนการเพาะปลูกเป็นช่วงฤดูแล้ง เพื่อเป็นการลดต้นทุนด้านการเกษตรและสร้างโอกาสในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เพาะปลูกให้สามารถดำเนินการได้ในฤดูแล้งจำเป็นต้องอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำลำห้วยกั้ง และลำห้วยกอบัว แต่เนื่องจากมีงบประมาณอยู่อย่างจำกัด การจ้างเหมากำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำลำห้วยดังกล่าว เกินศักยภาพงบประมาณของเทศบาลตำบลดอยลาน จึงได้มีการขอรับการสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว โครงการแรก จำนวน 415,000 บาทถ้วน และ หมู่ที่ 3 จำนวน 463,000 บาทถ้วน 
 
 
ซึ่งหากได้รับงบประมาณในการสนับสนุนดังกล่าวแล้ว ประชาชนทั้งตำบลดอยลานจะได้รับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว คือ การทำการเกษตรที่เป็นพืชหลัก เช่น การทำนา ทำไร่ ยางพารา และอื่นๆ อีกมากมาย และในบางพื้นที่บางปี ต้องพบกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่แปรปรวน ส่งผลให้ผลผลิตไม่เต็มที่จึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชุมชน และสถานการณ์ที่เกิดโรคระบาดมีเกษตรกรและผู้ว่างงาน ลูกหลานเกษตรกรบางส่วนถูกเลิกจ้างจากงานประจำที่ทำอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ หรือบางส่วนตัดสินใจที่จะกลับมาทำอาชีพการเกษตรในภูมิลำเนาของตัวเอง ได้สร้างอาชีพและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
 
 
โดยก่อนหน้านี้ ทางคณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี ยังได้ร่วมลงพื้นที่รับฟังรายละเอียดโครงการสนับสนุนงบประมาณกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามอำนาจของนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ที่อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเทิง และอำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย มาแล้ว เพื่อที่จะรวบรวมโครงการที่ขอรับการสนับสนุนทุกพื้นที่ นำไปหารือพิจารณาร่วมกัน ในคณะฯ เพื่อบำบัดความเดือดร้อนของประชาชน ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นสามารถดำรงชีพอยู่ได้ด้วยความปกติสุขต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการแต่กำเนิด

 

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ณ ห้องประชุมประจวบ ภิรมย์ภักดี ชั้น 6 อาคารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการแต่กำเนิด และความพิการจากอุบัติเหตุทั่วไป จากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก 

 

โดยสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิ พอ.สว. เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี โดยมีนพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย รศ. ชุษณะ รุ่งปัจฉิม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมพิธี

 

หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว เป็นหน่วยแพทย์ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2512 โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดหาแพทย์ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือให้การรักษาพยาบาล ป้องกันโรค ส่งเสริม และฟื้นฟูสุขภาพอนามัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ในท้องถิ่นทุรกันดาร ที่มีอาการเจ็บป่วย แต่ไม่มีโอกาสได้รับการรักษาจากแพทย์หรือเข้ารับบริการทางการแพทย์ ซึงในครั้งนี้ หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว ได้จัดทำโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการแต่กำเนิด และความพิการจากอุบัติเหตุทั่วไปจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก 
 
 
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสุขภาพจิตที่ดีขึ้น สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้ จนสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
 
 
โดยครั้งนี้ได้ดำเนินโครงการในระหว่างวันที่ 20 – 22 มีนาคม 2567 ณ โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่ร่วมโครงการในครั้งนี้ จำนวน 46 ราย
ทั้งนี้สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิ พอ.สว. ได้จัดทำโครงการฯ ในปี 2567 ทั้งหมด 3 โรงพยาบาล ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 20 – 22 มีนาคม 2567 ณ โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ครั้งที่ 2 วันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567 ณ โรงพยาบาลหนองคาย และครั้งที่ 3 วันที่ 7 – 9 สิงหาคม 2567 ณ โรงพยาบาลยะลา 
 
