เชียงใหม่-เชียงราย ยืนยันน้ำประปาปลอดภัย แม้พบสารหนูในแม่น้ำกก เร่งเจรจาเมียนมาแก้เหมืองแร่ต้นตอปัญหา

เชียงใหม่, 20 พฤษภาคม 2568 – นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพน้ำในแม่น้ำกก และการควบคุมผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย หลังจากมีการตรวจพบสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำสาธารณะ โดยยืนยันว่าคุณภาพน้ำประปายังคงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถอุปโภคและบริโภคได้ตามปกติ

ตรวจวิเคราะห์ 12 จุด พบสารหนูเกินมาตรฐานใน 9 จุด

จากรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำและตะกอนดินในแม่น้ำกก โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ระหว่างวันที่ 21–24 เมษายน 2568 ได้มีการเก็บตัวอย่างจาก 12 จุดตลอดความยาวแม่น้ำกกประมาณ 157 กิโลเมตร จากเขตชายแดนไทย–เมียนมา ที่อำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ ไปจนถึงเขต อ.เมือง จ.เชียงราย ผลการวิเคราะห์พบสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานใน 9 จุด โดยเฉพาะสารหนู (As)

จุดที่ตรวจพบประกอบด้วย 3 จุดในอำเภอแม่อาย และอีก 6 จุดในเขตอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญของการเกิดมลพิษในแหล่งน้ำธรรมชาติ และอาจส่งผลต่อระบบนิเวศในระยะยาว

เร่งสำรวจแหล่งมลพิษ – พบต้นตออาจมาจากเมียนมา

ภายหลังพบสารปนเปื้อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในเชียงใหม่และเชียงรายได้เข้าตรวจสอบแหล่งต้นกำเนิดมลพิษตลอดลำน้ำกก โดยเฉพาะบริเวณโรงงาน พื้นที่เกษตรกรรม และแหล่งทิ้งของเสีย ปรากฏว่าไม่พบแหล่งที่ปล่อยสารหนูหรือโลหะหนักจากฝั่งประเทศไทย จึงมีข้อสันนิษฐานอย่างมีน้ำหนักว่าสารเหล่านี้อาจมาจากกิจกรรมเหมืองแร่ในเขตประเทศเมียนมา

ทางรัฐบาลไทยได้ประสานความร่วมมือระดับพื้นที่กับชุมชนและผู้ใช้น้ำ รวมถึงเตรียมส่งคณะทำงานร่วมเจรจากับรัฐบาลเมียนมา เพื่อเสนอแนวทางการจัดการเหมืองแร่ตามหลักวิชาการเพื่อลดผลกระทบข้ามพรมแดน

ยืนยันคุณภาพน้ำประปาในพื้นที่ยังปลอดภัย

แม้จะพบสารหนูในแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่จากการตรวจสอบของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ ยืนยันว่า คุณภาพน้ำประปาในเขตเทศบาลและพื้นที่รอบแม่น้ำกกยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้

สำหรับกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนว่ามีอาการผื่นคันหลังจากลงเล่นน้ำในแม่น้ำกก เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำและส่งทีมแพทย์เข้าตรวจสอบ พบว่าอาการผื่นคันดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับสารพิษหรือโลหะหนัก แต่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างสภาพผิวหนังกับพืชน้ำหรือสารอินทรีย์ในน้ำ

ผลการตรวจสัตว์น้ำ – ไม่พบสารหนูหรือสารปรอท

กรณีที่มีรายงานการพบปลาตายในพื้นที่จังหวัดเชียงราย สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ทางสำนักงานประมงจังหวัดเชียงรายจึงได้ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเชียงรายเก็บตัวอย่างเนื้อปลาเพื่อตรวจสอบ พบว่าปลาที่ตายมีการติดเชื้อไวรัสบางชนิด ไม่พบการปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่น สารหนูหรือปรอท

อย่างไรก็ตาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยังคงเน้นย้ำให้ประชาชนปรุงอาหารจากสัตว์น้ำให้สุกทุกครั้งก่อนบริโภค เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือโรคที่อาจเกิดจากแบคทีเรียหรือไวรัสอื่น ๆ

มุมมองเชิงวิชาการ – จำเป็นต้องกำหนดแผนระยะยาว

นักวิชาการสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเสนอว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาจช่วยลดผลกระทบในระยะสั้น แต่สิ่งสำคัญคือการวางแผนการจัดการแหล่งน้ำในระยะยาวร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน และควรมีการจัดตั้งระบบเตือนภัยสิ่งแวดล้อมล่วงหน้าสำหรับพื้นที่ชายแดน โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น IoT และ AI

นอกจากนี้ ยังควรมีการออกกฎหมายรองรับการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนแบบบูรณาการ และส่งเสริมความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

  • จากรายงานของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่) ปี 2568 ระบุว่า แม่น้ำกกมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำเฉลี่ยปีละ 48 ครั้ง ใน 12 จุด โดยพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน 9 จุดในช่วงเดือนเมษายน 2568
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย รายงานว่า ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ร้องเรียนอาการผิดปกติหลังใช้น้ำธรรมชาติรวม 36 ราย คิดเป็นเพียง 0.005% ของประชากรพื้นที่
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างปลา 28 ตัวจาก 5 จุด พบว่าทั้งหมดไม่มีการปนเปื้อนสารหนูหรือสารปรอท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News