
เชียงราย, 10 พฤษภาคม 2568 – ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนสำคัญระหว่างอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย และจังหวัดท่าขี้เหล็ก เมียนมา ได้กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2567 ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อชุมชนริมแม่น้ำทั้งสองฝั่ง ส่งผลให้ทั้งสองประเทศตกลงร่วมกันดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันภัยพิบัติในอนาคต การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำและการก่อสร้างพนังกั้นน้ำ รวมถึงการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก ได้กลายเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการให้ทันก่อนฤดูฝนปี 2568
ความท้าทายจากน้ำท่วมและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำ
แม่น้ำสาย ซึ่งไหลผ่านพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เป็นทั้งเส้นชีวิตและภัยคุกคามต่อชุมชนในอำเภอแม่สายและจังหวัดท่าขี้เหล็ก ในช่วงฤดูฝน แม่น้ำสายมักเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อยู่อาศัยและย่านการค้า สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและการดำรงชีวิตของประชาชน เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2567 ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดการสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการไหลของน้ำและการก่อสร้างพนังกั้นน้ำ
เพื่อตอบสนองต่อปัญหานี้ ประเทศไทยและเมียนมาได้ตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2568 เพื่อดำเนินโครงการขุดลอกแม่น้ำและก่อสร้างพนังกั้นน้ำตลอดแนวที่เคยเกิดน้ำท่วม โดยกำหนดกรอบเวลาการดำเนินงานระหว่างวันที่ 15 เมษายนถึง 20 มิถุนายน 2568 อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือการที่เจ้าของอาคารหลายแห่งริมแม่น้ำสายในฝั่งไทยปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการรื้อถอน ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารจากกรมการทหารช่างไม่สามารถเข้าปรับพื้นที่เพื่อตอกเสาเข็มและวางพนังกั้นน้ำได้ตามแผน
ความคืบหน้าในการรื้อถอนและก่อสร้าง
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ทีมงานนำโดยนายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง และนายปวเรศ ปัญญายงค์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า กรมที่ดิน กรมป่าไม้ และหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำสาย การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อเจ้าของอาคารแห่งหนึ่งในหมู่ 7 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย ได้ยินยอมให้รื้อถอนบางส่วนของอาคารเพื่อเป็นการนำร่อง ช่วยให้ลำน้ำสายกว้างขึ้นและเอื้อต่อการก่อสร้างพนังกั้นน้ำ
ผลจากการประชุม เจ้าหน้าที่ได้จัดทำ “บันทึกแสดงความยินยอมให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง” เพื่อบันทึกความยินยอมของเจ้าของอาคาร โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้เจรจากับเจ้าของอาคาร 14 รายบริเวณฝั่งซ้ายของสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ซึ่งข้ามแม่น้ำสาย โดยสามารถเจรจาสำเร็จกับ 11 ราย และส่งจดหมายแจ้งเตือนถึง 3 รายที่เหลือ หลังพบว่าอาคารเหล่านี้ตั้งอยู่บนที่ดินของกรมธนารักษ์ ซึ่งได้ยกเลิกสัญญาเช่าเดิมและดำเนินการรื้อถอนเพื่อเริ่มก่อสร้าง
ความคืบหน้าในการก่อสร้างพนังกั้นน้ำฝั่งไทยขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งเร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ 0.18% เจ้าหน้าที่กรมการทหารช่างได้ปรับพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำและเริ่มตอกเสาเข็ม โดยเสาเข็มแต่ละต้นห่างกันประมาณ 1 เมตร ลึกลงในดิน 4 เมตร และสูงเหนือพื้นดิน 3 เมตร ครอบคลุมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร การดำเนินงานนี้มุ่งเน้นที่การสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราวกึ่งถาวรเพื่อป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง
ในส่วนของการรื้อถอน หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นคือการรื้อถอนอาคารที่ใช้เป็นโกดังเก็บรถในซอยก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเก่า ตลาดสายลมจอย อำเภอแม่สาย ซึ่งตั้งอยู่ติดลำน้ำสาย การรื้อถอนนี้ดำเนินการโดยทีมทหารช่างและได้รับความร่วมมือจากเจ้าของอาคาร ช่วยคืนพื้นที่ให้กับลำน้ำและสนับสนุนการก่อสร้างพนังกั้นน้ำ
ความท้าทายจากฝั่งเมียนมาและการขุดลอกแม่น้ำ
ในขณะที่ฝั่งไทยมีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด การดำเนินงานในฝั่งเมียนมา โดยเฉพาะการขุดลอกแม่น้ำสายในพื้นที่รับผิดชอบระยะทาง 12.8 กิโลเมตร ยังไม่เริ่มต้น อย่างไรก็ตาม จากการประสานงานล่าสุดระหว่างจังหวัดเชียงรายและจังหวัดท่าขี้เหล็ก ทางการเมียนมาได้ยืนยันว่าจะดำเนินการขุดลอกให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความร่วมมือข้ามพรมแดน
สำหรับการขุดลอกแม่น้ำรวก ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายไทย กรมการทหารช่างและกองทัพภาคที่ 3 ได้แบ่งหน้าที่กันขุดลอกในระยะทางรวม 32 กิโลเมตร โดยกองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบ 14 กิโลเมตร และกรมการทหารช่างรับผิดชอบ 18 กิโลเมตร ปัจจุบันการขุดลอกมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 9% ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน 0.51% ดินที่ขุดได้ถูกนำขึ้นมาฝั่งไทยเพื่อใช้ในการปรับพื้นที่และสนับสนุนการก่อสร้างพนังกั้นน้ำ
การตรวจติดตามและการวิเคราะห์
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยผู้แทนจากนายอำเภอแม่สาย กรมการทหารช่าง และเทศบาลตำบลแม่สาย ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างแนวป้องกันตลิ่งชั่วคราวกึ่งถาวรบริเวณลำน้ำสาย ตั้งแต่ตลาดสายลมจอยถึงหัวฝาย การตรวจครั้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินงานให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝน รวมถึงการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้าง
การวิเคราะห์สถานการณ์ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จของโครงการนี้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเจ้าของอาคารริมน้ำ การที่เจ้าของอาคารบางรายเริ่มให้ความร่วมมือถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ความล่าช้าในฝั่งเมียนมาอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการป้องกันน้ำท่วมในภาพรวม นอกจากนี้ การเร่งดำเนินการก่อสร้างพนังกั้นน้ำและขุดลอกแม่น้ำให้ทันก่อนฤดูฝนจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของความพยายามนี้
จุดแข็งของโครงการคือการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในฝั่งไทย ซึ่งรวมถึงฝ่ายปกครอง ทหาร และหน่วยงานท้องถิ่น ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่การจัดการกับสิ่งปลูกสร้างที่เหลือและการรับประกันว่าฝั่งเมียนมาจะดำเนินการตามที่สัญญาไว้ การใช้เทคโนโลยีและการวางแผนอย่างรอบคอบ เช่น การตอกเสาเข็มที่ออกแบบมาเพื่อความแข็งแรงและความยั่งยืน แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถต้านทานภัยพิบัติในอนาคตได้
มุ่งสู่อนาคตที่ปลอดภัยจากน้ำท่วม
ความคืบหน้าในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและการก่อสร้างพนังกั้นน้ำในฝั่งไทย รวมถึงการขุดลอกแม่น้ำรวก ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมแม่น้ำสาย การตอกเสาเข็มต้นแรกเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นในการปกป้องชุมชนจากภัยพิบัติในอนาคต การที่เจ้าของอาคารเริ่มให้ความร่วมมือมากขึ้นและการประสานงานข้ามพรมแดนที่เริ่มเห็นผล บ่งชี้ถึงศักยภาพของโครงการนี้ในการสร้างความมั่นคงให้กับพื้นที่ชายแดน
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาวจะต้องอาศัยความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากทั้งสองประเทศ รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การที่ฝั่งเมียนมารับปากว่าจะดำเนินการขุดลอกให้แล้วเสร็จตามกำหนดเป็นความหวังสำหรับความสำเร็จของโครงการนี้ แต่ความท้าทายในด้านการเมืองและการบริหารภายในเมียนมาอาจเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา
ในอนาคต การสร้างพนังกั้นน้ำที่สมบูรณ์และการขุดลอกแม่น้ำสายให้ครอบคลุมทั้งสองฝั่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำไม่เพียงแต่คืนพื้นที่ให้กับธรรมชาติ แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบเพื่อประโยชน์ของชุมชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำ
สถิติและแหล่งอ้างอิง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.