
เชียงราย, 4 ตุลาคม 2568 — หนองหลวง อำเภอเวียงชัย หมอกบางๆ ลอยเหนือผิวน้ำที่เคยสงบเงียบ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาพจำผืนน้ำกว้างกว่า 9,800 ไร่ กลับค่อยๆ ถูกกลืนด้วยผักตบชวาและวัชพืชน้ำที่แพร่กระจายรวดเร็ว จนรุกล้ำทางน้ำและทับซ้อนพื้นที่ทำกินของชุมชน ความตื้นเขินและปัญหาการจัดการน้ำยืดเยื้อทำให้หลายครอบครัวรอบหนองหลวงต้องประคองชีวิตไปตามฤดูกาลน้ำที่ไม่แน่นอน
สัปดาห์นี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เปิดปฏิบัติการกู้ชีพหนองหลวงอย่างจริงจัง ส่งเครื่องจักรกลหนักลงพื้นที่ พร้อมบุคลากรและน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเดินหน้า “รื้อ–แยก–ขน” ผักตบชวาออกจากแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง ภารกิจภาคสนามดังกล่าวมี นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่กำกับงานตามมอบหมายของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย โดยมี พันจ่าเอกทวีป เชี่ยวสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองป้องกัน อบจ.เชียงราย รายงานสถานการณ์เชิงปฏิบัติการและความคืบหน้าหน้างานอย่างใกล้ชิด
แม้จะเป็นภาพ “งานหนัก” ของเครื่องจักร–คนงาน–เรือท้องแบนที่วิ่งรับส่งวัชพืชไม่หยุด แต่ในระดับยุทธศาสตร์ นี่คือการขับเคลื่อนที่โยงถึงทั้ง ความมั่นคงทางน้ำของชุมชน 3 ตำบล 2 อำเภอ, ความปลอดภัยจากอุทกภัย–ภัยแล้ง, และ การเตรียมความพร้อมพื้นที่จัดงานระดับภูมิภาค อย่าง มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 (โซนอำเภอ) ซึ่งจะดึงนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นช่วงปลายปีและต้นปีถัดไป
ปมปัญหาที่สะสม จากวัชพืชสู่ภาวะน้ำตื้นเขิน และวงจรเศรษฐกิจท้องถิ่นที่สะดุด
หนองหลวงไม่ใช่เพียงผืนน้ำธรรมชาติ หากคือ “หัวใจน้ำ” ที่หล่อเลี้ยงไร่นา—ประมงพื้นบ้าน—ระบบนิเวศท้องถิ่น และเป็นพื้นที่นันทนาการของชุมชนมายาวนาน ปัญหาเกิดจากหลายปัจจัยซ้ำเติมกัน ได้แก่
การตัดสินใจของ อบจ.เชียงราย ที่ “ลงมือเอง” ด้วยเครื่องจักรกลและกำลังคน จึงไม่ใช่เพียงการเคลียร์ผิวน้ำให้โล่งตา แต่หมายถึงการ คืนความจุน้ำ ให้แหล่งน้ำหลัก, การลดภัยเสี่ยงเชิงโครงสร้างต่อหมู่บ้านรอบหนองหลวง และการสร้าง “เวลาชนะ” ให้ทีมวิศวกรท้องถิ่นเพื่อปรับแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบต่อไป
จุดเชื่อมยุทธศาสตร์ น้ำ–ท่องเที่ยว–เศรษฐกิจฐานราก
โครงการนี้ชี้ให้เห็น “แนวคิดบูรณาการ” ที่จับต้องได้
ภาพจากพื้นที่ เครื่องจักร–คน–เวลา ทำงานเป็นทีมเดียว
รถสะเทินน้ำสะเทินบก เป็นพระเอกของการปฏิบัติการรอบนี้ เพราะทำงานได้ทั้งบนบกและในน้ำ สามารถลาก–รวบรวม “แพผักตบ” มาขึ้นจุดคัดแยก ก่อนลำเลียงขึ้นรถบรรทุกไปกำจัดตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม บางส่วนอาจถูก “อัดก้อน–หมัก” เป็นปุ๋ยอินทรีย์สำหรับชุมชนเกษตรรอบหนองหลวง ลดภาระค่าขนทิ้งและ “ปิดวงจรของเสีย” ให้เป็นทรัพยากรใหม่
กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย เป็นแกนกลางภาคสนาม จัดคิวเครื่องจักร, คุมความปลอดภัย, ประสานผู้นำชุมชน–อปพร.–อาสาสมัครท้องถิ่นร่วมปิดกั้นพื้นที่เสี่ยง เวลาเครื่องจักรขึ้นลงตลิ่ง และกำหนด “ทางน้ำชั่วคราว” ให้เรือชาวบ้านและเรือประมงสัญจรได้ระหว่างทำงาน เพื่อลดผลกระทบต่ออาชีพเดิมให้มากที่สุด
ทำไมต้องทำ “ตอนนี้” หน้าฝน–หน้าท่องเที่ยว–หน้าต่างเศรษฐกิจ
ช่วงปลายฤดูฝนต่อเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวปลายปี เป็น จังหวะดีที่สุด สำหรับการถอนทัพวัชพืชครั้งใหญ่ เหตุผลสำคัญคือ
