
เชียงราย, 14 กันยายน 2568 — ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง–เชียงราย (CEI) กำลังเปลี่ยนผ่านสู่บทใหม่ของอุตสาหกรรมการบินภาคเหนือ เมื่อ ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เดินหน้าแผนลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งการสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และการตั้ง “ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO)” บนพื้นที่เฉพาะ ขณะเดียวกัน สนามบินเริ่มเปิดพื้นที่ฝั่งทิศเหนือเพื่อดึงเอกชนลงทุน “FBO”—ผู้ให้บริการภาคพื้นสำหรับการบินธุรกิจ/เครื่องบินส่วนตัว—เพื่อรองรับดีมานด์ระดับพรีเมียมที่เติบโต
“FBO (Fixed-Base Operator) เป็นผู้ให้บริการภาคพื้นสำหรับการบินธุรกิจ/เครื่องบินส่วนตัว ตอนนี้สนามบินกำลังประชาสัมพันธ์หาผู้ลงทุน โดยพื้นที่ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของสนามบิน” นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง–เชียงราย กล่าวยืนยันกับผู้สื่อข่าวนครเชียงรายนิวส์ สะท้อนทิศทางที่ CEI กำลังเปิด “ประตูที่สอง” ให้กับผู้โดยสารกลุ่มเฉพาะ (niche premium) ควบคู่ไปกับผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ปกติ
จากสนามบินประตูท่องเที่ยว สู่ “ฐานอุตสาหกรรมการบิน”
ในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน แผนของ ทอท. ที่เชียงรายแบ่งเป็น 2 แกนสำคัญ
ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ CEI ไม่ได้เป็นเพียง “สนามบินปลายทางท่องเที่ยว” อีกต่อไป แต่ยกระดับไปเป็น “ศูนย์บริการด้านการบิน” ครบวงจร ซึ่งการมี MRO จะสร้างฐานการจ้างงานทักษะสูง กระตุ้นเศรษฐกิจห่วงโซ่อุตสาหกรรมอากาศยาน และเพิ่มเสถียรภาพรายได้ให้สนามบินในระยะยาว—ต่างจากรายได้ที่ผันผวนตามฤดูกาลท่องเที่ยว
FBO vs MRO คนละบท คนละคุณค่า แต่เสริมกัน
คำว่า FBO และ MRO มักถูกเอ่ยคู่กัน แต่มี “หน้าที่” คนละแบบ
ดังนั้น “เชียงราย” ที่ เปิดหาเอกชนลงทุน FBO และในเวลาเดียวกัน เดินหน้า MRO จึงเป็นยุทธศาสตร์สองขาที่ “ตอบสองตลาด” ทั้ง ตลาดพรีเมียมรายคน (FBO) และ ตลาดสายการบินรายฝูงบิน (MRO)
ภูมิทัศน์การแข่งขัน ไทยมี “ฐาน FBO แข็งแรง” อยู่แล้ว
ประเทศไทยมี FBO/ผู้ให้บริการภาคพื้นที่แข็งแกร่งและได้รับการยอมรับระดับภูมิภาค หนึ่งในนั้นคือ MJets ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่ง รายงาน AIN FBO Survey 2025 จัดให้ MJets อยู่ใน Top 20% ของเอเชีย–แปซิฟิก ด้วยคะแนน 4.46 ยืนยันทักษะและมาตรฐานการบริการของผู้เล่นไทยในเวทีนานาชาติ
ด้านผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลกอย่าง Universal Aviation มีจุดให้บริการ/ซัปพอร์ตการปฏิบัติการในไทยหลายสนามบิน (เครือข่ายประเทศไทย) ซึ่งสะท้อนว่าตลาดบริการภาคพื้นสำหรับลูกค้าธุรกิจและเครื่องบินส่วนตัวในไทยมีฐานโครงสร้างรองรับรองรับอยู่แล้ว หากเชียงรายเปิด FBO เพิ่ม จะยิ่งเสริมเครือข่ายให้สมบูรณ์ในฝั่งเหนือของประเทศ
ขณะเดียวกัน สนามบินเชียงรายยังมีบริษัทภาคพื้นเชิงพาณิชย์ให้บริการอยู่ก่อน เช่น Thai Ground Solutions (TGGS) ซึ่งตอกย้ำว่าพื้นฐานการให้บริการภาคพื้นของ CEI มีอยู่จริง และพร้อมต่อยอดไปสู่บริการพรีเมียมเฉพาะทางของ FBO ได้ในขั้นถัดไป
ดีมานด์ฝั่งผู้โดยสาร “Solo Travel” มาแรง – สายการบินจับตาเชียงราย
