เปิดวงจร “หนี้นอกระบบ” อัตราดอกเบี้ยสุดโหด ซ่อนใต้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ลดลง

ประเทศไทย, 12 สิงหาคม 2568 – แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลงต่ำกว่า 90% เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แต่ครัวเรือนไทยจำนวนมากกลับถูกผลักออกจากสินเชื่อในระบบ จนพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นอย่างน่าห่วง ตัวเลขที่ดูดีอาจกำลังบัง “วิกฤตเงียบ” ที่ลุกลามสู่ชุมชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เปราะบางอย่างภาคเหนือและชายขอบเมืองใหญ่

บ่ายวันฝนโปรยในเชียงราย เสียงโทรศัพท์ทวงหนี้ดังขึ้นตรงเวลา ความกังวลเรื่องรายได้และค่าครองชีพกลับมาทับซ้อนอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ตัวเลขมหภาคบอกว่าหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลงต่อเนื่อง อยู่ที่ราว 88.4% สิ้นไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 ทว่า “ภาพรวมสีเขียว” ไม่ได้แปลว่าครัวเรือนแข็งแรงขึ้น เพราะปัจจัยสำคัญคือการเข้มงวดสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทำให้คนจำนวนมากต้องออกจากระบบที่ปลอดภัย และเดินเข้าหาเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสูงผิดกฎหมายแทน.

ภาพสะท้อนที่สวนทางตัวเลขดีขึ้น แต่ชีวิตยากขึ้น

ข้อมูลทางการระบุว่า CPI เดือนมิถุนายน 2568 ติดลบ 0.25% ต่อปี และเดือนกรกฎาคมติดลบต่อเนื่อง 0.7% หลายฝ่ายจึงชี้ว่าไม่มีภาวะ “เงินเฟ้อพุ่ง” ในสถิติ ทว่าในชีวิตจริง ค่าใช้จ่ายจำเป็นกลับไม่ลด ประชาชนยังรู้สึกว่าค่าครองชีพสูงกดดันอย่างต่อเนื่อง.

ผลสำรวจผู้บริโภค Marketbuzzz ชี้ว่า “ค่าครองชีพ” คือความกังวลอันดับหนึ่งของคนไทย 42% สะท้อนความรู้สึกที่ “สวนทาง” กับตัวเลขราคาโดยรวมที่ลดลง ผู้บริหารบริษัทวิจัยชี้ว่าต้องมีมาตรวัดคุณภาพชีวิตที่ครอบคลุมกว่าเดิม จึงจะเห็นภาพจริงของครัวเรือน

ด้านรายจ่ายครัวเรือน สถิติระบุว่า ณ สิ้นปี 2567 ครัวเรือนไทยใช้จ่ายเฉลี่ยราว 18,207 บาทต่อเดือน โดยสัดส่วนสูงสุดยังเป็นอาหารและเครื่องดื่ม สะท้อนแรงกดดันด้านปัจจัยสี่ที่ยังหนักหน่วง.

หนี้นอกระบบพุ่งแตะ “จุดสูงสุดในรอบ 16 ปี”

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุสัดส่วน “หนี้นอกระบบ” ในภาพรวมเพิ่มขึ้นเป็น 30.1% สูงสุดในรอบ 16 ปี จากเดิม 21.7% ในปีก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนความเปราะบางและการถูกปิดประตูสินเชื่ออย่างชัดเจน โดยหลายสำนักข่าวเศรษฐกิจรายงานสอดคล้องกัน.

ยังมีสัญญาณเตือนจาก “หนี้รอวันเสีย” หรือ Stage 2 (SML) ที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ธปท.รายงานอัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้นพิเศษของธนาคารพาณิชย์เพิ่มเป็นราว 6.98% สิ้นปี 2567 ขณะที่หนี้เสีย (NPL) อยู่ที่ 532,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย หาก SML ทะลักเป็น NPL มากขึ้น ความเสี่ยงหลุดออกจากระบบย่อมสูงตาม.

ทำไมคนไทย “ต้อง” ไปพึ่งนอกระบบ

หนึ่ง ระบบเข้มงวดขึ้น วงเงินและเงื่อนไขสินเชื่อรัดกุม รายได้ไม่แน่นอนทำให้ผ่านเกณฑ์ยาก แม้ดอกเบี้ยต่ำกว่านอกระบบมาก แต่ “เข้าถึง” ยากกว่า

สอง ค่าครองชีพกดดันต่อเนื่อง แม้อัตราเงินเฟ้อโดยรวมติดลบหลายเดือน แต่ค่าใช้จ่ายจำเป็นยังสูง คนจำนวนมากจึงหมุนเงินไม่ทัน และต้องหาทางออกที่เร็วที่สุด แม้จะมีต้นทุนดอกเบี้ยมหาศาล.

สาม ความรู้สึก “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” ปรากฏชัดในผลสำรวจ UTCC ที่พบว่าคนไทย 46.3% อยู่ในภาวะหมุนเงินตึงมือ ขณะหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง.

เปิดวงจรกลโกงดอกโหดคิดอย่างไร จึงหลุดไม่พ้น

1) ดอกเบี้ยรายเดือนหลอกตา
ตัวเลข 10–20% ต่อเดือนดูเหมือนไม่มาก แต่เมื่อคิดเป็นรายปี เท่ากับ 120–240% ต่อปี เงินต้นแทบไม่ลด เพราะต้องจ่ายดอกก่อนเสมอ ยิ่งช้า ยิ่งบาน ไม่มีเพดานคุ้มครองตามกฎหมายสำหรับเจ้าหนี้เถื่อน

2) “ดอกลอย” หรือหักดอกล่วงหน้า
เจ้าหนี้หักดอกจากเงินต้นตั้งแต่ต้น เช่น กู้ 10,000 บาท ได้เงินจริง 8,000 บาท แต่ต้องใช้คืน 10,000 บาท พร้อมดอกที่คำนวณจากยอดเต็ม ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงพุ่งสูงผิดปกติทันที.

3) สัญญาอำพราง
บางรายให้ใช้บัตรผ่อนซื้อสินค้าเกินความจำเป็น แล้วนำสินค้าไปแลกเงินสด ยอดหนี้กลับไปผูกกับผู้ให้บริการทางการเงินในระบบแทน แต่ลูกหนี้ได้รับเงินจริงต่ำกว่ายอดหนี้ที่ต้องชำระ วิธีนี้ทำให้ตรวจจับยากและสร้างภาระยืดเยื้อ

4) ทวงหนี้กดดันรายวัน
การโทร ข้อความ หรือเยี่ยมบ้านบ่อยครั้งทำให้เกิดแรงกดดันด้านจิตใจ หลายกรณีมีการข่มขู่หรือประจาน ซึ่งผิดกฎหมายโดยตรงตาม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 และประกาศกำหนด “ทวงได้ไม่เกินวันละหนึ่งครั้ง” พร้อมกรอบเวลาชัดเจน.

กฎหมายคุ้มครองสิทธิขอบเขตที่ “เจ้าหนี้เถื่อน” ละเมิดอยู่เสมอ

กฎหมายไทยกำหนดอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมระหว่างบุคคลไม่เกิน 15% ต่อปี ส่วนผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตมีเพดานเฉพาะ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับไม่เกิน 25% ต่อปี และบัตรเครดิตไม่เกิน 16% ต่อปี เกินจากนี้ถือว่าผิดกฎหมาย และมีโทษทั้งจำคุกและปรับตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา.

หากถูกคุกคาม ประจาน หรือใช้ความรุนแรง ลูกหนี้สามารถแจ้งความคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวนทันที และใช้ช่องทางไกล่เกลี่ยของรัฐเพื่อยุติข้อพิพาทโดยสันติ ซึ่งมีหน่วยงานรองรับทั่วประเทศ.

มาตรการรัฐ อุดช่องว่างการเข้าถึงเงินกู้ “ที่เป็นธรรม”

รัฐบาลเดินหน้าช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ผ่านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารรัฐ เช่น ออมสิน และ ธ.ก.ส. ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ได้รับความช่วยเหลือกว่า 77,000 ราย วงเงินรวมกว่า 2,400 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ผลักดัน “พิโกไฟแนนซ์” เพื่อให้รายย่อยเข้าถึงสินเชื่อถูกกฎหมายมากขึ้น.

ข้อมูล ณ ต้นปี 2567 ระบุว่ามีผู้ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจพิโกไฟแนนซ์สะสมสุทธิราว 1,140 ราย ครอบคลุม 75 จังหวัด เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการปิดหนี้นอกระบบด้วยอัตราที่ตรวจสอบได้.

เสียงสะท้อนจากเศรษฐกิจมหภาคตัวเลขหนี้ลด แต่ความเสี่ยงยังสูง

แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลงต่อเนื่อง แต่ยอดหนี้รวมยังสูงกว่า 16.4 ล้านล้านบาท และไทยยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงในเอเชีย นักวิเคราะห์และ ธปท. ต่างย้ำว่ามาตรการใด ๆ ต้องไม่บิดเบือนวินัยการเงิน และต้องรักษาเสถียรภาพระบบการเงินควบคู่กันไป.

วงจรที่ต้องตัดให้ขาด

เมื่อรายได้โตช้า ค่าครองชีพยังสูง การเข้าถึงเครดิตในระบบยากขึ้น ครัวเรือนจึงเลือก “ทางลัดที่แพง” คือเงินกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยรายเดือนทำให้เงินต้นไม่ยอมลด ลูกหนี้ต้องกู้ใหม่มาโปะแทน เกิดการทบต้นทบดอก และความเสี่ยงเชิงสังคมตามมา ทั้งความรุนแรง การประจาน และความเครียดในครอบครัว หากปล่อยให้ “Stage 2” ล้นเป็น “NPL” มากขึ้น ผู้กู้ล็อตใหญ่จะถูกผลักออกจากระบบเพิ่ม วงจรนอกระบบจึงขยายตัวโดยอัตโนมัติ.

ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร…ถ้าแก้ให้ถูกจุด

หนึ่ง เข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรม
เมื่อพัฒนาช่องทางในระบบให้ไวและยืดหยุ่นขึ้น คนตัวเล็กจะไม่ต้องยอมรับดอกเบี้ยที่เอาเปรียบ

สอง ลดภาระดอกเบี้ยทันที
รีไฟแนนซ์จากนอกระบบเข้าสู่สินเชื่อรัฐ ดอกเบี้ยต่อปีต่ำกว่าดอกนอกระบบหลายสิบเท่า เงินต้นเริ่มลดจริง

สาม คุ้มครองสิทธิอย่างมีพลัง
รู้กฎหมาย รู้ช่องทางร้องเรียน และมีเวทีไกล่เกลี่ยที่เข้าถึงได้ ทำให้ลูกหนี้ไม่ต้องเผชิญหน้าลำพัง.

ทางออกเชิงนโยบาย 3 เงื่อนไขที่ต้องทำพร้อมกัน

  1. รายได้และอาชีพ เพิ่มศักยภาพทำมาหากินในท้องถิ่น ลดรายจ่ายจำเป็น และสร้างกันชนเงินออมฉุกเฉิน
  2. เข้าถึงสินเชื่อในระบบ ลดขั้นตอน ตรวจสอบรายได้ไม่เป็นทางการด้วยข้อมูลดิจิทัล เปิดทางให้คนทำอาชีพอิสระเข้าถึงวงเงินเล็กไวขึ้น
  3. กำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย ปราบปรามทวงหนี้ผิดกฎหมาย สืบสวนสัญญาอำพราง และทำ “แพลตฟอร์มไกล่เกลี่ย” ให้ประชาชนใช้ได้จริงทุกอำเภอ

เช็กลิสต์เอาตัวรอดสำหรับครัวเรือน (ทำได้ทันที)

  • หยุดเลือด เจรจาขอลดดอก หรือขยายงวด หากถูกข่มขู่ให้รวบรวมหลักฐานทันที
  • ขอความช่วยเหลือ โทร 1567 ศูนย์ดำรงธรรม, 1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, 1359 สายด่วนการเงินนอกระบบ, 1111 กด 77 ศูนย์ไกล่เกลี่ย/คุ้มครองสิทธิ
  • หาช่องทางในระบบ พิจารณาสินเชื่อแก้หนี้นอกระบบของออมสินหรือ ธ.ก.ส. วงเงินตามมูลหนี้จริง กำหนดดอกชัด ตรวจสอบได้
  • รู้สิทธิของตน หากเจ้าหนี้ทวงหนี้เกินวันละหนึ่งครั้ง หรือประจาน ถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษปรับสูงสุด 100,000 บาท แจ้งหน่วยงานกำกับได้ทันที.

สรุป

วิกฤตหนี้นอกระบบไม่ได้เกิดจาก “ความฟุ่มเฟือย” แต่จากโครงสร้างรายได้ ค่าครองชีพ และการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังไม่ทั่วถึง แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลง แต่ยอดหนี้รวมยังสูงมาก และ “หนี้รอวันเสีย” กำลังก่อตัว หากไม่แก้ที่ต้นตอ วงจรนอกระบบจะยืดเยื้อ และต้นทุนทางสังคมจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ คำตอบจึงไม่ใช่เพียง “ปล่อยวงเงินใหม่” แต่เป็นการทำงานสามด้านพร้อมกัน คือเพิ่มรายได้ ขยายสินเชื่อในระบบที่เป็นธรรม และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อพาคนไทยกลับเข้าสู่ระบบการเงินที่ปลอดภัย และปิดฉาก “วงจรดอกโหด” ให้เด็ดขาด.

  • หากคุณมีปัญหาเสามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำและดำเนินการร้องเรียนได้ฟรี

สภาองค์กรของผู้บริโภคมีช่องทางการร้องเรียนดังนี้

Line: @tccthailand
ใครพบปัญหาผู้บริโภคสามารถร้องเรียนสภาองค์กรของผู้บริโภค
Facebook / X (Twitter): สภาองค์กรของผู้บริโภค
Tiktok: tccthailand 
โทร 1502 และ 022391839
หรือแจ้งเรื่องร้องเรียนออนไลน์ได้ที่ https://complaint.tcc.or.th และทาง E-mail : complaint@tcc.or.th

ติดต่อหน่วยงานช่วยเหลือ (สำหรับผู้อ่าน)

  • ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599
  • ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สศค. กระทรวงการคลัง 1359 / www.1359.go.th
  • กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ/ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 1111 กด 77 และ eMediation ระบบออนไลน์. khlongha.pathumthani.police.go.thinfo.go.th

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ข้อมูลหนี้ครัวเรือน, SML/NPL และกรอบนโยบายการเงิน). Bot AppMae Fa LuangBot
  • สำนักข่าว Reuters และสื่อเศรษฐกิจไทย (อัตราเงินเฟ้อล่าสุด, สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP). Reuters+2Reuters+2
  • The Standard/NESDC (ยอดหนี้ครัวเรือนรวมและสัดส่วนต่อ GDP). THE STANDARDNESC Development Council
  • Marketbuzzz Consumer Pulse (ความกังวลค่าครองชีพ). DLA Piper
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย/UTCC (สัดส่วนหนี้นอกระบบ 30.1% และภาวะหมุนเงินยาก 46.3%). กองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนX (formerly Twitter)
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ และสื่อเศรษฐกิจ (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน). Bangkok Post
  • กฎหมายและการคุ้มครองผู้บริโภคด้านหนี้: กรมสอบสวนคดีพิเศษ, ธปท., พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 และประกาศ “วันละ 1 ครั้ง”. Trading EconomicsBotreport.dopa.go.th
  • ช่องทางช่วยเหลือและโครงการรัฐ: สายด่วน 1359/เว็บไซต์ กพช., สินเชื่อแก้หนี้นอกระบบของออมสินและ ธ.ก.ส., สรุปผลดำเนินงาน 6 เดือนของรัฐบาล. กองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนgsb.or.thRoyal Thai Government
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News