
ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – บรรยากาศการเตรียมพร้อมเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ 2568 ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสุขของคนไทยทั่วประเทศ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่รัฐบาลไทยใช้เป็นเวทีขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ผ้าไทยให้เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ณ ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีการจัดกิจกรรมภายใต้แนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”
รัฐบาลหนุนผ้าไทยสู่ Sustainable Fashion ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
การเยี่ยมชมในครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจาก นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย โดยมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานผ้าไทยจากกลุ่มผู้ประกอบการทั่วประเทศ ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าบาติก และผ้าลายพระราชทาน ที่ได้รับคำแนะนำจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงาม ทันสมัย ใช้วัสดุธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “วันนี้เราไม่ได้มองผ้าไทยแค่ในฐานะเครื่องแต่งกายอีกต่อไป แต่คือ Soft Power ที่มีคุณค่าทั้งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างรายได้ กระจายโอกาสให้ถึงมือชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มทอผ้าในพื้นที่ห่างไกล”
ผ้าไทย = รายได้คนไทย เมื่อแฟชั่นเชื่อมต่อกับความยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันอุดหนุนผ้าไทย ไม่ว่าจะซื้อไว้ใส่เอง ใช้ในกิจกรรมประเพณีหรือมอบเป็นของขวัญให้ผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อสืบสานภูมิปัญญาไทยและเป็นการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศ
“ทุกบาทที่เราจ่ายไปกับผ้าไทย ไม่ใช่แค่การซื้อผ้า แต่คือการลงทุนในคุณค่าของชุมชน ทุนทางวัฒนธรรม และคุณภาพชีวิตของคนไทย” นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ
ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รากฐานของการพัฒนา
กลุ่มผู้ประกอบการที่นำผลิตภัณฑ์เข้าร่วมในงาน ได้แก่
กลุ่มเหล่านี้ไม่เพียงเป็นผู้ชนะจากการประกวดผ้าลายพระราชทานเท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่างของความสำเร็จในการพัฒนาแบรนด์ท้องถิ่นไปสู่ตลาดระดับประเทศและสากล
“ผ้าไทยใส่ให้สนุก” = ความงาม + ความภูมิใจ + ความยั่งยืน
แนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ไม่ใช่เพียงแนวคิดเชิงวัฒนธรรม แต่สะท้อนวิสัยทัศน์ที่มุ่งให้คนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงผ้าไทยได้ง่ายขึ้น ในราคาที่จับต้องได้ พร้อมรูปแบบที่ทันสมัย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะในสำนักงาน ชุมชน หรือเทศกาล
การออกแบบที่ร่วมสมัย การใช้สีจากธรรมชาติ และการพัฒนาระบบการผลิตที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นองค์ประกอบของแนวคิด “Sustainable Fashion” ที่ประเทศไทยกำลังผลักดันสู่เวทีโลก
Soft Power ที่เป็นมากกว่าวัฒนธรรม คือเครื่องมือพัฒนาเศรษฐกิจ
รัฐบาลได้กำหนดนโยบายผลักดัน Soft Power เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคชนบทที่มีทุนวัฒนธรรมอยู่มาก การพัฒนาเครือข่ายผ้าทอชุมชน จึงเป็นการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ทำลายรากเหง้าแห่งภูมิปัญญา
กรมการพัฒนาชุมชนระบุว่า กลุ่มผู้ผลิตผ้าไทยทั่วประเทศกว่า 12,400 กลุ่ม สามารถสร้างมูลค่ารวมกว่า 8,900 ล้านบาท/ปี และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 7–9% ต่อปี หลังการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐ
บทวิเคราะห์ ผ้าไทยในโลกเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ในยุคที่ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีที่มาชัดเจนและมีความยั่งยืน ผ้าไทยไม่ใช่เพียงเครื่องนุ่งห่ม แต่คือ “สินค้าเชิงวัฒนธรรม” ที่มีโอกาสขยายตลาดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
การสนับสนุนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างกระแสเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังสะท้อนเจตนารมณ์ในการ “ยกระดับผ้าไทย” ให้มีบทบาทในเวทีแฟชั่นระดับโลก โดยใช้สงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนไทยให้ความสำคัญกับการแต่งกายพื้นถิ่น เป็นเวทีผลักดันให้ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เป็นวาระแห่งชาติอย่างแท้จริง
สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.