รอง นรม./รมว.กห. หารือร่วมกับนายกฯ เร่งเดินหน้านโยบาย ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด

กรุงเทพฯ, 15 กุมภาพันธ์ 2568 – นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมหารือกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้นำหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อเร่งเดินหน้านโยบาย ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติด ที่ยังคงเป็นภัยต่อประชาชน

การประชุมจัดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางบูรณาการกำลังพลและทรัพยากรของกองทัพให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล

แนวทางปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ

พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า มาตรการเด็ดขาดของรัฐบาลที่ดำเนินมาแล้ว เช่น การตัดเส้นทางลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิง การปิดกั้นสัญญาณอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ ได้ส่งผลให้การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ การพนันผิดกฎหมาย และการหลอกลวงทางคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้คณะกรรมการนโยบายด้านชายแดนดำเนินการขยายแผนการทำงาน และให้รายงานผลความคืบหน้าภายใน 1 เดือน โดยเน้นการปิดช่องโหว่ของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งอาศัยพื้นที่ชายแดนไทยเป็นฐานปฏิบัติการ

ผลลัพธ์จากมาตรการเชิงรุกของรัฐบาล

จากปฏิบัติการที่เข้มข้นและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง พบว่ามีการปิดสถานบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการระบุเป้าหมายของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนคัดแยก และส่งตัวกลับประเทศต้นทางโดยได้รับความร่วมมือจากกองกำลังป้องกันชายแดน

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ไทยจะไม่เป็นศูนย์อพยพของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรม โดยมีแนวทางที่ชัดเจนคือ

  1. ขจัดเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ออกจากประเทศไทย
  2. ปิดกั้นไม่ให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์และยาเสพติด

การสร้างกำแพงชายแดน และความร่วมมือระดับภูมิภาค

ประเด็นที่ได้รับความสนใจในการประชุมคือ แนวคิดการสร้างกำแพงชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปอยเปต ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแก๊งมิจฉาชีพที่ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเป็นฐานปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรีระบุว่ายังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย และต้องมีการศึกษารายละเอียดเชิงลึกก่อน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินความร่วมมือระดับภูมิภาคกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันและปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเป็นระบบ และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ

ความเข้มข้นของมาตรการปราบปรามอาชญากรรม

นายภูมิธรรม เวชยชัย เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยจะไม่ลดระดับความเข้มข้นของมาตรการ แม้จะได้รับสัญญาณจากกองกำลังต่าง ๆ ของประเทศเพื่อนบ้านว่ามีมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายในประเทศของตนเองแล้ว โดยยืนยันว่ามาตรการต้องเป็นไปตามเป้าหมายและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

“ปัญหาสำคัญของเราคือ ต้องกำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกไปให้ได้ และจะไม่ให้ใช้พื้นที่ของไทยเป็นแหล่งเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ” นายภูมิธรรมกล่าว

บทสรุป

รัฐบาลไทยกำลังดำเนินมาตรการเชิงรุกในการ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติด อย่างจริงจัง โดยเน้นความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค พร้อมใช้มาตรการที่เด็ดขาดในการสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ให้มีที่ยืนในประเทศไทย

การดำเนินการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก และจะเดินหน้ากำจัดภัยคุกคามเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME