มฟล. จัดงาน MFU Coffee Fest 2025 ดันอุตสาหกรรมกาแฟไทยสู่ความยั่งยืน พร้อมเชื่อมโยงเกษตร-ธุรกิจ-นวัตกรรม

เชียงราย, 22 มีนาคม 2568 – มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยส่วนจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม สถาบันวิจัยและนวัตกรรม จัดงาน “MFU Coffee Fest 2025” อย่างคึกคัก ณ โรงแรมแสนโฮเทล จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมการแปรรูปกาแฟอะราบิกาและยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานราชการและภาคเอกชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 มีนาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพืชกาแฟอะราบิกาผ่านการบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิชาการ นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจเพื่อส่งเสริมการแปรรูปกาแฟในระดับชุมชนให้มีศักยภาพในระดับประเทศและสากล

ภาคเหนือ: หัวใจของกาแฟอะราบิกาไทย

จากข้อมูลของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ภาคเหนือตอนบน 2 ซึ่งครอบคลุมจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน และแม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่เพาะปลูกกาแฟอะราบิกาที่สำคัญที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2567 ประเทศไทยมีผลผลิตกาแฟอะราบิการวมประมาณ 9,000 ตัน และกว่า 3,000 ตันมาจากกลุ่มจังหวัดในภาคเหนือตอนบนนี้

นายชรินทร์กล่าวว่า “การพัฒนากาแฟไทยต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย เกษตรกร และภาคธุรกิจ โดยการใช้องค์ความรู้จากสถาบันการศึกษาจะช่วยยกระดับคุณภาพกาแฟให้ตอบโจทย์ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

กิจกรรมวิชาการเข้มข้น เสริมทักษะผู้ประกอบการ-นักวิจัย

ภายในงาน MFU Coffee Fest 2025 มีกิจกรรมทางวิชาการที่หลากหลาย เช่น การประชุมวิชาการเรื่อง “ทิศทางการวิจัยกาแฟไทยสู่ความยั่งยืน” การเสวนาในหัวข้อสำคัญ เช่น การจัดการสวนกาแฟภายใต้ภาวะโลกร้อน การใช้วัสดุเหลือใช้จากกระบวนการแปรรูป และการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากกาแฟเพื่อเพิ่มมูลค่า

อีกทั้งยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้มีส่วนร่วม เช่น การผสมน้ำหอมจากกลิ่นกาแฟ การทำเทียนหอม และบอดี้ออยล์จากสารสกัดกาแฟ รวมถึงคราฟต์โซดาจากเปลือกเชอร์รี่กาแฟ ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดการใช้วัตถุดิบอย่างครบวงจร ลดของเสีย เพิ่มมูลค่าอย่างสร้างสรรค์

เวทีแข่งขันสร้างความตื่นตัว “MFU ท้าชงชวนดริป”

สำหรับผู้ชื่นชอบการชงกาแฟ งานนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษอย่างการแข่งขันดริปกาแฟ “MFU ท้าชงชวนดริป 2025” ที่เปิดโอกาสให้นักชงกาแฟทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพได้ประชันฝีมือและสร้างชื่อเสียง พร้อมกับกิจกรรม Sensory Test และ Cupping Lab ที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสประสบการณ์วิเคราะห์รสชาติและกลิ่นของกาแฟสายพันธุ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด

Coffee Connect เวทีจับคู่ธุรกิจเชื่อมโยงตลาด-เกษตรกร

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือกิจกรรม Coffee Connect ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการกาแฟ โกโก้ และชา ได้พบปะ เจรจาธุรกิจ และสร้างเครือข่ายกับนักลงทุนและผู้ประกอบการจากต่างประเทศ โดยเน้นการสร้างความร่วมมือเชิงพาณิชย์และการต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้เข้าสู่ตลาดสากล

ตลอดสองวันของการจัดงาน มีผู้ประกอบการกว่า 40 รายจากทั่วประเทศมาออกร้านแสดงสินค้า ไม่ว่าจะเป็นกาแฟคั่วบด เมล็ดกาแฟสด ผลิตภัณฑ์แปรรูป รวมถึงอุปกรณ์การชงกาแฟและสินค้าจากวัตถุดิบท้องถิ่นในภาคเหนือ

มุมมองจากทั้งสองฝ่าย: โอกาส-ความท้าทายของกาแฟไทย

ฝ่ายสนับสนุน มองว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเวทีให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการกาแฟได้แสดงศักยภาพของตน ทั้งในด้านคุณภาพสินค้าและการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อก้าวสู่ตลาดที่มีการแข่งขันสูง อีกทั้งการส่งเสริมให้ปลูกกาแฟใต้ร่มเงาไม้ยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการเผาป่า และเป็นเกษตรกรรมเชิงอนุรักษ์ที่ยั่งยืน

ในอีกด้านหนึ่ง นักวิชาการบางรายมีความเห็นว่า แม้การสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยจะช่วยสร้างนวัตกรรม แต่เกษตรกรรายย่อยจำนวนมากยังขาดเครื่องมือและทุนในการเข้าถึงเทคโนโลยีดังกล่าว อีกทั้งตลาดกาแฟในประเทศไทยยังเผชิญกับปัญหาราคาผันผวน และความท้าทายในการเจาะตลาดต่างประเทศ ซึ่งต้องการมาตรฐานและคุณภาพระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

  • ผลผลิตกาแฟอะราบิกาทั่วประเทศ ปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 9,000 ตัน
    (ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2567)
  • พื้นที่เพาะปลูกกาแฟภาคเหนือตอนบน 2 คิดเป็นสัดส่วนกว่า 35% ของพื้นที่ปลูกกาแฟทั้งประเทศ
    (ที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร, 2567)
  • แนวโน้มการบริโภคกาแฟในประเทศไทยเติบโตเฉลี่ย 5-7% ต่อปี
    (ที่มา: ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, 2567)
  • การปลูกกาแฟใต้ร่มไม้สามารถช่วยลดการเผาป่าได้ถึง 60% และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปลูก
    (ที่มา: สำนักวิจัยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมป่าไม้, 2566)
  • ประเทศไทยมีผู้ประกอบการกาแฟรายย่อยกว่า 10,000 ราย ทั่วประเทศ
    (ที่มา: สมาคมกาแฟพิเศษไทย, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • กรมส่งเสริมการเกษตร
  • ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
  • สมาคมกาแฟพิเศษไทย
  • สำนักวิจัยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมป่าไม้
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News