เชียงรายส่งเสริมผ้าไทย “ใส่ให้สนุก” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สืบสานภูมิปัญญา

เชียงราย, 20 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้ารณรงค์สวมใส่ผ้าไทยในชีวิตประจำวันผ่านโครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” โดยมุ่งสร้างความตระหนักในคุณค่าของผ้าพื้นถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ และผ้าไทย พร้อมผลักดันให้ผ้าไทยเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายประจำวันของประชาชนอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นางสินีนาฏ ทองสุข ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ได้นำสมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย และสมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยอำเภอแม่ลาว ลงพื้นที่จัดกิจกรรมรณรงค์การสวมใส่ผ้าไทย ณ บ้านแม่ต๊าก หมู่ที่ 5 ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย

กิจกรรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปะผ้าไทย และการสร้างอัตลักษณ์ที่สง่างามในแบบไทยร่วมสมัย

ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากผ่านภูมิปัญญา

โครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” มีเป้าหมายในการสนับสนุนผู้ประกอบการผ้าพื้นถิ่นทั้งในด้านการผลิต การจำหน่าย และการสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจ โดยในกิจกรรมที่จัดขึ้น ณ ตำบลบัวสลี ได้มีการสาธิตการพิมพ์ลายผ้าด้วยเทคนิค Eco Print ซึ่งใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ใบไม้ ดอกไม้ มาสร้างลวดลายเฉพาะตัวบนผืนผ้า เป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กับการสืบสานภูมิปัญญาชุมชน

กลุ่มผ้าพิมพ์ลายตำบลบัวสลี ถือเป็นกลุ่มตัวอย่างของการรวมกลุ่มในระดับชุมชนที่มีความเข้มแข็ง ทั้งในด้านการจัดการ การผลิต และการสร้างเครือข่ายจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งช่วยให้ครัวเรือนในพื้นที่มีรายได้เสริมและสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

ขยายผลสู่ทุกอำเภอของเชียงราย

บ้านแม่ต๊ากในครั้งนี้ ถือเป็นพื้นที่ที่ 15 จาก 18 อำเภอที่คณะทำงานของชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงรายได้ลงพื้นที่เพื่อพบปะ พูดคุย ให้กำลังใจ และรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง โดยมีเป้าหมายให้ทุกอำเภอในจังหวัดเชียงรายมีส่วนร่วมในโครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” อย่างทั่วถึงภายในปี 2568

นางสินีนาฏ ทองสุข กล่าวว่า “การส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทยไม่ใช่เพียงแค่การแต่งกายให้สวยงาม แต่เป็นการแสดงถึงความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย การเคารพต่อภูมิปัญญาท้องถิ่น และการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการสร้างรายได้จากสิ่งที่มีอยู่ในชุมชนของตนเอง”

ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย สมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอแม่ลาว ที่ทำการปกครองอำเภอแม่ลาว ท้องถิ่นอำเภอแม่ลาว พัฒนาการอำเภอแม่ลาว ตลอดจนผู้นำชุมชน อาทิ กำนันและผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบลบัวสลี ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง

นอกจากการเรียนรู้เทคนิคการพิมพ์ผ้าแล้ว ยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าทอ ผ้าพิมพ์ลาย เครื่องแต่งกายพื้นถิ่น และของที่ระลึกจากชุมชนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับท้องถิ่นอีกด้วย

มุมมองจากทั้งสองฝ่าย

ด้านผู้สนับสนุนโครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” มองว่าเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าและเหมาะสมต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม และการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในภาวะที่ราคาสินค้าเกษตรยังผันผวน อีกทั้งยังช่วยให้ประชาชนมีความภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนเอง

ขณะที่อีกฝ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่บางส่วน แสดงความคิดเห็นว่า ควรมีการปรับรูปแบบกิจกรรมให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดเยาวชนให้เข้ามามีส่วนร่วม และควรเน้นการสร้างตลาดรองรับที่ยั่งยืนมากกว่าการรณรงค์เพียงระยะสั้น ซึ่งเป็นข้อเสนอที่สามารถนำไปใช้ประกอบการพัฒนาโครงการในระยะต่อไป

แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมผ้าไทย

ข้อมูลจากกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีจำนวนกลุ่มผู้ผลิตผ้าพื้นเมืองมากกว่า 8,000 กลุ่มทั่วประเทศ สร้างรายได้รวมกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี โดยภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีการผลิตและจำหน่ายผ้าไทยสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 41.5 ของตลาดผ้าไทยในประเทศ

เฉพาะในจังหวัดเชียงราย มีจำนวนกลุ่มทอผ้าและพิมพ์ผ้ากว่า 360 กลุ่ม ครอบคลุมเกือบทุกอำเภอ โดยกลุ่มที่มีความโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มทอผ้าไทลื้อ กลุ่มผ้าชาติพันธุ์อาข่า และกลุ่มผ้า Eco Print ตำบลบัวสลี ซึ่งต่างได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการพัฒนาแบรนด์ บรรจุภัณฑ์ และการเข้าสู่ช่องทางจำหน่ายสมัยใหม่

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนกลุ่มผู้ผลิตผ้าไทยในประเทศไทย (ปี 2567): มากกว่า 8,000 กลุ่ม
  • รายได้รวมจากอุตสาหกรรมผ้าไทยในปี 2567: ประมาณ 2,500 ล้านบาท
  • จังหวัดเชียงรายมีจำนวนกลุ่มผ้าพื้นถิ่น: มากกว่า 360 กลุ่ม (ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ปี 2567)
  • สัดส่วนผ้าไทยที่ผลิตในภาคเหนือ: ร้อยละ 41.5 ของตลาดผ้าไทยทั้งประเทศ (กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ปี 2567)

ทัศนคติแบบเป็นกลาง

จากการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน แม้จะมีข้อเสนอแนะบางส่วนเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาและการขยายผลในรูปแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในระดับชุมชน

โครงการ “ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” จึงไม่ใช่เพียงกิจกรรมเพื่อวัฒนธรรม แต่ยังเป็นเครื่องมือหนึ่งในการฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ที่ควรดำเนินการต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของสังคมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย / สมาคมแม่บ้านมหาดไทย / สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย / กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย / สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย / ที่ทำการปกครองอำเภอแม่ลาว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News