เมียนมาพร้อมส่งเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7,000 คนกลับไทย

ตาก, 12 กุมภาพันธ์ 2568 – รัฐบาลเมียนมาประกาศเตรียมส่งตัวผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับไทยอีก 7,000 คน หลังจากปล่อยตัวเหยื่อชุดแรก 261 คนเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า มาตรการของไทยจะประสานกับประเทศปลายทางเพื่อให้สามารถรับตัวผู้เสียหายกลับได้โดยตรง ลดปัญหาการตกค้างในจังหวัดตาก

ไทยเร่งประสานนานาชาติ พร้อมรับเหยื่อกลับบ้าน

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทางการไทยได้ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตจากหลายประเทศทั่วโลก อาทิ แอฟริกา ลาตินอเมริกา ยุโรป และเอเชีย รวมถึงญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพื่อให้ประเทศเหล่านี้พร้อมรับพลเมืองของตนที่ถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับบ้านอย่างปลอดภัย

จับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากการช่วยเหลือเหยื่อ ทางการไทยยังสามารถจับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่เบื้องหลังการหลอกลวงนักแสดงชาวจีนให้ไปทำงานผิดกฎหมาย โดยขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

มาตรการซีลชายแดนของไทย ได้ผลจริง

นายภูมิธรรมย้ำว่า มาตรการซีลชายแดนของไทยและการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเมียนมา ได้ช่วยให้ปัญหาการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ ทางการจีนได้ขอบคุณไทยสำหรับมาตรการนี้ ซึ่งส่งผลให้มีการช่วยเหลือพลเมืองที่ถูกหลอกลวงกลับประเทศได้สำเร็จ

บุคคลต่างชาติ จำนวน 260 ราย(ชาย 221 / หญิง 39) จาก 20 สัญชาติ

โดย ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร ได้บูรณาการร่วมในการปฏิบัติกับฝ่ายปกครอง อ.พบพระ, สภ.พบพระ, ร้อย.ตชด.346 และ พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จ.ตาก (พม.ตาก) ในการรับตัว

ในเวลา 15.45 น.ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร ดำเนินการรับตัวบุคคลต่างชาติ จำนวน 260 ราย(ชาย 221 / หญิง 39) จาก 20 สัญชาติ โดยทางฝ่ายเมียนมา และ กกล.DKBA ส่งมอบบริเวณท่าข้ามสินค้าหมายเลข 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก

จากนั้น ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร นำบุคคลต่างชาติมาร่วมคัดกรองและตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อยืนยันสัญชาติ และจำนวน 20 สัญชาติ ภายในที่ว่าการอำเภอพบพระ ร่วมกับ ตม.จ.ตาก และ พม.จ.ตาก ประกอบด้วย

  1. สัญชาติ ฟิลิปปินส์ จำนวน 16 ราย
  2. สัญชาติ เคนยา จำนวน 23 ราย
  3. สัญชาติ แทนซาเนีย จำนวน 1 ราย
  4. สัญชาติ บราซิล จำนวน 2 ราย
  5. สัญชาติ เอธิโอเปีย จำนวน 138 ราย
  6. สัญชาติ ปากีสถาน จำนวน 12 ราย
  7. สัญชาติ บังกลาเทศ จำนวน 2 ราย
  8. สัญชาติ เนปาล จำนวน 7 ราย
  9. สัญชาติ กัมพูชา จำนวน 1 ราย
  10. สัญชาติ ศรีลังกา จำนวน 1 ราย
  11. สัญชาติ ยูกันดา จำนวน 6 ราย
  12. สัญชาติ ไต้หวัน จำนวน 7 ราย
  13. สัญชาติ ลาว จำนวน 6 ราย
  14. สัญชาติ อินโดนีเซีย จำนวน 8 ราย
  15. สัญชาติ บุรุนดี จำนวน 2 ราย
  16. สัญชาติ ไนจีเรีย จำนวน 1 ราย
  17. สัญชาติ กานา จำนวน 1 ราย
  18. สัญชาติ อินเดีย จำนวน 1 ราย
  19. สัญชาติ มาเลเซีย จำนวน 15 ราย
  20. สัญชาติ จีน จำนวน 10 ราย

แผนรับผู้ถูกหลอกกลับไทย ประสานประเทศปลายทางโดยตรง

รัฐบาลไทยเน้นย้ำว่าจะไม่มีการนำตัวเหยื่อไปพักไว้ที่ไทย แต่จะส่งตัวให้ประเทศต้นทางโดยตรงเพื่อป้องกันปัญหาความแออัดและลดภาระการดูแล

หากประเทศใดมีจำนวนผู้ถูกหลอกมาก สามารถจัดเตรียมเครื่องบินมารับตัวพลเมืองของตนกลับไปพร้อมกันได้ทันที รัฐบาลไทยจะเร่งรายงานความคืบหน้าให้กับนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด

สรุป

การดำเนินมาตรการของรัฐบาลไทยเพื่อช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และลดการค้ามนุษย์ ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศทั่วโลก การซีลชายแดน การประสานงานระดับนานาชาติ และการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด ส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มว่านโยบายนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการหลอกลวงแรงงานข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. เหตุใดรัฐบาลเมียนมาจึงส่งตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับไทย?
    รัฐบาลเมียนมามีข้อตกลงกับไทยและนานาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกหลอกลวง และส่งตัวกลับประเทศต้นทาง
  2. ไทยมีมาตรการอย่างไรในการช่วยเหลือเหยื่อ?
    ไทยประสานงานกับสถานทูตต่างประเทศ เพื่อให้พลเมืองของแต่ละประเทศสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
  3. หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกจับกุมแล้วหรือไม่?
    ใช่ ทางการไทยจับกุมตัวหัวหน้าแก๊งได้ทั้งหมด และกำลังดำเนินคดีตามกฎหมาย
  4. ทำไมไทยต้องใช้มาตรการซีลชายแดน?
    เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองและการค้ามนุษย์ รวมถึงลดปัญหาการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
  5. ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีประเทศใดบ้าง?
    หลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และหลายประเทศในยุโรปและลาตินอเมริกา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงกลาโหม 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME