
เชียงราย, 6 ตุลาคม 2568 — ค่ำคืนไทยลีก 1 ที่สิงห์ สเตเดียม ปกติแล้ว มักถูกตัดสินด้วยลูกยิง ลีลาฟุตบอล และเสียงเฮจากอัฒจันทร์ ทว่าในนัดที่สโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบ ระยอง เอฟซี (แข่งเมื่อ 4 ต.ค. 2568) ภาพจำที่ยังค้างอยู่ในสายตาผู้คนจำนวนไม่น้อย ไม่ได้มีแค่ประตูชัยของ เรียวมะ อิโตะ หากยังมี “การแสดงเปิดสนาม” อันพร้อมเพรียงของเยาวชนชายแดนจาก โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ ที่เดินทางมาร่วมสร้างสีสันและพลังบวกให้กับจังหวัดและกับฟุตบอลไทยอย่างน่าจดจำ
แม้ผลการแข่งขันจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเจ้าถิ่น 0–1 และทำให้ “กว่างโซ้งมหาภัย”หยุดอยู่ที่ 9 คะแนน รั้งอันดับ 7 ขณะที่ทีมเยือน “ม้านิลมังกร” เก็บชัยสองนัดติดขึ้นไปรวม 11 คะแนน ยึดอันดับ 4 บนตาราง BYD SEALION 6 ลีกหนึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่ง เกมนัดนี้ได้ “ผู้ชนะใจคนดู” ที่ไม่ได้ลงเตะ นั่นคือ เยาวชนกว่า 100 ชีวิต ซึ่งระเบิดพลังการแสดงเชียร์ลีดเดอร์และกิจกรรมของชมรม To Be Number One บนพรมหญ้าสีเขียวให้ผู้ชมในสนาม 9,166 คน และแฟนบอลทั่วประเทศที่ติดตามผ่านการถ่ายทอดสดจำนวนไม่น้อยกว่าหลักล้าน ได้เห็น “พลังการรวมใจ” ในแบบที่ฟุตบอลเท่านั้นจะเปิดพื้นที่ให้เกิดขึ้นได้
5–9 นาทีที่คุ้มค่ากว่า 90 นาที เวลาเล็ก ๆ บนเวทีใหญ่ ที่เปลี่ยนชีวิตเด็ก ๆ ได้จริง
บนกระดาษแผนงาน ความยาวการแสดงก่อนเกมฟุตบอลมักถูกกำกับให้กระชับ 5 ถึงไม่ถึง 9 นาที เพื่อให้พิธีการทั้งหมดคล่องตัว ก่อนเข้าสู่จังหวะการแข่งขันจริง แต่สำหรับเด็ก ๆ จากชายแดนไกลอย่างแม่สาย เวลานี้คือ “สังเวียนครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ต้องแลกมาด้วยการซ้อมต่อเนื่องและการเดินทางไกล เกือบ 100 กิโลเมตรไป–กลับ เพื่อให้ทีมออกสเต็ปได้พร้อมเพรียงที่สุดในเสี้ยวเวลาที่มีจำกัด
นายเสกสรร ทุนอินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ พร้อมคณะผู้บริหาร คณะครู และบุคลากร ได้นำนักเรียนทีมเชียร์ลีดเดอร์และสมาชิกชมรม To Be Number One ร่วมกิจกรรมเปิดสนามครั้งนี้ จุดหมายปลายทางไม่ใช่เพียง “ความสวยงามบนคลิปวิดีโอ” แต่คือการมอบเวทีจริงให้เยาวชนได้ (1) แสดงศักยภาพการแสดง ที่ฝึกฝนหนักมาอย่างต่อเนื่อง (2) เรียนรู้การทำงานเป็นทีมในสถานการณ์จริง ท่ามกลางแรงกดดันของเวลาและสายตาคนดูจำนวนมาก และ (3) ส่งต่อภาพจำเชิงบวกของโรงเรียน–ชุมชน–จังหวัด ให้ผู้ชมทั้งในและนอกสนาม
เวลาสั้น ๆ กลับหนุนให้ทุกวินาทีมี “วินัยและความหมาย” สูงขึ้น ใครที่เคยยืนอยู่หน้าผู้ชมหลายพันคนจะรู้ว่าการก้าวแรกบนสนามสำคัญแค่ไหนเพราะจากนาทีนั้น เด็ก ๆ ต้องเป็นทั้งนักแสดง นักสื่อสาร และทูตเยาวชนของบ้านเกิดในคราวเดียวกัน
จากอัฒจันทร์สู่ชุมชน ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
สิ่งที่เกิดขึ้นในสิงห์ สเตเดียม คืนวันนั้นสะท้อนภาพใหญ่ของฟุตบอลไทยในฐานะ “เวทีสาธารณะ” ที่เชื่อมคนหลากวัย หลากพื้นที่ ไว้ด้วยกันในสนามมี 22 คนไล่ล่าลูกบอลเพื่อชัยชนะ แต่รอบสนามมีผู้คนนับพันที่อยากเห็นชุมชนของตนเป็นที่รู้จักในทางบวก การเปิดพื้นที่ให้เยาวชนชายแดนอย่างแม่สายมาร่วมสร้างสีสันจึงไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่มันคือ บทเรียนพลเมือง (Civic Lesson) ภาคสนามที่จับต้องได้
เสียงจากสนาม การขอบคุณที่ก้องไกลกว่าเสียงนกหวีด
หลังเกม สโมสรเจ้าบ้านได้สื่อสารขอบคุณ “9,166 เสียงเชียร์” ที่ยังคงแน่นสนาม พร้อมย้ำว่าพลังของทุกคนคือแรงขับเคลื่อนให้ทีมก้าวต่อ แม้ค่ำคืนนี้คะแนนจะไม่เพิ่มเติมบนตารางก็ตาม ข้อความเรียบง่ายนั้นเมื่อถูกส่งต่อบนสื่อสังคมกลายเป็นการ ยอมรับร่วมกัน ระหว่างทีมกับเมือง ว่า “เรา” ยังเดินไปด้วยกัน และหนึ่งในแรงใจสำคัญที่ถูกพูดถึงคือ การแสดงของน้อง ๆ จากแม่สาย ที่สะกดทั้งสนามก่อนเกม
‘To Be Number One’ คลับเยาวชนที่ชวนเด็กขึ้นเวทีจริง
ชมรม To Be Number One ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนของการแสดงครั้งนี้ ทำงานกับเยาวชนไทยมายาวนานในบทบาทเครือข่ายป้องกันภัยยาเสพติดเชิงบวก โดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์ดนตรี การเต้น การเชียร์เป็นเครื่องมือ “ดึงพลังที่ใช่” ออกจากเด็กแต่ละคน จุดเด่นคือ “ให้โอกาสขึ้นเวทีจริง” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับแก่นของการแสดงเปิดสนามนัดนี้แบบพอดิบพอดี
เมื่อเด็ก ๆ ได้ยืนในพื้นที่ที่ผู้ชม “ฟังจริง ดูจริง เชียร์จริง” ทักษะที่ฝึกในห้องซ้อมจะแปรเป็นความมั่นใจและความสามารถในการสื่อสารสาธารณะ ซึ่งจะติดตัวเขากลับไปสู่โรงเรียน ครอบครัว และชุมชน
ระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร…แลกกับบทเรียนที่ไม่มีในตำรา
แม่สาย—เชียงราย—สิงห์ สเตเดียม เส้นทางไป–กลับเกือบ 100 กิโลเมตร ไม่ใช่การเดินทางใกล้ ๆ สำหรับคณะนักเรียน–ครู–ผู้ดูแลกว่าร้อยชีวิต แต่ประสบการณ์หนนี้ทำให้ “ระยะทาง” กลายเป็น “มูลค่า” เด็ก ๆ ได้เห็นการทำงานของทีมอาชีพเบื้องหลังเกม ทั้งเรื่องเวลา ความปลอดภัย ลำดับพิธีการ การกำกับเสียง–แสง–จังหวะ ทุกอย่างคือ จริง และต้อง แม่น เมื่อก้าวลงสู่สนาม
สำหรับครูและผู้บริหารโรงเรียน การพาเด็กมาร่วมเวทีระดับประเทศคือ “การลงทุนทางโอกาส” ที่คุ้มค่ายิ่งเมื่อเห็นผลลัพธ์เป็นแววตาและความมั่นใจของผู้เรียนที่ชัดขึ้นกว่าตอนซ้อมอยู่ในโรงยิมที่บ้าน
แมตช์รีแคป ฟุตบอลตัดสินกันด้วยหนึ่งประตู แต่เรื่องเล่าตัดสินในหัวใจ
ด้านเกมการแข่งขัน ระยอง เอฟซี คว้าชัยด้วยประตูของ เรียวมะ อิโตะ ช่วยให้ทีมเยือนเก็บสามคะแนนสำคัญ และทำสถิติชนะสองนัดติด ขยับมี 11 แต้ม ขึ้นไปยึดอันดับ 4 ของตาราง ขณะที่เจ้าถิ่น สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เก็บไว้ที่ 9 แต้ม รั้งอันดับ 7 แม้ในมุมกีฬา นี่คือผลที่แฟน “กว่างโซ้ง” อยากลืม แต่ในมุมของเมือง นี่คือเกมที่ตอกย้ำว่าชัยชนะไม่จำเป็นต้องอยู่แค่บนสกอร์บอร์ดการได้เห็นเด็ก ๆ จากชายแดนของเราโชว์ความสามารถต่อหน้าคนทั้งประเทศ ก็เพียงพอให้ค่ำคืนนี้มีความหมาย
จากสนามสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เมื่อกีฬา–การแสดง–การท่องเที่ยวต่อกันติด
เหตุการณ์แบบนี้สะท้อน “เศรษฐกิจร่วมเวที” ของเชียงราย กีฬาอาชีพดึงดูดผู้ชมเข้าพื้นที่ การแสดงสร้างสีสันและเนื้อหาให้สื่อ สุดท้ายผู้คนใช้เวลาในเมืองยาวขึ้น กิน–เที่ยว–พัก และกลับไปเล่าให้เพื่อนฟัง การเปิดพื้นที่ให้เยาวชนชายแดนจึงไม่ใช่เรื่อง “ใจดี” เท่านั้น แต่ยังเป็น นโยบายวัฒนธรรมเชิงเศรษฐกิจ ระดับจังหวัดทุกครั้งที่เด็ก ๆ ขึ้นเวทีใหญ่ เมืองได้ “แบรนด์” เพิ่ม และผู้ชมได้ “เรื่องเล่า” กลับบ้าน
คำกล่าว–ข้อเท็จจริงที่ยึดโยง
วิธีทำให้ “นาทีเปิดสนาม” เกิดผลระยะยาว
เราจะชนะอย่างไรในวันที่สกอร์ไม่เข้าข้าง
ในคืนที่สกอร์ไม่เป็นใจ เมืองยังคง “ชนะใจ” คนดูด้วยเรื่องเล่าของเยาวชน นี่คือบทเรียนสำหรับหลายจังหวัดเมื่อกีฬาเปิดเวทีให้วัฒนธรรมท้องถิ่นและเยาวชนได้เปล่งเสียง เมืองทั้งเมืองจะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ที่ทรงพลัง และไม่ว่าเกมจะจบแค่ไหน เมืองจะยังเติบโตด้วยความร่วมมือและความหวังของคนรุ่นใหม่
เยาวชนแม่สายแสดงให้เห็นว่าเวลาไม่ถึง 9 นาที หากวางแผน ซ้อมจริง และได้เวทีก็พอจะสะกดสนามทั้งสนามได้ และในหลายความหมาย นั่นอาจ “คุ้มค่า” กว่า 90 นาทีสำหรับอนาคตของจังหวัดและประเทศ
สรุปไฮไลต์ข่าว (Key Points)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.