
การดำเนินการของรัฐบาลไทยและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ
ประเทศไทย, 2 มีนาคม 2568 – สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความชี้แจงล่าสุดเกี่ยวกับกรณีการส่งตัวชาวจีนจำนวน 40 คนกลับประเทศจีน หลังมีคำถามจากผู้สื่อข่าวและการแสดงความกังวลจากประเทศและองค์กรระหว่างประเทศบางแห่ง โฆษกสถานทูตจีนได้รวบรวมคำถามและให้คำตอบเพื่ออธิบายถึงรายละเอียดของกรณีดังกล่าว
การส่งตัวชาวจีนกลับประเทศและข้อโต้แย้งด้านกฎหมายระหว่างประเทศ
คำถามแรกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ การส่งตัวชาวจีนที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวน 40 คนกลับประเทศจีน ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนชี้แจงว่า บุคคลเหล่านี้เป็นผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย ดังนั้น การส่งตัวพวกเขากลับประเทศจึงถือเป็นกระบวนการปกติของการบังคับใช้กฎหมายที่สอดคล้องกับหลักมาตรฐานสากล
ทางการไทยและจีนมีหลักฐานยืนยันว่าผู้ถูกส่งตัวไม่ใช่ผู้ลี้ภัย และรัฐบาลไทยดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายการควบคุมการลักลอบอพยพผิดกฎหมายซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 ประเทศขนาดใหญ่หลายแห่งได้ส่งกลับบุคคลที่เข้าเมืองผิดกฎหมายมากกว่า 270,000 คน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์มองว่า การส่งตัวบุคคลดังกล่าวอาจเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและรัฐบาลบางประเทศแสดงความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของผู้ถูกส่งตัวหลังเดินทางกลับจีน
ข้อกังวลเรื่องสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อผู้ถูกส่งตัว
บางประเทศและองค์กรระหว่างประเทศตั้งคำถามว่า บุคคลที่ถูกส่งตัวกลับอาจถูกทรมานและละเมิดสิทธิมนุษยชนเมื่อเดินทางถึงจีน ทางสถานทูตจีนตอบว่า รัฐบาลจีนปฏิบัติตามหลักการปกครองโดยกฎหมาย และยึดมั่นในอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน (Convention Against Torture) ที่จีนเป็นภาคีมาตั้งแต่ปี 2529
ทางการจีนยืนยันว่าผู้ที่ถูกส่งตัวกลับได้รับการดูแลและได้กลับสู่ครอบครัวแล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นของจีนจะให้ความช่วยเหลือด้านอาชีพและการพัฒนาทักษะให้กับบุคคลเหล่านี้ เพื่อให้พวกเขาสามารถกลับเข้าสู่สังคมได้โดยเร็วที่สุด
กรณีซินเจียงและปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย
คำถามที่สามเกี่ยวข้องกับ สถานการณ์ในซินเจียง ซึ่งถูกกล่าวถึงว่าเป็นประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนมานานหลายปี โดยมีรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ
สถานเอกอัครราชทูตจีนระบุว่า ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา เขตปกครองตนเองซินเจียงเผชิญกับภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้าย รวมถึงขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก (ETIM) ซึ่งได้รับการขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายโดยองค์การสหประชาชาติ ทางการจีนจึงดำเนินมาตรการรักษาความมั่นคงอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ซินเจียงไม่มีเหตุการณ์ก่อการร้ายอีกเลยตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและรัฐบาลบางประเทศให้ความเห็นว่า มาตรการของจีนอาจละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางศาสนา โดยมีรายงานว่าผู้ที่ถูกส่งตัวกลับอาจเผชิญกับการควบคุมตัวโดยไม่มีการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
การติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ถูกส่งตัวกลับในอนาคต
