พายุ “วิภา” ถล่มเทิง! PEA เร่งกู้คืนระบบไฟฟ้ากระทบกว่า 3,700 ครัวเรือน คาดจ่ายไฟครบหลังน้ำลด 432 ราย

เชียงราย, 24 กรกฎาคม 2568 – อิทธิพล “วิภา” กระหน่ำอำเภอเทิง กฟภ.ระดมทีมฟื้นฟูระบบไฟฟ้า ชูบทเรียนจัดการภัยพิบัติอย่างมืออาชีพ

ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติที่เกิดจากพายุโซนร้อน “วิภา” ซึ่งได้เคลื่อนตัวพัดผ่านภาคเหนือของประเทศไทย จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอำเภอเทิง กลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยส่งผลให้ระบบสาธารณูปโภคหลักอย่าง “ไฟฟ้า” ในหลายชุมชนเกิดความเสียหายและต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว สร้างความลำบากให้กับประชาชนกว่า 3,700 ครัวเรือน ในช่วงเวลาที่พายุถาโถมเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางดึกวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา

สรุปสถานการณ์ความเสียหายและแผนกู้คืนระบบไฟฟ้า

ข้อมูลจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเทิง (กฟส.เทิง) ระบุถึงเหตุการณ์และแผนปฏิบัติการดังนี้

  1. เสาไฟฟ้าแรงสูงเอียง (บ้านห้วยไคร้ ต.เวียง)
    • น้ำกัดเซาะดินริมถนนบริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูงวงจร F9 และ F10 ทำให้เสาไฟฟ้าเอียง 2 ต้น
    • ดำเนินการแก้ไขให้จ่ายไฟฟ้าชั่วคราวได้แล้ว
  2. ดินสไลด์ ต้นไม้โค่นล้ม (บ้านเลาอู ต.ตับเต่า)
    • ส่งผลผู้ใช้ไฟ 1,001 ราย
    • กู้คืนระบบและจ่ายไฟคืนครบถ้วน
  3. ดินสไลด์ ต้นไม้โค่นล้ม (บ้านไร่สอง ต.ตับเต่า)
    • กระทบผู้ใช้ไฟ 1,129 ราย
    • ดำเนินการแก้ไขและจ่ายไฟคืนครบ
  4. อุปกรณ์ชำรุด (บ้านใหม่ ต.เวียง)
    • คาดว่าอุปกรณ์ TNG01VR-103 T/L ชำรุด
    • ใช้วิธี Bypass จ่ายไฟคืนผู้ใช้ไฟแล้ว
  5. น้ำท่วม (บ้านห้วยหลวง ต.เวียง)
    • ปลดอุปกรณ์ 01VF-102
    • ระดับน้ำลดแล้ว จ่ายไฟคืน 103 รายครบ
  6. พื้นที่น้ำท่วม ปลดระบบเพื่อความปลอดภัย
    • ดับไฟ 5 หม้อแปลง ตัดไลน์ 1 จุด รวม 5 พื้นที่ (บ้านใหม่ บ้านร่องขามป้อม หมู่บ้านบริเวณหลังที่ว่าการอำเภอเทิง สถานีสูบน้ำบ้านทุ่งขันไชย และบ้านตับเต่า หมู่ 2)
    • กระทบผู้ใช้ไฟ 432 ราย
    • จะจ่ายไฟคืนเมื่อระดับน้ำลดลง

ยอดรวมล่าสุด (ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2568)

  • ผู้ใช้ไฟได้รับผลกระทบ: 3,704 ราย
  • จ่ายไฟคืนแล้ว: 3,272 ราย
  • เหลือค้างรอจ่ายไฟหลังน้ำลด: 432 ราย

PEA รับมือฉับไว ย้ำ “ชีวิตต้องมาก่อนทุกระบบ”

ในภาวะวิกฤติ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเทิง ดำเนินการฟื้นฟูระบบอย่างมืออาชีพ โดยทันทีที่มีรายงานความเสียหายจากน้ำท่วม ดินสไลด์ ต้นไม้โค่น และอุปกรณ์ชำรุด เจ้าหน้าที่ PEA ได้ระดมทีมเข้าแก้ไขในแต่ละจุดอย่างรวดเร็วและรัดกุม พร้อมทั้งประสานกับท้องถิ่นและชุมชน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด

ที่สำคัญคือ “การตัดสินใจปลดระบบไฟฟ้า” ในพื้นที่น้ำท่วมขัง เป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่วที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตประชาชน แม้จะต้องแลกมากับความไม่สะดวก แต่ก็เป็นทางเลือกที่ถูกต้องในภาวะฉุกเฉิน

นอกจากนี้ การแก้ไขอุปกรณ์เสียหายด้วยเทคนิค “Bypass” และการปรับปรุงเสาไฟที่เอียงให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ชั่วคราว เป็นตัวอย่างของการ “บริหารจัดการปัญหาเฉพาะหน้า” ที่มีประสิทธิภาพ ลดระยะเวลาการขาดไฟฟ้าลงอย่างมาก

บทเรียนและข้อเสนอแนะเพื่อระบบไฟฟ้ายั่งยืนในพื้นที่เสี่ยงภัย

เหตุการณ์ที่อำเภอเทิงครั้งนี้สะท้อน 3 ประเด็นหลักที่สำคัญต่อการพัฒนาระบบไฟฟ้าและการบริหารจัดการภัยพิบัติในอนาคต

  1. การบริหารความเสี่ยงเชิงรุก:
    PEA เทิง สามารถจัดลำดับความสำคัญ ระบุจุดเสี่ยง ปรับแผนการจ่ายไฟและซ่อมแซมได้ตรงจุด ตอบสนองภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  2. มาตรการความปลอดภัยที่รัดกุม:
    การยอม “ตัดไฟ” ในพื้นที่น้ำท่วมแม้จะกระทบความสะดวกของประชาชน แต่ก็ป้องกันเหตุร้ายแรงซึ่งอาจถึงชีวิต ถือเป็นมาตรฐานสำคัญที่ควรปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
  3. การสื่อสารกับประชาชน:
    การแจ้งข้อมูลความคืบหน้า แผนคืนระบบไฟ และข้อควรระวังเรื่องไฟฟ้ารั่วแก่ชุมชนตลอดเหตุการณ์ สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในหน่วยงานรัฐ

ความท้าทายที่ยังรอการแก้ไข

ผู้ใช้ไฟ 432 รายที่ยังไม่ได้รับการจ่ายไฟฟ้าจนกว่าระดับน้ำจะลด ถือเป็นกลุ่มที่ยังเปราะบาง ต้องอาศัยการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมเข้าดำเนินการโดยทันทีเมื่อปลอดภัย

สรุป

การจัดการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเทิง ในเหตุการณ์พายุ “วิภา” เป็นตัวอย่างของการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและใส่ใจต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยยึดหลัก “ชีวิตต้องมาก่อน” เป็นอันดับแรก ทั้งยังสะท้อนบทเรียนสำคัญสำหรับการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่เสี่ยงภัยของไทยในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเทิง (PEA เทิง)
  • รายงานสถานการณ์อุทกภัย จังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News