เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 รายงานจาก The Japan Times เผยถึงข้อมูลที่ชี้ว่าวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพบนโลกกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามนุษย์คือปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งส่งผลให้ประชุม COP16 ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ณ เมืองกาลี ประเทศโคลอมเบีย เข้าสู่สัปดาห์ที่สอง โดยมุ่งประเมินความก้าวหน้าและกำหนดเป้าหมายใหม่เพื่อยับยั้งและฟื้นฟูธรรมชาติภายในปี 2573 ตามกรอบ Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework ที่ได้ลงนามไว้เมื่อสองปีก่อน
วิกฤตเชิงสถิติ: การเสื่อมโทรมของมหาสมุทรและพื้นผิวโลก
จากข้อมูลของ IPBES หน่วยงานวิทยาศาสตร์และนโยบายระดับรัฐบาลระหว่างประเทศด้านความหลากหลายทางชีวภาพพบว่า พื้นที่บนผิวโลกกว่าสามในสี่ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และสองในสามของมหาสมุทรได้รับผลกระทบจากการบริโภคของมนุษย์ที่ไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ยังพบว่า พื้นที่ชุ่มน้ำในแผ่นดินลดลงกว่า 1 ใน 3 ตั้งแต่ปี 2513 ถึง 2558 ซึ่งเร็วกว่าอัตราการลดลงของป่าไม้ถึงสามเท่า รายงานของ IPBES ยังระบุว่าการเสื่อมโทรมของดินที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์กระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างน้อย 3.2 พันล้านคน และการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติจะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าอย่างน้อย 10 เท่าของต้นทุนในการดำเนินการ
หนึ่งในเป้าหมายหลักของกรอบความหลากหลายทางชีวภาพ Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework คือ การฟื้นฟูพื้นที่ดินที่เสื่อมโทรม พื้นที่น้ำในแผ่นดิน พื้นที่ชายฝั่งทะเล และระบบนิเวศทางทะเลให้ได้ 30% ภายในปี 2573
ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสายพันธุ์นับล้าน
จากการประเมินขององค์การสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) พบว่าสายพันธุ์พืชและสัตว์มากกว่าหนึ่งในสี่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ และจากรายงานของ IPBES ระบุว่าสายพันธุ์จำนวนถึงหนึ่งล้านสายพันธุ์กำลังตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะแมลงผสมเกสรที่มีบทบาทสำคัญในการขยายพันธุ์พืชและให้ผลผลิตทางการเกษตรถึงสามในสี่ของอาหารที่มนุษย์บริโภค
นอกจากนี้ ปะการังซึ่งเป็นที่พึ่งพิงของชีวิตกว่า 850 ล้านคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับทะเลก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่ากังวล ปะการังเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะหายไปหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม อุณหภูมินี้เป็นเกณฑ์ที่โลกพยายามไม่ให้เกินตามข้อตกลงปารีส ปี 2558 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
ห้าปัจจัยหลักที่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ
สหประชาชาติได้กำหนดห้าสาเหตุหลักที่เป็นภัยต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย (เพื่อการเกษตรและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) การใช้ทรัพยากรอย่างเกินควร เช่น การใช้น้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่รุกราน ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี 2593 หากไม่มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
เศรษฐกิจโลกพึ่งพาความหลากหลายทางชีวภาพถึงครึ่งหนึ่งของ GDP
จากรายงานของ PwC บริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลก พบว่า 55% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของโลก หรือประมาณ 58 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและบริการของธรรมชาติอย่างหนัก โดยภาคการเกษตร ป่าไม้ ประมง และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นภาคส่วนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ บริการจากธรรมชาติที่มีค่าเช่น การผสมเกสร แหล่งน้ำสะอาด และการควบคุมโรค ล้วนเป็นประโยชน์ที่ธรรมชาติมอบให้แก่เศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก
จากการศึกษาของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอินเดีย Pavan Sukhdev พบว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพมีต้นทุนต่อปีอยู่ที่ระหว่าง 1.75 ล้านล้านถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เงินอุดหนุนกว่า 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับอุตสาหกรรมที่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม
รายงานของ Earth Track ในเดือนกันยายนระบุว่าเงินอุดหนุนที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีมูลค่ามากถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 2.5% ของ GDP โลก ซึ่งมากกว่าเป้าหมายของกรอบ Kunming-Montreal ที่ตั้งเป้าในการระดมทุนปีละ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการปกป้องธรรมชาติ
อุตสาหกรรมที่ได้รับผลประโยชน์จากเงินอุดหนุนเหล่านี้ ได้แก่ การประมง เกษตรกรรม และผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล กรอบความหลากหลายทางชีวภาพนี้ยังมีเป้าหมายที่จะลดเงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างน้อย 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีภายในปี 2573
การรวมพลังเพื่อหยุดยั้งวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพ
การประชุม COP16 ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพที่เมืองกาลีในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการระดมความร่วมมือจากหลายภาคส่วนเพื่อรับมือกับปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก การสร้างความตระหนักและการกำหนดเป้าหมายร่วมกันเพื่อหยุดยั้งการทำลายธรรมชาติและการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้อนาคตของโลกยังคงมีความหลากหลายทางชีวภาพที่มั่นคง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : The Japan Times
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.