กรมทางหลวงเร่งบูรณะสะพานมิตรภาพแม่สาย หนุนเศรษฐกิจและความมั่นคงชายแดน

เชียงรายเดินหน้าฟื้นฟูหลังน้ำท่วมใหญ่ ปี 2567

เชียงราย, 23 มีนาคม 2568 – หลังเหตุการณ์อุทกภัยรุนแรงเมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กรมทางหลวงโดยแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 ได้เร่งดำเนินการฟื้นฟูและซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง

นายอลงกรณ์ กัวตระกูล ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้การดำเนินงานมีความคืบหน้าอย่างมาก โดยแบ่งภารกิจหลักออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ ดังนี้

ซ่อมแซมทางหลวงที่เสียหายจากอุทกภัย

กรมทางหลวงได้ดำเนินการบูรณะถนนที่ได้รับผลกระทบจำนวน 28 แห่ง โดยซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว 25 แห่ง คงเหลืออีก 3 แห่งที่อยู่ระหว่างดำเนินการ การฟื้นฟูดังกล่าวช่วยให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น

จัดระเบียบพื้นที่บริเวณด่านชายแดนแม่สาย

อีกหนึ่งภารกิจสำคัญ คือ การรื้อถอนร้านค้าและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแนวเขตบริเวณด่านพรมแดนแม่สาย โดยดำเนินการเสร็จเรียบร้อยตามมติศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเปิดพื้นที่ให้กับการพัฒนาระบบคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานใหม่

เสริมกำลังโครงสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา

กรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการเสริมความแข็งแรงของสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 ด้วยงบประมาณ 15 ล้านบาท เริ่มสัญญาตั้งแต่มีนาคม 2568 และจะแล้วเสร็จภายในตุลาคม 2568 รวมระยะเวลาดำเนินงาน 210 วัน เพื่อยกระดับความปลอดภัยและรองรับการจราจรในอนาคต

ผลกระทบและการปรับตัวของประชาชนในพื้นที่

พ่อค้าแม่ค้าในตลาดดอยเวาบางส่วน ระบุว่า แม้ร้านค้าจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะตั้งอยู่บนที่สูง แต่บ้านพักในชุมชนเหมืองแดงซึ่งเป็นที่ลุ่มกลับได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะดินโคลนที่ไหลเข้าบ้านจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้แรงงานในการล้างทำความสะอาดซึ่งมีค่าใช้จ่ายวันละ 400–1,000 บาทต่อคน

แม้จะได้รับเงินเยียวยาเบื้องต้นครอบครัวละ 9,000 บาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย จนล่าสุดรัฐบาลได้อนุมัติเงินค่าล้างโคลนครอบครัวละ 10,000 บาทเพิ่มเติม

รัฐบาลเร่งอนุมัติงบฟื้นฟูคุณภาพชีวิต

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย รายงานว่า จังหวัดได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณทดรองราชการจำนวน 292,143,249 บาท แบ่งเป็น อ.แม่สาย 134,776,273 บาท และ อ.เมืองเชียงราย 157,370,976 บาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนในด้านการดำรงชีพและค่าล้างทำความสะอาดดินโคลน

ไทย-เมียนมา ร่วมขุดลอกแม่น้ำสาย ป้องกันน้ำท่วมซ้ำ

ทั้งสองประเทศเร่งจัดการพื้นที่ริมแม่น้ำสาย โดยดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำและขุดลอกแม่น้ำเพื่อทำแนวพนังกันน้ำ หนึ่งใน 45 จุดที่ต้องรื้อถอนในฝั่งไทยคือบริเวณวัดเกาะทราย ขณะเดียวกันฝั่งเมียนมาก็ได้เร่งเสริมแนวกั้นดินและสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

ความเห็นของนักวิชาการต่อสถานการณ์แม่น้ำสาย

นายธนพล พิมาน หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านบริหารจัดการน้ำ จากสถาบันสิ่งแวดล้อมสตอกโฮล์ม ประจำเอเชีย ให้ความเห็นว่า การเกิดน้ำท่วมโคลนในแม่สายเมื่อปี 2567 ส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทำเหมืองต้นน้ำในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งทำให้ตะกอนในน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากไม่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ ปี 2568 อาจเกิดโคลนถล่มอีกครั้ง เพราะต้นน้ำเสื่อมโทรมและยังไม่มีหน่วยงานใดลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบโดยตรง

ความท้าทายของการพัฒนาระหว่างประเทศ

การดำเนินโครงการฟื้นฟูและป้องกันน้ำท่วมระหว่างไทย-เมียนมา ต้องอาศัยความร่วมมือและการตกลงร่วมกันในเชิงนโยบายและการปฏิบัติ โดยเฉพาะการขุดลอกแม่น้ำสายซึ่งต้องมีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางในทุกจุดที่ระบุไว้ หากสามารถดำเนินการแล้วเสร็จทันปลายเดือนมีนาคมหรืออย่างช้าต้นเดือนเมษายน จะช่วยลดความเสี่ยงก่อนฤดูฝนมาถึง

สถิติและแหล่งอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนจุดที่ต้องรื้อถอนฝั่งไทย: 45 จุด (ข้อมูลจากแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1)
  • งบประมาณซ่อมสะพาน: 15 ล้านบาท (กรมทางหลวง)
  • งบประมาณช่วยเหลือประชาชน: 292.14 ล้านบาท (สำนักงาน ปภ.จังหวัดเชียงราย)
  • ความเสียหายเบื้องต้นจากน้ำท่วม: บ้านเรือนกว่า 100 หลัง, ร้านค้าหลายสิบแห่ง (สำรวจโดยอำเภอแม่สาย)
  • ข้อมูลนักวิชาการจากสถาบันสิ่งแวดล้อมสตอกโฮล์ม: ผลกระทบจากเหมืองต้นน้ำในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา

ความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง

ฝ่ายไทยมุ่งเน้นการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่เพื่อความปลอดภัยและเศรษฐกิจ ขณะที่ฝ่ายเมียนมาเน้นการจัดการระบบป้องกันตลิ่งและรุกขุดลอกแม่น้ำตามแผนป้องกันของตน ทั้งสองฝ่ายต่างมีบทบาทสำคัญในการจัดการน้ำและความร่วมมือข้ามพรมแดน ซึ่งหากประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยป้องกันภัยพิบัติในอนาคตและสร้างประโยชน์ร่วมกันแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวงโดยแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News