ททท.เดินหน้า “Amazing 5-Economy” ปรับทิศทางท่องเที่ยวไทยจาก “ปริมาณ” สู่ “คุณค่า” ชูเหนือเป็นสนามทดสอบ โยงเศรษฐกิจมหภาค สนามบิน ซอฟต์พาวเวอร์ หนุนไทยมุ่ง Premium Destination

เชียงราย, 24 พฤศจิกายน 2568 – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดแผน “Amazing 5-Economy” เพื่อยกระดับประเทศไทยจาก “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” สู่ “ดินแดนแห่งความหมาย” (Value over Volume) เน้นเพิ่ม “คุณค่าและการใช้จ่ายต่อทริป” แทนการไล่ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเดียว โดยหยิบ 5 เศรษฐกิจเป้าหมาย Wellness, Subculture, Night, Tax-free, Prompt Pay มาประกอบเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ขณะที่ข้อมูลสนับสนุนจากภาคการบินและสถาบันวิจัยเอกชนชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า “การเติบโตเชิงคุณภาพ” คือคำตอบ หากไทยต้องการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวนและพฤติกรรมนักเดินทางที่เปลี่ยนไป

รายงานนี้ถอด “แผน 5-Economy” ให้อยู่ในบริบทกว้างขึ้น ตั้งแต่ภาพรวมการเดินทางทางอากาศของภาคเหนือ, สัญญาณจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับรายได้ต่อทริป, ไปจนถึงพิมพ์เขียวเศรษฐกิจมหภาคของธนาคารโลก เพื่อชี้ว่าการยกระดับสู่ Premium Destination ไม่ใช่เพียงแคมเปญการตลาด แต่เป็นยุทธศาสตร์โครงสร้างที่ต้องเดินพร้อมกันทั้งนโยบาย การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และทักษะแรงงาน

ไฮไลต์สำคัญ

  • ททท. วาง 5 เศรษฐกิจเป้าหมายเป็น “โครงใหม่” ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ: Wellness / Subculture / Night / Tax-free / Prompt Pay
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้การกลับไปถึงจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนโควิดทำได้ยาก ต้องหันมาเพิ่ม ค่าใช้จ่ายต่อทริป ผ่าน MICE, คอนเสิร์ตระดับโลก, กีฬาโลก, Medical & Wellness
  • ดัชนีภาคการบินภาคเหนือ สะท้อนศักยภาพรองรับดีขึ้น: ปีงบประมาณ 2025–2026 ยอดผู้โดยสารรวม ท่าอากาศยานเชียงใหม่ อยู่ที่ 10.20 ล้านคน (+6.87%) และ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย 2.13 ล้านคน (+3.54%) ตามตารางสรุปในเอกสารประกอบ
  • ธนาคารโลก แนะไทยต้องยกระดับผลิตภาพ (TFP) และเร่งลงทุน R&D ดิจิทัล บริการมูลค่าสูง (สุขภาพ/เวลเนส เศรษฐกิจสร้างสรรค์) เพื่อผลักดันเศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ย ≥5% มุ่งเป้าประเทศรายได้สูงปี 2580

เรื่องเล่าจากพฤติกรรมนักเดินทาง จาก “ไปถึง” สู่ “เข้าถึงความหมาย”

ในทศวรรษที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ “เลือกประเทศจากความหมายที่สถานที่นั้นมอบให้” มากกว่าการปักหมุดแลนด์มาร์ก ต้องการประสบการณ์ที่ปลอดภัย เข้าถึงง่าย สอดคล้องวิถีดิจิทัล และสะท้อนตัวตนผ่านวัฒนธรรมร่วมสมัย การวางทิศทาง Value over Volume ของททท. จึงมิใช่เพียงสโลแกน หากเป็นการเคลื่อนจาก Mass Tourism ไปสู่ Quality Tourism ที่ทุนมนุษย์ ทุนวัฒนธรรม และทุนดิจิทัล ทำงานร่วมกันเป็นวงจรเดียว

แผน Amazing 5-Economy จึงตอบโจทย์ “ความหมาย” 5 มิติที่นักท่องเที่ยวตามหา สุขภาพกายใจ (Wellness), อัตลักษณ์ร่วมสมัย (Subculture), ประสบการณ์กลางคืนที่ปลอดภัย (Night), ประสบการณ์ช้อปปลอดภาษี (Tax-free) และ การจ่ายเงินไร้รอยต่อ (Prompt Pay) ซึ่งล้วนเชื่อมกับ ค่าใช้จ่ายต่อทริป โดยตรง

