
เชียงราย, 27 ธันวาคม 2568 – ในขณะที่ภาพรวมรายได้การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ของประเทศไทยถูกประเมินว่าจะชะลอตัวลง จากผลกระทบทั้งเศรษฐกิจและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ จังหวัดเชียงรายกลับสร้างภาพจำใหม่ให้วงการท่องเที่ยวไทย ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็น “จังหวัดยอดนิยมอันดับ 3” ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย และมียอดผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้นถึง 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สวนทางกับรายได้รวมทั้งระบบที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าจะหดตัวลงระหว่าง 2–9%
บทบาทของเชียงรายในปีใหม่นี้จึงไม่ได้เป็นเพียง “จังหวัดปลายทาง” แต่กำลังกลายเป็นตัวอย่างของเมืองท่องเที่ยวภูเขาที่สามารถใช้ทุนทางวัฒนธรรมและวิถีชุมชนบนดอยมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ในช่วงเวลาที่ตลาดต่างประเทศยังซบเซา และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยการเดินทางในภูมิภาคยังเผชิญแรงสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา
ภาพใหญ่ปีใหม่ 2569 รายได้รวมลด แต่ “ไทยเที่ยวไทย” ยังยืนได้
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ว่า ในภาพรวมทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศ ระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2568 – 1 มกราคม 2569 ประเทศไทยคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ราว 70,105 – 76,500 ล้านบาท ลดลงประมาณ 2–9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เมื่อลงลึกในรายละเอียด ททท. แบ่งการประเมินออกเป็น 2 ตลาดหลัก ได้แก่
ในเชิงภูมิภาค ททท. ประเมินว่าภาคตะวันออกจะเป็นพื้นที่ที่สร้างรายได้สูงสุดในช่วงปีใหม่ อยู่ที่ประมาณ 3,820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% รองลงมาคือภาคเหนือ 3,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 12% และกรุงเทพมหานคร 3,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่ภูเขาและเมืองใหญ่ยังคงเป็นแม่เหล็กสำคัญของ “ไทยเที่ยวไทย”
และในแผนที่การท่องเที่ยวภาคเหนือปีนี้ จังหวัดเชียงรายกำลังกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่น่าจับตา
เชียงรายเบียดขึ้น Top 3 ยอดนิยม คนไทยเที่ยวเพิ่ม 22%
ตามการคาดการณ์ของ ททท. สำหรับช่วงหยุดยาวปีใหม่ 31 ธันวาคม 2568 – 4 มกราคม 2569 จังหวัดที่มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่
ตัวเลข 97,230 คน-ครั้ง แม้ดูน้อยกว่ากรุงเทพฯ อยู่หลายเท่า แต่เมื่อพิจารณาในเชิง “อัตราการเติบโต” จะเห็นได้ว่าจังหวัดเชียงรายเติบโตสวนกระแสหลายพื้นที่ และขยับตัวเร็วกว่าหลายเมืองท่องเที่ยวหลักในภูมิภาคเดียวกัน
การที่เชียงราย ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม “เมืองรอง” ในหลายมาตรการด้านภาษีท่องเที่ยว กลับกลายเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตของผู้มาเยือนสูงกว่าหลายเมืองใหญ่ เป็นคำตอบในตัวเองว่าทุนทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของจังหวัดเริ่มถูกมองเห็นมากขึ้นในสายตาคนไทย
ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานเชิงรุกของหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่นที่พยายามสร้างกิจกรรมใหม่ ๆ ให้เชียงรายไม่ใช่เพียงเมืองที่คนแวะมา “ถ่ายรูปครั้งเดียวแล้วผ่านไป” แต่เป็นเมืองที่สามารถวางแผนพักค้างหลายคืน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากยอดดอยสู่ตัวเมือง และจากตัวเมืองต่อไปยังชุมชนรอบนอก
Soft Power ชาติพันธุ์–ภูเขา–ศิลปะ ฐานรากความสำเร็จ
หนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยผลักดันให้เชียงรายโดดเด่นในช่วงปีใหม่นี้ คือการนำ “ประเพณีบนดอย” มายกระดับเป็น Soft Power ที่จับต้องได้
