เชียงรายเร่งเครื่องชูศักยภาพ “เมืองแห่งขุนเขา” หลังอโกด้าชี้เทรนด์เดินป่าพุ่ง แต่ไร้ชื่อติดโผจังหวัดยอดนิยม

เชียงราย, 27 ธันวาคม 2568 – ท่ามกลางลมหนาวที่พัดพาให้นักท่องเที่ยวทั่วประเทศมุ่งหน้าขึ้นภูเขาและเข้าป่า ตามกระแส “ฤดูเดินป่าเมืองไทย” ที่กำลังมาแรงในช่วงปลายปี 2568 ต่อเนื่องสู่ต้นปี 2569 ข้อมูลจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยวระดับโลก “อโกด้า (Agoda)” กลับสร้างคำถามสำคัญให้กับจังหวัดเชียงราย เมื่อสถิติการค้นหาที่พักเพื่อการเดินป่าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในหลายจังหวัด แต่ “เชียงราย” ซึ่งมีภูมิประเทศภูเขารายล้อมและชื่อเสียงด้านศิลปวัฒนธรรม กลับไม่ติดรายชื่อจังหวัดที่ได้รับการค้นหามากที่สุดในช่วงไฮซีซันดังกล่าว

ในขณะที่เชียงใหม่ ตาก เลย และกาญจนบุรี กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินป่าในสายตาผู้ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล เชียงรายจึงจำเป็นต้อง “เร่งโชว์ว่ามีเขา” และเร่งสื่อสารจุดแข็งของตนเองให้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งในฐานะเมืองศิลปะ เมืองชายแดนสามเหลี่ยมทองคำ และเมืองขุนเขาที่มีอัตลักษณ์ชาติพันธุ์หลากหลาย เพื่อไม่ให้ถูกมองข้ามในแผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์เชิงลึกและยั่งยืน

เทรนด์เดินป่าพุ่งกว่า 200% แต่เชียงราย “ไม่ติดโผ”

ข้อมูลจากอโกด้าในช่วงเดือนตุลาคม 2568 ระบุว่า การค้นหาที่พักสำหรับการเดินป่าในประเทศไทยเพื่อเข้าพักระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2568 ถึงกุมภาพันธ์ 2569 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงฤดูร้อนก่อนหน้า โดยจังหวัดเชียงใหม่มียอดการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 254% รองลงมาคือจังหวัดตาก 230% จังหวัดเลย 190% และจังหวัดกาญจนบุรี 95%

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนอย่างชัดเจนว่า ฤดูหนาวปีนี้ไม่ใช่เพียง “ฤดูหนาวธรรมดา” แต่เป็นฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติแสวงหาประสบการณ์ใกล้ชิดธรรมชาติ เดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ และสัมผัสภูมิประเทศเชิงเขาในรูปแบบลึกซึ้งมากขึ้น

ในรายงาน Travel Outlook Report ของอโกด้า ยังชี้ให้เห็นแนวโน้มที่สำคัญว่า ชาวเอเชียมากกว่าหนึ่งในสาม หรือราว 35% วางแผนท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น จากเดิมเพียง 15% ในปีก่อนหน้า โดยให้เหตุผลสำคัญสองประการ คือ

  1. ค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้
  2. ความต้องการค้นหาจุดหมายปลายทางใหม่ที่มีเสน่ห์ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตเฉพาะถิ่น

ซึ่งหากพิจารณาในมุมศักยภาพ จังหวัดเชียงรายถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ “ตอบโจทย์ทั้งสองข้อ” อย่างครบถ้วน ทั้งด้านภูมิประเทศภูเขาสลับซับซ้อน พื้นที่ป่าต้นน้ำ บทบาทเมืองศิลปะ และความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ แต่การที่เชียงรายยังไม่ปรากฏชื่ออยู่ในกลุ่มจังหวัดที่ถูกค้นหามากที่สุดบนแพลตฟอร์มระดับโลก ย่อมสะท้อนโจทย์ใหญ่ด้าน “การสื่อสารและการตลาดเชิงภาพลักษณ์” ของจังหวัดในเวทีดิจิทัล

ถอดบทเรียนจาก 4 เส้นทางเดินป่าดาวเด่น โจทย์ท้าทายของ “เมืองขุนเขาเชียงราย”

อโกด้าได้หยิบยก 4 เส้นทางเดินป่าในประเทศไทยขึ้นมาแนะนำในฐานะจุดหมายที่ตอบโจทย์นักเดินป่ายุคใหม่ ได้แก่

