ครม.ไฟเขียว “ไร่ละ 1,000” ขับเคลื่อนสวนลำไยคุณภาพ 8 จังหวัดเหนือ เชื่อมเงื่อนไขงดเผา ลด PM2.5เชียงรายพร้อมเดินหน้า ยกระดับเกรดพรีเมียม A–AA

เชียงราย, 14 พฤศจิกายน 2568 – ท่ามกลางวัฏจักรราคาลำไยที่ผันผวนและปัญหามลพิษทางอากาศที่เกาะกินภาคเหนือมายาวนาน คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 อนุมัติ โครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพ ตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ฟื้นฟูสวนลำไย เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนลำไย” ครอบคลุม 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ พะเยา น่าน และตาก โดยกำหนดอัตราสนับสนุน ไร่ละ 1,000 บาท วงเงิน ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน พร้อมออกแบบเงื่อนไข งดการเผาในพื้นที่เกษตร เป็น “ประตูสู่สิทธิ” เพื่อจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรม ลดปัญหา PM2.5 ในพื้นที่จริง

การตัดสินใจเชิงนโยบายครั้งนี้ นำโดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขับเคลื่อนผ่านกลไก คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) โดยมีสาระสำคัญคือ “การยกคุณภาพแทนการทุ่มปริมาณ” พร้อมวางโครงสร้างสนับสนุนด้านทุน ความรู้ และการตลาดแบบครบวงจร เพื่อให้ครัวเรือนเกษตรก้าวพ้นสมการ “ผลผลิตล้น–ราคาตก–หนี้เพิ่ม” ที่ยืดเยื้อมานาน

เงินอุดหนุนที่ผูกกับวินัยการผลิต จาก “ปลดล็อกต้นทุน” สู่ “วางวินัยคุณภาพ”

โครงการกำหนดให้เกษตรกรที่ ขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรปี 2568 กับกรมส่งเสริมการเกษตร สามารถยื่นรับสิทธิ ไร่ละ 1,000 บาท (สูงสุด 10 ไร่) โดยเงินจะ โอนผ่าน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้กับผู้ที่ผ่านการตรวจสอบ 3 ระดับ ตามกระบวนการที่หน่วยงานเกี่ยวข้องกำหนด

แต่ “เงินอุดหนุน” ไม่ใช่ประเด็นเดียวโครงการวาง เงื่อนไขคุณภาพ ที่คุมตั้งแต่ต้นน้ำ ได้แก่

  • พื้นที่ต้องเป็นต้นลำไยที่ให้ผลผลิตแล้ว อายุ 5–25 ปี
  • พันธุ์ที่เข้าร่วม ได้แก่ อีดอ สีชมพู พวงทอง เบี้ยวเขียว (สอดรับตลาดและศักยภาพให้ได้เกรดสูง)
  • ต้องตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ตามคู่มือที่กำหนด พร้อม แนบใบเสร็จปัจจัยการผลิต ในกรอบเวลาที่ระบุ
  • ต้องเข้ารับการถ่ายทอดความรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อปรับมาตรฐานการผลิตให้เท่าทันตลาด

ขณะเดียวกัน รัฐกำหนด เงื่อนไขสิ่งแวดล้อม” ชัดเจน ผู้รับสิทธิ ต้องไม่มีประวัติการเผาในพื้นที่เกษตร” และ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน PM2.5 นับเป็นการผูก “เงินอุดหนุน” กับ “วินัยสิ่งแวดล้อม” โดยตรง ซึ่งในทางปฏิบัติจะทำให้แรงจูงใจงดเผามี ผลลัพธ์เชิงพฤติกรรม ที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าการขอความร่วมมือทั่วไป

ทำไม “ตัดแต่ง–ฟื้นฟู–คุมพันธุ์” จึงสำคัญต่อ A–AA

ในเชิงเกษตรกรรม การขยับจากผลผลิตปริมาณมาก ไปสู่คุณภาพระดับ A–AA จำเป็นต้องบริหาร แสง–อากาศ–ทรงพุ่ม–ช่อผล อย่างมีวินัย เพื่อควบคุม ขนาด/น้ำหนัก/ความสม่ำเสมอ/คุณภาพเนื้อ ให้ได้ตามสเปกตลาดพรีเมียม การระบุพันธุ์เป้าหมายและช่วงอายุของต้นที่พร้อมให้ผลผลิต ช่วยลดความเสี่ยงเชิงชีวภาพ (เช่น ต้นแก่–ทรงพุ่มแน่นเกินไป–คุณภาพผลไม่เสถียร) และทำให้เงินอุดหนุนถูกใช้ไปกับ “ต้นทุนที่จำเป็น” เพื่อผลลัพธ์คุณภาพจริง

