
เชียงราย, 25 พฤศจิกายน 2568 – ในห้วงเวลาแห่งความโศกอาดูรที่แผ่คลุมไปทั่วประเทศ เทศบาลนครเชียงรายได้ขยับบทบาทสำคัญในการเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างประชาชนในพื้นที่ห่างไกลกับพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร ด้วยการจัดขบวนพสกนิกรชาวนครเชียงราย “รุ่นที่ 2” เดินทางไปกราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความอาลัยและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างทั่วถึง
ภายใต้บริบทที่ประชาชนจำนวนมากในต่างจังหวัดอาจมีข้อจำกัดด้านระยะทาง ค่าใช้จ่าย และการจัดการเดินทางด้วยตนเอง การที่เทศบาลนครเชียงรายลุกขึ้นมาจัดระบบการเดินทางอย่างเป็นรูปธรรมจึงสะท้อน “บทบาทของท้องถิ่น” ในการแปลงความจงรักภักดีให้กลายเป็นโอกาสและการเข้าถึงอย่างเป็นธรรมสำหรับทุกกลุ่มประชาชน
ขบวนรุ่นที่ 2 จากอาคารเทิดพระเกียรติฯ สู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เมื่อเวลา 17.00 น. วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ณ อาคารเทิดพระเกียรติ 90 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ เทศบาลนครเชียงรายได้จัดพิธีปล่อยขบวนรถอย่างเป็นทางการ บรรยากาศในช่วงเย็นเต็มไปด้วยความสงบ สำรวม และเปี่ยมด้วยความหมาย
ขบวนพสกนิกรชาวนครเชียงราย “รุ่นที่ 2” จำนวน 230 คน ถูกจัดลำดับอย่างเป็นระเบียบ ก่อนทยอยขึ้นรถบัสที่เตรียมไว้ 5 คัน เพื่อออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร เป้าหมายคือการเข้าเฝ้าฯ ถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
พิธีปล่อยขบวนได้รับเกียรติจาก
– นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย
– ร.ต.อ.ดร. ธนรัช จงสุทธานามณี อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
– คณะผู้บริหารเทศบาล
– สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงราย
– ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เทศบาลจำนวนหนึ่ง
ทุกคนร่วมยืนส่งขบวนด้วยความสำรวม สะท้อนถึงความพร้อมทั้งด้าน “จิตใจ” และ “การบริหารจัดการ” ในการนำคณะพสกนิกรออกเดินทางในครั้งนี้
ระบบการเดินทางที่วางแผนล่วงหน้า เมื่อความอาลัยต้องเดินคู่กับความปลอดภัย
เพื่อให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย เทศบาลนครเชียงรายได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเชิงปฏิบัติการอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การจัดสรรยานพาหนะไปจนถึงการดูแลตลอดเส้นทาง
เทศบาลนครเชียงรายจัดเตรียมรถบัสจำนวน 5 คัน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำรถทุกคัน เพื่อทำหน้าที่
– อำนวยความสะดวกในการเดินทาง
– ดูแลความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทาง
– ประสานงานในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ในระดับการควบคุมขบวน นายภาธร์ รังษีกุลพิพัฒน์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาล นางสาวปภาวินี คำโพนงาม ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลและนำขบวนประชาชนตลอดการเดินทางไปยังพระบรมมหาราชวัง
การมีผู้บริหารระดับรองนายกเทศมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการร่วมเดินทางไปกับประชาชน ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของการ “ลงพื้นที่เคียงข้างประชาชน” แต่ยังช่วยให้การตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ระหว่างการเดินทางสามารถทำได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
กำหนดการแบบรอบ เปิดทางให้ประชาชนเข้าถึงอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้การเปิดโอกาสแก่ประชาชนมีความทั่วถึง ไม่ใช่เพียงการจัดครั้งเดียว เทศบาลนครเชียงรายได้ออกแบบ “ระบบรอบการเดินทาง” อย่างชัดเจนในเดือนพฤศจิกายน 2568 ได้แก่
การแบ่งรอบลักษณะนี้ช่วยให้ประชาชนจากหลายชุมชน หลายเขตในพื้นที่นครเชียงราย สามารถทยอยลงทะเบียนและเข้าร่วมได้ตามความพร้อม ลดความแออัด ลดความเสี่ยงด้านสาธารณสุข และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการด้านโลจิสติกส์ของเทศบาล
แม้ตัวเลข 230 คนในรุ่นที่ 2 อาจดูไม่ใช่ตัวเลขมหาศาล หากมองในมุมสถิติระดับประเทศ แต่ในเชิงพื้นที่ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึง “ความตั้งใจเชิงนโยบาย” ที่ต้องการให้กลุ่มประชาชนจำนวนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ มีโอกาสเดินทางไปถวายบังคมพระบรมศพ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยต้นทุนและข้อจำกัดส่วนบุคคล
ความหมายเชิงสังคม พื้นที่แห่งความอาลัยที่ไม่จำกัดแค่คนเมืองหลวง
การเดินทางของขบวนพสกนิกรนครเชียงรายรุ่นที่ 2 ครั้งนี้ มีความหมายเกินกว่า “ภารกิจหนึ่งทริป” เนื่องจากสะท้อนมิติสำคัญอย่างน้อยสามประการ ดังนี้
การสร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงพระราชพิธีสำคัญ
ประชาชนในจังหวัดชายขอบหรือจังหวัดห่างไกลจากศูนย์กลางมักมีข้อจำกัดด้านระยะทาง เวลา และค่าใช้จ่าย การที่เทศบาลนครเชียงรายเข้ามามีบทบาทในการจัดการเดินทางอย่างเป็นระบบ ทำให้ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ คนทำงาน หรือคนที่ไม่คุ้นเคยกับการเดินทางไกล สามารถเข้าถึงพระราชพิธีสำคัญได้อย่างเท่าเทียมมากขึ้น
การแปร “ความอาลัยส่วนบุคคล” สู่ “การร่วมไว้อาลัยในฐานะชุมชน”
เมื่อประชาชนเดินทางเป็นขบวนในนาม “นครเชียงราย” การแสดงความอาลัยจึงมีมิติของความเป็นชุมชนเข้ามาเสริม ไม่ใช่เพียงเรื่องของบุคคลและครอบครัว แต่สะท้อนถึงการรวมพลังของคนทั้งเมืองที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
การยืนยันบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในช่วงเหตุการณ์ระดับชาติ
การจัดการครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เทศบาลไม่ได้มีบทบาทเพียงด้านสาธารณูปโภคหรือโครงการพัฒนาเมือง แต่ยังมีภารกิจด้าน “จิตวิญญาณสาธารณะ” ในการออกแบบช่องทางให้ประชาชนได้แสดงออกถึงความผูกพันและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณร่วมกัน
ภาพสะท้อนเชิงบริหารจัดการ เมื่อสวัสดิการสังคมเดินคู่กับศักดิ์ศรีประชาชน
บทบาทของกองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ซึ่งมีนางสาวปภาวินี คำโพนงาม เป็นผู้อำนวยการ มีความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการนี้ เพราะต้องทำงาน “สองมิติ” ควบคู่กันไป ได้แก่
การผสมผสานสองมิตินี้ทำให้การเดินทางไม่ได้เป็นเพียง “ทริป” แต่เป็นการเดินทางที่มีความหมาย มีการออกแบบเชิงสังคม และมีระบบรองรับประชาชนอย่างเหมาะสมในทุกขั้นตอน
เชื่อมเหตุการณ์สู่การตัดสินใจในอนาคต บทเรียนจากการจัดขบวนรุ่นที่ 2
จากการจัดขบวนพสกนิกรรุ่นที่ 2 ครั้งนี้ เทศบาลนครเชียงรายย่อมได้รับ “บทเรียนเชิงระบบ” ที่สามารถนำไปใช้ในการจัดการเหตุการณ์สำคัญอื่นในอนาคต ทั้งในด้านพิธีการ การเดินทางระยะไกล และการดูแลกลุ่มประชาชนขนาดใหญ่
ในเชิงปฏิบัติ การกำหนดรอบการเดินทางที่ชัดเจน การจัดสรรยานพาหนะและเจ้าหน้าที่ประจำรถ การมีผู้บริหารระดับสูงร่วมกำกับการเดินทาง และการเตรียมข้อมูลให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าร่วม และสร้างมาตรฐานในการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในเชิงสังคม การเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงออกถึงความอาลัยต่อสมเด็จพระพันปีหลวงอย่างเป็นระบบ ช่วยตอกย้ำความผูกพันระหว่างประชาชนกับสถาบันหลักของชาติ และสะท้อนให้เห็นว่า แม้ระยะห่างทางภูมิศาสตร์จะไกล แต่ “ระยะห่างทางจิตใจ” สามารถถูกย่นย่อได้ ผ่านการบริหารจัดการที่ตั้งอยู่บนหลักการ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
นครเชียงรายในห้วงเวลาแห่งการไว้อาลัยของชาติ
การจัดขบวนพสกนิกรนครเชียงรายรุ่นที่ 2 เดินทางไปถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการ “เดินทางจากเชียงรายสู่กรุงเทพฯ” หากแต่เป็นการเดินทางที่เชื่อมต่อ “หัวใจของผู้คนในท้องถิ่น” เข้ากับ “หัวใจของชาติ”
ภายใต้จำนวน 230 คน รถบัส 5 คัน เจ้าหน้าที่ประจำรถทุกคัน ผู้บริหารที่ร่วมดูแลอย่างใกล้ชิด และการกำหนดรอบการเดินทางที่ครอบคลุมตลอดช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสได้จากบรรยากาศ คือความตั้งใจของเทศบาลนครเชียงรายในการทำให้ “คำว่าโอกาสอย่างทั่วถึง” เกิดขึ้นจริง
สำหรับผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารเชิงลึก เหตุการณ์นี้อาจเป็นตัวอย่างชัดเจนของการที่ “นโยบายเชิงสัญลักษณ์” ด้านความจงรักภักดี สามารถถูกออกแบบและขับเคลื่อนผ่านกลไกของท้องถิ่นได้อย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อการจัดการครั้งนี้เดินหน้าไปพร้อมกับความสำรวม ความเคารพ และการบริหารสาธารณะอย่างมืออาชีพ ก็ยิ่งทำให้ภาพของนครเชียงรายในฐานะเมืองที่ไม่ทอดทิ้งประชาชนในห้วงเวลาแห่งความสูญเสีย ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by Nakorn Chiang Rai News Limited Partnership (L.P.). All Rights Reserved.