
เชียงราย, 5 พฤษภาคม 2568 – สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์รายงานว่า อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) ได้ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้าในพื้นที่ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น และตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงในฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) บริเวณเมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย โดยมีการปะทะกันระหว่างกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายกับทหารลาว ส่งผลให้มีกระสุนปืนตกลงในฝั่งไทยและสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 และต่อเนื่องจนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 โดยมีรายงานเสียงปืนและการปะทะอย่างรุนแรงในพื้นที่ภูผาหม่นและบ้านเชียงตอง เมืองปากทา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว การปิดจุดชมวิวภูชี้ฟ้าถือเป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่ยังไม่คลี่คลาย
ความตึงเครียดชายแดนไทย-ลาว
จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอำเภอเวียงแก่น เป็นพื้นที่ที่มีพรมแดนติดกับสปป.ลาว โดยมีแม่น้ำโขงและแนวเขตแดนธรรมชาติเป็นตัวแบ่งเขตแดนระหว่างสองประเทศ พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่รู้จักในด้านความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ความใกล้ชิดกับชายแดนทำให้พื้นที่นี้มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ความไม่สงบในฝั่งลาว โดยเฉพาะในแขวงบ่อแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประวัติความขัดแย้งและการค้ายาเสพติด
ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ชาวบ้านในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 และบ้านผาตั้ง หมู่ 14 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น เริ่มรายงานว่าได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้นเป็นระยะจากฝั่งลาว บริเวณเมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว รายงานดังกล่าวได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงชายแดน ซึ่งระบุว่าเกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายกับทหารลาว โดยมีการยึดฐานปฏิบัติการทหารลาวบริเวณภูผาหม่นได้ 3 จาก 4 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ากระสุนปืนขนาด 7.62 มม. ตกลงในฝั่งไทย สร้างความเสียหายให้กับหลังคาบ้านของนางพิมพ์ใจ อนุชิตวรการ และนางสาวมรกต แซ่โซ้ง ในหมู่บ้านร่มฟ้าผาหม่น
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้กับชุมชนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่ภูชี้ฟ้า ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับจุดปะทะ อำเภอเวียงแก่นจึงออกหนังสือด่วนที่สุด (ที่ ชร 1318.3/1165 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568) เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้งดทำกิจกรรมในพื้นที่ตามแนวชายแดนและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด การตัดสินใจปิดจุดชมวิวภูชี้ฟ้าของอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้าจึงเป็นผลสืบเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยและความจำเป็นในการปกป้องชีวิตของนักท่องเที่ยว
การปะทะในฝั่งลาวและผลกระทบต่อประเทศไทย
การปะทะในฝั่งสปป.ลาวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. และต่อเนื่องจนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 โดยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า กองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้งที่ร่วมมือกับเครือข่ายนอกประเทศ ได้โจมตีฐานปฏิบัติการทหารลาวบริเวณภูผาหม่นและบ้านเชียงตอง เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว การโจมตีครั้งนี้ใช้ยุทธวิธีที่ผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยมีการแบ่งกำลังออกเป็นหลายกลุ่มเพื่อล่อและโจมตีทหารลาวที่เข้ามาสนับสนุน ส่งผลให้ทหารลาวเสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย รวมถึงนายทหารระดับหัวหน้า 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่ปะทะ
สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงเมื่อกองกำลังติดอาวุธขุดหลุมและอุโมงค์เพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของทหารลาว ทำให้ทหารลาวไม่สามารถเข้าถึงฐานที่ถูกยึดได้ การใช้รถหุ้มเกราะและเฮลิคอปเตอร์ของทหารลาวก็เผชิญกับข้อจำกัด เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นป่าและมีถ้ำจำนวนมากในพื้นที่ภูผาหม่น นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเด็กหญิงวัย 7 ขวบ ซึ่งติดตามพ่อที่เป็นทหารไปยังฐานปฏิบัติการ ติดอยู่ในพื้นที่ปะทะ สร้างความกังวลให้กับทางการลาวที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือ
ในฝั่งไทย หน่วยทหารพรานที่ 3104 (ทพ.3104) และฝ่ายปกครองอำเภอเวียงแก่นได้ตรึงกำลังตามแนวชายแดนตั้งแต่ผาตั้ง ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน ไปจนถึงภูชี้ฟ้า เพื่อป้องกันผลกระทบจากเหตุการณ์ในลาว นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ นายอำเภอเวียงแก่น ระบุว่า ได้ออกตรวจพื้นที่เสี่ยงและสั่งการให้ผู้นำชุมชนจัดชุดเวรยามเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ รวมถึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้แจ้งเบาะแสหากพบบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่
ด้านสถานีเรือเชียงของได้จัดชุดลาดตระเวนทางน้ำเพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นจุดที่อาจได้รับผลกระทบจากการปะทะในฝั่งลาว การปิดจุดชมวิวภูชี้ฟ้าถือเป็นมาตรการสำคัญในการลดความเสี่ยงจากกระสุนปืนที่อาจตกลงในฝั่งไทย และปกป้องนักท่องเที่ยวจากสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอน
สถานการณ์ล่าสุดและมาตรการรับมือ
จนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 สถานการณ์ในฝั่งลาวเริ่มสงบลง โดยไม่มีรายงานการปะทะเพิ่มเติมตั้งแต่ช่วงเช้า อย่างไรก็ตาม ทางการลาวยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ภูผาหม่นได้ทั้งหมด และยังคงเผชิญกับความท้าทายในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเด็กหญิงที่ติดอยู่ในฐานปฏิบัติการ มีรายงานว่าทางการลาวจับกุมสมาชิกกองกำลังติดอาวุธได้ 2 ราย ซึ่งให้การว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้งที่มีการวางแผนโจมตีมานาน โดยอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ
ก่อนหน้านี้ ตำรวจเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ได้ยึดยาบ้า 20.2 ล้านเม็ด ซึ่งถือเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ในพื้นที่ ชาวบ้านในลาวจึงเชื่อว่าเหตุปะทะครั้งนี้อาจเป็นการตอบโต้จากกลุ่มค้ายาเสพติดที่สูญเสียผลประโยชน์จากการปราบปรามของทางการลาว อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่แท้จริงยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวน และทางการลาวยังไม่เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มกองกำลังดังกล่าว
ในฝั่งไทย อำเภอเวียงแก่นได้ออกหนังสือสอบถามไปยังเมืองปากทา ซึ่งได้รับคำตอบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องภายในของลาว และจะแจ้งความคืบหน้าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ กล่าวว่า “ขณะนี้เราเน้นการเฝ้าระวังและปกป้องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดน” ทางการไทยยังคงประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในลาวเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
การปิดจุดชมวิวภูชี้ฟ้าจะยังคงมีผลจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ โดยอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้าได้ประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ “อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า-Phu Chi Fa National Park” เพื่อแจ้งนักท่องเที่ยวให้งดเดินทางมายังพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ ทางการได้แนะนำให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้แนวชายแดนเพื่อความปลอดภัย
ความท้าทายและโอกาส
เหตุการณ์ปะทะในฝั่งลาวและผลกระทบต่อประเทศไทยสะท้อนถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ชายแดน ซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้งความมั่นคง การค้ายาเสพติด และความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ดังนี้:
มิติด้านความมั่นคง
การปะทะในฝั่งลาวเผยให้เห็นถึงความเปราะบางของพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว โดยเฉพาะในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับการค้ายาเสพติดและกิจกรรมข้ามชาติ การที่กระสุนปืนตกลงในฝั่งไทยแสดงถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างสองประเทศ รวมถึงการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า
มิติด้านการท่องเที่ยว
การปิดจุดชมวิวภูชี้ฟ้าส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของชุมชนท้องถิ่น ผู้ประกอบการในพื้นที่ เช่น โรงแรมและร้านอาหาร อาจเผชิญกับรายได้ที่ลดลงในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม การปิดชั่วคราวนี้เป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบของหน่วยงานในการปกป้องนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจช่วยรักษาความเชื่อมั่นในระยะยาว
มิติด้านการค้ายาเสพติด
การสันนิษฐานว่าเหตุปะทะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการปราบปรามยาเสพติดในภูมิภาคสามเหลี่ยมทองคำ การจับกุมยาบ้า 20.2 ล้านเม็ดในแขวงบ่อแก้วแสดงถึงความเข้มงวดของทางการลาว แต่ก็อาจกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้จากกลุ่มค้ายา การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างไทย ลาว และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
โอกาสในการพัฒนา
วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสให้ไทยและลาวพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงและการจัดการชายแดน การจัดตั้งกลไกประสานงานฉุกเฉินและการแลกเปลี่ยนข้อมูลจะช่วยลดผลกระทบจากความขัดแย้งในอนาคต นอกจากนี้ การส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดเชียงราย เช่น วัดร่องขุ่นหรือดอยช้าง อาจช่วยชดเชยผลกระทบจากการปิดจุดชมวิวภูชี้ฟ้า
ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง
การปิดจุดชมวิวภูชี้ฟ้าและการตรึงกำลังตามแนวชายแดนเป็นมาตรการที่สมเหตุสมผลเพื่อปกป้องความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทางการควรพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และสื่อสารข้อมูลอย่างชัดเจนเพื่อลดความตื่นตระหนกของประชาชน การประสานงานกับฝั่งลาวเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นตอจะเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันเหตุการณ์ซ้ำในอนาคต
สถิติที่เกี่ยวข้อง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.