เมื่อประกบกับ การถ่ายทอดความรู้ผ่านสื่อออนไลน์ และการตรวจติดตาม 3 ระดับ (จากแปลงจริง) โครงการนี้จึงไม่ใช่ “แจกเงิน” แต่คือ การซื้อวินัยคุณภาพ ที่มีมาตรฐานตรวจรับผลลัพธ์ได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ Fruit Board พยายามผลักให้เกิดจริงในภาคสนาม

เชียงรายในสมการ จากล้นตลาดสู่คุมคุณภาพ–เพิ่มมูลค่าที่ต้นทาง

สำหรับ เชียงราย ที่มีทั้งพื้นที่ราบและพื้นที่ลาดเชิงเขา ปัญหาภูมิอากาศที่ไม่แน่นอนและแรงงานที่เริ่มตึงตัว ทำให้การ “ตัดแต่งอย่างถูกวิธี” และ “คุมจำนวนผล/ทรงพุ่ม” กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญในการดันคุณภาพ เนื้อ–รส–ความหวาน ให้ไปสู่ เกรด A–AA โครงการนี้จึงตอบโจทย์ “ขีดจำกัดแรงงาน” ด้วยเงินสนับสนุนที่ช่วย แบ่งเบาต้นทุนช่วงสำคัญของรอบการผลิต และลดแรงจูงใจ “เร่งปริมาณ” ที่มักจบลงด้วย “คุณภาพเฉลี่ยต่ำ–ราคาถูก–ขายยาก”

ในเวลาเดียวกัน มาตรการงดเผา ผูกสิทธิประโยชน์ไว้กับ “พฤติกรรมไม่ปล่อยมลพิษ” นำไปสู่การลด PM2.5 ที่เชียงรายและจังหวัดเพื่อนบ้านเผชิญซ้ำซากทุกปี การเปลี่ยนผ่านจาก “การจัดการซากพืชด้วยไฟ” ไปสู่ “การจัดการเชิงกล–ปุ๋ยหมัก–ใช้แรงงาน/เครื่องจักร” แม้มีต้นทุนเพิ่มในระยะสั้น แต่เมื่อมีเงินสนับสนุนและช่องทางเข้าถึง สินเชื่อเพื่อการแปรรูป และ มาตรการด้านแรงงาน ผลประโยชน์ระยะยาวเชิงระบบ ทั้ง คุณภาพอากาศ และ มูลค่าผลผลิต ย่อมคุ้มต้นทุน

เงิน 1,000 ล้านบาท ไม่ได้ยุติที่ปลายนา เชื่อมสินเชื่อ–ตลาด–แรงงาน ให้ครบวงจร

โครงการวาง มาตรการเสริม ประกบการอุดหนุนไร่ละ 1,000 บาท ได้แก่

  1. สินเชื่อเพื่อการแปรรูป – เปิดช่องให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร/ผู้ประกอบการรายย่อย ลงทุนใน การตัดแต่ง–คัดไซส์–แพ็กกิ้ง–อบแห้ง–ทำผลิตภัณฑ์ เพื่อยืดอายุสินค้าและเพิ่มทางเลือกตลาด
  2. มาตรการกระจายผลผลิต – ลด “การเทกระจาด” ในฤดูกาลพีก ผ่านการเชื่อมระบบตลาด และการวางแผน จังหวะขาย/เก็บ/แปรรูป
  3. มาตรการด้านแรงงาน – ผนึกภาครัฐ–เอกชน สนับสนุนฤดูกาลแรงงานเกษตร และ การฝึกช่างตัดแต่ง/ดูแลทรงพุ่ม/เก็บเกี่ยว ให้เป็นแรงงานทักษะ

ด้วยกลไกเหล่านี้ เงินอุดหนุนจึงเป็นเพียง “เชื้อเพลิงเริ่มต้น” ที่ทำให้เครื่องยนต์คุณภาพเดินหน้า จากนั้นเครื่องยนต์ แปรรูป–ตลาด–แรงงานทักษะ จะเข้ามายกระดับ รายได้/ไร่ และภูมิคุ้มกันความเสี่ยงราคาในระยะกลาง–ยาว

