ป.ป.ส. ยกระดับเชียงรายเป็น “สมรภูมิยาเสพติดข้ามชาติ” บินรับตัว “บิ๊กบอส” ค่าหัว 2.5 ล้านบาท แฉเครือข่ายโยง 100 ล้านบาท!

เชียงราย, 16 กรกฎาคม 2568 – ในปฏิบัติการครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงการยกระดับความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศไทยและเมียนมา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยคณะทำงานระดับสูง ได้นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษอินทรีย์ 19 เดินทางไปยังสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 (แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก) เพื่อรับมอบตัว นายเตชินท์  และ นายฉมัง  สองนักค้ายาเสพติดข้ามชาติระดับผู้สั่งการ ที่มีหมายจับและเป็นเป้าหมายสำคัญของสำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมเงินรางวัลนำจับรวม 2.5 ล้านบาท หลังหลบหนีไปกบดานในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา

การส่งมอบตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอันเป็นรูปธรรมของความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำนักงานคณะกรรมการเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control: CCDAC) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นำโดย Police Brigadier General Thant Lwin Maung, Joint Secretary of CCDAC และ Commander of Drug Enforcement Division ที่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสืบสวนพิสูจน์ทราบที่พักอาศัยของผู้ต้องหาจนนำไปสู่การจับกุมตัว

เจาะลึกเครือข่าย “เตชินท์-ฉมัง” บงการข้ามชาติ ยึดทรัพย์ 100 ล้าน

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า นายเตชินท์ และ นายฉมัง เป็นนักค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญที่มีพฤติการณ์อยู่ในระดับผู้สั่งการและจัดหายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายผู้ลำเลียงชาวไทยลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ

จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่พบว่าเครือข่ายของนายเตชินท์ฯ มีความเชื่อมโยงกับคดีสำคัญหลายคดี:

  • 22 ตุลาคม 2567: จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางเฮโรอีน 54 กิโลกรัม ซุกซ่อนใต้เบาะรถตู้ ขยายผลพบว่า นายเตชินท์ฯ เป็นผู้สั่งการ และมีนายฉมังฯ กับ นายพรรคภูมิฯ ร่วมขบวนการ
  • 15 กุมภาพันธ์ 2568: ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางไอซ์ 50 กิโลกรัม และมีการออกหมายจับ 5 คน ซึ่งรวมถึงนายเตชินท์ฯ
  • 5 มีนาคม 2568: ภายใต้ ปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3″ ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานภาคี ปิดล้อมตรวจค้น 10 จุด ใน 6 จังหวัด (เชียงราย, เชียงใหม่, สุพรรณบุรี, อ่างทอง, สุโขทัย, พระนครศรีอยุธยา) เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 คน (นายเตชินท์ฯ, นายฉมังฯ, นายพรรคภูมิฯ) ผลปฏิบัติการสามารถจับกุมนายพรรคภูมิฯ และยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท อาทิ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง, รถยนต์, ทองรูปพรรณ, เงินในบัญชีธนาคาร ฯลฯ

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 ถึงมิถุนายน 2568 มีการจับกุมยาเสพติดเครือข่ายนายเตชินท์ฯ รวม 4 คดี ของกลางรวมยาไอซ์ 609 กิโลกรัม, เฮโรอีน 154 กิโลกรัม, ยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด และมีการขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหา 8 คน (จับกุมแล้ว 3 คน) เตรียมออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 3 คน ยึดทรัพย์สินเครือข่ายรวมมูลค่าสูงถึง 100 ล้านบาท

แม้จะถูกออกหมายจับ นายเตชินท์ฯ และนายฉมังฯ ยังคงมีพฤติการณ์สั่งการและจัดหายาเสพติดให้บุคคลในเครือข่ายลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่อง ทำให้สำนักงาน ป.ป.ส. กำหนดให้บุคคลทั้งสองเป็นเป้าหมายในโครงการประกาศสืบจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีเงินรางวัลนำจับรวม 2.5 ล้านบาท

การจับกุมตัวทั้งสองในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากข้อมูลเบาะแสที่สำนักปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. ได้รับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และประสานข้อมูลผ่านอัครราชทูตที่ปรึกษาสำนักงาน ป.ป.ส. ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ไปยัง CCDAC เพื่อช่วยสืบสวนพิสูจน์ทราบที่พักอาศัย จนนำไปสู่การเข้าตรวจค้นและจับกุมตัวได้ในที่สุด

ภายหลังจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยงานภาคี ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการต่อทรัพย์สินของบุคคลในเครือข่ายเพิ่มเติมต่อไป

สถานการณ์ยาเสพติดข้ามแดนที่ด่านศุลกากรแม่สาย (ปี 2567-2568)

ด่านศุลกากรแม่สาย จังหวัดเชียงราย ยังคงเป็นจุดผ่านแดนทางบกที่สำคัญยิ่งในการค้ายาเสพติดข้ามชาติในภูมิภาคสามเหลี่ยมทองคำ แม้จะมีการยกระดับความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมาอย่างต่อเนื่อง

  1. บริบทชายแดนไทย-เมียนมา และสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอแม่สายเป็นประตูสู่การค้าที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ายาเสพติด รายงานล่าสุดจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ชี้ว่าการผลิตยาเสพติดสังเคราะห์ โดยเฉพาะยาบ้า เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในรัฐฉานของเมียนมาตั้งแต่ปี 2564 ปริมาณยาเสพติดที่เพิ่มขึ้นนี้มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสถานการณ์ความไม่มั่นคงและสงครามกลางเมืองภายในเมียนมา ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันการค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย
  2. การส่งผู้ต้องหายาเสพติดรายสำคัญที่แม่สาย (ปี 2567-2568) ด่านศุลกากรแม่สายเป็นจุดสำคัญของการส่งมอบผู้ต้องหา ซึ่งสะท้อนความสำเร็จของความร่วมมือ:
  • 6 พฤษภาคม 2568: มีการส่งมอบผู้ต้องหายาเสพติด 4 ราย รวมถึงนายสมยศ และนางสาวพัชราพร ซึ่งถูกต้องการตัวในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดประเภท 1 การส่งมอบนี้เกิดขึ้นที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 อ.แม่สาย
  • 16 กรกฎาคม 2568: ปฏิบัติการสำคัญในการรับมอบตัวนายเตชินท์ และ นายฉมัง ผู้บงการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการมุ่งเป้าทำลายโครงสร้างเครือข่ายสำคัญของทางการไทย
  • 29 มีนาคม 2567: ทางการเมียนมารายงานการส่งตัวผู้ต้องหา 2 รายข้ามด่านแม่สาย ซึ่งบริบทโดยรวมบ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมยาเสพติด
  • ประวัติการส่งมอบก่อนปี 2567: ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 9 มีนาคม 2566 ป.ป.ส. เคยรับมอบตัวนายเจษฎา ยาเปี่ยง ผู้ต้องหาคดียาเสพติด “Most Wanted” (ค่าหัว 1 ล้านบาท) ที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 อ.แม่สาย ซึ่งแสดงถึงความร่วมมือที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
  1. กลไกความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี ความสำเร็จเหล่านี้เป็นผลจากกลไกความร่วมมือที่แข็งแกร่ง:
  • บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทย-เมียนมา (กรกฎาคม 2567): เป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้ความร่วมมือเป็นทางการมากขึ้น ครอบคลุมอาชญากรรมข้ามชาติร้ายแรง รวมถึงการค้ายาเสพติด แม้จะมีข้อยกเว้นบางประการ เช่น กรณีผู้หลบหนีเกณฑ์ทหาร การดำเนินงานอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ของไทย
  • การประชุมทวิภาคีโดยตรง: การประชุมระหว่างหน่วยงานควบคุมยาเสพติดของทั้งสองประเทศเป็นประจำ เป็นช่องทางสำคัญในการประสานงานและแลกเปลี่ยนข่าวกรอง
  • โครงการริเริ่มของอาเซียน: ไทยมีส่วนร่วมในกรอบความร่วมมือทางกฎหมายของอาเซียน เช่น อนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการโอนตัวนักโทษ และสนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา (MLA) ที่ครอบคลุมการแลกเปลี่ยนหลักฐานและการยึดทรัพย์สิน
  • องค์กรระหว่างประเทศ: ไทยและเมียนมาประสานงานกับ UNODC และ INCB เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวกรองและประสานนโยบายระดับโลก
  • การสนับสนุนของไทยต่อประเทศเพื่อนบ้าน: ป.ป.ส. ให้การสนับสนุนทางการเงินและเทคนิคแก่หน่วยงานควบคุมยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อความร่วมมืออย่างยั่งยืน
  1. บริบทที่กว้างขึ้น: การผลิตและยุทธศาสตร์ปราบปรามยาเสพติด
  • การแพร่กระจายของยาบ้า: การผลิตยาเสพติดสังเคราะห์ โดยเฉพาะยาบ้า เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรัฐฉาน เมียนมา โดยในปี 2567 มีการยึดเมทแอมเฟตามีนเป็นประวัติการณ์ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 236 ตัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่ยึดได้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
  • สารตั้งต้น: จีนยังคงเป็นประเทศต้นทางหลักของสารเคมีที่ใช้ในการผลิตเมทแอมเฟตามีนในเมียนมา โดยไทยได้สกัดกั้นสารเคมีจำนวนมากที่ปลายทางในเมียนมา
  • เส้นทางการค้ายาเสพติด: ไทยยังคงเป็นจุดผ่านแดนและปลายทางหลักสำหรับเมทแอมเฟตามีน แต่ก็มีการขยายเส้นทางใหม่ไปยังกัมพูชา และเส้นทางทะเลไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
  • เครือข่ายอาชญากรรมและการทุจริต: เครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ยังคงดำรงอยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีศูนย์กลางในพื้นที่อย่าง KK Park และชเวโก๊กโก่ ซึ่งเป็นแหล่งรวมการทุจริต การคงอยู่ของ “Dark Zomia” หรือเขตชายแดนที่ไร้กฎหมายยังคงเป็นความท้าทาย
  • ยุทธศาสตร์ปราบปรามยาเสพติดของไทย: รัฐบาลไทยและ ป.ป.ส. มีนโยบายที่ครอบคลุม อาทิ โครงการ “Seal Stop Safe” และ “หมู่บ้านปลอดยาเสพติด” ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาในระดับรากหญ้า มีการเพิ่มทรัพยากร มุ่งเน้นการยึดทรัพย์สิน และการสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนเกี่ยวกับยาเสพติด

