
เร่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ร่วมมือขุดลอกแม่น้ำเพื่อความชัดเจนของแนวเขตแดน
เชียงราย, 6 มีนาคม 2568 – นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขุดลอกลำน้ำแม่สายและลำน้ำรวก ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยและเมียนมา ว่าหลังจากการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา (JCR) เมื่อวันที่ 16-17 มกราคม 2568 ที่จังหวัดเชียงราย มีข้อตกลงให้ทั้งสองประเทศรับผิดชอบการขุดลอกลำน้ำในพื้นที่ของตนเอง
ฝ่ายเมียนมาจะดำเนินการขุดลอกแม่น้ำสายเป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร ตั้งแต่ชุมชนบ้านถ้ำผาจม หมู่ 1 ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ไปจนถึงเขตติดต่อตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ขณะที่ฝ่ายไทย มีกองทหารช่างเป็นผู้รับผิดชอบขุดลอกลำน้ำรวก ระยะทาง 33 กิโลเมตร จากตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ไปจนถึงบ้านสบรวก สามเหลี่ยมทองคำ ในเขตอำเภอเชียงแสน และไหลออกสู่แม่น้ำโขง
การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำแนวเขตแดน
นายวรายุทธ ค่อมบุญ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพบว่าฝ่ายเมียนมามีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทย 33 จุด ขณะที่ฝ่ายไทยมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในเขตเมียนมา 45 จุด ล่าสุด ทางการเมียนมาได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำไปแล้ว 20 จุด และอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการรื้อถอนที่เหลือให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนฝ่ายไทยได้เริ่มกระบวนการรื้อถอนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสามารถดำเนินการไปแล้ว 7 จุด โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จตามข้อตกลงระหว่างสองประเทศ
ในวันที่ 10 มีนาคม 2568 คณะเจ้าหน้าที่ไทย นำโดยนายประสงค์ หล้าอ่อน จะเดินทางไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อร่วมลงนามข้อตกลงในการขุดลอกลำน้ำสาย-น้ำรวก ตามสนธิสัญญาที่กำหนดไว้ หลังการลงนามอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มกระบวนการขุดลอกทันที
ผลกระทบต่อประชาชนริมฝั่งแม่น้ำ
ปัญหาหนึ่งที่ยังต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือบ้านเรือนประชาชนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก โดยเฉพาะที่บ้านเกาะทราย ซึ่งบางหลังอยู่ในเขตเมียนมา และอาจต้องถูกรื้อถอนตามข้อตกลงของทั้งสองประเทศ นางขันแก้ว อายุ 54 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่าตนเองและครอบครัวอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวมาหลายชั่วอายุคน โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าแนวเขตแดนอยู่ที่ใด หากต้องรื้อถอนที่อยู่อาศัยจริงก็อยากได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐในเรื่องที่ดินหรือที่อยู่ใหม่ เพราะประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่กันมานานและไม่มีทรัพย์สินเพียงพอในการหาที่อยู่ใหม่ด้วยตัวเอง
ในส่วนของการรื้อถอนฝั่งเมียนมา มีรายงานว่า ตั้งแต่ใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 เจ้าหน้าที่เมียนมาได้เริ่มดำเนินการรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในลำน้ำสาย รวมถึงมีการขุดลอกบางจุดเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้างกำแพงกันน้ำใหม่ ซึ่งในบางกรณี ประชาชนที่มีฐานะดีในเมียนมาได้รับอนุญาตให้สร้างแนวกันน้ำได้โดยมีเจ้าหน้าที่เมียนมาคอยกำกับดูแล
สถิติและแนวโน้มการขุดลอกลำน้ำชายแดนไทย-เมียนมา
ตามข้อมูลจากกรมโยธาธิการและผังเมือง การขุดลอกลำน้ำชายแดนไทย-เมียนมา มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีโครงการขุดลอกแม่น้ำชายแดนไทย-เมียนมา แล้วกว่า 120 กิโลเมตร ซึ่งช่วยลดปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ การรุกล้ำแนวเขตแดน และลดความเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ชายแดน
อย่างไรก็ตาม การขุดลอกลำน้ำครั้งใหม่นี้มีความท้าทายเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องดำเนินการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจมีความล่าช้าในเรื่องของขั้นตอนทางกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ การดำเนินโครงการนี้จึงต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานของทั้งสองประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล และป้องกันปัญหาข้อพิพาทในอนาคต
แม้ว่าการขุดลอกลำน้ำสาย-น้ำรวกครั้งนี้จะช่วยทำให้แนวเขตแดนมีความชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการเยียวยาและการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจากภาครัฐ ทั้งของไทยและเมียนมา เพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวและดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงต่อไป
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.