หลักฐานเชิงข้อมูล ท่าอากาศยานภาคเหนือบอกอะไรเรา

สัญญาณจากผู้โดยสารทางอากาศช่วยยืนยันผลของการเชื่อมต่อ (Connectivity) และความพร้อมรองรับ (Capacity) ซึ่งเป็นฐานของการสร้างรายได้คุณภาพสูง โดยข้อมูลสรุปปีงบประมาณ 2025/2026 ของภาคเหนือที่จัดทำประกอบข่าวชิ้นนี้ระบุว่า

  • ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (CNX):
    • ปีงบฯ 2025 ผู้โดยสารรวม (Grand Total) 9,383,719 คน (+6.37%)
    • ปีงบฯ 2026 ระหว่างปีสะสม (YTD) 820,382 คน (+12.96%)
    • รวมสองปี (Total) 10,204,101 คน (+6.87%)
  • ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (CEI):
    • ปีงบฯ 2025 ผู้โดยสารรวม 1,947,014 คน (+2.47%)
    • ปีงบฯ 2026 ระหว่างปีสะสม 187,654 คน (+16.09%)
    • รวมสองปี (Total) 2,134,668 คน (+3.54%)

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อน 3 ประเด็นสำคัญ

  1. โครงสร้างพื้นฐานพร้อมรับ   สนามบินเชียงใหม่และเชียงรายยังเป็น “สองประตูหลักของเหนือบน” ที่รองรับเที่ยวบินเชื่อมกรุงเทพฯ ภูมิภาค และเส้นทางต่างประเทศ ทำให้เส้นทางคุณภาพ (คอนเสิร์ต กีฬาโลก MICE เวลเนส) มีฐานผู้โดยสารรองรับ
  2. โอกาสของเมืองรอง   แรงดึงจากกิจกรรม/อีเวนต์ใหญ่ในพะเยา น่าน แพร่ หรือเชียงราย สามารถ “อาศัย” ศักยภาพสนามบินสองแห่งนี้ในการกระจายตัวนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง สอดรับเป้าหมายของททท. ที่ต้องการกระจายความหนาแน่นและรายได้
  3. ภารกิจเพิ่มรายได้ต่อทริป   แม้ผู้โดยสารเติบโตในอัตรา “บวกอย่างมั่นคง” แต่ความท้าทายคือ การแปลงทุกการเดินทางเป็นการใช้จ่ายมูลค่าสูง ผ่าน 5-Economy ไม่ใช่เพียงจำนวนคน

สนามบินพร้อม แต่รายได้จะโตยั่งยืน ต้องให้ปลายทาง ‘มีความหมาย’ พอให้คนยอมจ่ายแพงขึ้น/อยู่นานขึ้น” – สาระหลักที่ททท. และนักวิจัยเอกชนเห็นพ้อง

มุมมองนักเศรษฐศาสตร์ท่องเที่ยว เมื่อ “จำนวน” เริ่มชนเพดาน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าในปี 2569 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยราว 34.1 ล้านคน (+4% YoY) ยัง “ต่ำกว่าศักยภาพก่อนโควิด” และ “ค่าใช้จ่ายต่อทริปยังต่ำ” ขณะที่การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวรุนแรงขึ้นจากประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป

บทสรุปเชิงนโยบายของสถาบันวิจัยชี้ชัดว่า ประเทศไทยต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อทริป ผ่านสินค้า/ประสบการณ์ที่มี Ticket Size สูง เช่น MICE, คอนเสิร์ตศิลปินโลก, กีฬาโลก, Medical & Wellness พร้อมผลักดัน “เมืองรอง” ด้วยอัตลักษณ์ท้องถิ่น (เช่น GI) และระบบนิเวศการใช้จ่าย (Tax-free, e-Payment) ที่ไร้รอยต่อ ซึ่งสอดรับกับ 5-Economy แทบทุกข้อ

5-Economy ลงในพื้นที่: ทำอย่างไรให้ “คนยอมอยู่นาน จ่ายเพิ่ม”

1) Wellness Economy – จาก “เช็คอิน” สู่ “พักฟื้นและป้องกัน”

