
การขยายตัวในภูมิภาคเหนือสะท้อนกลยุทธ์ระยะยาว และการยอมรับจากกลุ่มมืออาชีพที่ต้องการ “ความปลอดภัยที่พิสูจน์ได้”
เชียงราย, 18 ตุลาคม 2568 —แสงแดดเหนือเมืองเชียงราย ถนนพหลโยธินย่านชานเมืองเริ่มคึกคัก ครอบครัวหนึ่งเดินเข้าศูนย์ “เกีย ริช เชียงราย” พร้อมคำถามที่ฟังดูธรรมดา แต่กลับเปิดประเด็นใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับโลก
“ทำไมรถ Kia ถึงไม่ออกรุ่นใหม่บ่อย ๆ แบบแบรนด์อื่น?”
คำถามเดียวนี้ เปิดประตูสู่เรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์รถยนต์เกาหลีใต้—ประเทศที่สื่อถึงชาตินิยมและการรักษามาตรฐานคุณภาพกลายเป็นวัฒนธรรมฝังลึก จนทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่ส่งออกไปทั่วโลกต้อง “เกินมาตรฐานโลก” ไม่ใช่แค่ “พอใจได้” และวันนี้ มาตรฐานนั้นได้เดินทางมาถึงเชียงราย—จังหวัดที่ห่างไกลจากศูนย์กลางกรุงเทพฯ แต่กลับกลายเป็นจุดทดสอบที่แท้จริงว่า “คุณภาพที่พูดถึง” จะอยู่รอดได้หรือไม่ในสายตาของผู้บริโภคที่รอบคอบ—โดยเฉพาะ กลุ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ ที่กำลังเป็นฐานลูกค้าสำคัญของแบรนด์นี้
วัฒนธรรมเกาหลีใต้ ตัวขับเคลื่อนคุณภาพที่มองไม่เห็น
เมื่อพูดถึงเกาหลีใต้ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือ K-pop, ซีรีส์ หรืออาหาร แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จทุกอย่างคือ วัฒนธรรมแห่งความภูมิใจในชาติและการพัฒนาคุณภาพไม่หยุดนิ่ง ที่ถูกปลูกฝังมาหลายทศวรรษ
Kia Corporation ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) เป็นผู้ผลิตรถยนต์แห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของเกาหลีใต้ โดยชื่อ “Kia” มาจากภาษาฮันจา หมายถึง “ลุกขึ้นมาจากเอเชีย” (to arise from Asia to the world)—ชื่อที่สะท้อนปณิธานในการก้าวสู่เวทีโลกตั้งแต่วันแรก
ข้อมูลปี 2019 จากผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานและท่อเหล็ก Kia ค่อย ๆ พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับสองของเกาหลีใต้ ภายใต้ Hyundai Motor Group โดยมียอดขายกว่า 2.8 ล้านคันต่อปีทั่วโลก
แต่สิ่งที่ทำให้ Kia แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ คือ การยอมใช้เวลานาน ในกระบวนการทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อนจะปล่อยสู่ตลาด—การตัดสินใจที่ขัดกับกระแสตลาดที่ต้องการ “ความใหม่” อย่างรวดเร็ว แต่กลับสอดคล้องกับวัฒนธรรมชาติที่ต้องการ “ความเชื่อมั่นในคุณภาพ” มากกว่า
ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ Kia Carnival—รถ MPV ขนาดใหญ่ที่กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของครอบครัวไทย และเป็นรุ่นที่ Kia “ยืดวงจร” การพัฒนาออกไปนานกว่ารถทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าโครงสร้าง ระบบความปลอดภัย และซอฟต์แวร์ช่วยขับ “ทำงานได้จริง” ไม่ใช่แค่ “ดูดีในสเปก”