  • กิ่วแม่ปาน จังหวัดเชียงใหม่ – เส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะประมาณ 3.2 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยป่ามอส ทุ่งหญ้าริมสันเขา และจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเลหมอก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและครอบครัว
  • ดอยทูเล จังหวัดตาก – ยอดดอยสูงราว 1,350 เมตร ต้องอาศัยทักษะการเดินป่า ผ่านทั้งป่าทึบและสันเขาคดโค้ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดสอบขีดจำกัดของตนเอง
  • ภูกระดึง จังหวัดเลย – ภูเขายอดตัดที่เป็น “หมุดหมายในฝัน” ของใครหลายคน ด้วยเส้นทางที่ค่อนข้างชันและใช้พลัง แต่ตอบแทนด้วยภาพป่ากว้างสุดสายตาและหน้าผาชมพระอาทิตย์ขึ้น–ตก
  • เขาช้างเผือก จังหวัดกาญจนบุรี – จุดเด่นอยู่ที่ “สันคมมีด” เส้นทางสันเขาแคบที่ต้องใช้สติและความระมัดระวังสูง แลกกับวิว 360 องศาบนยอดสูงกว่า 1,200 เมตร

เส้นทางเหล่านี้มีจุดร่วมสำคัญคือ “ภาพจำที่ชัดเจน” ในมุมมองของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นทะเลหมอกแนวสันเขา สันคมมีดที่ท้าทาย หรือยอดภูยอดตัดที่กลายเป็นสัญลักษณ์ การตอกย้ำภาพจำผ่านการสื่อสารออนไลน์และรีวิว ทำให้ชื่อของเส้นทางเหล่านี้ติดตลาดและถูกค้นหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในทางกลับกัน แม้เชียงรายจะมีภูมิประเทศและทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถพัฒนาเส้นทางเดินป่าคุณภาพสูงได้เช่นกัน ทั้งพื้นที่ดอยสูงชายแดน วิถีชีวิตชาติพันธุ์บนแนวสันเขา และป่าต้นน้ำ แต่การขาด “แบรนดิ้งเส้นทางเดินป่า” ที่ชัดเจนและการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้จังหวัดยังไม่สามารถก้าวเข้าสู่ความรับรู้ในระดับเดียวกับจังหวัดคู่แข่งเหล่านี้บนแพลตฟอร์มดิจิทัล

เชียงรายรุกกลับ ผสานศิลปะ–วัฒนธรรม–ขุนเขา สร้างภาพจำเมืองสร้างสรรค์

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว จังหวัดเชียงรายไม่ได้เลือกเพียงการโปรโมต “ภูเขาและป่าไม้” แบบตรงไปตรงมาเท่านั้น แต่เลือกเดินเกมในแนวทางที่ต่างออกไป คือการผสาน “ศิลปะ แสงสี วัฒนธรรม และวิถีชุมชนบนดอย” ให้กลายเป็นภาพจำใหม่ของเมืองที่เชื่อมโยงทั้งกลางวันและกลางคืน

ตลอดช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 จังหวัดเชียงรายขับเคลื่อนชุดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวและการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง อาทิ

  1. งาน “หลงแสง เวียงเจียงฮาย Light Festival 2568”
    จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2568 – 24 มกราคม 2569 เปลี่ยนโฉมเขตเทศบาลนครเชียงรายให้กลายเป็น “เมืองศิลปะยามค่ำคืน” ภายใต้แนวคิด Heart Art Light ผ่านการออกแบบเส้นทาง “ออกเดินทางตามแสงศิลป์” ครอบคลุม 7 จุดสำคัญ ทั้งย่านขนส่งใจกลางเมือง ถนนบรรพปราการ วัดมิ่งเมือง ประตูเชียงใหม่ อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ถนนสิงหไคล และสวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติฯ

ภายในงานยังมีกิจกรรม “นักเดินทางแห่งแสง (Light Traveler)” เชิญชวนนักท่องเที่ยวสะสมตราประทับครบทั้ง 7 จุด เพื่อนำไปแลกรับของที่ระลึก สร้างแรงจูงใจให้ผู้มาเยือนใช้เวลาเดินเท้า สัมผัสเมืองในมุมมองใหม่ และเชื่อมโยงเส้นทางศิลปะเข้ากับย่านธุรกิจ ร้านอาหาร และที่พักในตัวเมืองโดยตรง

