นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” เปิดมิติใหม่สู่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงราย

เชียงราย, 9 สิงหาคม 2568 –ผสมผสานรากเหง้าทางวัฒนธรรมกับนวัตกรรมของคนรุ่นใหม่ หวังปลุกชีพย่านการค้าเก่าแก่ให้กลับมาคึกคัก พร้อมดึงดูดนักสร้างสรรค์และนักลงทุนสู่ถิ่นฐาน เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย ได้มีการเปิดนิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” อย่างเป็นทางการ. นิทรรศการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ในย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดเชียงราย. โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์กร มหาชน) เชียงใหม่, นักสร้างสรรค์ท้องถิ่น, และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงราย. กิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานผ่านแนวคิดการออกแบบและกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของย่านการค้าธนาลัย ตลอดจนถ่ายทอดประสบการณ์ ความทรงจำ และข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า.

พลิกฟื้นย่านเก่าแก่จากอดีตสู่โอกาสในอนาคต

ย่านธนาลัยและย่านในเวียง ถูกเลือกให้เป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมครั้งนี้ เนื่องจากเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่มีความคึกคักในอดีต และยังคงเป็นจุดเชื่อมต่อของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม ทั้งพ่อค้าชาวจีน ชาวพม่า และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน. พื้นที่เหล่านี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวจากวิถีชีวิต อาคารเก่า ร้านค้าโบราณ รวมถึงทุนทางศิลปะวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิตชีวา. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์มองเห็นว่าย่านทั้งสองแห่งนี้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งจากรากฐานทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต ศิลปะที่สืบทอดกันมา รวมถึงอาคารสถาปัตยกรรมและวัดวาอารามเก่าแก่. ความหลากหลายทางวัฒนธรรมนี้เองถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญ และเป็นโอกาสในการพัฒนาต่อยอดสู่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิต.

นายเอกพงษ์ ใจบุญ หัวหน้าโปรเจกต์ “Back to the future การละครั้งหนึ่ง ณ พนาลัย” ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ว่า โครงการนี้ไม่เพียงแค่ส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นกระบวนการฟื้นฟู รักษา และต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น เพื่อส่งต่อคุณค่าเหล่านี้สู่ “อนาคตอย่างยั่งยืน”. โดยมีเป้าหมายให้เชียงรายเป็นต้นแบบและเมืองต้นแบบสำคัญที่สามารถหลอมรวมอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน. หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างเครือข่ายของนักสร้างสรรค์และชุมชน เพื่อแสดงพลังในการขับเคลื่อนพื้นที่ไปสู่เป้าหมายเดียวกัน. นอกจากนี้ยังมุ่งสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้คนภายนอกและคนเชียงรายเองมองเห็นโอกาสในการต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจ และดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้กลับคืนถิ่นเพื่อลงทุนและพัฒนาพื้นที่. ในท้ายที่สุด นำไปสู่การเป็นย่านที่น่าอยู่ น่าลงทุน และน่าท่องเที่ยวในอนาคต.

ถักทอเรื่องราวผ่านผลงานศิลปะการตีความใหม่จากนักสร้างสรรค์

นิทรรศการครั้งนี้รวบรวมผลงานของนักสร้างสรรค์ 5 กลุ่ม/ท่าน ซึ่งแต่ละผลงานล้วนได้รับแรงบันดาลใจและสะท้อนเรื่องราวจากย่านธนาลัยในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป.

นายเอกพงษ์ ใจบุญ ในฐานะศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน "Peony" (ดอกโบตั๋น)
นายเอกพงษ์ ใจบุญ

ในฐานะศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน “Peony” (ดอกโบตั๋น) ได้นำเสนอประติมากรรมนูนต่ำเชิงสัญลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากย่านธนาลัย ซึ่งในอดีตเคยเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองและมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก. “ดอกโบตั๋น” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ความมั่งคั่ง และความเจริญรุ่งเรืองในวัฒนธรรมจีน ถูกนำมาผสานกับองค์ประกอบศิลปกรรมของสถาปัตยกรรมดั้งเดิม เช่น ลายฉลุ ลายไม้แกะสลัก โดยใช้เทคนิคช่างไม้โบราณและวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ตะเคียน ไม้แดง และไม้จำปี พร้อมประยุกต์การประกอบไม้ด้วยกาวและหมุดทองเหลือง. ผลงานนี้ไม่เพียงสะท้อนความงามเหนือกาลเวลา แต่ยังตีความ “ความมั่งคั่ง” ในความหมายใหม่ที่รวมถึงความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณและความคิดสร้างสรรค์.

