เชียงรายผลักดันอาหารถิ่นสู่มรดกวัฒนธรรม ผ่านโครงการ ‘Thailand Best Local Food’

กรุงเทพฯ, 26 กุมภาพันธ์ 2568 – กระทรวงวัฒนธรรม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัด การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste”โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ กรุงเทพมหานคร

แนวทางการขับเคลื่อนโครงการ

งานนี้มี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน พร้อมด้วย นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวรายงาน มีผู้เข้าร่วมงานจาก หน่วยงานรัฐ อินฟลูเอนเซอร์ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และวัฒนธรรมจังหวัดจาก 76 จังหวัด

โครงการนี้มุ่งเน้น การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาอาหารถิ่นที่ใกล้สูญหาย ให้กลับมามีบทบาทในสังคม พร้อมส่งเสริมให้เป็น Soft Power ของไทย โดยเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยของจังหวัดเชียงรายนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางวนิดาพร ธิวงศ์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกล่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม พร้อมด้วยนายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ คุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ร่วมก่อตั้ง นครเชียงรายนิวส์ ในฐานะการขับเคลื่อนในรูปแบบอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) คุณอนุสร เทพปินตา รองนายกเทศมนตรีตำบลแม่สรวย เครือข่ายผู้ประกอบการ เข้าร่วมประชุมปฏิบัติการในครั้งนี้

ภายใต้แนวคิด “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste”

แนวทางการขับเคลื่อนโครงการ “Thailand Best Local Food” ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้แนวคิด “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ณ โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ กรุงเทพมหานคร

การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทย โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัดจาก 76 จังหวัด ข้าราชการ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และอินฟลูเอนเซอร์เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ภายในงานมีกิจกรรมหลัก 8 รายการ ได้แก่

  1. เสวนาในหัวข้อ “การยกระดับอาหารไทยถิ่น ผ่านการออกแบบประสบการณ์ของชุมชน (Designing for a Local Experience)” โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เช่น คุณสมศักดิ์ บุญคำ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Local Alike, คุณสันติ อาภากาศ ผู้ร่วมก่อตั้ง TASTEBUD LAB และ BIO BUDDY, เชฟคำนาง ณัฏฐภรณ์ คมจิต ผู้ก่อตั้งเฮือนคำนางแบรนด์, และคุณลภัตอร กาญจนชัยภูมิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
  2. บรรยายในหัวข้อ “การส่งเสริมและพัฒนาอาหารไทยถิ่น เชื่อมโยงไปสู่การสืบสานภูมิปัญญา” โดย ดร.สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและโภชนาการ
  3. บรรยายในหัวข้อ “การสร้างความเข้าใจในการขับเคลื่อนโครงการฯ” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น คุณจรงค์ศักดิ์ รองเดช, เชฟไพศาล ชีวินศิริวัฒน์, พท.ป.อุบลรัตน์ มโนศิลป์, และคุณธนพัชร ทิ้งโคตร

โครงการ “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” มุ่งเน้นการรวบรวมและฟื้นฟูเมนูอาหารถิ่นที่กำลังจะเลือนหาย เพื่อสืบสานและพัฒนาให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของแต่ละจังหวัด นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและยกระดับเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ Thailand Creative Culture Agency (THACCA) ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ใน 11 ด้าน เช่น อาหาร ท่องเที่ยว เทศกาล/ประเพณี ภาพยนตร์ ศิลปะ และดนตรี

หลังพิธีเปิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและคณะผู้บริหารได้เยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากเครือข่ายชุมชนต่างๆ ที่มาร่วมแสดงผลงานภายในงาน

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมส่งเสริมวัฒนธรรม www.culture.go.th และเพจเฟซบุ๊ก “กรมส่งเสริมวัฒนธรรม” รวมถึงเพจเฟซบุ๊ก “อาหารไทยถิ่น THAILAND BEST LOCAL FOOD”

สถิติที่เกี่ยวข้อง:

  • จากการสำรวจของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม พบว่าในปี 2567 มีเมนูอาหารถิ่นที่เสี่ยงต่อการสูญหายกว่า 150 เมนู
  • โครงการ “Thailand Best Local Food” ได้ส่งเสริมและฟื้นฟูเมนูอาหารถิ่นกว่า 80 เมนูในปีที่ผ่านมา
  • การยกระดับอาหารถิ่นมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นเฉลี่ยร้อยละ 20 ต่อปี

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. โครงการ “Thailand Best Local Food” มีเป้าหมายหลักคืออะไร?
    เน้นการฟื้นฟูและพัฒนาอาหารถิ่นให้เป็นที่รู้จัก พร้อมยกระดับให้เป็นสินค้าทางวัฒนธรรมของไทยในระดับสากล
  2. เมนูอาหารถิ่นที่ฟื้นฟูมีอะไรบ้าง?
    ประกอบด้วยอาหารไทยดั้งเดิมจากทุกภูมิภาค เช่น แกงหอยจุ๊บแจง ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว ไก่กะลาภาคเหนือ และข้าวยำบูดูภาคใต้
  3. อาหารถิ่นมีผลต่อเศรษฐกิจชุมชนอย่างไร?
    ช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการในท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
  4. ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างไร?
    สามารถร่วมเสนอเมนูอาหารถิ่นที่ควรฟื้นฟูผ่านกรมส่งเสริมวัฒนธรรม หรือร่วมกิจกรรมภายใต้โครงการนี้
  5. โครงการนี้เกี่ยวข้องกับ Soft Power ไทยอย่างไร?
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ Soft Power ไทย เพื่อผลักดันอาหารถิ่นสู่ระดับโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME