
เชียงราย, 19 ตุลาคม 2568 — ข่าวดีที่สะท้อนพลังอ่อน (Soft Power) ของไทยดังก้องอีกครั้ง เมื่อ Condé Nast Traveler นิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำจากสหรัฐฯ ประกาศผล Readers’ Choice Awards 2025 ยกให้ประเทศไทยครองแชมป์ “ประเทศที่มีอาหารดีที่สุดในโลก 2025” ด้วยคะแนน 98.33/100 เหนืออิตาลีและญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน กรุงเทพฯ ยังมีร้านอาหาร ติดอันดับท็อป 35 ของโลกถึง 7 แห่ง ย้ำชัดว่า “ครัวไทย” ไม่ได้แค่ครองใจนักชิม แต่กำลังก้าวสู่ กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งชาติ ท่ามกลางโจทย์ใหญ่เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อาหาร
บทพิสูจน์เชิงสัญลักษณ์ของ Soft Power ครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะเดียวกับการเร่งเครื่องเศรษฐกิจของรัฐบาล โดย กระทรวงพาณิชย์ ขับเคลื่อนแนวคิด “Quick Big Win” พุ่งเป้าสร้างผลลัพธ์เร็วที่ต่อยอดได้ยาว ผ่านการยกระดับคุณค่าของวัตถุดิบไทย (GI) การผลักดันตรารับรอง Thai SELECT และการขยายเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่ในพื้นที่ชายแดน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เกิดต้นแบบ “ระบบอาหารปลอดภัยทั้งห่วงโซ่” ที่ผสานงานท้องถิ่น–สาธารณสุข–ด่านชายแดน เป็น “ด่านหน้า” คัดกรองความเสี่ยงก่อนอาหารและวัตถุดิบจะเดินทางสู่โต๊ะอาหารคนทั้งประเทศ
ทั้งหมดนี้คือ “สองลมหายใจ” ของเรื่องเดียวกัน อาหารไทยที่อร่อยและปลอดภัย ซึ่งต้องเดินคู่กันเพื่อเปลี่ยนเสียงชื่นชมบนเวทีโลกให้กลายเป็น รายได้ยั่งยืน และ สุขภาวะของประชาชน อย่างแท้จริง
จากคำชมบนเวทีมาสู่แรงขับทางเศรษฐกิจ “ครัวไทย” ที่เป็นมากกว่ารสชาติ
ผลโหวตของผู้อ่าน Condé Nast Traveler ทำให้ไทยครองแชมป์ The Best Countries for Food in the World: 2025 ด้วยคะแนน 98.33 จุดเด่นไม่ใช่เพียง “รสชาติ” แต่คือ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมอาหาร, ตลาดกลางคืนที่คึกคัก, และ การเข้าถึงประสบการณ์ท้องถิ่นที่จริงแท้ ตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยวริมทาง แกง–ซุปรสจัด ไปจนถึงร้านอาหารร่วมสมัยที่ใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นยกระดับ (local ingredients to fine plates) จน ร้านอาหารในกรุงเทพฯ 7 แห่งติดอันดับโลก ส่องสะท้อน “ระบบนิเวศอาหาร” ที่มีชีวิตชีวาทั้งฝั่งสตรีทฟู้ดและภัตตาคาร
แต่คำถามสำคัญในมุมเศรษฐกิจคือ จะต่อยอดจาก “คำชม” ให้เป็น “รายได้กระจายตัว” ได้อย่างไร? คำตอบหนึ่งอยู่ในนโยบายเชิงรุกของภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ที่เร่ง “เชื่อมรสชาติสู่มูลค่า” ผ่านตรารับรองและการสร้างเรื่องเล่าบนฐานวัตถุดิบไทย พร้อมกันนั้น ระบบ “ความปลอดภัยของอาหาร” ต้องเข้มแข็งตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ลดทอนความเชื่อมั่น
ภาพใหญ่ที่ชายแดน “แม่สายโมเดล” ด่านหน้าความมั่นคงอาหารของประเทศ