สงครามยาเสพติดที่ยังไม่สิ้นสุด

การส่งมอบตัวผู้ต้องหายาเสพติดข้ามแดนที่ด่านศุลกากรแม่สายในช่วงปี 2567-2568 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งของประเทศไทยในการต่อสู้กับอาชญากรรมยาเสพติดข้ามชาติ การมุ่งเน้นไปที่การจับกุมผู้บงการและการยึดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการจับกุมผู้ขนส่งรายย่อยไปสู่การบ่อนทำลายโครงสร้างองค์กรทางการเงินและเครือข่ายการสั่งการ ซึ่งเป็นแนวทางที่มุ่งสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อการค้ายาเสพติดผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ภูมิทัศน์ของปัญหายาเสพติดยังคงซับซ้อนอย่างยิ่ง การผลิตยาเสพติดสังเคราะห์ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเมียนมา ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความไม่มั่นคงภายในประเทศ ยังคงเป็นแหล่งที่มาหลักของยาเสพติดที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาค การคงอยู่ของเครือข่ายอาชญากรรมที่หยั่งรากลึกและการทุจริตตามแนวชายแดน ยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ

ในอนาคต การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนจะต้องอาศัยแนวทางที่หลากหลายและต่อเนื่อง ได้แก่: การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งการแบ่งปันข่าวกรองและประสานงานปฏิบัติการ, การมุ่งเน้นการบ่อนทำลายโครงสร้างเครือข่ายยาเสพติด, การจัดการกับปัจจัยพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับความไม่มั่นคงทางการเมืองในเมียนมา, และการดำเนินโครงการป้องกันและสร้างความตระหนักรู้ในระดับชุมชน เพื่อลดอุปสงค์และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคม

 

ในสถานการณ์ที่ยาเสพติดยังคงเป็นภัยคุกคามข้ามพรมแดนเช่นนี้ คุณคิดว่าบทบาทของ “ประชาชนในพื้นที่ชายแดน” จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการปราบปรามและป้องกันยาเสพติดได้อย่างไรบ้าง?

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงาน ป.ป.ส.
  • สำนักงานคณะกรรมการเพื่อการควบคุมยาเสพติด (CCDAC) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
  • กรมศุลกากร
  • กองกำลังผาเมือง
  • หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ภาคเหนือ 35 (นบ.ยส.35)
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC)
  • คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (INCB)
  • GISTDA (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ)
  • รายงานสถานการณ์ยาเสพติดต่างๆ ที่กล่าวถึงในเนื้อหา
  • การให้สัมภาษณ์และข้อมูลจาก พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News