
ประเทศไทย, 4 มิถุนายน 2568 – ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 โดยมีการจัดสรร “งบกลาง” วงเงินมหาศาลกว่า 6.32 แสนล้านบาท องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ได้ออกโรงเตือนภัยสังคมผ่านบทความและสื่อโซเชียล ถึงความเสี่ยง “สูงมาก” ต่อการทุจริต การใช้จ่ายไม่คุ้มค่า และความไม่โปร่งใส โดยเน้นย้ำว่ารัฐบาลควรเร่งปฏิรูปมาตรการกำกับดูแลงบกลางให้เกิดความโปร่งใส พร้อมเสนอแนะแนวทางที่ควรเร่งดำเนินการ ก่อนที่ปัญหาการใช้จ่ายงบประมาณโดยไร้ประสิทธิภาพจะกลายเป็นวิกฤตซ้ำรอยอดีต
“งบกลาง” กับกับดักคอร์รัปชัน จุดเปราะบางของงบประมาณแผ่นดิน
นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เผยแพร่บทความเตือนภัยสังคมผ่านเพจทางการ โดยเน้นย้ำถึงความอ่อนไหวของ “งบกลาง” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งมีวงเงินสูงถึง 1.23 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2569 และยังมีงบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 มูลค่า 1.57 แสนล้านบาทเพิ่มเข้ามาอีก
“งบกลาง” กลายเป็นแหล่งงบประมาณที่ง่ายต่อการอนุมัติ ใช้จ่ายโดยไม่ต้องมีแผนล่วงหน้า โครงการส่วนใหญ่มักข้ามขั้นตอนตรวจสอบของรัฐสภา และให้อำนาจดุลพินิจกับฝ่ายบริหารโดยตรง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี นำไปสู่การใช้จ่ายที่ขาดความโปร่งใส มีโอกาสสูงที่จะเกิดการบิดเบือนและทุจริต” นายมานะระบุ
3 ปัจจัยเสี่ยง งบกลางไทยทำไม “โกงง่าย”
ตัวอย่างเช่น งบกลางฉุกเฉินในอดีตเคยถูกนำไปใช้ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ งบป้องกันไฟป่า ตลอดจนงบราชการลับหรือโครงการเล็กๆ ที่ไม่มีผู้ติดตาม เช่น ขุดลอกคูคลอง หรือปลูกต้นไม้ ซึ่งล้วนมีความเสี่ยงในการถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์
บทเรียนอดีต งบกลางกับคดีทุจริต
ในอดีตเคยมีโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรมวงเงิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งอนุมัติจากงบกลางและกระจายไปให้มหาวิทยาลัย 4 แห่งในภาคอีสาน ปัจจุบันกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกำลังถูกดำเนินคดีโดยดีเอสไอ หลังพบพฤติกรรมทุจริตและใช้เงินผิดวัตถุประสงค์
ไม่เพียงเท่านี้ การใช้งบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2569 จำนวน 1.57 แสนล้านบาท ยังตกอยู่ภายใต้ข้อสังเกตว่าอาจถูกเร่งรัดโดยขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ หลายโครงการถูกนำเสนอเพราะถูกตัดทิ้งจากการพิจารณางบประมาณปกติหรือเป็น “โครงการแฟ้มเก่า” ที่ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ จึงมีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นโครงการที่ฟุ่มเฟือย ไม่ตรงกับภารกิจหน่วยงาน หรือไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
ตัวอย่างที่ถูกตั้งคำถาม เช่น งบ 50 ล้านบาทในจังหวัดระยอง สำหรับสร้างซุ้มตรวจการและรั้ว หรือการติดตั้งเสาไฟในถนนสายรองที่ขาดความจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์
มาตรการกำกับดูแลที่ควรเร่งดำเนินการ
นายมานะ นิมิตรมงคล เสนอแนะแนวทางแก้ไขไว้ว่า
ความโปร่งใสคือคำตอบ
ปัญหางบกลางมิใช่เพียงเรื่องทุจริตเชิงระบบ หากแต่เกี่ยวพันกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล การใช้งบกลางที่ขาดโปร่งใสไม่เพียงทำลายระบบราชการ ยังบั่นทอนศรัทธาต่อรัฐไทยทั้งระบบ การปฏิรูประบบงบประมาณกลางให้โปร่งใส ตรวจสอบได้จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันผลักดัน
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.