  1. กิจกรรม “Learning Space” เมืองแห่งการเรียนรู้
    วันที่ 24–29 ธันวาคม 2568 จังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรม Learning Space ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย แห่งที่ 1 เพื่อเชื่อมโยงแนวคิด “เมืองแห่งการเรียนรู้” ขององค์การยูเนสโก เข้ากับการท่องเที่ยว โดยคัดเลือกแหล่งเรียนรู้ 30 แห่งในจังหวัด แบ่งเป็น 6 ด้าน อาทิ ศิลปะและสถาปัตยกรรม อาหาร ชา กาแฟ ธรรมชาติและการเกษตร ศาสนา วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ วิถีผ้าล้านนาและชาติพันธุ์ ไปจนถึงกีฬาและสุขภาพ

กิจกรรมดังกล่าวทำให้ภาพของเชียงรายไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “เมืองผ่าน” หรือ “เมืองปลายทางริมชายแดน” แต่กลายเป็นพื้นที่ที่นักเดินทางสามารถมาเรียนรู้ ทดลอง ลงมือทำ และซึมซับองค์ความรู้จากชุมชนท้องถิ่นได้อย่างเป็นระบบ

  1. ท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์ที่บ้านผาหมี – “ตามหารากชู ชูรสชาติแห่งดอย”
    ในฝั่งภูเขาชายแดน อพท.เชียงรายและภาคีท้องถิ่นได้พัฒนาโมเดลการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในหมู่บ้านอาข่าบนดอย อำเภอแม่สาย ผ่านกิจกรรมเรียนรู้ “น้ำพริกรากชู” สมุนไพรหายากที่เป็นหัวใจของรสชาติอาหารอาข่า เชื่อมโยงเรื่องราวอาหาร วิถีเกษตรบนพื้นที่สูง และภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกับป่าต้นน้ำ

ประสบการณ์เหล่านี้สอดคล้องกับแนวโน้มการท่องเที่ยวเชิงลึกที่นักเดินทางสนใจมากขึ้น คือไม่ได้ต้องการเพียงภาพสวย ๆ จากยอดดอย แต่ต้องการ “เข้าใจชีวิตผู้คนบนภูเขา” ผ่านอาหาร ภาษา และความเชื่อ ซึ่งเชียงรายมีต้นทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่เข้มแข็งอยู่แล้ว

  1. มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ณ หนองหลวง
    ในมิติของธรรมชาติระดับพื้นราบ จังหวัดเชียงรายยังจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 – 7 มกราคม 2569 ณ หนองหลวง อำเภอเวียงชัย แหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ของจังหวัด ภายใต้แนวคิดเชื่อมโยง “นทีแห่งศรัทธา” เข้ากับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการพักผ่อน

การใช้หนองหลวงเป็นเวทีนำเสนอทั้งไม้ดอกศิลปะจัดสวน กิจกรรมทางวัฒนธรรม และตลาดชุมชน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการผสาน “ทรัพยากรน้ำ–ธรรมชาติ–เศรษฐกิจฐานราก” เข้าด้วยกัน เพื่อขยายการท่องเที่ยวออกจากตัวเมืองไปสู่พื้นที่รอบนอกอย่างเป็นระบบ

จากตัวเลขออนไลน์สู่ชีวิตจริง เมื่อ “การมองไม่เห็นในหน้าจอ” ไม่ได้แปลว่า “ไม่มีอยู่จริง”

แม้ตัวเลขจากแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างอโกด้าจะแสดงให้เห็นว่าเชียงรายยังไม่ถูกค้นหาเทียบเท่าจังหวัดอื่น ๆ ในฐานะจุดหมายเดินป่า แต่ในเชิงพื้นที่จริง จังหวัดกลับมีการขยับตัวอย่างต่อเนื่องในหลากหลายมิติ ทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้

ความท้าทายสำคัญจึงไม่ใช่เพียงการ “สร้างสินค้าท่องเที่ยวใหม่” แต่คือการเชื่อมโยงสินค้าที่มีอยู่เดิมให้กลายเป็น “ภาพจำเดียวกัน” ในน้ำหนักเดียวกับที่คนจดจำกิ่วแม่ปาน ดอยทูเล ภูกระดึง หรือเขาช้างเผือก

หากเชียงรายสามารถเล่าเรื่อง “เมืองแห่งขุนเขาศิลปะและชาติพันธุ์” ให้ชัดเจนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ จัดทำเส้นทางเดินป่าเชื่อมโยงหมู่บ้านชาติพันธุ์ แหล่งเรียนรู้ และงานเทศกาลแสงสี–ไม้ดอกเข้าด้วยกันอย่างมีโครงสร้าง จะช่วยให้จังหวัดก้าวเข้าสู่กลุ่ม “จุดหมายเดินป่าที่ต้องมาเยือนอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต” ได้ไม่ยากนัก

เสียงจากภาคการท่องเที่ยว ยุคของการเดินทางที่ต้องมี “ความหมาย”

อรรคพร รอดคง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของอโกด้า เคยกล่าวสะท้อนมุมมองนักเดินทางยุคใหม่ว่า ฤดูเดินป่าในประเทศไทยเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ผู้คนต้องการกลับไปใกล้ชิดธรรมชาติ และแพลตฟอร์มท่องเที่ยวมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้การวางแผนเดินทางเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสำหรับครอบครัวหรือเส้นทางท้าทายสำหรับผู้มีประสบการณ์

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้บริหารท้องถิ่นเชียงราย ทั้งจากจังหวัด เทศบาลนครเชียงราย และหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว ได้ย้ำอย่างต่อเนื่องว่า แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของเชียงรายในวันนี้ ไม่ได้มองเพียง “จำนวนนักท่องเที่ยว” แต่ให้ความสำคัญกับการเป็นเมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์ เมืองแห่งการเรียนรู้ และเมืองที่การท่องเที่ยวช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างแท้จริง

เมื่อภาพจากฝ่ายเอกชนระดับโลกและฝ่ายท้องถิ่นมาตัดกัน จุดร่วมที่ชัดคือ “การเดินทางที่มีความหมาย” – ซึ่งหากเชียงรายสามารถสื่อสารได้ว่า การขึ้นมาบนภูเขาเชียงรายไม่ใช่เพียงการชมวิว แต่คือการเรียนรู้ชีวิตผู้คน การชิมอาหารจากสมุนไพรบนดอย การฟังเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าชาติพันธุ์ และการเดินตามเส้นแสงศิลปะในตัวเมืองยามค่ำคืน เมืองแห่งขุนเขาแห่งนี้ย่อมมีศักยภาพเพียงพอที่จะก้าวขึ้นไปอยู่ในความสนใจของนักเดินป่าในอนาคตอันใกล้

จาก “เมืองถูกมองข้ามบนหน้าจอ” สู่ “เมืองที่ต้องมองเห็นด้วยสองเท้า”

กรณีที่ชื่อของเชียงรายไม่ติดอันดับต้น ๆ ในสถิติการค้นหาที่พักสำหรับเดินป่าบนแพลตฟอร์มอโกด้าอาจสะท้อนข้อจำกัดด้านการสื่อสารเชิงการตลาดและการสร้างภาพจำในโลกออนไลน์ แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่อาจเป็น “สัญญาณเตือนเชิงบวก” ให้จังหวัดหันมาทบทวนและเร่งวางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงขุนเขาอย่างจริงจังมากขึ้น

เชียงรายในวันนี้มีเครื่องมืออยู่ในมือครบถ้วน ทั้งต้นทุนภูเขาและป่าต้นน้ำ ความหลากหลายของชาติพันธุ์ จิตวิญญาณของเมืองศิลปะ เทศกาลแสงสี–ไม้ดอก ไปจนถึงพื้นที่เรียนรู้ของคนทุกวัย หากสามารถนำทั้งหมดมาเรียงร้อยเป็นเส้นทางเดียวกันภายใต้ภาพลักษณ์ “เมืองขุนเขาสร้างสรรค์แห่งล้านนาเหนือ” และขยายเรื่องราวเหล่านี้ให้ไปปรากฏบนจอมือถือของนักเดินทางในภูมิภาคเอเชียได้อย่างต่อเนื่อง เชียงรายก็มีโอกาสอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนจาก “เมืองที่ไม่ติดโผค้นหา” ให้กลายเป็น “เมืองที่ต้องไปให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง”

ท้ายที่สุด การเดินป่าที่มีความหมายอาจไม่ได้เริ่มต้นจากการพิมพ์คำว่า “เดินป่าที่ไหนดี” ลงในช่องค้นหาเท่านั้น แต่อาจเริ่มต้นจากการที่เมืองหนึ่งลุกขึ้นมาเชื่อมั่นในตัวเอง เล่าเรื่องของตนให้ชัด และยืนหยัดว่าบนขุนเขาเชียงราย ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอให้ผู้คนก้าวเท้าเข้าไปค้นพบ

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Travel Outlook Report – แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวอโกด้า (Agoda)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME