
เชียงราย,11 พฤศจิกายน 2568 – ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาสูง 15 เมตร ถักทอด้วยภูมิปัญญา 4 ชนเผ่า สืบสานพระปณิธานพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตอกย้ำสถานะ “City of Design” จังหวัดเชียงราย ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย บรรยากาศของการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ในครั้งนี้มิได้เป็นเพียงงานรื่นเริงตามปกติธรรมดา แต่กลายเป็นเวทีแสดงศักยภาพด้านการออกแบบของจังหวัดเชียงรายในฐานะ “เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design)” ของ UNESCO อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านงานศิลปะชิ้นเอกที่ชื่อว่า “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” ซึ่งเป็นต้นคริสต์มาสไม้ไผ่สานสูงกว่า 15 เมตร ที่ถูกสร้างสรรค์ด้วยภูมิปัญญาและอัตลักษณ์ของชนเผ่าบนยอดดอยถึง 4 กลุ่มชาติพันธุ์
ซึ่งกำหนด 26 พฤศจิกายน 2568 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จะถูกประดับด้วยแสงไฟนับพันดวงจะส่องประกายขึ้นพร้อมกัน เวลาสร้างสรรค์ยาวนานหลายเดือน ในงานจะมีพิธีเปิดไฟอย่างยิ่งใหญ่ คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมากในช่วงไฮซีซั่นของจังหวัดเชียงราย
รากฐานของความสำเร็จ พระปณิธานที่ยั่งยืน
การจัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง” ในครั้งนี้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน แต่ปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) กับพันธมิตรจากทุกภาคส่วน ทั้งจังหวัดเชียงราย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 เพื่อสืบสานพระปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ดำเนินโครงการพัฒนาดอยตุงมาเป็นเวลากว่า 36 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนชนเผ่าบนพื้นที่สูงให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมศิลปหัตถกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น โครงการพัฒนาดอยตุงได้รับการยกย่องในระดับสากลว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะหลักการ “ปลูกป่า ปลูกคน” ที่แก้ไขปัญหาความยากจนควบคู่ไปกับการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ในปี พ.ศ. 2556 สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้รับรอง “แนวปฏิบัติสากลว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก (United Nations Guiding Principles on Alternative Development)” ซึ่งมีรากฐานมาจากประสบการณ์ของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ
ผลงานชิ้นเอก ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
ภายใต้แนวคิด “The Magic of Chiang Rai” ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์โดยทีมงานมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ โดยใช้ไม้ไผ่สานเป็นโครงสร้างหลัก ซึ่งสูงกว่า 15 เมตร โดยมีต้นคริสต์มาสขนาดเล็กอีก 6 ต้นล้อมรอบ สะท้อนถึงภูเขาหมอกแห่งดอยตุงและความหลากหลายของชนเผ่าในพื้นที่
สิ่งที่ทำให้ผลงานนี้โดดเด่นคือการประดับตกแต่งด้วยงานหัตถศิลป์จาก 4 ชนเผ่าหลักของเชียงราย ได้แก่ ชาวอาข่า ชาวลาหู่ ชาวลัวะ (ละว้า) และชาวไทใหญ่ โดยแต่ละลวดลายมีความหมายและเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
ชาวอาข่า เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีงานปักและลูกปัดที่ประดับตกแต่งอย่างประณีต สื่อถึงความอ่อนโยนและความขยันอดทนของสตรีชนเผ่า ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดภูมิปัญญาการทอผ้าสู่ลูกหลาน ลวดลายของชาวอาข่ามักใช้ลูกปัดและงานปักที่ละเอียดอ่อน ซึ่งสะท้อนถึงความศรัทธาและความงดงามของเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม
ชาวลาหู่ โดดเด่นด้วยลวดลายเรขาคณิตและการใช้สีตัดกันอย่างมีชีวิตชีวา สะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับพลังงานของธรรมชาติและวิถีการดำรงชีวิต ผ้าทอของชาวลาหู่มีลักษณะที่โดดเด่นด้วยลวดลายที่สื่อถึงความสัมพันธ์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ชาวลัวะ (ละว้า) มีเอกลักษณ์ในการทอที่เน้นความเรียบง่ายแต่แข็งแรง ใช้วัสดุธรรมชาติที่หาได้จากท้องถิ่น สื่อถึงความผูกพันกับผืนป่าและรากเหง้าของบรรพบุรุษ การทอผ้ามีความหนาแน่น ใช้เทคนิคมัดหมี่หรือมัดก่าน ลวดลายมีความเป็นเอกลักษณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่อากาศเย็น
ชาวไทใหญ่ นำเสนอลวดลายที่หลากหลายและซับซ้อน มักได้รับอิทธิพลจากลายน้ำไหลและดอกไม้บนดอยตุง สื่อถึงความอ่อนช้อยของวัฒนธรรมล้านนา การทอมีเทคนิคที่หลากหลาย เช่น ซิ่นลายน้ำไหล ซึ่งได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมล้านนาในพื้นที่ราบ แต่ถูกปรับให้เข้ากับวัสดุและฝีมือของดอยตุง
การผสมผสานงานหัตถศิลป์จาก 4 ชนเผ่านี้บนโครงสร้างไม้ไผ่สาน ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความสามัคคี แต่ยังแสดงถึงการใช้วัสดุจากท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ตามแนวทางที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้บุกเบิกมาอย่างยาวนาน
ยอดของต้นคริสต์มาสถูกประดับด้วยริบบิ้นสีทอง เป็นสัญลักษณ์แทนความจงรักภักดีและการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวไทยภูเขา
จาก Local สู่ Global ตอกย้ำ City of Design
ความสำคัญของต้นคริสต์มาสหมอกพันวาไม่ได้อยู่แค่ความงดงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็น “ต้นแบบ (Prototype)” สำหรับการสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสอัตลักษณ์ท้องถิ่นให้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ นี่คือการตอกย้ำอย่างเป็นรูปธรรมถึงการเป็น City of Design ของเชียงราย ที่ไม่ได้มีเพียงแค่งานศิลปะบริสุทธิ์ แต่ยังรวมถึงการออกแบบที่ผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและความภาคภูมิใจให้กับชุมชนชนเผ่าอย่างยั่งยืน
การที่จังหวัดเชียงรายได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ในสาขาการออกแบบ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 นั้น เป็นผลมาจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น และการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวในช่วงที่เชียงรายได้รับการรับรองว่า เมืองสร้างสรรค์ทั้ง 55 เมืองที่ได้รับการยอมรับจาก UNESCO นั้น เป็นเมืองที่กำลังเป็นผู้นำในการเพิ่มการเข้าถึงวัฒนธรรมและกระตุ้นพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
การส่งต่อ “ซอฟต์พาวเวอร์งานคราฟต์มาสเตอร์พีซ” จากดอยตุงสู่เวทีระดับประเทศ ทำให้เชียงรายเป็น “เดสติเนชันสำคัญของโลก” ในช่วงไฮซีซั่น ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสเสน่ห์แห่งอัตลักษณ์ล้านนาอย่างแท้จริง
ธุรกิจเพื่อสังคม สร้างงานสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ดำเนินงานภายใต้ปรัชญาที่ว่า “อะไรที่ชาวบ้านถนัดและทำได้ดีอยู่แล้ว ก็ไปเสริมให้ดียิ่งขึ้น” จึงมุ่งผนวกภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับการทำธุรกิจแบบสากล โดยได้ว่าจ้างนักออกแบบมาทำงานร่วมกับคนในท้องถิ่น เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีเอกลักษณ์ ได้คุณภาพตามมาตรฐาน และเป็นที่ต้องการของตลาดสากล
ผลงานที่เกิดขึ้นจากโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ไม่ได้เป็นเพียงงานศิลปะที่สวยงาม แต่ยังเป็นการสร้างงานและรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชนชนเผ่า ทำให้พวกเขาไม่ต้องพึ่งพาการปลูกฝิ่นหรือทำลายป่าอีกต่อไป
ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เคยกล่าวว่า “วันนี้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงทำงานต่างจากในอดีต เราไม่ได้เพียงแค่เข้าไปในพื้นที่และสร้างการเปลี่ยนแปลง แต่เราทำสิ่งต่างๆด้วยการมีความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆเป็นลักษณะ Engagement เพิ่มมากขึ้น เราอยากมีเพื่อนที่เดินไปบนเส้นทางนี้มากขึ้น”
ในปี พ.ศ. 2557 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้รับรางวัลนิเคอิเอเชียจากหนังสือพิมพ์และสำนักข่าวนิเคอิของประเทศญี่ปุ่น ในฐานะองค์กรยอดเยี่ยมของเอเชียด้านการพัฒนาชุมชนและวัฒนธรรม สะท้อนถึงการยอมรับในระดับสากลของผลงานที่เกิดจากพระปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว เชียงรายในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก
จังหวัดเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคเหนือ ตามสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในปี พ.ศ. 2567 เชียงรายมีนักท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 6,193,932 คน คิดเป็นร้อยละ 24 ของนักท่องเที่ยวทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวรวม 25,783,263 คน โดยเชียงรายครองอันดับที่ 2 รองจากจังหวัดเชียงใหม่
การจัดงานเทศกาลสีสันกาสะลอง 2025 ในช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยวภาคเหนือเพื่อชมทะเลหมอกและสัมผัสอากาศหนาว
งานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชมความงดงามของต้นคริสต์มาสหมอกพันวาเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของชนเผ่าบนพื้นที่สูง รวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปี พ.ศ. 2568 โดยมุ่งเป้าสู่การผลักดัน “ประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก” ผ่านแคมเปญ “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” ซึ่งเชียงรายในฐานะ UNESCO City of Design ถือเป็นจุดขายสำคัญที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และความสามารถในการสร้างสรรค์ของไทย
ความร่วมมือที่ขับเคลื่อนความสำเร็จ
งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025” ประสบความสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น การที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เปิดพื้นที่ให้จัดงานและสนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงาน แสดงให้เห็นถึงบทบาทของภาคเอกชนในการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ร่วมกับการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ได้ทำหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ขณะที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายทำหน้าที่ดูแลให้งานสอดคล้องกับนโยบายด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและเทศบาลนครเชียงรายให้การสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการอำนวยความสะดวก ในขณะที่จังหวัดเชียงรายทำหน้าที่ประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือแบบบูรณาการนี้สะท้อนถึงความตระหนักร่วมกันว่า การพัฒนาท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และการอนุรักษ์วัฒนธรรมเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่เพียงแค่ความรับผิดชอบของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
อนาคตของการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025” ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงราย การที่ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาได้รับการพัฒนาเป็นต้นแบบให้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นสามารถถูกยกระดับและขยายผลไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้นได้
การเป็น UNESCO City of Design ของเชียงรายไม่ใช่เพียงแค่ตราสัญลักษณ์ แต่เป็นความรับผิดชอบในการพัฒนาและส่งเสริมการออกแบบที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม
ในอนาคต จังหวัดเชียงรายมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ของภูมิภาคอาเซียน โดยใช้จุดแข็งด้านวัฒนธรรมล้านนา ภูมิปัญญาชนเผ่า และความหลากหลายทางชีวภาพ ผสมผสานกับนวัตกรรมและการออกแบบร่วมสมัย
เสียงจากผู้เกี่ยวข้อง มุมมองที่หลากหลาย
แม้ว่าข้อมูลที่นำเสนอจะไม่มีคำกล่าวโดยตรงจากผู้บริหารในงานครั้งนี้ แต่จากการศึกษาผลงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และโครงการพัฒนาดอยตุงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาการทำงานที่ชัดเจน
ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เคยกล่าวถึงหลักการทำงานว่า “เราต้องการให้ชาวบ้านมีทางเลือกในการดำรงชีวิต ไม่ใช่บอกว่าอย่าทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เป็นการสร้างทางเลือกที่ดีกว่า ที่ให้รายได้มากกว่า และยั่งยืนกว่า”
คำกล่าวนี้สะท้อนถึงแนวทางการทำงานของมูลนิธิที่เน้นการเสริมพลังให้กับชุมชน ไม่ใช่การเข้าไปแก้ปัญหาแบบชั่วคราว แต่เป็นการสร้างศักยภาพให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว สำหรับชาวบ้านในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง ผลงานเช่นต้นคริสต์มาสหมอกพันวาไม่ได้เป็นเพียงงานศิลปะที่ชื่นชม แต่เป็นตัวแทนของความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์และภูมิปัญญาของตนเอง เป็นการพิสูจน์ว่างานหัตถกรรมที่พวกเขาทำมาตลอดชีวิตนั้นมีคุณค่าและได้รับการยอมรับในระดับสากล
ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจ
โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนอย่างมีนัยสำคัญ จากข้อมูลของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ โครงการได้ช่วยเหลือครัวเรือนในพื้นที่กว่า 11,284 ครัวเรือน คิดเป็นประชากรประมาณ 50,000 คน ครอบคลุมพื้นที่ 150 หมู่บ้าน ใน 6 อำเภอของจังหวัดเชียงราย
รายได้ของครัวเรือนในโครงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการปลูกข้าวโพดและพืชเชิงเดียวที่ให้รายได้น้อยและไม่แน่นอน เปลี่ยนมาเป็นการทำงานหัตถกรรม การปลูกกาแฟอาราบิก้า การปลูกมะคาเดเมีย และการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งให้รายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนมากกว่า ด้านสิ่งแวดล้อม โครงการได้ช่วยฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้กว่า 7,165 ไร่ ทำให้พื้นที่ที่เคยเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมกลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง แหล่งน้ำที่เคยแห้งขอดกลับมามีน้ำไหลตลอดปี และความหลากหลายทางชีวภาพกลับคืนมา
ในด้านสังคม โครงการได้ช่วยลดปัญหายาเสพติดในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ จากการที่ชุมชนมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการปลูกฝิ่นหรือค้ายาเสพติด เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น และชุมชนมีความเข้มแข็งในการพึ่งพาตนเอง
ความท้าทายและโอกาส
แม้ว่าผลงานจะได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง แต่ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ การรักษามาตรฐานคุณภาพของงานหัตถกรรมในขณะที่ต้องเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเป็นเรื่องที่ต้องสมดุล การถ่ายทอดทักษะและภูมิปัญญาสู่คนรุ่นใหม่ที่อาจมีความสนใจในอาชีพอื่นๆ มากขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเหล่านี้ก็เป็นโอกาสในการพัฒนา การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการออกแบบ การจัดการผลิต และการตลาด สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น การสร้างแบรนด์ที่แข็งแรงและการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ การเป็น UNESCO City of Design ช่วยเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเมืองสร้างสรรค์อื่นๆ ทั่วโลก เชียงรายสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของเมืองอื่นๆ ในเครือข่าย และนำความรู้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของตนเอง
บทเรียนสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ความสำเร็จของโครงการพัฒนาดอยตุงและการจัดงานเทศกาลสีสันกาสะลอง 2025 ให้บทเรียนสำคัญหลายประการ
เชิญชวนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
ประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกท่านสามารถเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ได้ด้วยการเดินทางมาชมผลงาน “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” และงานศิลปะอื่นๆ ในงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025” ซึ่งจัดแสดงตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569 ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย
พิธีเปิดไฟครั้งยิ่งใหญ่จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป พร้อมมินิคอนเสิร์ตจาก “แก้ม วิชญาณี” ศิลปินเสียงทรงพลังที่จะมาสร้างสีสันให้กับงาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมหลากหลายตลอดช่วงเทศกาล รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนจากโครงการพัฒนาดอยตุงที่ผู้เข้าชมสามารถสนับสนุนชุมชนได้โดยตรง
การเดินทางมาชมงานไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น การเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาและวัฒนธรรม และการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน
มองไปข้างหน้า อนาคตของเชียงรายและการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในระดับสากล ในอนาคต คาดว่าจะมีโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้น
จังหวัดเชียงรายมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการออกแบบและหัตถกรรมร่วมสมัย โดยการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ การจัดเวิร์กช็อป และการแลกเปลี่ยนความรู้กับนักออกแบบและศิลปินจากทั่วโลก การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัด เช่น วัดร่องขุ่น พิพิธภัณฑ์บ้านดำ โครงการพัฒนาดอยตุง และชุมชนหัตถกรรม จะช่วยกระจายรายได้และสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ลึกซึ้งและมีคุณค่า
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การสร้าง Virtual Tour การใช้ Augmented Reality เพื่อเล่าเรื่องราวของงานศิลปะและวัฒนธรรม และการสร้าง Platform สำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนออนไลน์ จะช่วยขยายการเข้าถึงและสร้างโอกาสใหม่ๆ
ที่สำคัญที่สุดคือการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เชียงรายต้องพัฒนาในลักษณะที่ไม่ทำลายสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และคุณค่าของตนเอง แต่ใช้จุดแข็งเหล่านี้เป็นฐานในการสร้างความเจริญก้าวหน้าที่ยั่งยืน
งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025” และผลงาน “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” เป็นมากกว่างานศิลปะหรือการจัดเทศกาล เป็นการสื่อสารที่ทรงพลังเกี่ยวกับคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่น ความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน และศักยภาพของการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
จากต้นไม้ไผ่สานสูง 15 เมตรที่ตั้งอยู่หน้าศูนย์การค้า เราเห็นเรื่องราวของการสืบสานพระปณิธาน เห็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่ถูกถ่ายทอดมาหลายชั่วอายุคน เห็นความพยายามของชุมชนในการพัฒนาตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี เห็นความร่วมมือของหลายภาคส่วนในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม และเห็นอนาคตของการท่องเที่ยวและการพัฒนาที่คำนึงถึงคน วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
นี่คือ “The Magic of Chiang Rai” ที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ความงดงามที่มองเห็นได้ แต่เป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับชุมชนและสังคม
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.