ขั้นตอนเข้าร่วม ชัดเจน ตรวจได้ และกระจายสิทธิอย่างยุติธรรม

กรมส่งเสริมการเกษตรจะ พิจารณาสิทธิจากผู้ปรับปรุงทะเบียนรายเดิมเป็นลำดับแรก หากยังไม่ครบเป้าหมาย จึงเปิดให้ รายเดิมที่ยังไม่ปรับปรุง และ รายใหม่ ตามลำดับ ทั้งหมดต้องผ่าน

  • การ ยื่นแบบแสดงความประสงค์
  • การ ตรวจสอบแปลงจริง และ บันทึกพิกัด (Geolocation) โดยเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ
  • การ รายงานผลการตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ตามกรอบเวลา
  • การ แนบใบเสร็จปัจจัยการผลิต เพื่อยืนยันการดำเนินการจริง

เมื่อผ่านเกณฑ์ ธ.ก.ส. จะเป็นผู้โอนเงินสนับสนุนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ลดความล่าช้า และเพิ่มความโปร่งใสของกระบวนการ

เสียงจากทำเนียบฯ สะท้อนแนวนโยบาย “คุณภาพ–ยั่งยืน–ลดมลพิษ”

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระการตัดสินใจของที่ประชุม ครม. (11 พ.ย. 68) ว่า โครงการนี้มุ่ง ช่วยเหลือเกษตรกร 8 จังหวัดเหนือ ให้ ฟื้นฟูสวน–ยกคุณภาพ–เพิ่มรายได้ พร้อมย้ำเงื่อนไข งดเผา และมาตรการกำกับติดตามเพื่อให้ “เงินอุดหนุน” แปรเป็น “ผลลัพธ์คุณภาพ” ในระดับแปลงจริง ขณะที่ฝ่ายนโยบาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เน้นว่าการผลักดันครั้งนี้เป็น มาตรการเชิงโครงสร้าง เพื่อลดการพึ่งพา “มาตรการเฉพาะหน้า” ที่ได้ผลเพียงชั่วคราว

ทำไมต้อง “คุณภาพ” ตอนนี้ บทเรียนจากวัฏจักรราคาและตลาดโลก

ตลาดลำไยในและนอกประเทศมี ความต้องการเกรดพรีเมียมสูงขึ้น ทั้งในแง่ ความสม่ำเสมอของขนาด/น้ำหนัก/เนื้อ และ มาตรฐานความปลอดภัย–สิ่งแวดล้อม การยกระดับสู่ A–AA จึงเป็น ใบเบิกทาง ไปสู่ตลาดที่ราคาและความยืดหยุ่นดีกว่า ลดความเสี่ยงถูกกดราคาในช่วงออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก

ในบริบทภาคเหนือที่แรงงานเริ่มหายาก การสร้าง แรงงานทักษะตัดแต่ง–คัดคุณภาพ–แปรรูป ในพื้นที่ ช่วยให้ชุมชนมี งานที่มีมูลค่าเพิ่ม และทำให้เกษตรกร ไม่จำเป็นต้องเร่งตัด–เร่งขาย ในสภาวะเสียเปรียบ การบูรณาการ สินเชื่อ และ โครงสร้างตลาดรับซื้อ จึงเป็นคันโยกให้เงินอุดหนุนไร่ละ 1,000 บาท “ขยายพลัง” เกินกว่าต้นทุนสวน

PM2.5 เมื่อเงินอุดหนุนกลายเป็นแรงจูงใจทางอากาศสะอาด

เงื่อนไข ไม่มีประวัติการเผา” คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทำให้การ งดเผา มี “มูลค่าทางเศรษฐกิจ” ที่ครัวเรือนเห็นจริง หากเผา เสียสิทธิ หากไม่เผา ได้สิทธิและยังได้คุณภาพผลผลิตที่สูงขึ้นจากดินและจุลินทรีย์ที่ไม่ถูกทำลาย ซ้ำยังลดความเสี่ยง ควันไฟข้ามพรมแดน ที่แตะคุณภาพชีวิตคนทั้งภูมิภาค การผูกเงินกับวินัยสิ่งแวดล้อมจึงเป็นการ แปลงนโยบายอากาศสะอาดให้ลงถึงระดับแปลง อย่างเป็นรูปธรรม

เส้นทางข้างหน้า จากมติ ครม. สู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในครัวเรือน

ในช่วงเปิดรับสมัคร สำนักงานเกษตรอำเภอ/จังหวัด จะเป็นด่านหน้าสำคัญ ช่วยคัดกรอง–ให้คำปรึกษา–ตรวจพิกัด–ติดตามงานตัดแต่ง และอบรมออนไลน์ เพื่อให้ครัวเรือนทำถูกขั้นตอน เกษตรกร เชียงราย ที่พร้อมปรับสู่ วินัยคุณภาพ และร่วม งดเผา จะได้ประโยชน์ทั้งค่าสนับสนุนต้นทุน และ ราคาขายที่ดีขึ้น จากผลผลิตระดับ A–AA ที่ตลาดต้องการ

ในมุมโครงสร้าง หาก อัตราการเข้าร่วมสูง และ การตัดแต่ง/ฟื้นฟู เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งอำเภอ ผลรวมเชิงระบบจะเห็นได้จาก

  • สัดส่วนเกรด A–AA เพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง
  • ความผันผวนราคาหน้าสวนลดลง
  • ความต้องการแรงงานทักษะในชุมชนเพิ่มขึ้น (เกิดการจ้างงานที่มีมูลค่า)
  • การเผาลดลง สะท้อนจากข้อมูลร้องเรียน/ตรวจการเผา
  • ภาพลักษณ์ลำไยไทย ในตลาดต่างประเทศดีขึ้นด้วยมาตรฐานคุณภาพ–สิ่งแวดล้อม

ทั้งหมดนี้คือ “ผลคูณ” จากการผูก เงิน–ความรู้–ตลาด–สิ่งแวดล้อม เข้าด้วยกันในนโยบายเดียว

สำหรับเกษตรกรเชียงราย

คุณสมบัติผู้เข้าร่วม

  1. เป็นเกษตรกรผู้ปลูกลำไยใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ พะเยา น่าน และตาก
  2. ขึ้นทะเบียนเกษตรกร ปี 2568 กับกรมส่งเสริมการเกษตร
  3. ไม่มีประวัติการเผา ในพื้นที่เกษตร ตามมาตรการป้องกัน PM2.5

เงื่อนไขแปลง

  • ต้นลำไย อายุ 5–25 ปี (ให้ผลผลิตแล้ว)
  • พันธุ์ที่เข้าร่วม อีดอ / สีชมพู / พวงทอง / เบี้ยวเขียว
  • ต้อง เข้ารับการถ่ายทอดความรู้ออนไลน์
  • ต้อง ตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ตามข้อกำหนด, รายงานผล ให้เจ้าหน้าที่ทราบ
  • ต้อง แนบใบเสร็จ การซื้อปัจจัยการผลิตในช่วงเวลาที่กำหนด

อัตราสนับสนุน

  • ไร่ละ 1,000 บาท, สูงสุด 10 ไร่/ครัวเรือน
  • โอนเงินโดย ธ.ก.ส. หลังผ่านการตรวจ 3 ระดับ

มาตรการเสริม

  • สินเชื่อเพื่อการแปรรูป
  • มาตรการกระจายผลผลิต
  • มาตรการด้านแรงงาน

ช่องทางติดต่อ

  • สำนักงานเกษตรอำเภอ/จังหวัด ใกล้บ้าน เพื่อยื่นความประสงค์และนัดตรวจแปลง

 

มติ ครม. ครั้งนี้ไม่ใช่เพียง “เงินช่วยเหลือ” ช่วงสั้น แต่คือการ ขยับฐานคิด ของนโยบายผลไม้ไทย จากการจูงใจเชิงปริมาณ ไปสู่ วินัยเชิงคุณภาพ ที่ตรวจรับได้จริงในแปลง โดยผูกกับ เงื่อนไขสิ่งแวดล้อม เพื่อลด PM2.5 และพ่วง สินเชื่อ–ตลาด–แรงงาน ให้ครบวงจร หาก เชียงราย และจังหวัดเครือข่ายเดินเกมนี้พร้อมกัน “คุณภาพ A–AA” จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของผลผลิตลำไยภาคเหนือ ส่งผ่าน รายได้ที่มั่นคงกว่า สู่ครัวเรือน และ อากาศที่ดีขึ้น สู่ทั้งชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบ โครงการพัฒนาสวนลำไยคุณภาพ ตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อผล ฟื้นฟูสวนลำไย ครอบคลุม 8 จังหวัดภาคเหนือ อัตราสนับสนุน ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่/ครัวเรือน (ข้อมูลตามที่ผู้ใช้ระบุ)
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กรมส่งเสริมการเกษตร
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  • สำนักนายกรัฐมนตรี
  • อาบูซูลู สาวอาข่า
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News