จากยุโรป-อเมริกา สู่การยอมรับในตลาดโลก
Kia ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์ที่ขายดีในเอเชีย แต่ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา Kia ได้ขยายสายผลิตภัณฑ์ในยุโรปจากครอบคลุมเพียง 35% ของเซกเมนต์ตลาด เป็นมากกว่า 80% ในปัจจุบัน และยอดขายในยุโรปเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2008 โดยบรรลุยอดขาย 385,000 คันในปี 2015
ในอเมริกาเหนือ Kia ได้สร้างโรงงานผลิตแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาที่เมือง West Point รัฐจอร์เจีย เมื่อปี 2006 และเริ่มผลิตรถในปี 2010 ซึ่งถือเป็นการลงทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ—หลักฐานว่า Kia ไม่ได้แค่ “ส่งออก” แต่ยังกล้า “ลงทุนผลิตในท้องถิ่น” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและรับผิดชอบต่อตลาดระยะยาว
รางวัลที่พิสูจน์ความเชื่อถือได้
ความพยายามในการยกระดับคุณภาพของ Kia ไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิต แต่ยังสะท้อนผ่านรางวัลจากองค์กรอิสระที่เข้มงวดที่สุดในโลก
ในปี 2023 Kia ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดในกลุ่ม Mass Market จาก J.D. Power U.S. Vehicle Dependability Study เป็นปีที่สามติดต่อกัน (2021-2023) โดยเจ้าของรถรายงานปัญหาน้อยที่สุดหลังใช้งาน 3 ปี
สิ่งที่น่าสนใจคือKia มีคะแนน 152 ปัญหาต่อ 100 คัน (PP100) ซึ่งดีกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นระดับแนวหน้าอย่าง Toyota ที่ได้คะแนน 168 PP100—ตัวเลขที่พิสูจน์ว่ารถเกาหลีไม่ได้ “แพ้” ญี่ปุ่นในเรื่องความทนทาน
นอกจากนี้ Kia ยังได้รับรางวัล 3 เซกเมนต์จาก J.D. Power ในปีเดียวกัน ได้แก่ Kia Forte (Compact Car), Kia Optima (Midsize Car) และ Kia Sportage (Compact SUV)—การได้รับรางวัลในหลากหลายเซกเมนต์แสดงว่าคุณภาพไม่ได้จำกัดเฉพาะรุ่นใดรุ่นหนึ่ง แต่เป็น “มาตรฐานทั่วทั้งแบรนด์”
Kia Carnival—MPV ที่กลุ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ ไว้วางใจ
เมื่อพูดถึง Kia Carnival รถ MPV ที่กำลังได้รับความสนใจในไทยอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มลูกค้าหลักไม่ได้เป็นเพียงครอบครัวทั่วไป แต่ยังรวมถึง กลุ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ ในจังหวัดเชียงรายจากข้อมูลที่พบจากผู้ใช้ในพื้นที่
Carnival รุ่นปัจจุบัน (2022-2025) ได้รับการประเมินจาก IIHS (Insurance Institute for Highway Safety) โดยให้คะแนนสูงสุด “Good” ในการทดสอบการชนด้านหน้าแบบ Small Overlap และ “Acceptable” ในการทดสอบการชนด้านข้าง—การทดสอบที่เข้มงวดและเป็นมาตรฐานสากล
ทำไมผู้เชี่ยวชาญสุขภาพถึงเลือก Carnival?
เหตุผลที่หนึ่ง: ความปลอดภัยที่ตรวจสอบได้
Carnival มาพร้อมระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ครบชุด ได้แก่ Forward Collision-Avoidance Assist ที่ตรวจจับรถ คนเดินเท้า และจักรยาน พร้อมเบรกอัตโนมัติ, Blind-Spot Collision-Avoidance Assist ที่เตือนและช่วยควบคุมรถเมื่อเปลี่ยนเลน, Lane Keeping Assist และ Lane Following Assist ที่ช่วยรักษาตำแหน่งรถในเลน
นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังของ Carnival ถูกสร้างจากเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง (High-Strength Steel) เพื่อดูดซับแรงกระแทกในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และมีระบบถุงลมนิรภัยครบชุด รวมถึงถุงลมหน้า, ถุงลมด้านข้าง, ถุงลมม่านและถุงลมเข่าคนขับ
เหตุผลที่สอง: ความคุ้มค่าที่วัดได้
Carnival เป็น MPV ที่มีราคาเริ่มต้นต่ำที่สุดในกลุ่ม (ต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดอเมริกา) และมีการรับประกันที่ยาวนานที่สุดในกลุ่ม ในไทย Kia เสนอการรับประกัน 7 ปี สำหรับรุ่นที่เปิดตัวตั้งแต่มีนาคม 2567 เป็นต้นไป
เหตุผลที่สาม: พื้นที่ใช้สอยจริง
Carnival มีพื้นที่สัมภาระมากที่สุดในกลุ่ม MPV ถึง 145.1 ลูกบาศก์ฟุต (Kia อ้างว่าเป็น “best-in-class”) และมีที่นั่ง 8 ที่นั่ง พร้อมแถวที่สองแบบเบาะ VIP ที่สามารถปรับได้หลายรูปแบบ—เหมาะกับครอบครัวใหญ่ที่ต้องพาผู้สูงอายุหรือเด็กเดินทางไกล
สำหรับผู้เชี่ยวชาญสุขภาพที่ต้อง “รักษาผู้อื่น” การเลือกรถที่ “รักษาความปลอดภัยของคนที่รัก” จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสม—และ Carnival ตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุด
การขยายตัวของ Kia ในไทย เชียงรายเป็นจุดเชื่อม
ในปี 2567 Kia ได้ก่อตั้ง Kia Sales (Thailand) Co., Ltd. อย่างเป็นทางการ โดยวางแผนกลยุทธ์ “Plan S-5” ที่มีเป้าหมาย 4 ประการ: (1) ครองส่วนแบ่งตลาด 5% ในตลาดรถยนต์นั่ง, (2) ยอดขายรถไฟฟ้า 50%, (3) อันดับ Top 5 ของการรับรู้แบรนด์, และ (4) ขยายเครือข่ายดีลเลอร์เป็น 5 เท่า
ณ สิ้นปี 2566 Kia มีดีลเลอร์และศูนย์บริการ 19 แห่ง และวางแผนเพิ่มอีก 10 แห่งในปี 2567—การขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สะท้อนความมั่นใจในตลาดไทย
เชียงรายเป็นหนึ่งในจุดสำคัญ ของการขยายเครือข่ายนี้ เนื่องจาก:
จากข้อมูลภายใน ศูนย์ “เกีย ริช เชียงราย” ได้รับการตอบรับที่ดี จนต้องมีการขยับขยายสถานที่ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า—ทั้งจากเชียงรายเองและจังหวัดใกล้เคียงอย่างพะเยา เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน
เหตุใด “วงจรยาว” จึงเป็น “ข้อได้เปรียบ”
หลายคนอาจสงสัยว่า “ทำไม Kia ถึงไม่ออกรุ่นใหม่บ่อย ๆ?” คำตอบคือ: เพราะ Kia เลือก “ความปลอดภัย” มากกว่า “ความใหม่”
ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม รถยนต์ส่วนใหญ่มีวงจรการพัฒนา (Product Cycle) ประมาณ 5-7 ปี โดยมี “ไมเนอร์เชนจ์” (Minor Change) ในช่วงกลาง ๆ เพื่อรักษาความสดใหม่
แต่ Kia—โดยเฉพาะในรุ่นครอบครัวอย่าง Carnival—ยอมใช้เวลานานขึ้น เพื่อ:
โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ต้องผ่านการทดสอบการชนหลายรูปแบบ—ทั้งการชนหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง และการพลิกคว่ำ—ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้แน่ใจว่า “กรงนิรภัย” ทำงานได้จริง
ระบบ ADAS ต้องผ่านการ “เรียนรู้” สถานการณ์ชายขอบ (Edge Cases) เช่น ฝนกลั่น หมอกหนา แดดย้อน หรือเส้นจราจรเลือน—สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแต่ยากต่อการจำลองในห้องแล็บ
Kia ต้องการให้รถที่ขายในไทย มีมาตรฐานความปลอดภัยใกล้เคียงหรือเท่ากับที่ขายในยุโรปและอเมริกา—ไม่ใช่ “รุ่นตัดอุปกรณ์” ที่หลายแบรนด์ทำในตลาดพัฒนาแล้ว
เมื่อรวมสามปัจจัยนี้เข้าด้วยกัน “วงจรยาว 6-8 ปี” จึงไม่ใช่ความล่าช้า แต่คือ การลงทุนด้านความปลอดภัยระยะยาว ที่ผู้บริโภคได้ประโยชน์จริง—เพราะเมื่อรถออกมาแล้ว มันจะ “ใช้งานได้จริง มีปัญหาน้อย และปลอดภัยสูง”
มองอนาคต—Kia กับการขยายตัวในอาเซียน
Kia กำลังพิจารณาสร้างโรงงานผลิตแห่งแรกในอาเซียนที่ประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 250,000 คันต่อปี—การลงทุนครั้งใหญ่ที่จะทำให้ Kia เป็น “ผู้เล่นหลัก” ในตลาดอาเซียนอย่างเต็มตัว
ระหว่างปี 2024-2030 Kia วางเป้าหมายเปิดตัวรถไฟฟ้า (EV) 15 รุ่น โดยมีเป้าหมายยอดขายรถไฟฟ้า 1.6 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030—การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่จะทำให้ Kia กลายเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
สำหรับตลาดไทย Kia วางเป้ายอดขาย 50% จากรถไฟฟ้าภายในปี 2030 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “30@30” ของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้รถไฟฟ้าคิดเป็น 30% ของยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030
บทเรียนจากเชียงราย “ความเชื่อใจ” เริ่มที่บริการหลังการขาย
การที่ Kia สามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดภาคเหนือซึ่งแบรนด์ญี่ปุ่นครองมานาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ราคาถูก” เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “การบริการหลังการขาย” ที่ต้องทำให้ลูกค้ามั่นใจว่า:
จากการสังเกตในพื้นที่เชียงราย พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ—พฤติกรรมที่แตกต่างจากกรุงเทพฯ ที่หลายคนตัดสินใจจากรีวิวออนไลน์ นี่แสดงว่าลูกค้าภาคเหนือ “รอบคอบ” และต้องการ “สัมผัสด้วยตัวเอง” ก่อนลงทุน
การที่ศูนย์ “เกีย ริช เชียงราย” ต้องขยายสถานที่หลังเปิดมายังไม่ถึง 1 ปี เป็นสัญญาณที่ดีว่า Kia กำลังสร้าง “ความเชื่อใจ” ในพื้นที่ได้สำเร็จ—และความเชื่อใจนั้นมาจาก “ประสบการณ์จริง” ของลูกค้า ไม่ใช่แค่โฆษณา
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพกับการเลือกรถ เหตุผลเชิงจิตวิทยา
การที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญสุขภาพเป็นลูกค้าหลักของ Kia ในเชียงรายนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนเหตุผลเชิงจิตวิทยาที่น่าสนใจ:
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพคือผู้เชี่ยวชาญในการ “ประเมินความเสี่ยง” และ “ตัดสินใจบนพื้นฐานของหลักฐาน” (Evidence-Based Decision) ในชีวิตประจำวัน เมื่อเลือกรถ พวกเขาจึงมองหา “หลักฐาน” ที่ตรวจสอบได้—เช่น ผลทดสอบจาก IIHS, คะแนน J.D. Power หรือสถิติความน่าเชื่อถือ—มากกว่าภาพลักษณ์แบรนด์
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพมีเวลาจำกัด การเลือกรถที่ “ทนทาน มีปัญหาน้อย” ช่วยประหยัดเวลาในการซ่อมบำรุง—และ Kia ที่มีคะแนน 152 PP100 (น้อยกว่า Toyota) จึงตอบโจทย์นี้ได้ดี
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพที่ “รักษาชีวิตผู้อื่น” มีความรู้สึกรับผิดชอบสูงต่อ “ชีวิตคนในครอบครัว” การเลือกรถที่มีระบบความปลอดภัยครบ จึงเป็นการ “รักษาคนที่รัก” ในอีกรูปแบบหนึ่ง
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพเข้าใจเรื่อง “การลงทุนระยะยาว” ดี การที่ Kia ให้การรับประกัน 7 ปี และมีต้นทุนการซ่อมบำรุงต่ำ จึงเป็น “การลงทุนที่คุ้มค่า” เมื่อคิดใน Total Cost of Ownership
นี่คือเหตุผลที่ Carnival ไม่ได้เป็นเพียง “รถครอบครัวทั่วไป” แต่กลายเป็น “เครื่องมือรักษาความปลอดภัย” ในสายตาของกลุ่มมืออาชีพ
จากวัฒนธรรมชาติสู่มาตรฐานโลก—บทเรียนของ Kia
เรื่องราวของ Kia ไม่ใช่เรื่องของ “แบรนด์รถราคาถูก” อีกต่อไป แต่คือเรื่องของ “แบรนด์ที่เลือกคุณภาพมากกว่าความเร็ว”
จากวัฒนธรรมชาตินิยมของเกาหลีใต้ที่ฝังลึก มาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ “ยอมใช้เวลา” เพื่อทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนได้รับการยอมรับจากตลาดที่เข้มงวดที่สุดในโลกอย่างยุโรปและอเมริกา และสุดท้ายมาถึงเชียงราย—จังหวัดที่ห่างไกลจากศูนย์กลาง แต่กลับเป็น “สนามทดสอบที่แท้จริง” ของคุณภาพและความคุ้มค่า
การที่ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ—ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาชีวิต—เลือก Kia Carnival เป็น “เครื่องมือรักษาความปลอดภัยของครอบครัว” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการตัดสินใจ “บนพื้นฐานของหลักฐาน” —ทั้งผลทดสอบ IIHS, คะแนน J.D. Power, ระบบ ADAS ครบชุด และการรับประกัน 7 ปี
ในยุคที่ตลาดรถยนต์เต็มไปด้วย “ความใหม่” ที่เปลี่ยนไปทุก 2-3 ปี Kia กลับเลือก”ความมั่นคง”ที่ทดสอบมา 6-8 ปี—และนั่นคือสิ่งที่ผู้บริโภคที่มองหา “ความปลอดภัย” มากกว่า “ความแฟชั่น” ต้องการจริง ๆ
สำหรับเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง การขยายตัวของ Kia ไม่ใช่แค่ “มีโชว์รูมเพิ่ม” แต่คือ”การเข้าถึงมาตรฐานโลก” ที่ไม่ต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ—และเมื่อศูนย์บริการรักษามาตรฐานได้จริง “ความเชื่อใจ” จะกลายเป็น “ความภักดี” ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในท้ายที่สุด คำถามไม่ใช่ “ทำไม Kia ถึงเปลี่ยนโฉมช้า?” แต่คือ “คุณพร้อมจะรอความปลอดภัยที่พิสูจน์ได้หรือไม่?”—และคำตอบของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญสุขภาพในเชียงรายคือ “พร้อม เพราะชีวิตคนที่รักมีค่ามากกว่าการไล่ตามแฟชั่น”
สนใจติดต่อ Kia Rich Chiangrai 053-798-799, 065-239-2353
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.