 
เพื่อให้ผู้ป่วยปากแหว่ง – เพดานโหว่ ผู้พิการจากอุบัติเหตุทั่วไป และผู้พิการจากไฟไหม้น้ำร้อนลวก ในท้องถิ่นทุรกันดาร ห่างไกล ได้รับการทำศัลยกรรมตกแต่ง แก้ไขความพิการ ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น มีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กรมชลประทาน ขุดลอกเวียงหนองหล่มเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำและพื้นที่สีเขียว

 
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้เข้าไปฟื้นฟู “เวียงหนองหล่ม” ในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำและพื้นที่สีเขียว ภายใต้แผนหลักการพัฒนา ฟื้นฟู และอนุรักษ์เวียงหนองหล่ม โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งหนึ่งในแผนงานที่สำคัญ คือ
 

โครงการขุดลอกเวียงหนองหล่ม เป็นการขุดลอกตะกอนดินประมาณ 2,500 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บกักน้ำให้มากขึ้น สนับสนุนความต้องการใช้น้ำของประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ทั้งด้านการอุปโภคบริโภการเกษตร และการปศุสัตว์ ได้อย่างเพียงพอ ปัจจุบันแก้มลิงแห่งนี้เก็บกักน้ำได้เพียง 8 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาให้เก็บน้ำได้เพิ่มเป็น 20 ล้าน ลบ.ม. โครงการดังกล่าวมีแผนดำเนินงานในปีงบประมาณ 2565-2568 ซึ่งกรมชลประทานได้เข้าไปดำเนินการขุดลอกตามรูปแบบรายการที่เทศบาลตำบลจันจว้าได้ทำการประชาคมร่วมกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายในพื้นที่ด้วย

การขุดลอกตะกอนดินได้ดำเนินการขุดไปแล้วประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม. จากแผน 12 ล้าน ลบ.ม. และกำลังดำเนินการในส่วนที่เหลืออย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้

 
 นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้วางแผนช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควาย ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนในพื้นที่ โดยได้ทำการปรับพื้นที่แหล่งน้ำให้มีความลาดเอียง (SLOPE) เพื่อให้ควายสามารถเดินขึ้น–ลงแหล่งน้ำได้ พร้อมทั้งนํารถเกรดเดอร์เปิดทางเดินเข้าสู่แหล่งอาหารในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้วางแผนปลูกพืชอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างโครงการชลประทานเชียงราย ปศุสัตว์จังหวัด และเทศบาลจันจว้า ที่ได้วางแผนการปลูกพืชอาหารสัตว์ออกเป็น

2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การปรับพื้นที่บริเวณจุดทิ้งดินให้เป็นแปลงเพาะพันธุ์หญ้าประมาณ 50 ไร่ โดยมีนายอำเภอแม่จัน เป็นประธานการดำเนินกิจกรรม พร้อมจัดทำ MOU ร่วมกับสมาชิกปางควายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานดังกล่าว

ส่วนระยะที่ 2 จะทำการเพาะปลูกหญ้าอีกประมาณ 400 ไร่ เพื่อนําไปขยายผลให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายในระยะยาวต่อไป จะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแหล่งอาหารเลี้ยงควาย นอกจากนี้ ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เชียงราย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย ปศุสัตว์อำเภอแม่จัน และเทศบาลตำบลจันจว้า ได้ร่วมกันมอบหญ้าแห้งสำรองให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายบริเวณเวียงหนองหล่ม จำนวน 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นคลังเสบียงอาหารสัตว์ในการดูแลสัตว์เลี้ยงต่อไป

 

ซึ่ง “เวียงหนองหล่ม” แหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 14,091 ไร่ ในเขต อ.แม่จัน และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งในอดีตเวียงหนองหล่มเป็นแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่ใช้ประโยชน์ตามวิถีวัฒนธรรม มีการประกอบอาชีพประมงพื้นถิ่นและการเลี้ยงควายเป็นหลัก แต่ในระยะเวลาต่อมาแหล่งน้ำดังกล่าวกลับมีสภาพตื้นเขิน เนื่องจากการสะสมของตะกอนดินและปัญหาวัชพืชอย่าง ไมยราบยักษ์ ที่แผ่อาณาเขตปกคลุมทั่วหนองน้ำ จนไม่สามารถเก็บกักน้ำได้และเกิดความแห้งแล้งในพื้นที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมชลประทาน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ททท. เผยพร้อมปรับแผนหนุนท่องเที่ยวภาคเหนือสู้วิกฤติฝุ่น PM2.5

 
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2567 จังหวัดพะเยา ว่า ครม.อนุมัติตั้งสำนักงาน ททท. จ.พะเยา ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อยกระดับจังหวัดพะเยาจากเมืองรองสู่เมืองหลัก
 
 

พื้นที่ภาคเหนือของไทยถือว่าเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางไปเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปกลุ่มจังหวัดในภูมิภาคภาคเหนือกว่า 39.48 ล้านคน โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 34.87 ล้านคนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4.61 ล้านคน ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2567 การท่องเที่ยวในภาคเหนือจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 45 ล้านคน อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือน ก.พ. – เม.ย.ในทุกๆปีภาคเหนือประสบปัญหาเรื่องฝุ่นพิษ PM2.5 จนทำให้กระทบการท่องเที่ยวในพื้นที่ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องมีการแก้ไข

 

นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ในช่วงเดือนมี.ค.ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบจาก PM2.5 ยอดนักท่องเที่ยวปรับตัวลงอย่างมากและจะลดลงต่อเนื่องไปถึงเม.ย.จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่มีความรุนแรง ซึ่งปกติในช่วงนี้ต้องมียอดจองห้องพัก 70-80%ของจำนวนห้องพักในจังหวัดที่มี 18,000 ห้องจากโรงแรมประมาณ 600 แห่ง แต่กลับพบว่าลดลงประมาณ 37.5% เหลือยอดการจองห้องพักเพียง 50% จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังเพื่อไม่ให้กระทบกับภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่

 

 

น.ส.สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ในการส่งเสริมตลาดในประเทศใหม่ เพื่อช่วยกลุ่มจังหวัดในภาคเหนือประสบปัญหาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จนนักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง

 

โดย ททท.มีแผนนำงบประมาณประจำปี 2567 ที่เริ่มใช้ได้ในเดือนพ.ค.มาทำการตลาดในรูปแบบของโปรโมชั่นร่วมกับสายการบินในประเทศ จะช่วยให้ราคาค่าโดยสารถูกลง และเพื่อให้เกิดไฮซีซั่นในฤดูฝน ช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการเที่ยววันธรรมดาเพิ่มขึ้น โดยร่วมกับอโกด้าจัดราคาที่พักมีส่วนลดพิเศษ เริ่มในเดือนพ.ค.นี้เช่นกันและทำให้ปี 2567 เป็นปีที่เดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี นอกจากนั้นที่ประชุม ครม.สัญจร จ.พะเยา เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมฯให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวในจ.พะเยาและในพื้นที่เป็นอย่างมากด้วยความมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาการท่องเที่ยว  

 

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัดพะเยา ภายในไตรมาส 4 ปี 2567 ตลอดจนให้มีการศึกษาเพื่อประกาศให้จังหวัดพะเยาเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวให้เข้าสู่จังหวัดพะเยามากขึ้น และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ ตลอดจนพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายให้มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นอกจากนั้นในการอนุมัติโครงการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดจำนวน 9 โครงการรวมวงเงิน 155 ล้านบาทและโครงการภาคเอกชนอีกจำนวน 4 โครงการ วงเงินรวม 145 ล้านบาท รวม 300 ล้านบาท ตามที่ กรอ.กลุ่มจังหวัดเสนอ โดยเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวหลายโครงการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News