ไทยมีทุนเดิมด้านแพทย์ สปา อาหารสุขภาพ และธรรมชาติ การต่อยอดสู่ Medical & Wellness Hub ต้องยกระดับบริการเฉพาะทาง (Longevity / Preventive Care / Rehabilitation) เชื่อมกับ ออนเซ็น/น้ำพุร้อน/สปา คุณภาพสูง และ ดิจิทัลเฮลธ์ (นัดหมาย ชำระเงิน เวชระเบียนสุขภาพบนคลาวด์) ให้ไร้รอยต่อ เพื่อยืดระยะพำนักและค่าใช้จ่ายต่อหัว

2) Subculture Economy – เมืองที่ “มีชีวิต”

ดนตรี แฟชั่น ศิลปะ เกม/คอมมูนิตี้ คือภาษากลางของนักเดินทางเจนใหม่ เมืองเหนือสามารถจัด เทศกาลดนตรี/Arts Week/Street Culture ในช่วง Low Season เพื่อเบี่ยงฤดูกาลท่องเที่ยวและเพิ่ม “เหตุผลใหม่ในการมา” นอกเหนือจากธรรมชาติสวย

3) Night Economy – ชั่วโมงเศรษฐกิจที่มองไม่เห็น

มาตรการ “ความปลอดภัย ความเป็นมิตร ทางเลือกหลากหลาย” สำหรับย่านกลางคืน ทำให้ธุรกิจอาหาร ดนตรี ตลาดค่ำ และศิลปะกลางคืน กลายเป็น เครื่องจักรเพิ่ม ASV (Average Spending per Visit) สำคัญ โดยเฉพาะในเมืองรองที่กลางวันเงียบ

4) Tax-free Economy – ให้การช้อปเป็นประสบการณ์

ห่วงโซ่ Tax-free Ecosystem ตั้งแต่ดิวตี้ฟรีเมือง การคืน VAT   การเชื่อมระบบกับ e-Payment ช่วยดึงกลุ่มกำลังซื้อสูง และทำให้ “การช้อป” กลายเป็นเหตุผลของการเดินทาง

5) Prompt Pay Economy – ปลายทางดิจิทัลที่เป็นมิตร

มาตรฐาน Payment Experience ที่จ่ายได้ทุกที่ ทุกสกุลเงิน (เชื่อม QR Cross-border) ช่วยลดแรงเสียดทานนักท่องเที่ยวต่างชาติ และสร้างภาพลักษณ์ Digital-friendly Destination

เชื่อมโยงเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารโลก–BCG+ และเป้าหมายประเทศรายได้สูง

ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจไทยตามรายงาน ธนาคารโลก สะท้อนความเร่งด่วน: อัตราเติบโตเศรษฐกิจเฉลี่ยเพียง 2–2.5% ต่ำกว่าที่จำเป็นต้องรักษา ≥5% เพื่อบรรลุ “ประเทศรายได้สูง ปี 2580” ปัญหาอยู่ที่ ผลิตภาพรวม (TFP) ลดลง, การลงทุนภาคเอกชนชะลอ และกำลังแรงงานทักษะใหม่ยังไม่พอ

ข้อเสนอของธนาคารโลกจึงมุ่ง “ยกเครื่องโครงสร้าง” ด้วยสามขีดความสามารถ (สีเขียว ดิจิทัล บริการ) และห้าเสาอุตสาหกรรมอนาคต ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความยั่งยืน ตรงกับ “Wellness Economy” ของททท. แทบจะพอดี

ประเด็นสำคัญ คือ การลงทุนและความสอดคล้องเชิงนโยบาย (Policy Alignment)

  • เร่งอัตราการลงทุนรวม (รัฐ+เอกชน) ใกล้ 40% ของ GDP พร้อมผูกพัน R&D นวัตกรรม
  • จัดตั้งกลไกธรรมาภิบาลดิจิทัล รวมศูนย์การประสานงานข้อมูลและ PDPA เพื่อบริการสุขภาพ/ท่องเที่ยวดิจิทัลที่จริงจัง
  • ฝากความยืดหยุ่นต่อภูมิอากาศไว้ในงบประมาณ (BCG+) เพราะน้ำ/อากาศ/ป่า คือสินทรัพย์การท่องเที่ยวโดยตรง

กล่าวอีกอย่าง: 5-Economy จะกลายเป็นเครื่องยนต์การเติบโตได้จริง ก็ต่อเมื่อ “ภาคท่องเที่ยว ดิจิทัล การแพทย์ สิ่งแวดล้อม” เดินพร้อมกันในระดับนโยบายและงบประมาณ