แม่สาย เมืองหน้าด่านเหนือสุดของไทย คือ ประตูการค้า สู่ประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการนำเข้า–ส่งออกสินค้าอาหารอย่างต่อเนื่อง ความปลอดภัยจึงไม่ใช่แค่ “มาตรฐานทางเทคนิค” แต่หมายถึง เกราะป้องกันสุขภาวะ ของผู้คนทั่วประเทศ การปล่อยให้เกิด “จุดรั่ว” เพียงจุดเดียว อาจสร้างความเสียหายลุกลามทางเศรษฐกิจ–สังคมได้
ภายใต้ “โครงการบูรณาการและขับเคลื่อนระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย” เทศบาลตำบลแม่สายร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ใช้แนวทาง “แซน” (San) และ “แซนพลัส” (San Plus) วางมาตรการดูแลสุขาภิบาลอาหารแบบครบวงจร ตั้งแต่แหล่งผลิต (ต้นน้ำ) การขนส่ง–จำหน่าย (กลางน้ำ) จนถึงผู้บริโภค (ปลายน้ำ)
นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย อธิบายหัวใจของงานว่า แม่สายต้อง “ทำถูกตั้งแต่ด่านแรก” เพราะเป็นพื้นที่ เปราะบางและพลุกพล่าน จึงดำเนินการ สุ่มตรวจอาหารต่อเนื่อง, อบรมผู้ประกอบการ–พ่อค้าแม่ค้า–เกษตรกร, และ สนับสนุนแหล่งผลิตมาตรฐาน เพื่อให้ระบบอาหารในชุมชนและสินค้าที่ผ่านชายแดน “ปลอดภัยจริง” ไม่ใช่เพียงบนกระดาษ
ผลลัพธ์ที่ปรากฏ ไม่ใช่แค่ “ผ่าน–ไม่ผ่าน” ตามเช็กลิสต์ แต่คือการ สร้างวินัยตลาด ให้เกิดขึ้นกับผู้ค้า–ผู้ผลิต–ผู้บริโภค โดยอาศัย การสื่อสารและการร่วมมือ มากกว่าการลงโทษล้วน ๆ โมเดลนี้จึงเริ่ม “ยกระดับความไว้เนื้อเชื่อใจ” ซึ่งเป็นทุนสังคมสำคัญสำหรับเมืองชายแดน และเป็น ส่วนต่อขยายความเชื่อมั่นของอาหารไทย ในสายตานักท่องเที่ยวและคู่ค้าต่างชาติ
Soft Power ที่แปลงเป็น “ทุนแข็ง” นโยบาย “Quick Big Win” ของกระทรวงพาณิชย์
ขณะชายแดนเสริมเกราะความปลอดภัย กระทรวงพาณิชย์ก็เร่งต่อยอดคุณค่าทางอาหารในเชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง ในงาน Thailand Taste & Treasures ภายใต้แนวคิด “Discovering Authentic Flavors and Crafted Excellence” นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุชัดว่า นโยบายของกระทรวงสอดคล้องวิถีรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” โดยใช้ “อาหารไทย” เป็นเครื่องมือ สร้างรายได้ เร็ว–ชัด–ยั่งยืน
เครื่องมือเชิงนโยบายที่ชี้เป้าได้ทันที ได้แก่
เหนือสิ่งอื่นใด กระทรวงพาณิชย์ขับเคลื่อน 7 แนวทาง Quick Big Win ครอบคลุมตั้งแต่ความร่วมมือด้านภาษีกับสหรัฐฯ, การดูแลค้าชายแดน, การเร่งเจรจา FTA และเปิดตลาดใหม่, การลดค่าครองชีพประชาชน (เช่น มหกรรมลดราคาเทศกาลกินเจช่วยประหยัดกว่า 750 ล้านบาท), การดูแลเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร, การเสริมแกร่ง SMEs, และการปรับกฎ–ประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งหมดยิงตรงเป้าที่ “ผลลัพธ์เร็ว” แต่ไม่ฉาบฉวย เพราะถูกออกแบบให้ต่อยอดโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวได้
จากครัวไทยสู่ครัวโลก เมื่อ “รสชาติ” ต้องจับมือ “ความปลอดภัย”
ซีนแรก แสงนีออนบนถนนเยาวราช สตรีทฟู้ดคึกคัก นักท่องเที่ยวต่อคิวก๋วยเตี๋ยวเรือ–ผัดไทย รอยยิ้ม แสงแฟลช และคำชมกระหึ่มโซเชียล
ซีนต่อมา ด่านแม่สาย เจ้าหน้าที่ตรวจอุณหภูมิ–สภาพบรรจุ–เอกสารรับรองรถขนส่งเลี้ยวเข้าสถานตรวจ เจ้าหน้าที่สุ่มตัวอย่าง ทดสอบ–บันทึกผล รถผ่านด่านในเวลาที่ควบคุม
ซีนสุดท้าย เวทีสร้างสรรค์เชฟหนุ่มหยิบพริกไทยตรัง GI ใส่ลงในหม้อ ไอน้ำยกตัวขึ้นพร้อมกลิ่นหอมฉุน เมนู “เห่าดงไก่” จานร่วมสมัยเกิดขึ้นต่อหน้าแขก–สื่อมวลชน บทสนทนาไม่ได้มีแค่ “อร่อย” แต่ต่อยอดไปถึง “พื้นที่–ผู้ผลิต–มาตรฐาน–การรับรอง–ราคายุติธรรม” นี่คือภาพที่ รสชาติ, ความปลอดภัย, และต้นทางที่เป็นธรรม มาบรรจบในจานเดียว
เหตุแห่งความยั่งยืนของ Soft Power ไม่ใช่การติดอันดับแล้วจบ แต่คือ การรักษาคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ, การคุ้มครองผู้บริโภค, และ การจ่ายผลตอบแทนที่เป็นธรรมให้กับต้นน้ำ เพื่อให้ “คำชม” ในวันนี้ แปรเป็น “รายได้หมุนเวียน” ที่ประชาชนสัมผัสได้
ตัวเลข–สถิติที่อ่านแล้วคิดต่อ
10 อันดับประเทศที่มีอาหารที่ดีที่สุดในโลก
จากเชียงรายสู่เวทีโลก ทำไม “ชายแดน” จึงเป็นหัวใจของระบบอาหารปลอดภัย
“แม่สายโมเดล” สอนเราว่า ระบบอาหารปลอดภัย ไม่ใช่งานของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หากแต่เป็น งานทีม ที่ต้องวางผังตั้งแต่ ต้นทาง–ด่านผ่าน–ตลาด–ผู้บริโภค การตรวจสอบแบบ สุ่มตัวอย่างสม่ำเสมอ, การให้ความรู้ภาคธุรกิจ, และ การปลูกวินัยตลาด คือสามฟันเฟืองที่ทำให้ระบบขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งในช่วงที่ Soft Power ของอาหารไทย “ขึ้นหม้อ” การค้าข้ามแดนจะยิ่งคึกคัก ด่านชายแดนคือด่านหน้าความน่าเชื่อถือ หากล้มเพียงจุดเดียว ความไว้วางใจทั้งระบบสั่นสะเทือนทันที ตรงกันข้าม หากชายแดนเข้มแข็ง เชื่อมมือกับผู้ผลิต GI และร้านอาหารที่ได้ Thai SELECT เราจะได้ “โซ่อุปทานที่เล่าเรื่องความปลอดภัยได้” ซึ่งเป็น ข้อได้เปรียบเชิงแข่งขัน ที่ประเทศคู่แข่งเลียนแบบยาก
เชื่อม Soft Power ให้เป็น “Hard Currency” อย่างไรให้ยั่งยืน
ชัยชนะของรสชาติจะสมบูรณ์ เมื่อความปลอดภัยและความเป็นธรรมเดินมาด้วยกัน
การที่ไทยครองแชมป์ ประเทศที่มีอาหารดีที่สุดในโลก 2025 ด้วยคะแนน 98.33 ไม่ใช่เพียงเหรียญรางวัลให้ชาติ แต่คือ ภารกิจ ว่าต้องรักษามาตรฐานนี้ด้วย “ระบบ” ที่คุ้มครองผู้บริโภค–เกื้อกูลผู้ผลิต–เสริมพลังผู้ประกอบการ และเล่าความเป็นไทยออกไปอย่างสง่างาม
“แม่สายโมเดล” แสดงให้เห็นว่า เมืองชายแดนไม่ใช่พื้นที่ชายขอบของนโยบาย หากคือ หัวใจของห่วงโซ่อาหารปลอดภัย และเป็น “ด่านหน้า” ที่ทำให้คำว่า ครัวไทยสู่ครัวโลก มีความหมายมากกว่าคำขวัญ มันคือ ระบบที่ทำงานทุกวัน เพื่อให้ทุกจานที่เสิร์ฟ อร่อย ปลอดภัย และยุติธรรม จริง ๆ
ในอีกฟากหนึ่ง นโยบาย “Quick Big Win” ของกระทรวงพาณิชย์กำลังแปลง Soft Power ให้เป็น Hard Currency ผ่านตรารับรอง–วัตถุดิบ–การตลาดสร้างสรรค์ และมาตรการดูแลค่าครองชีพ หากสองฟากนี้เดินไปพร้อมกัน ชัยชนะบนเวทีโลก จะกลายเป็น รายได้ที่ไหลถึงมือประชาชน และ ความภูมิใจที่ยืนยาว ของประเทศไทย
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.