
เชียงราย, 12 กันยายน 2568 — แสงเช้าตัดกับแนวภูเขาที่ทอดยาวของชายแดนเหนือเมื่อขบวนตรวจเยี่ยมเคลื่อนเข้าสู่ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง้” เสียงทักทายเป็นกันเองจากเกษตรกรรุ่นพ่อแม่สลับกับรอยยิ้มของเยาวชนชนเผ่าที่กำลังทดลองชิมน้ำผึ้งผสมคาโมมายล์รุ่นทดลอง ร่องรอยของอดีตที่เคยเป็นไร่ฝิ่นและไร่เลื่อนลอยเหมือนถูกเล่าอย่างแผ่วเบาอยู่ในผืนดิน แต่สิ่งที่ชัดดังภาพคือผลผลิตสีสันสดใสและแผนทำกินที่มั่นคง—เรื่องเล่าของการ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” กำลังดำเนินอยู่จริง
ผู้ขับเคลื่อนลงพื้นที่ครั้งนี้คือ พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อ ติดตามผล–ให้กำลังใจ–และประสานการพัฒนาต่อเนื่อง ที่สองศูนย์พัฒนาโครงการหลวงในจังหวัดเชียงราย ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง้ (ก่อตั้ง พ.ศ. 2522) และ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง (ก่อตั้ง พ.ศ. 2550) ซึ่งต่างเป็นภาพสะท้อนของการพัฒนาพื้นที่สูงแบบองค์รวมที่เริ่มจากการแก้ปัญหายาเสพติดและป่าเสื่อมโทรม มาสู่การสร้างอาชีพสุจริต ต่อยอดนวัตกรรมเกษตร และเสริมความเข้มแข็งของชุมชน
สะโง้เส้นทางจากไร่ฝิ่นสู่ “สมุนไพร–น้ำผึ้ง–ดอกไม้” ที่แข่งขันได้
เช้าวันนี้เริ่มที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงสะโง้ ศูนย์พัฒนาลำดับที่ 17 ของโครงการหลวง ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเพื่อ ลดพื้นที่ปลูกฝิ่นและหยุดไร่เลื่อนลอย เมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน ปัจจุบันพื้นที่ส่งเสริมของศูนย์ฯ มี 1,397 ครัวเรือน (3,351 คน) เชื่อมกับเครือข่ายแปลงเกษตรภูเขาจำนวนมากและตลาดรองรับที่มั่นคง
เฉพาะในปีที่ผ่านมา ศูนย์ฯ รายงานว่า พัฒนาและส่งเสริมอาชีพเกษตรกร 136 ราย สร้างรายได้เพิ่มขึ้นรวม กว่า 1.24 ล้านบาท คิดเป็นเฉลี่ย 22,728 บาทต่อครัวเรือน โดยส่งเสริม พืชเศรษฐกิจกว่า 17 ชนิด และเดินเกม “เพิ่มมูลค่า” อย่างจริงจังในกลุ่ม สมุนไพร–ดอกไม้–ผึ้งโพรง มีแผน ผลิตพืชสมุนไพรอบแห้ง 10,000 กิโลกรัม เพื่อรองรับความต้องการตลาดสุขภาพและชาน้ำสมุนไพร ขณะเดียวกัน “น้ำผึ้งคาโมมายล์” และ “ดอกเก๊กฮวยโครงการหลวง” กลายเป็นดาวเด่น—สีเหลืองสดและกลิ่นหอมยังคงเด่นหลังผ่านการอบแห้ง ตอกย้ำ ความต่างเชิงคุณภาพ ที่ตลาดพร้อมจ่าย
เบื้องหลังผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือชุดความรู้ที่โครงการหลวงสั่งสม ทั้งเรื่อง พันธุ์–เทคนิคเพาะปลูก–มาตรฐาน GAP–การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการ แปรรูปและบรรจุภัณฑ์ ให้ตอบโจทย์ตลาดสมัยใหม่ เกษตรกรรุ่นพ่อถ่ายทอดแปลงปลูกให้ลูกหลาน และเห็นผลลัพธ์จับต้องได้—จากรายได้เสริมแปลงเล็กสู่การวางแผนฤดูกาลผลิตอย่างเป็นระบบ
ผาตั้ง โมเดลองค์รวม—เศรษฐกิจเข้มแข็ง สังคมเข้มแข็ง สิ่งแวดล้อมยั่งยืน
ช่วงบ่าย ขบวนเคลื่อนไปยัง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง อ.เวียงแก่น ศูนย์ฯ ลำดับที่ 38 ที่ทำงานมาตั้งแต่ปี 2550 โดดเด่นด้วย การพัฒนาครบวงจร ในสามมิติสำคัญ