ในมุมของการตลาดท่องเที่ยว ภาพ “ผืนน้ำโล่ง–ฟ้ากว้าง–แนวต้นไม้สีเขียว” คือสื่อทรงพลังสำหรับแคมเปญ เชียงราย–เวียงชัย เมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่สามารถเชื่อมทริปเข้ากับเส้นทางวัฒนธรรม–อาหารเหนือ–โฮมสเตย์–สินค้า OTOP และ “ความงามของไม้ดอก” ในงานอาเซียนปี 2025 ได้อย่างลงตัว
ปฏิบัติการนี้คือ “สะพาน” สู่การบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม
การกำจัดผักตบเป็น เพียงจุดเริ่ม ของการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน ภาพใหญ่ที่ควรเดินต่อไปมีอย่างน้อย 4 มิติ
หาก 4 มิตินี้ถูกต่อเข้ากับ งบลงทุนท้องถิ่น–ภาคีเครือข่ายรัฐ–มหาวิทยาลัย–เอกชน หนองหลวงจะไม่ใช่ “งานประจำฤดูกาล” แต่เป็น “ห้องเรียนธรรมชาติ–ทรัพย์สินสาธารณะ” ที่ดูแลร่วมกันอย่างมีข้อมูลและมีส่วนร่วม
ความเกี่ยวโยงระดับประเทศ นโยบายเร่งกำจัดวัชพืชของรัฐบาลคือ “หลังพิง” ของท้องถิ่น
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ลงพื้นที่ตรวจการบริหารจัดการน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท พร้อมสั่งการชัดเจนให้หน่วยงานชลประทานทั่วประเทศ เร่งกำจัดวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำภายใน 1 เดือน โดยเน้นผลสัมฤทธิ์หน้างานและมาตรการความรับผิดชอบผู้ดูแลพื้นที่โดยตรง นโยบายนี้เป็น “หลังพิง” สำคัญให้ อบจ.–เทศบาล–อบต. ใช้อำนาจและทรัพยากรแก้ปัญหาแบบทันการณ์ ลดขั้นตอนที่เคยทำให้งานสนามล่าช้า
สำหรับเชียงราย นโยบายดังกล่าวช่วย ปลดล็อกกำลังคน–เครื่องจักร–งบเชื้อเพลิง ให้ลงไปที่หนองหลวงได้เร็วขึ้น อีกด้านยังทำให้การประสาน กรมชลประทาน–สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ–กรมเจ้าท่า เดินบนฐานอำนาจร่วมที่ชัดเจน ทั้งหมดนี้เพิ่มโอกาสให้ “งานน้ำ” ของจังหวัดเดินต่อได้โดยไม่สะดุด
“ทำให้เห็น” คือคำอธิบายที่ดีที่สุด
แม้ข่าวนี้ไม่ได้มีถ้อยคำให้สัมภาษณ์ยาวจากผู้บริหาร แต่ “ข้อเท็จจริงภาคสนาม” สะท้อนเจตนารมณ์ชัดเจน—การมอบหมายของนายก อบจ.เชียงรายให้รองนายกลงตรวจงาน, รายงานความคืบหน้าโดยกองป้องกันฯ, และการจัดสรรเครื่องจักร–เชื้อเพลิง–บุคลากร ล้วนคือการ “ทำให้เห็น” มากกว่า “พูดให้ฟัง” และเป็นธรรมดาที่งานใหญ่แบบนี้จะต้องสื่อสารต่อเนื่อง ทั้งความก้าวหน้า–แผนการรื้อผักตบในจุดถัดไป–มาตรการความปลอดภัย–ช่องทางรับฟังข้อเสนอแนะจากชุมชน
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ตัวชี้วัดสั้น–กลาง–ยาว
ระยะสั้น (0–3 เดือน)
ระยะกลาง (3–12 เดือน)
ระยะยาว (12 เดือนขึ้นไป)
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย–ปฏิบัติการ (สำหรับหน่วยงานและชุมชน)
จาก “ภารกิจเชิงรุก” สู่ “สัญญาใจต่อแหล่งน้ำของเรา”
หนองหลวงคือทรัพย์สินสาธารณะที่สะท้อนความรุ่งเรืองของเมืองน้ำ–เมืองเกษตร–เมืองท่องเที่ยว การกำจัดผักตบชวาครั้งนี้เป็น “สัญญาใจ” ระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นกับประชาชนว่า เชียงรายจะไม่ปล่อยให้แหล่งน้ำใหญ่ของตนหายใจติดขัดอีก และจะใช้โอกาสจากงานระดับอาเซียนในปี 2025 เป็นเวทีประกาศว่า “เราดูแลบ้านของเราได้” ด้วยมาตรฐานงานภาคสนามที่แน่น, แผนข้อมูลที่โปร่งใส, และการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างแท้จริง
หากทำได้ตามแผน หนองหลวงจะกลับมาเป็น “อ่างเก็บน้ำธรรมชาติ–ห้องเรียนกลางแจ้ง–ลานวัฒนธรรมของชุมชน” ในคราวเดียวกัน และเมื่อฟ้าเปิด น้ำโล่ง นักท่องเที่ยวเห็นทัศนียภาพสะท้อนท้องฟ้าเหนือเชียงราย ภาพความพยายามนับพันชั่วโมงของคนทำงานภาคสนามจะเปลี่ยนเป็น รายได้–รอยยิ้ม–ความภูมิใจ ของทั้งจังหวัด
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.