
เชียงราย, 29 เมษายน 2568 – มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารมื้อพิเศษและมอบกำลังใจแก่พลทหารกองประจำการที่ครบกำหนดปลดประจำการ รวมถึงกำลังพลที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนความทุ่มเท เสียสละ และความเข้มแข็งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา กิจกรรมนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทัพบกในการดูแลขวัญกำลังใจของทหาร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการรักษาความมั่นคงของชาติ
ความสำคัญของพลทหารกองประจำการ
พลทหารกองประจำการถือเป็นกำลังสำคัญของกองทัพบกไทย ด้วยภารกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่การรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน การช่วยเหลือประชาชนในยามภัยพิบัติ ไปจนถึงการสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงภายใน ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมาและไทย-ลาว พลทหารกองประจำการมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยและความสงบสุขของประชาชน
ตลอดระยะเวลาการรับราชการ พลทหารเหล่านี้ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ การฝึกฝนอย่างเข้มข้น ภารกิจที่ต้องปฏิบัติในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก และการอยู่ห่างจากครอบครัวเป็นสิ่งที่ทดสอบความอดทนและความมุ่งมั่นของพวกเขา การจัดกิจกรรมเพื่อบำรุงขวัญและให้กำลังใจก่อนปลดประจำการจึงเป็นวิธีหนึ่งที่กองทัพบกแสดงความขอบคุณและยกย่องความเสียสละของกำลังพลเหล่านี้
กิจกรรมเลี้ยงอาหารพิเศษและมอบกำลังใจ
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 เวลา 17.30 น. พลตรีจักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37) พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้แก่ รองผู้บัญชาการ มทบ.37, หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ, หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ, และผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารมื้อพิเศษ ณ โรงประกอบเลี้ยง มทบ.37 ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย
กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ดังนี้:
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีจำนวนทั้งสิ้น 253 นาย ประกอบด้วย
บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง คณะผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้ร่วมรับประทานอาหารกับพลทหารกองประจำการ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมอบคำแนะนำอย่างใกล้ชิด เมนูอาหารที่จัดเลี้ยงได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เหมาะสมกับโอกาสพิเศษและเป็นที่ชื่นชอบของกำลังพล ซึ่งช่วยสร้างความผ่อนคลายและรอยยิ้มให้แก่ผู้เข้าร่วม
พลตรีจักรวีร์กล่าวในงานว่า “พลทหารกองประจำการทุกนายคือกำลังสำคัญของชาติ ความทุ่มเทและเสียสละของทุกคนในการปกป้องความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ กิจกรรมในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราแสดงความขอบคุณ และหวังว่าทุกคนจะนำประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ในชีวิตต่อไป”
ความหมายและผลกระทบของกิจกรรม
กิจกรรมเลี้ยงอาหารพิเศษครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในหมู่พลทหารกองประจำการที่กำลังจะปลดประจำการ รวมถึงกระตุ้นให้กำลังพลที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่มีความมุ่งมั่นในการทำงานต่อไป การที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยอย่างเป็นกันเองช่วยลดช่องว่างระหว่างลำดับชั้นในกองทัพ และสร้างความรู้สึกว่าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทหาร
สำหรับพลทหารที่ครบกำหนดปลดประจำการ กิจกรรมนี้เป็นการปิดฉากการรับราชการด้วยความทรงจำที่ดีและความรู้สึกถึงคุณค่าในสิ่งที่พวกเขาได้ทำเพื่อชาติ ส่วนพลทหารที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ การได้รับกำลังใจจากผู้บังคับบัญชาจะช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจต่อไป โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านความมั่นคงอย่างจังหวัดเชียงราย
นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของกองทัพบกในสายตาประชาชน การแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ต่อสวัสดิการและขวัญกำลังใจของทหารกองประจำการช่วยสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ครอบครัวและชุมชนว่า กองทัพบกให้ความสำคัญกับบุคลากรทุกระดับ และมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพล
ความสำคัญของขวัญกำลังใจในกองทัพ
การบำรุงขวัญและกำลังใจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกองทัพ โดยเฉพาะในหมู่พลทหารกองประจำการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่เพิ่งจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาและเข้าสู่การรับราชการทหารด้วยความสมัครใจหรือจากการเกณฑ์ทหาร การที่พลทหารต้องเผชิญกับความกดดันจากภารกิจและการใช้ชีวิตในระเบียบวินัยทหารอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจได้ การจัดกิจกรรมที่แสดงถึงความเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชาจึงมีบทบาทสำคัญในการลดความตึงเครียดและสร้างแรงจูงใจ
มิติด้านจิตใจ การได้รับการยกย่องและกำลังใจจากผู้บังคับบัญชาช่วยให้พลทหารรู้สึกถึงคุณค่าในงานที่ทำ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเอง การที่ผู้บังคับบัญชาร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยอย่างใกล้ชิดยังช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหน่วย ทำให้พลทหารรู้สึกว่าได้รับการยอมรับและสนับสนุน
มิติด้านความสัมพันธ์ กิจกรรมนี้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทำงานเป็นทีมในกองทัพ ความสัมพันธ์ที่ดีจะนำไปสู่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและการปฏิบัติภารกิจที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
มิติด้านภาพลักษณ์ ในยุคที่สังคมให้ความสนใจกับการปฏิบัติต่อทหารกองประจำการมากขึ้น การจัดกิจกรรมที่แสดงถึงความเอาใจใส่ต่อสวัสดิการและขวัญกำลังใจช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกองทัพบก และอาจส่งผลให้เยาวชนมีความสนใจในการสมัครเป็นทหารกองประจำการมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การบำรุงขวัญกำลังใจไม่ควรจำกัดอยู่เพียงกิจกรรมครั้งคราวเท่านั้น แต่ควรมีการพัฒนาระบบสวัสดิการที่ยั่งยืน เช่น การปรับปรุงสภาพที่พัก การให้โอกาสทางการศึกษา และการสนับสนุนด้านอาชีพหลังปลดประจำการ เพื่อให้พลทหารรู้สึกว่าการรับราชการทหารเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองและมีอนาคตที่มั่นคง
สถิติที่เกี่ยวข้อง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
กองทัพบกไทย
กระทรวงกลาโหม
Defense Research Institute
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.