เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดของประเทศไทย ซึ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น หนี้สินครัวเรือนที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และการใช้จ่ายที่ลดลงในหลายภาคส่วน โดยล่าสุด บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MK แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 ของปี 2567 ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุมาจากการหดตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภค และค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายได้ MK ลดลง ผลกระทบจากภาระหนี้ครัวเรือน
จากรายงานผลประกอบการของ MK พบว่ารายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 3,683 ล้านบาท ลดลง 10.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมลดลงถึง 12.7% เนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย โดยยอดขายสะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 11,735 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และกำไรสุทธิลดลงเหลือ 1,088 ล้านบาท ลดลง 7.2%
หนี้ครัวเรือนไทยสูงขึ้น สถิติใหม่ที่น่ากังวล
รายงานจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยว่าหนี้ครัวเรือนไทยในปี 2567 มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 606,378 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 8.4% จากปี 2566 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เริ่มสำรวจในปี 2552 สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย รวมถึงภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังระบุว่าหนี้ครัวเรือนไทยต่อ GDP ในไตรมาสแรกของปี 2567 อยู่ที่ 90.8%
การใช้จ่ายและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
ผลสำรวจพบว่าครัวเรือนไทย 46.3% มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และเกือบ 55% แก้ปัญหาด้วยการกู้ยืมจากแหล่งต่างๆ เช่น บัตรเครดิต และการกู้เงินจากธนาคาร ขณะเดียวกัน แม้ว่าสินค้าฟุ่มเฟือยจะลดลง แต่ผู้บริโภคชาวไทยยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อประสบการณ์ เช่น การท่องเที่ยวและการรับประทานอาหารมากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย
ผลสำรวจการใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจซบเซา
จากการสำรวจร่วมระหว่างบริษัท บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (BCG) และวีซ่า ประเทศไทย พบว่าผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น โทรศัพท์มือถือ และเครื่องประดับ ขณะที่กลุ่มเจนซี (Gen Z) และเจนวาย (Gen Y) กลับให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่าสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัว
นายปุณณมาส วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวนี้ ผู้บริโภคมีการปรับตัวเพื่อลดการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น และมุ่งเน้นการใช้จ่ายที่ให้คุณค่าทางประสบการณ์มากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในยุคที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน”
แนวทางการปรับตัวของภาคธุรกิจและผู้บริโภค
ในยุคที่เศรษฐกิจไทยเผชิญกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจต่างๆ ควรเตรียมความพร้อมในการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค การสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมการใช้จ่ายจะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างเหมาะสม
การเตรียมความพร้อมทางการเงินของผู้บริโภค
เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ บริษัทต่างๆ ควรมุ่งเน้นการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน และสนับสนุนการสร้างสุขภาพการเงินที่ดีแก่ผู้บริโภคในระยะยาว
ข้อสรุป
การเพิ่มขึ้นของภาระหนี้สินและค่าครองชีพที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องตระหนักและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.