นางสาวพุทธรักษ์ ดาษดา นำเสนอผลงานชื่อ "ธนาลัย" โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก "เหล็กดัด"
นางสาวพุทธรักษ์ ดาษดา

 นำเสนอผลงานชื่อ “ธนาลัย” โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก “เหล็กดัด” ที่พบเห็นได้ทั่วไปในย่านธนาลัย ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่าง ประตู หรือระเบียง. เธอได้เปลี่ยนเทคนิคจาก Painting และปั้น มาใช้เหล็กดัดในการสร้างสรรค์ฉากกั้นห้องแบบพับได้ โดยผสมผสานเรื่องราวของพหุวัฒนธรรมและลายผ้าเข้าด้วยกัน. ลวดลายเหล็กดัดเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนรสนิยมและภูมิปัญญาในอดีต แต่ยังแฝงไว้ด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์. ผลงานของเธอตั้งใจเป็น “จุดเริ่มต้นของการสนทนา” เพื่อชวนให้มองพื้นที่เก่าในเมืองด้วยสายตาใหม่ ว่าสามารถเป็นพื้นที่สร้างสรรค์และแรงบันดาลใจที่ร่วมสมัยได้อีกครั้ง.

นางสาวสิริฉาย เอาฬาร เลือกที่จะหันกลับมามอง "ราก" ของผู้คนในย่านธนาลัยผ่านแนวคิด "Sketch the past, Draw the future" หรือ "วาดอดีต สู่ อนาคต". โครงการ "Food Sketch Tour"
นางสาวสิริฉาย เอาฬาร

เลือกที่จะหันกลับมามอง “ราก” ของผู้คนในย่านธนาลัยผ่านแนวคิด “Sketch the past, Draw the future” หรือ “วาดอดีต สู่ อนาคต”. โครงการ “Food Sketch Tour” ของเธอเชิญชวนเยาวชนให้วาดภาพอาหารจากร้านเก่าแก่และรับฟังเรื่องเล่าจากเจ้าของร้านผู้ผ่านประสบการณ์ยาวนาน. กิจกรรมนี้สร้างบทสนทนาระหว่างรุ่นที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความอบอุ่น ซึ่งเรื่องเล่าเหล่านี้ถูกกลั่นกรองออกมาเป็นภาพวาดอาหารที่เปี่ยมด้วยความทรงจำและความหมาย. การจัดแสดงผลงานที่ไม่เหมือนใครนี้ โดยการจัดวางภาพวาดบนโต๊ะอาหารจริงใน “มื้อสร้างสรรค์” เชิญชวนผู้ชมให้ “ลิ้มรสเรื่องราว” ทั้งผ่านสายตาและประสบการณ์การกิน. แนวคิดนี้จึงไม่หยุดแค่การอนุรักษ์ปัญญาเก่าแก่ แต่เป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านการเชื่อมโยงคนต่างวัยและส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับชุมชน.

กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้ (SIDETHINK SOCIETY) ให้ความสนใจกับ "ประวัติศาสตร์" ที่ไม่ถูกบันทึกไว้ในตำรา แต่ถ่ายทอดผ่านสิ่งของ สถานที่ และวิถีชีวิต.
กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้ (SIDETHINK SOCIETY)

 ให้ความสนใจกับ “ประวัติศาสตร์” ที่ไม่ถูกบันทึกไว้ในตำรา แต่ถ่ายทอดผ่านสิ่งของ สถานที่ และวิถีชีวิต. พวกเขามองเห็นคุณค่าของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในย่านธนาลัย ซึ่งเป็นจุดบรรจบของเรื่องราวมากมายทั้งมิติชาติพันธุ์ ศาสนา และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ “ประวัติศาสตร์การค้า” ที่สะท้อนผ่านอาคาร ร้านค้า และวิถีชีวิต. กลุ่มฯ ได้จัดกิจกรรม “การเสวนาแลกเปลี่ยน” เพื่อเชื่อมโยงประวัติศาสตร์กับพหุวัฒนธรรมของย่านธนาลัย. นอกจากการเสวนาแล้ว กลุ่มศิลปินยังได้รวบรวม “ของเก่า” และ “ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จริง” ในย่านธนาลัย เพื่อนำมาจัดแสดงในนิทรรศการภายใต้ชื่อ “ลุ้นรรจความสัมพันธ์” ซึ่งเปรียบเสมือนภาชนะทางความคิดที่เก็บรวบรวมความทรงจำและเรื่องราวของผู้คน. แนวคิดนี้มุ่งเน้นว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการร้อยเรียงอดีตเข้ากับปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง เคารพต่อความหลากหลาย และเปิดโอกาสให้เรื่องเล่าเก่าๆ กลับมามีความหมายใหม่อีกครั้ง.

นายรชรินทร์ อินธุระ ศิลปินอีกท่านหนึ่ง ได้นำเสนอแนวคิดในการ "ยกระดับสินค้า" ของย่านธนาลัยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง.
นายรชรินทร์ อินธุระ

ศิลปินอีกท่านหนึ่ง ได้นำเสนอแนวคิดในการ “ยกระดับสินค้า” ของย่านธนาลัยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง. ภายใต้แนวคิด “Remake Thanalai” หรือ “ทนัย กู” (ของดีธนาลัย) เขาพยายามนำของที่มีอยู่ในร้านค้าต่างๆ มาจัดองค์ประกอบด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้กลายเป็นของใหม่ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น. ผลงานของเขา เช่น โคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟตั้งพื้น ชั้นวางของ โต๊ะเล่นหมากรุก และพัด ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ผสมผสานจากของที่ได้จากร้านค้าในย่าน. จุดประสงค์หลักคือการนำเสนอความเป็นไปได้ที่หลากหลายและความสนุกในการเดินช้อปปิ้งในธนาลัยจากมุมมองใหม่ เพื่อให้เกิดแนวทางที่น่าสนใจในอนาคต สำหรับนักออกแบบหรือผู้คนในพื้นที่ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และสร้างความคึกคักให้กับพื้นที่ต่อไป.

ประโยชน์ของประชาชนการฟื้นฟูที่จับต้องได้และการสร้างโอกาสใหม่

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” และโครงการที่เกี่ยวข้องนี้ นำมาซึ่งประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อประชาชนในหลายมิติ:

  • การฟื้นฟูและรักษาเอกลักษณ์ของพื้นที่: ประชาชนในท้องถิ่นได้เห็นคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของตนเองได้รับการอนุรักษ์และต่อยอด. การนำเสนอเรื่องราวผ่านศิลปะช่วยให้วิถีชีวิต อาคารเก่าแก่ และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของย่านธนาลัยได้รับการจดจำและส่งต่อสู่คนรุ่นใหม่.
  • การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและอาชีพ: โครงการนี้กระตุ้นให้เกิดการมองเห็นศักยภาพของพื้นที่ในแง่ของการสร้างสรรค์ ทำให้เกิดโอกาสในการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น. การที่คนรุ่นใหม่กลับมาลงทุนและสร้างสรรค์ธุรกิจในพื้นที่ย่อมส่งผลให้เกิดการจ้างงานและรายได้หมุนเวียนในชุมชน.
  • การกระตุ้นการท่องเที่ยว: ด้วยการนำเสนอเสน่ห์ของย่านธนาลัยในมุมมองใหม่ ผสมผสานศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิต นิทรรศการนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาเยี่ยมเยือน ทำให้พื้นที่กลับมามีชีวิตชีวาและคึกคักอีกครั้ง.
  • การเสริมสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ: โครงการเปิดโอกาสให้ชุมชน ผู้ประกอบการ และนักสร้างสรรค์ ได้ทำงานร่วมกัน. นี่คือเวทีที่ประชาชนสามารถสะท้อนความคิดเห็นและร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาบ้านเกิดของตนเองผ่านความร่วมมือ. การสร้างเครือข่ายนี้จะนำไปสู่โครงการระยะยาวที่ยั่งยืน.
  • การเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจ: ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเยาวชน ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของท้องถิ่นผ่านรูปแบบที่น่าสนใจและเข้าถึงง่าย. ผลงานศิลปะที่จัดแสดงยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้มองเห็นสิ่งรอบตัวด้วยมุมมองใหม่ และเปิดโอกาสให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในชีวิตประจำวัน.

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” จึงไม่ได้เป็นเพียงการแสดงงานศิลปะ แต่เป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยมีเชียงรายเป็นศูนย์กลางในการหลอมรวมอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับชุมชนและประเทศชาติ. นิทรรศการจะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 8 กันยายน 2568 เวลา 10.00 – 16.00 น. (หยุดวันจันทร์).

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่
  • บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย
  • นักสร้างสรรค์และศิลปินกลุ่มต่างๆ: นายเอกพงษ์ ใจบุญ, นางสาวพุทธรักษ์ ดาษดา, นางสาวสิริฉาย เอาฬาร, กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้, และนายรชรินทร์ อินธุระ
  • เครือข่ายศิลปิน ชุมชน ผู้ประกอบการ ร้านค้าในพื้นที่ย่าน
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News