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2568 เวลา 15.00 น. ณ ลานกิจกรรมศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภูชี้ฟ้า บ้านร่มฟ้าไทย ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีปีใหม่ม้งตำบลตับเต่าและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูชี้ฟ้า ประจำปี 2568
งานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26–27 ธันวาคม 2568 มีกิจกรรมทั้งขบวนแห่จาก 14 หมู่บ้าน การแข่งขันยิงหน้าไม้ การตีลูกข่าง การโยนลูกช่วง การตำข้าวปุก และการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีกหลากหลายรูปแบบ พร้อมซุ้มนิทรรศการวิถีชีวิตและสินค้าชุมชนของชาวม้งในพื้นที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายระบุในพิธีเปิดว่า การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงเพื่อความสนุกสนานของคนในชุมชน แต่มีเป้าหมายชัดเจนในการ “ส่งเสริม ฟื้นฟู และอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่น” ควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความสามารถเชิงสร้างสรรค์ และสร้างความรักความสามัคคีระหว่างคนในและนอกพื้นที่
เมื่อประเพณีปีใหม่ม้งถูกเชื่อมโยงเข้ากับภูมิทัศน์ของภูชี้ฟ้า จุดชมทะเลหมอกชื่อดังของเชียงราย ฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีจึงไม่ได้ขายเพียง “วิวสวย” แต่ขายเรื่องราวของผู้คนที่อยู่ร่วมกับภูเขา ทำให้การเดินทางขึ้นดอยของนักท่องเที่ยวไทยมีความหมายลึกซึ้งกว่าเพียงการขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
ในอีกด้านหนึ่ง การจัดงาน “Amazing Thailand Countdown 2026” ที่เชียงรายได้รับการสนับสนุนจาก ททท. ให้เป็นหนึ่งใน 7 จังหวัดเคาท์ดาวน์ทั่วประเทศ ก็ช่วยเติมสีสันให้ตัวเมืองเชียงรายมีชีวิตชีวาในยามค่ำคืน ทั้งบริเวณหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติและแลนด์มาร์กสำคัญอื่น ๆ ปลายปีนี้จึงเป็นครั้งที่เชียงรายสามารถเชื่อม “ดอยสูงยามเช้า” เข้ากับ “เมืองศิลปะยามค่ำคืน” ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
มาตรการรัฐ–เที่ยวดีมีคืน–เที่ยวบินใหม่ กลไกหนุนเมืองรอง
อีกปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนให้เชียงรายเติบโตโดดเด่น คือบทบาทของมาตรการภาครัฐด้านภาษีและการเดินทาง โดยเฉพาะโครงการ “เที่ยวดีมีคืน 2568” ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 20,000 บาท โดยหากเลือกเดินทางไปเมืองรองจะได้รับสิทธิ “คูณ 1.5 เท่า”
เชียงรายซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเมืองรองในหลายมาตรการ จึงได้ประโยชน์จากการออกแบบนโยบายในลักษณะนี้โดยตรง ทั้งฝั่งผู้ประกอบการที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้น และฝั่งผู้เดินทางที่รู้สึกว่าการขึ้นเหนือไปเยือนเชียงราย “คุ้มค่า” ทั้งในเชิงประสบการณ์และภาษี
ควบคู่กันนั้น การเพิ่มเที่ยวบินและเส้นทางบินใหม่ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะเที่ยวบินตรงและเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และยุโรปตะวันออก เข้าสู่กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงราย ช่วยคลี่คลายปัญหาคอขวดด้านอุปทานที่ประเทศไทยเผชิญในช่วงฟื้นตัวหลังโควิด เมืองที่มีสนามบินอย่างเชียงรายจึงสามารถรับนักท่องเที่ยวได้โดยตรง ทั้งชาวไทยจากภูมิภาคอื่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการต่อเครื่องจากเมืองหลัก
ต่างชาติชะลอตัวจากภัยธรรมชาติ–การเมือง แต่ยังมีสัญญาณบวก
อย่างไรก็ดี แม้เชียงรายและเมืองท่องเที่ยวหลายแห่งในไทยจะเดินหน้าสร้างกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในภาพรวมยังคงเผชิญแรงกดดันอย่างชัดเจน