นอกจากนี้ พื้นที่ยังเตรียมสร้าง อาคารศูนย์การเรียนรู้แห่งใหม่ (งบประมาณจังหวัดเชียงราย ปี 2570) เพื่อทำหน้าที่เป็น คลังความรู้–พื้นที่ถ่ายทอดเทคโนโลยี–และเวทีทดลองของเยาวชน ทั้งจากโรงเรียนในพื้นที่และเครือข่ายนักศึกษาที่ขึ้นมาฝึกปฏิบัติ—วางฐาน “คนรุ่นใหม่ของภูเขา” ให้ทันตลาดและเทคโนโลยี
คำย้ำจากองคมนตรี “ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก” ให้เป็นจริงในพื้นที่
การลงพื้นที่ขององคมนตรีครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงตรวจงาน หากเป็นการ “สื่อสารพันธกิจร่วม” ว่าการพัฒนาพื้นที่สูงตามแนวพระราชดำริยังคงเดินหน้าอย่างมีทิศทาง พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ เน้นให้ศูนย์พัฒนาทั้งสองแห่งยึดมั่นแนวทาง “สืบสาน รักษา ต่อยอด” โดยตีความ “ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก” ให้เป็น ผลลัพธ์ที่วัดได้ ตั้งแต่ระดับครัวเรือนถึงระบบนิเวศ—ชาวเขาและชุมชนท้องถิ่นมีรายได้มั่นคง ชาวเรา (สังคมไทย) ได้ผัก–ผลไม้คุณภาพมาตรฐาน และชาวโลกได้เห็นแบบอย่างการลดแรงกดดันต่อป่าและทรัพยากรน้ำของเทือกเขาสูง
ตัวเลขที่เล่าเรื่องได้ เมื่อความยั่งยืนกลายเป็นสถิติ
ตัวเลขเหล่านี้ชี้ว่า โมเดลโครงการหลวง ไม่ได้หยุดที่ “เลิกฝิ่น” หากไปไกลถึง “สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนภูเขา” ที่ผูกพันกับ มาตรฐาน GAP/ความปลอดภัยอาหาร–การแปรรูป–บรรจุภัณฑ์–และช่องทางตลาด ตั้งแต่ตลาดเกษตรคุณภาพในเมือง การท่องเที่ยว ไปจนถึงแพลตฟอร์มออนไลน์—ทั้งหมดนี้ ลดความเสี่ยงรายได้ จากพืชเดี่ยวและอากาศแปรปรวน
จากพิธีสู่การปฏิบัติ 5 คานค้ำของความยั่งยืนบนภูเขา
เสียงสะท้อนจากพื้นที่ ความหวังในรุ่นลูกหลาน
แม้ในรายงานวันนี้จะไม่มีพิธีการกล่าวถ้อยคำยาว ๆ จากเกษตรกร แต่ภาพที่จับใจคือ เยาวชนชนเผ่าที่กลับจากเมือง ถือสมุดจดสูตรชงชาสมุนไพร ทดลองสัดส่วนเก๊กฮวยกับคาโมมายล์เพื่อทำผลิตภัณฑ์ใหม่ของกลุ่มแม่ ๆ ในหมู่บ้าน “รายได้เสริมเล็ก ๆ” กลายเป็น ห้องทดลองธุรกิจ ที่ชวนให้ทั้งครอบครัวและเพื่อนบ้านลุกขึ้นมาวางแผนการตลาด แพ็กเกจจิ้ง และช่องทางขาย—นี่คือเรื่องราวเล็ก ๆ ที่ยืนยันว่า “การสืบสาน” ไม่ได้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่อยู่ใน ร้านค้าชุมชน และ ตะกร้าสินค้าออนไลน์ ของคนรุ่นใหม่
ประเด็นท้าทายที่ยังต้องไปต่อ
ความสำเร็จไม่ได้หมายความว่า “ถึงเส้นชัย” ทั้งสองศูนย์ยังยอมรับโจทย์สำคัญ ได้แก่
พื้นที่สูงในกระจกเงา “เศรษฐกิจ–สังคม–ธรรมชาติ”
การลงพื้นที่เชียงรายขององคมนตรีครั้งนี้ทำให้ภาพการพัฒนาพื้นที่สูงชัดขึ้น—อดีต คือการต่อสู้กับฝิ่นและไร่เลื่อนลอย, ปัจจุบัน คือการยืนบนฐานผลผลิตปลอดภัยและงานหัตถกรรมที่มีเรื่องเล่า, อนาคต คือการทำให้เด็กบนภูเขา อยู่กับบ้านเกิดได้อย่างภาคภูมิ มีรายได้ มีโอกาส และรักษาป่า–ต้นน้ำที่เลี้ยงดูพวกเขามาช้านาน
คำว่า “สืบสาน รักษา ต่อยอด” จึงไม่ใช่คำขวัญ หากคือ สมการพัฒนา ที่มีตัวแปรครบ—ความรู้ เทคโนโลยี ตลาด สังคม และสิ่งแวดล้อม—ยิ่งเมื่อตัวเลขที่ศูนย์พัฒนารายงานเริ่มขยับขึ้นอย่างคงที่ ความเชื่อมั่นก็ยิ่งสูงขึ้นว่า โมเดลโครงการหลวง ยังเป็นเข็มทิศที่พาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและสมดุล
สรุปข้อมูลสำคัญ (Key Facts)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.