โฆษกสถานทูตจีนยืนยันว่า ทางการจีนยินดีต้อนรับเจ้าหน้าที่ไทยให้เดินทางไปตรวจสอบความเป็นอยู่ของบุคคลที่ถูกส่งตัวกลับ และให้ความมั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับโอกาสในการสร้างชีวิตใหม่ในประเทศบ้านเกิดของตน
ข้อพิพาทระหว่างไทย จีน และองค์กรระหว่างประเทศ
รายงานจาก The New Humanitarian เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ต่อสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ในประเทศไทยที่ถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานกว่าสิบปี โดยมีข้อกล่าวหาว่า UNHCR ปฏิเสธที่จะเข้ามามีบทบาทช่วยเหลือ เนื่องจากแรงกดดันจากจีน และความกังวลเกี่ยวกับการลดเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีน
ไทยกับการควบคุมตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์
เอกสารภายในของ UNHCR ที่ถูกเปิดเผยโดย The New Humanitarian ระบุว่า รัฐบาลไทยได้ควบคุมตัวชาวอุยกูร์ 48 คนมาตั้งแต่ปี 2014 โดยไม่มีข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ ในจำนวนนี้ 5 คนถูกลงโทษจำคุกจากความพยายามหลบหนีในปี 2020 ส่วนที่เหลือ 43 คนถูกควบคุมตัวในศูนย์กักตัวคนต่างด้าวในกรุงเทพฯ โดยถูกตัดขาดจากการติดต่อกับครอบครัว ทนายความ และกลุ่มสิทธิมนุษยชน
UNHCR กับการปฏิเสธบทบาทในการช่วยเหลือ
The New Humanitarian รายงานว่า รัฐบาลไทยได้พยายามขอความร่วมมือจาก UNHCR ตั้งแต่ปี 2015 ให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวในไทย แต่ถูกปฏิเสธ สาเหตุหนึ่งมาจากความกังวลว่า จีนอาจลดเงินสนับสนุนต่อ UNHCR หากมีการดำเนินการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์มากเกินไป
บาบาร์ บาลอช โฆษกของ UNHCR ให้สัมภาษณ์ว่า UNHCR ได้หยิบยกประเด็นนี้พูดคุยกับรัฐบาลไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงผู้ลี้ภัยหรือดำเนินการช่วยเหลือโดยตรง นอกจากนี้ เอกสารภายในของ UNHCR ยังระบุว่าหากมีการเข้าไปช่วยเหลือชาวอุยกูร์ในไทย อาจกระทบความสัมพันธ์กับจีนและการดำเนินงานในประเทศจีน
ผลกระทบของอิทธิพลจีนต่อ UNHCR
จากเอกสารภายในของ UNHCR ระบุว่า มีความเสี่ยงที่จีนจะลดเงินสนับสนุนให้กับ UNHCR ซึ่งครอบคลุมถึงโครงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในหลายประเทศ และอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ UNHCR ที่ทำงานอยู่ในจีน
ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียของ ฮิวแมนไรท์วอตช์ (Human Rights Watch – HRW) ให้ความเห็นว่า UNHCR ล้มเหลวในการปกป้องผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ เนื่องจากกลัวการตอบโต้จากจีน เขายังระบุว่า รัฐบาลไทยเองพยายามให้ UNHCR มีบทบาทมากขึ้น แต่ UNHCR กลับเลือกที่จะถอยห่างออกจากประเด็นนี้
ข้อกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน
นักวิเคราะห์ด้านสิทธิมนุษยชนมองว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนอาจ ละเมิดหลักการไม่ส่งกลับ (Non-Refoulement) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของกฎหมายผู้ลี้ภัยระหว่างประเทศ ที่กำหนดให้ ห้ามส่งตัวบุคคลกลับไปยังประเทศที่เขาอาจเผชิญกับอันตรายหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ข้อคิดเห็นจากสองมุมมอง
สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว
จากข้อมูลของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งประเทศไทยและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน พบว่า:
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งประเทศไทย / กระทรวงการต่างประเทศจีน / องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ / The New Humanitarian
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.