
เชียงราย, 13 พฤศจิกายน 2568 – ขณะที่ประเทศไทยเดินหน้าสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ จังหวัดเชียงรายกำลังผลักดันยุทธศาสตร์ “ทุนมนุษย์” แบบบูรณาการสองขา ยกระดับ IQ/EQ เด็กปฐมวัย ให้ถึงเป้าหมายชาติ และ เสริมทักษะอาชีพ ให้เยาวชนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบภาคบังคับเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานในฐานะ แรงงานฝีมือ อย่างมีคุณภาพ นโยบายนี้มีฐานข้อมูลสนับสนุนชัดเจน แม้ค่าเฉลี่ย IQ เด็กไทย ป.1 = 102.8 อยู่ในเกณฑ์ดี แต่ “ปลายหางต่ำ” ยังน่ากังวล 4.2% อยู่ในเกณฑ์ IQ < 70 สูงกว่าเกณฑ์สากล (~2.2%) เกือบเท่าตัว สะท้อนช่องว่างการคัดกรองและแทรกแซงก่อนวัยเรียนที่ยังไม่ครอบคลุม
ฉากหลัง ตัวเลขที่ชวนคิด เฉลี่ยดี แต่ปลายหางคือจุดปะทะนโยบาย
ภาพรวมระดับชาติจากการสำรวจของกรมสุขภาพจิต (ปี 2564) ระบุว่าเด็ก ป.1 ไทยมี IQ เฉลี่ย 102.8 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล (100) และมีสัดส่วน IQ > 130 ประมาณ 10.4% สะท้อนศักยภาพด้าน “ยอดพีระมิด” ที่เติบโตดี ทว่าด้านที่ต้องเร่งคือ Low-tail distribution เด็ก IQ < 70 = 4.2% สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับความคาดหมายตามการกระจายแบบปกติ (~2–3%) นั่นหมายความว่า หากไม่ปิดแผลปลายหาง ตั้งเป้า IQ เฉลี่ย 103 อาจเป็น “เป้าหมายที่ได้ไม่คุ้มเสีย” เพราะผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจจากกลุ่มเสี่ยงจะกดประสิทธิภาพเชิงระบบในระยะยาว
ในเชิงยุทธศาสตร์ กรมสุขภาพจิตจึงวางเป้าหมาย ปี 2568–2570 ให้ประเทศมุ่งสู่ IQ ≥ 103 และ EQ ในเกณฑ์ปกติ ≥ 85% สองตัวชี้วัดที่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน เพราะงานวิจัยยืนยันว่า เด็กที่ EQ ดีกว่าเกณฑ์ มีโอกาส IQ สูงกว่า กลุ่มที่ EQ ต่ำอย่างมีนัยสำคัญ 1.6–2.5 เท่า การ “ยก EQ” จึงไม่ใช่กิจกรรมเสริม แต่เป็น “คันโยก” ทางสติปัญญา
เชียงรายเริ่มแล้ว โต๊ะบูรณาการ “แรงงานฝีมือ” ดึงเยาวชนคืนระบบเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงราย นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน “โครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ” ปีงบประมาณ 2569 (อยู่ในกรอบ Vocational Skills Enhancement Project – VSEP) โดยมีหน่วยงานร่วม เช่น สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมการจัดหางาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมประชาสัมพันธ์
วัตถุประสงค์ คือ “เปิดทางเลือก” และ “เติมทักษะ” ให้เยาวชนที่หลุดจากเส้นทางการศึกษา ได้ก้าวสู่ตลาดแรงงานในฐานะ แรงงานฝีมือ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของโครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น ตั้งแต่ธุรกิจบริการ การท่องเที่ยว ไปจนถึงห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหาร เกษตรแปรรูป และงานช่างเทคนิคที่มีอุปสงค์สูง
ที่ประชุมได้วางกรอบ แผนปฏิทิน ปี 2569 อย่างเป็นรูปธรรม วันชี้แจงผู้บริหาร/ครูแนะแนว, กิจกรรมศึกษาดูงานและรับสมัคร, วันเปิดฝึกอบรม และการกำหนดชุดหลักสูตรที่ “สอดรับตลาดแรงงานจริง” เพื่อเลี่ยงการฝึกที่ไม่ตอบโจทย์การจ้างงาน ทั้งหมดมุ่งหวังให้ “ทักษะที่เรียน = ค่าจ้างที่ดีขึ้น” ลดโอกาสวนกลับสู่ความเปราะบางทางเศรษฐกิจของครอบครัว
อีกขา (ที่สำคัญกว่า) ปิดแผลปลายหางด้วย Early Intervention
เสาหลักด้านเด็กเล็กคือ Early Intervention (EI) การคัดกรองทารกและเด็กเล็ก 0–3 ปี แบบ “คาดการณ์ความเสี่ยง” แล้วเข้า โปรแกรมกระตุ้นพัฒนาการเข้มข้น ตั้งแต่วัยก่อนอนุบาล หลักฐานเชิงคลินิกชี้ว่า หากทำได้มาตรฐาน เด็กในกลุ่มเสี่ยงสามารถ เพิ่ม IQ ได้ ≈ 8 คะแนนขึ้นไป และ >70% ของเด็กพัฒนาล่าช้าจะกลับมาสมวัย นี่คือ “ผลตอบแทนสูงสุด” ของการลงทุนด้านทุนมนุษย์ เพราะทุก 1 คะแนน IQ ที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพการเรียนรู้และผลิตภาพทางเศรษฐกิจในอนาคต
ดังนั้น กรอบปฏิบัติของเชียงรายควร “ย้ายศูนย์กลาง” จากการรอวัดผล ชั้น ป.1 ไปสู่การคัดกรองเชิงทำนาย 0–3 ปี โดยยึด ปัจจัยเสี่ยงปริกำเนิด เป็นเข็มทิศ ได้แก่ น้ำหนักแรกคลอดต่ำ (<2,500 กรัม), ภาวะขาดออกซิเจนแรกคลอด, มารดาอายุน้อย (<20 ปี), และทุพโภชนาการ (โดยเฉพาะ ขาดไอโอดีน) ควบคู่การคัดกรองโรคร่วมทางพัฒนาการ (ASD/ADHD) ที่สัมพันธ์กับความเสี่ยง IQ ต่ำอย่างมีนัยสำคัญ
“EQ ขับ IQ” ทำไมบ้านและผู้ปกครองคือตัวคูณ
หลักฐานทางจิตวิทยาพัฒนาการระบุชัด บ้าน คือสนามพัฒนาการที่เข้มข้นที่สุด เครื่องมือ “ลงทุนต่ำแต่ได้ผลสูง” จึงต้องเข้าไปถึงมือพ่อแม่/ผู้ดูแลทุกครัวเรือน เช่น
สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับการค้นพบว่า เด็กที่ EQ อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือดีกว่า มีโอกาส IQ สูงกว่า กลุ่มที่ EQ ต่ำ 1.6–2.5 เท่า การเทรนพ่อแม่ให้ใช้ “เครื่องมือ 4 ชุด” อย่างมีวินัย จึงเป็น ตัวคูณ ที่ต้นทุนต่ำแต่ยกระดับผลเชิงระบบได้จริง
ใช้ทุนทางสังคมของเชียงราย “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” สู่การขยายผลทั้งจังหวัด
เชียงรายมีต้นแบบที่น่าศึกษา “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” ในอำเภอแม่ลาว ซึ่งขับเคลื่อนโดย อปท. และภาคีสุขภาพ (สสส./สถ.) บนแนวคิด “เล่น–เรียนรู้–เติบโตแบบองค์รวม” ครอบคลุมกาย–ใจ–สติปัญญา–อารมณ์ จุดแข็งของโมเดลนี้คือ ต้นทุนต่ำ–ขยายง่าย และสอดคล้องวัฒนธรรมชุมชน หากจังหวัดตั้ง ศูนย์ต้นแบบ และ คู่มือขยายผล ที่คุม “ความซื่อตรงของหลักสูตร (fidelity)” ได้ ก็สามารถยกระดับคุณภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั้งจังหวัดอย่างเป็นระบบ
ความท้าทาย อยู่ที่ “การวัดผล” ให้ชัด เชื่อม ข้อมูลกิจกรรม เข้ากับ ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (เช่น อัตราเด็กกลับมาสมวัย, คะแนนประเมินพัฒนาการ, สัดส่วน EQ ปกติ) แล้วรายงานในระดับ อำเภอ/ตำบล เพื่อให้ ทรัพยากรถูกอัดฉีด ไปยัง “พื้นที่อ่อนแอ” ได้ตรงจุด
สิ่งแวดล้อมก็มีส่วน มลพิษอากาศ–ความเสี่ยงเงียบต่อพัฒนาสมอง
เชียงรายเผชิญปัญหา คุณภาพอากาศ เป็นระยะ โดยเฉพาะฤดูกาลฝุ่น การสัมผัส PM2.5 ในวัยที่สมองกำลังพัฒนา ถูกจัดเป็น ปัจจัยเสี่ยงทางระบบประสาท ในเชิงทฤษฎี การบูรณาการ สาธารณสุข–ควบคุมมลพิษ–ท้องถิ่น เพื่อ ลดการสัมผัส ในกลุ่มเสี่ยง (หญิงตั้งครรภ์/ทารก/เด็กเล็ก) และเพิ่มการเข้าถึง พื้นที่ปลอดฝุ่น (เช่น ห้องปลอดฝุ่นใน รพ./ศูนย์เด็กเล็กช่วงวิกฤต) เป็น “มาตรการเสริม” ที่ไม่ควรมองข้าม
ข้อเสนอเชิงระบบ (2568–2570) จากร่างนโยบายสู่การปฏิบัติ
เกณฑ์วัดความสำเร็จที่ชัด–วัดได้–ตรวจสอบได้
“ทุนมนุษย์เชียงราย” จะก้าวทันโลกได้ เมื่อเราปิดปลายหาง และพาเยาวชนกลับสู่ศักดิ์ศรีแรงงานฝีมือ
ข้อมูลชี้ชัด ค่าเฉลี่ย ไม่ใช่ทุกอย่าง “ปลายหางต่ำ” คือโจทย์จริงของสังคม หากเชียงราย “ปิดแผล” IQ < 70 ได้ใกล้เกณฑ์สากล ขณะเดียวกัน เชื่อมสะพานทักษะ ให้เยาวชนที่หลุดจากระบบกลับมามีศักดิ์ศรีแรงงานฝีมือ เมืองทั้งเมืองจะได้ ผลตอบแทนสูงสุด ทั้งในมิติคุณภาพชีวิต ครอบครัวเข้มแข็ง และผลิตภาพทางเศรษฐกิจ นี่คือการลงทุนที่ “จำเป็นและคุ้มค่า” มากที่สุดในทศวรรษหน้า
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.