ภาคเหนือคือ “สนามทดสอบ” ที่ดีที่สุด

ทำไมต้องภาคเหนือ โดยเฉพาะ เชียงใหม่–เชียงราย–เมืองรองรอบกว๊านพะเยา/พาน/แพร่/น่าน

  1. ทางอากาศพร้อม – สนามบินเชียงใหม่และเชียงรายรองรับมากกว่า 12 ล้านคน รวมสองปีงบประมาณล่าสุดในภาพรวม (CNX 10.20 ล้าน, CEI 2.13 ล้าน) เป็นฐานพัฒนาเส้นทาง Premium (MICE–Concert–Sports–Wellness) ได้ทันที
  2. สินทรัพย์ทางธรรมชาติ–วัฒนธรรมหนาแน่น   จากน้ำพุร้อน/ภูเขา/ลำน้ำ ไปจนถึงชุมชนชาติพันธุ์ กาแฟ ชา อาหารเหนือ ซึ่งเชื่อมตรงกับ Wellness / Subculture / Night / Gastronomy (ใน Tax-free & PromptPay ช่วยเสริมการใช้จ่าย)
  3. สามารถกระจายสู่เมืองรองได้จริง – ด้วยการเชื่อมถนนดีขึ้นและอีเวนต์ใหญ่ในพะเยา น่าน แพร่ ที่ช่วย “ดึงคนนอนค้าง” นอกเมืองหลัก

เส้นเรื่องสู่ Premium Destination จากสนามบิน…ถึงเงินในกระเป๋าชุมชน

ฉากที่ 1 – เครื่องลงเชียงใหม่
นักท่องเที่ยวต่างชาติลง CNX ด้วยตั๋วคอนเสิร์ตศิลปินโลก + แพ็กเกจสปาพรีเมียม 3 คืน (Wellness + Night) ระบบชำระเงินไร้เงินสดรองรับได้ทุกใบ
ผลลัพธ์: ค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงขึ้นโดยธรรมชาติ

ฉากที่ 2 – ต่อรถไปเชียงราย
ผู้โดยสารบินเชื่อม CEI เพื่อร่วมงานวิ่งเทรล/จักรยานทางไกล + รีทรีตสุขภาพบนภูเขา มีเวชระเบียนดิจิทัลเชื่อมโรงพยาบาลเอกชน (Digital Health)
ผลลัพธ์: อยู่ยาวขึ้น ค่าใช้จ่ายโรงแรม อาหาร กิจกรรม เพิ่มขึ้น

ฉากที่ 3   ยืนยิ้มในตลาดค่ำเมืองรอง
คืนสุดท้าย เลือกนอน พะเยา/พาน/แพร่/น่าน เพื่อเที่ยว ตลาดกลางคืน คาเฟ่วิวทะเลสาบ แกลเลอรี พร้อมซื้อสินค้าท้องถิ่นแบบ Tax-free / e-Payment
ผลลัพธ์: รายได้หยดลงชุมชน “เมืองรอง” ได้ส่วนแบ่งจริง

ความท้าทายและความเสี่ยง สิ่งที่ต้องระวังระหว่างทาง

  1. ค่าใช้จ่ายต่อทริปยังต่ำ – หากไม่เร่ง “คอนเทนต์ที่แพงอย่างมีเหตุผล” (MICE–Concert–Sports–Wellness) ASV จะไม่ขยับ
  2. ฝุ่นควัน/น้ำท่วม/ภาวะอากาศ – กระทบฤดูกาลท่องเที่ยว จำเป็นต้องตลาด “ฤดูสีเขียว” และลงทุน BCG+ จริงจัง
  3. ทักษะบริการ–ดิจิทัล – ถ้าแรงงานหน้าบ้าน หลังบ้านยังไม่พร้อม (ภาษา/สุขภาพ/ดิจิทัล/PDPA) จะรับพรีเมียมดีมานด์ไม่ได้
  4. ความสอดคล้องเชิงสถาบัน – หากหน่วยงานเดินไม่พร้อม “5-Economy” จะติดคอขวดที่กฎ งบ ดาต้าเชื่อมกันไม่เสร็จ

ข้อเสนอเชิงนโยบาย/ปฏิบัติการ (เน้นทำได้ทันที)

  1. ตั้ง “Northern Premium Route Board” ระดับภูมิภาค เชื่อมสนามบิน ททท. จังหวัด เอกชน เพื่อจัดพอร์ตอีเวนต์/แพ็กเกจ Premium ข้ามเมือง (Concert–MICE–Sports–Wellness) พร้อมตารางบินและ Campaign ร่วม
  2. Tax-free & PromptPay @ เมืองรอง จัดเขตทดลองคืน VAT/ดิวตี้ฟรีเมือง + Cross-border QR รองรับสกุลเงินหลักในย่านท่องเที่ยว ตลาดค่ำ
  3. Wellness Playbook สำหรับผู้ประกอบการเหนือ: มาตรฐานคลินิก สปา อาหารสุขภาพ + บันไดเชื่อมโรงพยาบาล (นัดหมาย จ่าย เวชระเบียนออนไลน์)
  4. กองทุนย่อย Subculture สนับสนุนเทศกาลศิลปะ ดนตรี ดีไซน์ เชื่อมชุมชน/มหาวิทยาลัย สร้างปฏิทินเมืองที่ “มีชีวิต” ตลอดปี
  5. Green-Season Guarantee สร้างแพ็กเกจรับฤดูฝน (ส่วนลด คอนเทนต์ กิจกรรมธรรมชาติ) พร้อมแผนสื่อสารความปลอดภัยอากาศ เส้นทาง
  6. คน ดิจิทัล ภาษา เปิด Micro-credentials 3 เดือน สำหรับพนักงานท่องเที่ยว: ภาษาอังกฤษจีน/การชำระเงินดิจิทัล/มาตรฐานสุขภาพ PDPA ให้จบแล้ว “ทำงานได้จริง”
  7. ดัชนี ASV รายจังหวัด เผยแพร่รายไตรมาส วัดผล 5-Economy แบบโปร่งใส (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย/คืนพัก/กิจกรรมพรีเมียม) เพื่อขับการแข่งขันเชิงคุณภาพ

เมื่อ “ความหมาย” แปลงเป็น “มูลค่า”

ข้อมูลจากสนามบินภาคเหนือยืนยันว่าระบบรองรับกำลังกลับมาแข็งแรง แต่โจทย์ต่อไปคือการทำให้ทุกเที่ยวบินส่งผลเป็น การใช้จ่ายที่มีความหมาย ผ่าน 5-Economy ของททท. ในขณะเดียวกัน เสียงเตือนจากนักเศรษฐศาสตร์และธนาคารโลกชี้ว่าหากไทยต้องการก้าวสู่ประเทศรายได้สูง การท่องเที่ยวต้องเป็น “เครื่องยนต์บริการมูลค่าสูง” ทำงานประสานกับดิจิทัล สุขภาพ สิ่งแวดล้อม ทักษะคน

กล่าวให้กระชับ  Value over Volume ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น ทางรอดและทางรุ่ง ของการท่องเที่ยวไทยในทศวรรษหน้า ภาคเหนือในฐานะสนามทดลองเชื่อมอากาศ ธรรมชาติ วัฒนธรรม สุขภาพ จึงพร้อมจะเป็น “เวที” ให้ไทยพิสูจน์ตนว่า Premium Destination สำหรับโลกยุคใหม่ มีอยู่จริงบนผืนแผ่นดินนี้

ภาคผนวกข้อมูล (สรุปตารางผู้โดยสารสนามบินภาคเหนือ ปีงบประมาณ 2025–2026)

แหล่งข้อมูลภาพ/ตารางประกอบข่าว: The Northern Report – “ยอดผู้โดยสารท่าอากาศยานปีงบประมาณ 2025/2026”

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (CNX)

  • 2025: Grand Total 9,383,719, %Change +6.37%
  • 2026 (ระหว่างปีสะสม): Grand Total 820,382, %Change +12.96%
  • รวม: 10,204,101, %Change +6.87%

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (CEI)

  • 2025: Grand Total 1,947,014, %Change +2.47%
  • 2026 (ระหว่างปีสะสม): Grand Total 187,654, %Change +16.09%
  • รวม: 2,134,668, %Change +3.54%
สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • ธนาคารโลก (World Bank)
  • สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
  • นโยบายดิจิทัลภาครัฐ/PDPA
  • แผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยว–สุขภาพดิจิทัล
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME