
เชียงราย, 15 สิงหาคม 2568 —ห้องประชุมนายแพทย์สมชัย ตั้งพร้อมพันธ์ อาคารศูนย์การแพทย์เฉพาะทางศรีบุรินทร์ บันทึกความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ กับ โรบินสันเชียงราย ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ ความร่วมมือครั้งนี้วางเป้าหมายชัดเจนยกระดับคุณภาพชีวิตแม่และเด็กแบบองค์รวม ผ่านบริการสุขภาพที่ต่อเนื่อง คู่กับสิทธิประโยชน์ด้านสินค้าและบริการจำเป็นสำหรับครอบครัว โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์หลังคลอด ซึ่งเป็นหน้าต่างแห่งโอกาสในการสร้างรากฐานสุขภาพของคนรุ่นถัดไป
“เราไม่ได้ทำแค่วันเดียวจบ แต่สร้าง ‘แพลตฟอร์ม’ สนับสนุนแม่ตั้งครรภ์และคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ให้พร้อมจริง ทั้งความรู้ ทักษะ และการเข้าถึงของจำเป็นในราคาที่ ‘จ่ายได้’” — นพ.อิทธิพงษ์ ยอดประสิทธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ กล่าวภายหลังพิธีลงนาม
ความร่วมมือครั้งนี้ต่อยอดจากกิจกรรม Sriburin Mother’s Class ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และขยายเวทีไปยังศูนย์การค้าชั้นนำในเมืองเชียงราย เพื่อเปิด “พื้นที่การเรียนรู้สาธารณะ” และบูรณาการบริการสุขภาพกับวิถีชีวิตครอบครัวยุคใหม่ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น โดยโรงพยาบาลยืนยันบทบาทด้านการแพทย์ ขณะที่ห้างพันธมิตรขยาย “ความคุ้มครองทางสังคม” ผ่านสิทธิประโยชน์และสินค้าเด็ก–แม่ที่จำเป็นในช่วงเริ่มต้นชีวิตของลูกน้อย ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนฐานบริการเด็กและกุมารเวชศาสตร์ของโรงพยาบาลที่เปิดให้บริการยาวนานในจังหวัดเชียงราย
“ห้องเรียนแม่มือใหม่” ที่ออกจากประตูโรงพยาบาลไปสู่พื้นที่ชุมชน
ก่อนถึงวันลงนาม โรงพยาบาลได้เคลื่อน “Mother’s Class” ออกไปจัดที่ โรบินสันเชียงราย หลายครั้ง เปิดเวทีสาธารณะให้ครอบครัวทดลองทักษะสำคัญอย่าง อาบน้ำ–อุ้มเรอ–สังเกตไข้–การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ควบคู่กับบริการตรวจสุขภาพราคาพิเศษและบูธความรู้จากทีมสหสาขาวิชาชีพ ภาพกิจกรรมบนสื่อทางการสะท้อนโมเดล “สุขภาพในห้าง” ที่คนเข้าถึงง่าย ไม่เกร็ง สอดรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตจริงของครอบครัว
นอกจากเวทีความรู้ โรงพยาบาลยังคงรักษาบริการ กุมารเวชทารกแรกเกิด Well Baby ไว้อย่างครบวงจรในสถานพยาบาล ซึ่งเป็นฐานสำคัญของการดูแลต่อเนื่องจากท้องถึงวัยเตาะแตะ ช่วยให้คำแนะนำเรื่องวัคซีน การเจริญเติบโต และโภชนาการก่อน–หลังคลอด โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง
สิทธิประโยชน์ “My Little Club” และการลดภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือน
สาระสำคัญของ MOU คือ บัตรสมาชิก “My Little Club” สำหรับคุณแม่ที่ซื้อแพ็กเกจฝากครรภ์และคลอดกับโรงพยาบาล ซึ่งมาพร้อม สิทธิประโยชน์รวมสูงสุดถึง 50,000 บาท จาก โรบินสันเชียงราย ครอบคลุมคูปองเวาเชอร์ส่วนลดสำหรับสินค้าจำเป็นที่ใช้ต่อเนื่องตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงวัย 2–3 ปี ทั้งผ้าอ้อม นมผง อุปกรณ์อาบน้ำ–นอน–เดินทาง–ความปลอดภัยในรถ และผลิตภัณฑ์เพื่อแม่หลังคลอด ข้อมูลดังกล่าวปรากฏในโพสต์ประชาสัมพันธ์ของเพจท้องถิ่นที่รายงานพิธีลงนาม และสอดคล้องกับกิจกรรมทางการที่โรงพยาบาลและห้างคู่พันธมิตรเผยแพร่ก่อนหน้า.
ควบคู่กัน ห้างได้เปิดดีลเฉพาะกลุ่มแม่และเด็กในช่วงเทศกาลวันแม่และครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อน “ระบบสิทธิประโยชน์ตามฤดูกาล” ที่จะคอยเติมเต็มงบประมาณครัวเรือนให้กับกลุ่มเปราะบางด้านค่าใช้จ่ายช่วงตั้งครรภ์หลังคลอด
“เราไม่ได้เน้นการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่เน้น ‘ทำให้ดู–ให้ทำเป็น’ ผ่านคลาสและเวิร์กช็อป ทักษะเล็ก ๆ อย่างอุ้ม–เรอ หรืออาบน้ำเด็ก หากทำถูกตั้งแต่เริ่ม จะลดความกังวลทั้งบ้าน” — นพ.อิทธิพงษ์ กล่าวย้ำเป้าหมาย “สุขภาพเชิงทักษะ” ที่จะต่อชีวิตจริงหลังพ้นห้องคลอด
ทำไม “สิทธิฯ จากห้าง” จึงเป็นเรื่องสุขภาพ?
สำหรับครอบครัวจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายหลังคลอด เป็น “กำแพง” ที่ทำให้การเข้าถึงของจำเป็นสะดุด การจับมือระหว่างโรงพยาบาล–ศูนย์การค้าจึงทำหน้าที่ แปลงทรัพยากรการตลาดเป็นสวัสดิการสังคม ลดต้นทุนซ้ำซ้อน และทำให้คำแนะนำแพทย์พยาบาลเชื่อมต่อกับสินค้าคุณภาพที่หาได้ง่ายในเมืองเดียวกัน เกิด วงจรบริการต่อเนื่อง ตั้งแต่ฝากครรภ์คลอดเยี่ยมหลังคลอดติดตามพัฒนาการเด็ก ซึ่งโรงพยาบาลระบุไว้ชัดในฐานข้อมูลบริการกุมารเวชของตนเอง
ภาพรวมนี้ยังผสานกับเป้าหมายสาธารณสุขระดับประเทศ เช่น ANC 5 ครั้งตามเกณฑ์, การส่งเสริมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วน 6 เดือน, และ การดูแลทารกแรกเกิด โดยหน่วยงานรัฐชี้ชัดว่าตัวชี้วัดเหล่านี้ยังมี “ช่องว่าง” ให้พัฒนา—ปี 2566 ร้อยละหญิงตั้งครรภ์ที่ได้บริการฝากครรภ์ครบ 5 ครั้ง อยู่ที่ 67.73% ขณะที่อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วน 6 เดือนของไทยอยู่ที่ ประมาณ 28–29% ยังต่ำกว่าเป้าหมายโลก 50% ซึ่ง UNICEF และกรมอนามัยกำลังขับเคลื่อนนโยบายร่วมกับเครือข่ายหลายภาคส่วนอย่างเข้มข้น
จาก “ห้องเรียนแม่” สู่ “ระบบนิเวศแม่และเด็ก” ในเมืองเดียว
ภาพนี้เกิดขึ้นจริงหลายครั้งแล้วจากกิจกรรมที่โรงพยาบาลนำคลาสออกไปจัดในศูนย์การค้า และจะยิ่งเป็น “ระบบ” มากขึ้นหลังการลงนามอย่างเป็นทางการในวันนี้
สาธารณสุขตัวเลขเตือนใจ และเหตุผลที่ต้องทำ “ให้ต่อเนื่อง”
เสียงจากเวทีลงนามบทบาทของแต่ละฝ่าย
โรงพยาบาล — ทำหน้าที่เป็น “สมอง–หัวใจ” ของความร่วมมือ ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ จัดทีมสหสาขา และประสานระบบฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เพื่อให้แม่ตั้งครรภ์ครอบครัวเข้าถึงความช่วยเหลือทันท่วงที โรงพยาบาลยืนยันความพร้อมด้านกุมารเวชฉุกเฉินสุขภาพสตรีผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ศูนย์การค้า — เป็น “แขนขา” ของระบบนิเวศสุขภาพ ย้ายเวทีความรู้ไปในชีวิตประจำวันผ่านกิจกรรมบูธสุขภาพสินค้าอุปกรณ์จำเป็น พร้อมวงจรสิทธิประโยชน์ตามฤดูกาลที่ลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงวิกฤตเงินเฟ้อครัวเรือน.
ครอบครัว — เป็น “เจ้าของโจทย์” ที่ได้สิทธิ์แบบจับต้องได้ ทั้งการเข้าร่วมคลาสฟรี การฝึกทักษะจริงกับผู้เชี่ยวชาญ และการรับบัตร My Little Club ที่ต่อยอดเป็นสวัสดิการ Non-cash ช่วยดึงค่าใช้จ่ายช่วงตั้งไข่ชีวิตลูกลงมาให้อยู่ในวิสัยที่จัดการได้
จะทำให้ “ต้นแบบเชียงราย” ขยายผลทั่วประเทศได้อย่างไร
ภาพใหญ่ที่กำลังเปลี่ยนสุขภาพแม่และเด็กเป็น “วาระเมือง”
เชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ระบบบริการเอกชน–รัฐ–ภาคธุรกิจเริ่ม “ล็อกแขน” กันมากขึ้น เห็นได้จากการย้าย Mother’s Class ไปยังศูนย์การค้า การมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการท้องถิ่น และการประชาสัมพันธ์แบบเปิดเผยต่อสาธารณะ เมื่อเมือง “ถือเอาแม่และเด็กเป็นวาระ” เมืองนั้นย่อมได้ผลตอบแทนเป็น ทุนมนุษย์ ที่ดีขึ้นในระยะยาว
และเมื่อมองไปยังตัวเลขระดับชาติตั้งแต่ ANC 5 ครั้ง ที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย ไปจนถึง มารดาเสียชีวิต 88 ราย ในปีล่าสุดคำตอบที่สมเหตุสมผลคือ ทำงานร่วมกัน และ ทำให้ต่อเนื่อง โมเดลเชียงรายจึงไม่ใช่แค่การตลาดเชิงความดี แต่คือ “การแปลงเครื่องมือของเอกชนให้ทำงานเป็นสาธารณะ” บนฐานความรู้ทางคลินิกและการคุ้มครองผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด
“เวลาฉุกเฉิน คุณแม่ต้องเข้าถึงความช่วยเหลือได้ทันที ทั้งคำแนะนำและรถพยาบาล เราวางระบบไว้ครบ เพื่อให้สะพานจากห้างกลับสู่โรงพยาบาล ‘เชื่อมกันจริง’” — นพ.อิทธิพงษ์ ย้ำ Continuum of Care ที่เริ่มจาก Community setting จบที่ Emergency และ Follow-up ในโรงพยาบาล
ก้าวเล็ก ๆ ที่ “สำคัญมาก” ของเมืองหนึ่งและบทเรียนของทั้งประเทศ
บันทึกความร่วมมือวันนี้ทำให้ “บริการทางการแพทย์” กับ “บริการทางสังคม” มาวางอยู่โต๊ะเดียวกัน ครอบครัวได้แพ็กความรู้ทักษะสิทธิประโยชน์เครือข่ายที่เดินไปด้วยกัน โรงพยาบาลได้ต่อยอดภารกิจปฐมภูมิ–ทุติยภูมิให้เข้าถึงชีวิตจริง ส่วนศูนย์การค้าได้บทบาทใหม่ในฐานะ ผู้เสริมความยืดหยุ่นให้สวัสดิการครอบครัว หากติดตามผลอย่างโปร่งใส และคุมจริยธรรม–ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเข้มงวด โมเดลนี้มีศักยภาพจะขยายผลสู่เมืองอื่น ๆ และช่วย ชิดเป้าหมาย SDG 3 ของประเทศในมิติแม่และเด็กได้อย่างแท้จริง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.