ททท. รายงานว่า ระหว่าง 20 ธันวาคม 2568 – 1 มกราคม 2569 ความต้องการเดินทางจากต่างประเทศมีแนวโน้มชะลอ โดยเฉพาะตลาดมาเลเซียซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ ในพื้นที่หลักอย่างอำเภอหาดใหญ่และตลาดกิมหยง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางเข้าไทยในช่วง 1–12 ธันวาคม 2568 ลดลงถึง 27% จากปีก่อน และเมื่อตัดเฉพาะการเดินทางผ่านด่านสงขลาและสตูล ตัวเลขลดลงถึง 48% และ 83% ตามลำดับ
ในขณะเดียวกัน ปัญหาความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ปะทุขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2568 บริเวณจังหวัดชายแดน 7 แห่งของไทย ก็กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่น แม้ไทยจะไม่ได้ถูกประกาศห้ามเดินทางในภาพรวม แต่หลายประเทศได้ออก Travel Advisory ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ชายแดนดังกล่าว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากตลาดที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และออสเตรเลีย ชะลอการเดินทางในช่วงปีใหม่
อย่างไรก็ดี ยังมีสัญญาณเชิงบวกจากตลาดระยะไกล เช่น ยุโรป อเมริกา และเอเชียใต้ (โดยเฉพาะอินเดีย) ซึ่งมียอดจองล่วงหน้าเพิ่มขึ้นราว 6% เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวจีนเริ่มดีขึ้นหลังการเสด็จเยือนจีนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชินี สื่อสารถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ และกระตุ้นการค้นหาข้อมูลการเดินทางมาไทยบนแพลตฟอร์มอย่าง Baidu และ Ctrip เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางภูเก็ต กรุงเทพฯ และเชียงใหม่
เชียงรายเอง แม้ยังไม่ติดอันดับ Top 5 เมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจองมากที่สุด (ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ และเกาะสมุย) แต่การมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำและเที่ยวบินตรงเพิ่มขึ้นในฤดูกาลนี้ ก็ถือเป็น “การปูทาง” สำหรับการยกระดับบทบาทของจังหวัดบนแผนที่ท่องเที่ยวของชาวต่างชาติในระยะกลางและระยะยาว
ปีใหม่ 2569 เชียงรายในฐานะ “เมืองขุนเขา–วัฒนธรรม–สุขภาวะ”
การที่เชียงรายสามารถเติบโตด้านจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยได้ถึง 22% ท่ามกลางภาพรวมรายได้ท่องเที่ยวทั้งระบบที่คาดว่าจะหดตัวลง 2–9% แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เน้นการใช้ทุนวัฒนธรรมชาติพันธุ์ ธรรมชาติบนภูเขา และกิจกรรมสร้างสรรค์ในเมือง กำลังเดินมาถูกทาง
จากประเพณีปีใหม่ม้งที่ภูชี้ฟ้า ไปจนถึงกิจกรรมเคาท์ดาวน์ในตัวเมือง และการเชื่อมกับเทศกาลอื่น ๆ ในช่วงเวลาใกล้เคียง เช่น มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 หรือกิจกรรม Learning Space เมืองแห่งการเรียนรู้ ทั้งหมดนี้ช่วยให้เชียงรายไม่ใช่เพียง “จุดหมายปลายทางรูปสวย” แต่เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเรียนรู้ สัมผัสวิถีชีวิต และสร้างความทรงจำร่วมกับชุมชนได้อย่างแท้จริง
เมื่อมองไปข้างหน้า หากจังหวัดสามารถต่อยอดยุทธศาสตร์สู่การเป็น “Wellness City บนขุนเขา” ผสานสุขภาวะกายใจเข้าไว้กับธรรมชาติ ชา กาแฟ อาหารท้องถิ่น และวัฒนธรรมชาติพันธุ์ เชียงรายย่อมมีศักยภาพที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงทั้งไทยและต่างชาติให้กลับมาเยือนซ้ำในระยะยาว
ท่ามกลางโลกที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ เมืองที่ยืนอยู่ได้คือเมืองที่รู้จักตัวเอง เข้าใจทุนของตัวเอง และเล่าเรื่องของตนอย่างตรงไปตรงมา เชียงรายในปีใหม่ 2569 จึงไม่ใช่เพียงจังหวัดที่ “ติด Top 3 ยอดนิยม” แต่เป็นกรณีศึกษาว่าการลงทุนกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเข้มแข็งของชุมชนบนดอย สามารถแปลงเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่จับต้องได้ แม้ในปีที่ภาพรวมอุตสาหกรรมยังเต็มไปด้วยความท้าทายก็ตาม
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by Nakorn Chiang Rai News Limited Partnership (L.P.). All Rights Reserved.