ด้านอุปสงค์ผู้โดยสาร รายงาน Scoot–YouGov (สิงคโปร์) เดือนสิงหาคม 2568 จากการสำรวจผู้เดินทาง 5,000 คนใน 6 ตลาดเอเชีย–แปซิฟิก (รวมไทย) ชี้ว่า “การเดินทางคนเดียว (Solo Travel) กำลังมาแรง” ด้วยเหตุผลด้านอิสระ–ยืดหยุ่น–เวลาเพื่อดูแลตนเอง (time for me) และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สายการบินใช้วางแผนเส้นทางและผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่—สอดรับกับการโฟกัสจุดหมายปลายทางเมืองหลักของภูมิภาค
สำหรับ Scoot ซึ่งเป็นสายการบินโลว์คอสต์ในเครือ Singapore Airlines Group มีการขยายเครือข่ายครอบคลุมจุดหมายปลายทางกว่า 70 เส้นทางใน 18 ประเทศ และเพิ่งได้รับรางวัล “Value Airline of the Year 2025” จาก Air Transport World (ATW) ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง สะท้อนกลยุทธ์ “ความคุ้มค่า” ที่ตอบโจทย์ผู้โดยสารหลังโควิด (สื่ออุตสาหกรรมยืนยันรางวัล) ขณะที่ฐานข้อมูลรางวัลอุตสาหกรรมการบินของ Skytrax ก็แสดงความเชื่อมโยงของ Scoot กับ Singapore Airlines อย่างเป็นทางการในฐานะแขนงโลว์คอสต์ของเครือ—ยืนยันบทบาทในกลุ่ม SIA ที่แข็งแกร่งในเอเชีย
เมื่อโยงบริบทนี้กับ เชียงราย—จุดหมายปลายทางที่มีทั้งธรรมชาติ–วัฒนธรรม–ธุรกิจเชื่อมจีนตอนใต้—จึงไม่น่าแปลกที่สายการบินภูมิภาคจับตาเปิด/ขยายเส้นทางมายัง CEI มากขึ้น ซึ่งหากขีดความสามารถผู้โดยสารและบริการภาคพื้นระดับพรีเมียม (FBO) ขยายตัวพร้อมกัน จะทำให้ “ระบบนิเวศการบิน” ของเชียงรายครบวงจรขึ้นทันที
กรอบเวลา–ศักยภาพ–ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
เมื่อรวมกัน ผลกระทบทางเศรษฐกิจคาดหมายคือ การจ้างงานทักษะสูง (ช่างอากาศยาน–วิศวกร–โลจิสติกส์), รายได้มั่นคงจากธุรกิจ MRO, การใช้จ่ายท่องเที่ยว–บริการต่อเชื่อม (retail/อาหาร/ที่พัก/รถเช่า), และ ภาพลักษณ์จังหวัด ที่ขยับจาก “ปลายทางท่องเที่ยว” ไปสู่ “มหานครการบินของภาคเหนือ”
เสียงจากสนาม ทำไม “เชียงราย” จึงน่าลงทุน FBO ตอนนี้
ความท้าทาย ทุน–เวลา–มาตรฐาน–พันธมิตร
ภาพรวมเชิงนโยบาย “Next Wing” ในความหมายของการยกระดับทั้งองค์กร
แม้คำว่า “AOT Next Wing” จะถูกใช้เป็นชื่อโครงการฝึกอบรม/พัฒนาศักยภาพบุคลากรรุ่นใหม่ของ ทอท. ในช่วงปี 2568 มากกว่าจะเป็นชื่อโครงการก่อสร้างสนามบินโดยตรง แต่สาระสำคัญคือ การเติม “ปีกใหม่” ให้บุคลากร–กระบวนการ–มาตรฐาน เพื่อรองรับแผนขยายตัวขององค์กรในระยะยาว—รวมถึงงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร/ระบบภาคพื้น/บริการใหม่ที่สนามบินต่าง ๆ ของ ทอท. ทั่วประเทศ (มีหลักฐานการใช้งานคำดังกล่าวในสื่อองค์กร/พันธมิตรประกันภัย)
บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์
ฝั่งอุปทาน ทอท. กำลัง “ปักเสาเข็มใหม่” ให้สนามบินเชียงรายด้วย อาคารผู้โดยสารใหม่ + MRO ซึ่งจะพลิก CEI ให้เป็น “ฐานเศรษฐกิจการบิน” ที่มีรายได้และงานคุณภาพสูง ขณะที่ฝั่งอุปสงค์ สนามบินเปิดหาเอกชนลงทุน FBO เพื่อรองรับการเดินทางพรีเมียม/เครื่องบินธุรกิจ—เชื่อมเศรษฐกิจชายแดนกับทุนข้ามพรมแดนอย่างคล่องตัว
ในภาพใหญ่ เชียงราย จึงไม่ได้รอเพียงฤดูกาลท่องเที่ยวอีกต่อไป แต่กำลังก้าวสู่ “มหานครการบินของภาคเหนือ” ที่มีทั้ง ผู้โดยสารเชิงพาณิชย์–ลูกค้า FBO–สายการบิน–ฐาน MRO อยู่ร่วม ecosystem เดียวกัน หากการลงทุนสำเร็จตามโรดแมป และดึงพันธมิตรนานาชาติเข้าร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ—สนามบินแห่งนี้จะเป็น “ทางออก” ของคำถามใหญ่เรื่องการกระจายศูนย์กลางเศรษฐกิจการบินในไทย และเป็น “จุดหมาย” ของธุรกิจที่ต้องการความเร็ว ความเป็นส่วนตัว และคุณภาพมาตรฐานโลกในภาคเหนืออย่างแท้จริง
FBO คืออะไร
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.