
เชียงราย, 20 กรกฎาคม 2568 – ท่ามกลางความผันผวนของสภาพอากาศและอิทธิพลจากพายุโซนร้อน “วิภา” ที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยในฤดูฝนปีนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. นำคณะทำงานบูรณาการระหว่างส่วนกลางและท้องถิ่นลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างเข้มข้น มุ่งหน้ารวบรวมข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์น้ำแบบรอบด้าน และยกระดับมาตรการบริหารจัดการน้ำในจุดเสี่ยงสำคัญ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ประชุมใหญ่ “ระดมสรรพกำลัง” – วิเคราะห์น้ำท่วมเสี่ยงสูงลุ่มน้ำโขง
เมื่อเวลา 13.00 น. ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล ได้เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ ครั้งที่ 7/2568 โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานระดับชาติ อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมควบคุมมลพิษ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ที่ประชุมได้รับฟังและพิจารณาข้อมูลสถานการณ์น้ำครอบคลุมทุกมิติ ทั้งรายงานแนวโน้มฝน ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างในแม่น้ำหลักและลำน้ำสาขา คุณภาพน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตร รวมถึงความก้าวหน้าโครงการสำคัญ เช่น การขุดลอกลำน้ำสาย ลำน้ำกก และลำน้ำรวก ตลอดจนการวางมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อาทิ การพร่องน้ำ การระบายน้ำ และการตั้งจุดติดตามระดับน้ำ พร้อมระบบแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนบนที่เชื่อมโยงไทย-เมียนมา-ลาว
5 มาตรการเร่งด่วนตอบโจทย์การบริหารน้ำ “ยุคพายุ”
ลงพื้นที่ “แม่สาย” – เจาะลึกจุดเสี่ยงลุ่มน้ำชายแดน
หลังประชุม ดร.สุรสีห์ และคณะได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ลำน้ำชายแดนซึ่งรับน้ำจากพื้นที่สูงและตะกอนจำนวนมากทุกปี เน้นโครงการขุดลอกตะกอนและกำจัดสิ่งกีดขวางในลำน้ำสาย-กก-รวก ซึ่งเป็น “เส้นเลือด” สำคัญของทั้งลุ่มน้ำโขง
มาตรการเร่งด่วนด้านการขุดลอกและบริหารจัดการลำน้ำเหล่านี้ จะช่วยให้กระแสน้ำเคลื่อนตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ลดความเสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง เปิดทางให้ระบบแจ้งเตือนน้ำหลากทำงานได้แม่นยำขึ้น ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
“เชียงรายต้นแบบจัดการน้ำลุ่มน้ำโขงเหนือ”
บทสรุปจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าใน “การวางแผนเชิงรุก” การเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์ การบูรณาการระหว่างหน่วยงานรัฐและท้องถิ่น ตลอดจนการปรับปรุงเกณฑ์การคาดการณ์และติดตามสถานการณ์อย่างละเอียด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรับมือภัยน้ำหลากในยุคสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
ประเด็นวิเคราะห์เพิ่มเติม ได้แก่
อย่างไรก็ดี ความต่อเนื่องของงบประมาณ ซ่อมบำรุงเครื่องมือ และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องผลักดันต่อเนื่อง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จะติดตามและสรุปรายงานสถานการณ์ รวมถึงสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์กับจังหวัดลุ่มน้ำโขง เพื่อใช้เป็นข้อมูลเชิงพื้นที่ในการเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์พายุ “วิภา” ต่อไป
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.